คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรและวิธีการแจ้งการเลิกประกอบธุรกิจหรือ 
ย้ายสำนักงานหรือสถานที่ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. .... (กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้รับหนังสือรับ 
รองที่เลิกการประกอบธุรกิจ  หรือย้ายสำนักงานหรือสถานที่ประกอบธุรกิจแจ้งต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวัน 
นับแต่วันเลิกหรือวันย้าย  โดยเขตกรุงเทพมหานครให้แจ้ง ณ กรมทะเบียนการค้า  กระทรวงพาณิชย์  เขตจังหวัด   
อื่น  ให้แจ้ง  ณ  สำนักงานทะเบียนการค้าจังหวัดนั้น) ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจ 
ของคนต่างด้าว พ.ศ. .... (กำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว) และ
ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... (กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้า 
หน้าที่ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว  พ.ศ. 2542) ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนได้อนุมัติหลัก 
การและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2545  ให้สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่อง  
ประดับแห่งชาติ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ เนื่องจากการดำเนินงานของสถาบัน ฯ เป็นระยะเริ่มดำเนิน 
การ จึงยังไม่สามารถมีรายได้เลี้ยงตัวเองได้  สำนักงบประมาณจึงได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่ออุดหนุนการดำเนิน  
งานของสถาบัน ฯ  ตามความจำเป็น  โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรม  
การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (ที่ให้สถาบัน  ฯ   ติดตามประเมินผลประสิทธิภาพการดำเนินงานที่  
สามารถบ่งชี้ถึงความสำเร็จในการปฏิบัติงานตามแผน  มีการพัฒนาตัวชี้วัดที่สามารถวัดผล  และรายงานผลการ   
ดำเนินงานทุก ๆ 1 ปี เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและสนับสนุนงานของสถาบัน ฯ ต่อไป  นอกจาก 
นี้ ควรเร่งพิจารณาการจัดโครงสร้างและภารกิจ โดยกำหนดแผนงาน  แผนเงิน  และแผนบุคลากร  รวมถึงระบบ
การบริหารจัดการในการหารายได้ของสถาบัน ฯ เพื่อสร้างการเตรียมพร้อมที่จะเป็นสถาบันอิสระและพึ่งตนเอง
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  8  กันยายน  2541) และสำนักงบประมาณ  (ที่เห็นว่าสถาบัน ฯ   ควรพัฒนาขีด 
ความสามารถในการหารายได้เพิ่มขึ้น  รวมทั้งให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบัน  ฯ) 
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 5  (คกก.5)
ที่รับทราบรายงานผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในสหรัฐอเมริกาต่อภาคเกษตรของไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์เสนอ  โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของ  คกก.5  (เกี่ยวกับตัวเลขประมาณการ 
การขยายตัวการส่งออกของไทยและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในรายงาน ให้กระทรวงเกษตร ฯ ปรับปรุงแก้ 
ไขตัวเลขดังกล่าวให้สอดคล้องกับตัวเลขของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ  
ปรับปรุงตารางแสดงมูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตรไทยจากสหรัฐ ฯ โดยแสดงมูลค่าการนำเข้าช่วงเดือนมกราคม  
- กรกฎาคม  ในปี  2543  เพื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี  2544   รวมทั้งรายงานที่จัดทำขึ้นยังขาด  
ข้อมูล และข้อวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มราคาสินค้า  อัตราแลกเปลี่ยนเงิน  มอบให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อมูล
ดังกล่าว กับให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาข้อมูลย้อนหลังในช่วงที่เกิด 
วิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำมันในอดีตเพื่อนำประเด็นที่สามารถจะนำมาใช้เป็นโอกาสในการพัฒนาและประเด็นที่  
ควรระมัดระวังและป้องกันไว้ล่วงหน้า และจัดทำข้อวิเคราะห์ความอ่อนไหวหรือ  Sensitivity Analysis  กรณีราคา  
น้ำมันเปลี่ยนแปลงที่ระดับต่าง ๆ  ด้วย   สำหรับเรื่องการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย กรณีที่ผู้ส่งออกของไทย 
เสนอขายตัดราคากันเองนั้น ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งแก้ไขโดยจัดระเบียบผู้ส่งออกมิให้มีการตัดราคากันเองและ  
กำหนดมาตรฐานคุณภาพสินค้าส่งออก    นอกจากนี้    ให้กระทรวงเกษตร  ฯ  เร่งพัฒนาการผลิตปุ๋ยอินทรีย์
และปุ๋ยสกัดชีวภาพ ตลอดจนการรณรงค์การใช้ยาปราบศัตรูพืชจากธรรมชาติ)  ไปพิจารณาดำเนิน  ทั้งนี้  ให้ 
กระทรวงเกษตร ฯ ติดตามวิเคราะห์สถานการณ์และรายงานให้ คกก.5 ทราบอย่างต่อเนื่อง

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญระดับ 10 ในกระทรวงพาณิชย์  
ได้แก่  นางสาวอรจิต  สิงคาลวณิช  ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทะเบียนการค้า   และนายอดุลย์  วินัยแพทย์  
ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 รวมทั้งแต่งตั้งโยกย้าย นาย
ยรรยง พวงราช ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา  นายพิศิษฐ เศรษฐวงศ์ ดำรงตำแหน่งรอง  
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายศิริพล  ยอดเมืองเจริญ  ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน  โดยให้มีผล 
ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2544 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรง
พระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการ 
ตรวจสอบสินค้าการเกษตรคงค้าง (Stock) โดยให้มีผู้ตรวจสอบอิสระ (Independent Auditor) จากภายนอกเพื่อ 
ตรวจสอบปริมาณสินค้าเกษตรที่ค้างอยู่ในปัจจุบันว่ามีจำนวนถูกต้องหรือไม่ เพียงใด  โดยให้มีการวางระบบการ 
ตรวจสอบ และให้ตรวจสอบเป็นประจำทุก 3 เดือน  ทั้งนี้ การจัดตั้งผู้ตรวจสอบอิสระดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการ 
กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดำเนินการเอง ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 342 ร. เรื่อง มาตรการส่งเสริมการส่งออกเฟอร์นิเจอร์
ไม้ ของไทย ของนายนพดล อินนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  (บัญชีรายชื่อ)  ซึ่งถามว่า  กระทรวงพาณิชย์มีแผน
งานและมาตรการในการรองรับปัญหาการลดลงของส่วนแบ่งตลาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ของไทย ซึ่งอาจส่งผลทำให้มูล 
ค่าการส่งออกลดลงในอนาคตไว้อย่างไรบ้าง    และได้มีการกำหนดนโยบายในการพิจารณาศึกษาหาแนวทางใน 
การเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศคู่ค้า และแนวทางการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าใหม่ ๆ  ไว้อย่างไรบ้าง  ได้มีการ 
ดำเนินการไปแล้วเพียงใด และอย่างไร  ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงพาณิชย์ไทยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า  สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  (สปป.ลาว) 
เมื่อวันที่  6  สิงหาคม  2544  รวมทั้งการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหภาพพม่า  เมื่อวันที่  20 
สิงหาคม  2544  โดยผลการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า  สปป.ลาว  ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันลงนาม  
ในบันทึกการหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมและขยายมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยการใช้ระบบการค้าแบบหักบัญชี
ที่เรียกว่า Account Trade การแลกเปลี่ยนรายการสินค้าที่ต้องการจะส่งเสริมการส่งออก การให้สิทธิพิเศษทาง
ศุลกากร (GSP) แก่การนำเข้าสินค้าเกษตรจาก สปป.ลาว และร่วมลงทุนโดยใช้สิทธิพิเศษ GSP จาก สปป.ลาว 
การส่งเสริมให้ สปป.ลาว  เป็นประตูการค้าของไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน  รวมถึงการผลักดันการดำเนินงาน 
ต่าง ๆ  ระหว่างประเทศทั้งสอง  และข้อเสนอของ  สปป.ลาว  ที่ให้ฝ่ายไทยเข้าไปลงทุนในลาว  และผลิตสินค้า
เพื่อการส่งออกไปยังประเทศที่สามโดยใช้วัตถุดิบของ สปป.ลาว ส่วนผลการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
พาณิชย์สหภาพพม่า   ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันลงนามในบันทึกการหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้า
โดยการเพิ่มปริมาณการค้ารวมให้สูงมากขึ้น  การส่งเสริมและขยายมูลค่าการค้าระหว่างกัน  โดยการใช้ระบบ
การค้าแบบหักบัญชี  การร่วมกันทำให้การค้าชายแดนเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย  โดยการลงทะเบียน 
การนำเข้าและส่งออก    ตลอดจนการชำระเงินผ่านธนาคารพาณิชย์   การให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่
สหภาพพม่า    การร่วมมือกันเพื่อพัฒนาให้เมืองชายแดนของทั้งสองประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองไปพร้อม  ๆ
กัน    ทั้งนี้   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหภาพพม่าจะเดินทางมาเข้าร่วมและให้เกียรติบรรยายในการ
จัดสัมมนาเรื่อง  "ลู่ทางการค้าและการลงทุนในสหภาพพม่า"  ที่กรุงเทพ  ฯ   ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงพาณิชย์ของไทย โดยจะมีการหารือในเรื่องสถานที่และกำหนดวันจัดสัมมนาร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2544 ราย 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 15 กันยายน 2544  โดยการเบิกจ่าย 
ในภาพรวม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากคลังแล้ว  จำนวน 736,318 ล้านบาท  หรือร้อยละ   
80.91 ของวงเงินงบประมาณ 910,000 ล้านบาท   เปรียบเทียบกับอัตราการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในช่วง 
ระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนจะต่ำกว่าร้อยละ 0.14  ส่วนผลของการเบิกจ่ายงบลงทุนจำแนกตาม 
กระทรวง   มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น  129,283   ล้านบาท    หรือร้อยละ  58.62  ของบประมาณรายจ่ายลงทุน  
220,529  ล้านบาท   โดยกระทรวงที่มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด  3  อันดับแรก  ได้แก่  สำนักนายก  
รัฐมนตรี   กระทรวงยุติธรรม   และกระทรวงพาณิชย์    และผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัด
สรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท  จำนวน 32 แห่ง  มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 113,866 ล้านบาท  จากงบ  
ลงทุน 188,463 ล้านบาท หน่วยงานที่เบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด 3 อันดับแรก  ได้แก่  กรุงเทพมหานคร  กอง  
ทัพบก และสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย สำหรับผลการเบิกจ่ายงบประมาณของโครงการถ่ายโอนงาน 
กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ณ วันที่ 15 กันยายน 2544 มีการเบิกจ่ายเงินในส่วน   
ของรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนจากคลังแล้ว 18,956  ล้านบาท   คิดเป็นร้อยละ 97.21 ของวงเงินงบ
ประมาณ 32,374 ล้านบาท โดยหน่วยงานที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรมพัฒนาที่ดิน
กรมทางหลวง และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ การออกหุ้น  
เพื่อชำระหนี้และโครงการแปลงหนี้เป็นทุน พ.ศ. .... (กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับบริษัทมหาชนจำกัด  
ที่ประสงค์จะปรับโครงสร้างหนี้ สามารถแปลงหนี้เป็นทุน  โดยการออกหุ้นใหม่เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ที่ขอหัก   
กลบลบหนี้ตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน) และร่างกฎกระทรวง เรื่อง  กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการที่  
บริษัทมหาชนจำกัด ซื้อหุ้นของบริษัทคืน  การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน  และการตัดหุ้นที่ซื้อคืน พ.ศ. .... (กำหนด   
หลักเกณฑ์และวิธีการให้บริษัทมหาชนจำกัดสามารถซื้อหรือถือหุ้นของตนเองได้ในสองกรณี คือ ซื้อคืนจากผู้ 
ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับมติที่ประชุมผู้ถิอหุ้นในการลงมติแก้ไขข้อบังคับของบริษัทเกี่ยวกับสิทธิในการ   
การออกเสียงและสิทธิในการรับเงินปันผล  และซื้อคืนเพื่อวัตถุประสงค์จะบริหารทางการเงิน ขณะที่บริษัทมี  
กำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกิน แต่ไม่เป็นเหตุให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน) รวม  2  ฉบับ  ตามที่ 
กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายข้ามปีค่าเช่าสำนักงานและค่าเช่าบ้านของ  
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ 6 แห่ง ได้แก่ โตรอนโต มุมไบ อักกรา  เซี่ยงไฮ้  ธากา  และบูเอโนสไอ 
เรส เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2544-2548 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สำหรับระยะเวลาการ 
เช่าให้ทำสัญญาได้ครั้งละไม่เกิน 5 ปี  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  13  สิงหาคม  2539  เรื่อง  ขออนุมัติต่อ  
สัญญาเช่าที่ทำการสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงบูดาเปสต์ ต่อไปอีก 4 ปี  ตามความเห็นของสำนัก 
งบประมาณ และการเบิกค่าใช้จ่ายให้ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ  ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 5  ในการ
พิจารณามติคณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น เกี่ยวกับการเปิดตลาดเมล็ดถั่วเหลืองปี   2544
เพิ่มเติม   โดยเห็นชอบให้นำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก ปี  2544  เพิ่มเติมอีก 
300,000 ตัน จากที่ได้อนุมัติแล้ว 1.20 ล้านตัน  รวมเป็น  1.50  ล้านตัน  อัตราภาษีนำเข้าร้อยละ  0  โดยมี 
เงื่อนไขให้ผู้นำเข้ารับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองจากเกษตรกรที่กำหนดไว้เช่นเดิม และให้กรมการค้าต่างประเทศ  กรม  
การค้าภายใน  และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ร่วมกันพิจารณาปริมาณการจัดสรรเมล็ดถั่วเหลืองให้กับผู้ 
มีสิทธินำเข้า   กับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง  (ที่ให้พิจารณาปรับปรุง 
ประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรควบคู่กันไปกับการจัดเก็บอากรเมล็ดถั่วเหลืองตามข้อเสนอของกระทรวง
การคลัง  โดยหากยังต้องมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอยู่ ให้พิจารณากำหนดมาตรการที่จะไม่เป็นภาระแก่
อุตสาหกรรมต่อเนื่อง)  ไปพิจารณาดำเนินการ  ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า  ปัจจุบันถั่วเหลือง  กากถั่ว 
เหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปลาป่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญ และควรให้การส่งเสริมเพราะมีตลาด
ในประเทศรองรับ แต่ปรากฏว่ามีต้นทุนสูง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับของที่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจาก 
นี้ การแก้ไขปัญหาถั่วเหลืองในปีต่อไป  ควรยกเลิกระบบโควตาและเปิดตลาดเสรี ซึ่งจะทำให้การลงทุนขยาย  
ตัวและเพิ่มผลผลิต จึงมอบให้กระทรวงเกษตร ฯ และกระทรวงพาณิชย์ รับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก.5) 
ในการพิจารณาแผนพัฒนาการผลิตอ้อย  ปี 2545-2549   ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   โดยมอบให้คณะ 
กรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายร่วมกับกระทรวงเกษตร ฯ กระทรวงพาณิชย์  กระทรวงอุตสาหกรรม  และสำนัก  
งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนา ฯ ดังกล่าวให้เป็นระบบ   
ทั้งวงจร  โดยให้รับข้อสังเกตของ คกก.5  (ที่ให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายซึ่งเป็นองค์กรหลักดูแลการ  
พัฒนาการผลิตอ้อย  โดยให้พิจารณาทั้งระบบให้ครบวงจรทั้งการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย   การตลาด   การ 
แปรรูป การคุ้มครองประโยชน์ของเกษตรกร และอื่น ๆ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องประสานงาน
กันเพื่อวิเคราะห์เรื่องนี้อย่างรอบคอบและเป็นระบบให้เห็นความเชื่อมโยงในภาพรวมอย่างรอบด้าน   ทั้งนี้   ให้
พิจารณาหาทางเลือกในการเพาะปลูกพืชชนิดอื่นให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ตลอดจนพิจารณาหามาตรการอื่น 
มาดำเนินการควบคู่ไปด้วย เช่น  การลดพื้นที่เพาะปลูก เป็นต้น  ส่งเสริมการผลิตสินค้าแปรรูปที่ใช้น้ำตาลเป็น 
ปัจจัยสำคัญในการผลิตให้มากขึ้น  และเพิ่มศักยภาพในการแบ่งปันในตลาดโลกให้สูงขึ้น)  ไปพิจารณาดำเนิน 
การต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ข้าว  ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ  โดย  
ให้กระทรวงเกษตร ฯ  กระทรวงพาณิชย์  และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันพิจารณาทบทวนปัญหาราคาข้าว  
ตกต่ำอีกครั้งหนึ่งในเชิงลึก ในประเด็นที่สำคัญ  คือ  ในช่วงฤดูการผลิต (เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม) ซึ่งเป็น 
ช่วงเก็บเกี่ยวมากและราคาข้าวตกต่ำ จะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างไร  มีวิธีการจัดระเบียบผู้ส่งออกอย่าง  
ไร เพื่อมิให้มีการปลอมปนและตัดราคาข้าวกันเอง   รวมทั้งการแยกคุณภาพและรับรองคุณภาพข้าว  และการ 
ดำเนินการเพื่อให้ข้าวมีตราสินค้าที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ต้องการของตลาด  ซึ่งในการพิจารณาควรมองในภาพ  
รวมทั้งระบบมีแนวทางแก้ไขปัญหาที่คิดใหม่ทำใหม่แบบนักการตลาด   ไม่ยึดติดกรอบแนวคิดเดิม   หากต้อง  
การให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติในเรื่องใด  หรือจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายใด  ให้เสนอแนวทางแก้ไขให้ชัด
เจน แล้วเสนอผลการพิจารณาให้นายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาร่วมกัน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก
ครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสานเพื่อนัดประชุมเรื่องนี้ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี  
งบประมาณ พ.ศ. 2544  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ  จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2544  โดยการเบิกจ่ายในภาพรวมของ  
ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 714,808 ล้านบาท หรือร้อยละ  78.55  ของ  
วงเงินงบประมาณ  (910,000  ล้านบาท)  เปรียบเทียบกับอัตราการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน
สูงกว่าร้อยละ  0.34  ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุน  จำแนกตามกระทรวง  มีการเบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น  119,870  ล้าน 
บาท หรือร้อยละ 54.38 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน (220,429  ล้านบาท) โดยกระทรวงพาณิชย์  กระทรวง 
ยุติธรรม และสำนักนายกรัฐมนตรี มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด สำหรับผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วย 
งานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 32 แห่ง  มีการเบิกจ่ายงบลงทุนแล้วจำนวน 105,572  
ล้านบาท หรือร้อยละ 56.02 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้  (188,463  ล้านบาท)  โดยกรุงเทพมหา 
นคร กองทัพบก และสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย  มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด  นอกจากนี้ ผลการ 
เบิกจ่ายเงินงบประมาณของโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  โดย ณ  
วันที่ 31 สิงหาคม 2544 มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้วจำนวน 17,888 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 55.25 ของวง   
เงินงบประมาณ (32,374 ล้านบาท) แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน โดยกรมพัฒนาที่ดิน กรมทาง   
หลวง  และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม  มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนโครงการถ่ายโอน  ฯ  ต่ำสุด  
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณานโยบายพลังงานแห่งชาติเกี่ยวกับ
สรุปแผนเตรียมพร้อมด้านพลังงานเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยที่ประชุมมีมติมอบ 
หมายให้กระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการปรับเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมาย  ในส่วนของ  
น้ำมันดิบให้เพิ่มจากร้อยละ 3  เป็นร้อยละ  5  น้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตในประเทศทุกชนิดให้เพิ่มจากร้อยละ  
3  เป็นร้อยละ  5  และน้ำมันสำเร็จรูปที่นำเข้ามาในประเทศทุกชนิดให้เพิ่มจากร้อยละ 6  เป็นร้อยละ  10  
นอกจากนี้ ให้มีการบริหารส่งออกน้ำมัน โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่ง  
ชาติ (สพช.) และกรมทะเบียนการค้าเป็นผู้กำกับดูแล และบริหารการส่งออกน้ำมันของประเทศให้มีความ  
ยืดหยุ่นและสอดคล้องกับสถานการณ์พลังงานของประเทศ   ทั้งนี้  ในระหว่างการออกกำหนดวิธีปฏิบัติที่   
ชัดเจน น้ำมันส่งออกที่ได้มีการขนถ่ายเพื่อเตรียมการส่งออกเรียบร้อยแล้วให้ส่งออกได้ตามปกติ   รวมทั้ง   
ให้ผู้ค้าน้ำมันแจ้งการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ณ สถานีบริการต่อ  สพช.  และกรมการ 
ค้าภายในล่วงหน้า  24  ชั่วโมง  ก่อนการเปลี่ยนแปลงราคาทุกครั้ง    และให้กำกับดูแลการกำหนดราคา 
ขายปลีกของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่แสดงเครื่องหมายการค้าของตนอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้มีการ 
เอาเปรียบผู้บริโภค

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  ได้แก่  
กระทรวงการคลัง  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กระทรวงกลาโหม  กระทรวงพาณิชย์  กระทรวงมหาดไทย  
กระทรวงวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม  และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณากำหนดแนวทาง 
และมาตรการในการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้าและการใช้สารเคมีอันตราย  เนื่องจากปัจจุบันสารเคมี 
บางชนิดกฎหมายมิได้กำหนดให้เป็นสารต้องห้ามในการนำเข้า  เช่น  สารคาเฟอีน   ซึ่งมีการนำเข้ามาเป็น    
จำนวนมากและอาจนำไปเป็นส่วนประกอบของยาเสพติดได้  สมควรมีการควบคุมเพื่อให้นำเข้าในปริมาณที่  
เหมาะสมกับการประกอบธุรกิจ รวมทั้งสารเคมีที่ใช้กำจัดแมลงหลายชนิดที่ประเทศที่เจริญไม่ใช้แล้ว แต่ยังมี 
การนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

                คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 296 ร. เรื่อง  มาตรการในการเพิ่มมูลค่าการส่ง 
ออกกุ้งสดแช่เย็น แช่แข็งของประเทศไทย ของนายนพดล อินนา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  (บัญชีรายชื่อ) 
ซึ่งถามว่า  กระทรวงพาณิชย์มีแผนงานตลอดจนมาตรการในการรับรองปัญหาการส่งออกกุ้งสดแช่เย็น  แช่
แข็งของประเทศไทยไปยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญซึ่งอาจมีมูลค่าการส่งออกลดลงในอนาคตไว้อย่างไรบ้าง  ได้
มีมาตรการกำหนดนโยบายในการพิจารณาศึกษาหาแนวทางในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกกุ้งสดดังกล่าวไป 
ยังประเทศคู่ค้าต่าง ๆ  ตลอดจนแนวทางการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าใหม่ ๆ ไว้อย่างไรบ้าง และได้ดำเนิน 
การไปแล้วเพียงใด อย่างไร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวง 
อุตสาหกรรม  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการและประชุมหารือกันล่วงหน้าเพื่อกำหนดท่าทีและจุดยืนที่ชัดเจน 
ในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค  (APEC  Economic  Leaders'' Meeting)  ณ  เมืองเซี่ยงไฮ้  ประเทศสาธารณรัฐ   
ประชาชนจีน  ระหว่างวันที่  20 - 21  ตุลาคม  2544  โดยก่อนการประชุมดังกล่าวจะมีการประชุมรัฐมนตรีเอเปค
ก่อนล่วงหน้า ในระหว่างวันที่  17 - 18  ตุลาคม  2544  ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่า 
การกระทรวงพาณิชย์จะเข้าร่วมประชุม และหลังจากนั้นในระหว่างวันที่ 5 - 6 พฤศจิกายน 2544  จะมีการประชุม
สุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 7 (7" ASEAN Summit) ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน  ประเทศบรูไนดารุสซาลาม  ตามลำดับ
ทั้งนี้ ให้พิจารณาเรื่องเกี่ยวกับสินค้าเกษตร การค้า อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งการดำเนินการ
ของภาคธุรกิจต่าง ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4) 
ในการพิจารณาเรื่องการสนับสนุนงบประมาณตามโครงการควบคุมและป้องกันอุบัติเหตุจราจรทางบกของ 76
จังหวัด  (สถานภาพอุบัติเหตุจราจรทางบกและแนวทางการแก้ไข)  ซึ่งรับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่ 
สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกเสนอ   โดยในการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างหน่วยงาน 
ทั้งภาครัฐและเอกชนให้เชิญรองนายกรัฐมนตรี (นายเดช บุญ-หลง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ร่วมประชุมด้วย สำหรับข้อมูลตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ในบางครั้ง อาจไม่ได้เกิดจากอุบัติ  
เหตุการจราจรแต่เพียงอย่างเดียว   การป้องกันและแก้ไขจึงควรดูต้นเหตุที่แท้จริง    และให้กรมประชาสัมพันธ์
รณรงค์และประชาสัมพันธ์เพื่อปลูกจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยในการจราจร มีวินัยและเคารพ  
กฎจราจร รวมไปถึงผู้มีหน้าที่รับผิดชอบควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง  นอกจากนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ 
(กรมประกันภัย)  รับไปพิจารณาว่า  จะสามารถนำเงินส่วนหนึ่งจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยมาสนับสนุน 
การดำเนินการในการป้องกันอุบัติเหตุการจราจรทางบกได้หรือไม่ เพียงใด

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  
ในการให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจร้านค้าปลีกที่ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมากจากการที่มีร้านจำหน่าย
สินค้าขนาดใหญ่เปิดบริการและขยายสาขาออกไปจำนวนมาก  โดยวางโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ซึ่ง
รัฐอาจดำเนินการเองหรือจ้างเอกชนดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการของร้านค้าปลีกเป็นระบบและ
เข้มแข็ง มีอำนาจในการต่อรอง ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ