คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ประกันชีวิต จำกัด และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ ประกันภัย จำกัด โอนหุ้นของผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 3 ขึ้นไป ให้แก่บุคคลอื่นก่อนครบกำหนด 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ โดยให้บริษัททั้งสองมีความสัมพันธ์ในเชิงการถือหุ้นกรรมการ และการบริหารกับบริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันภัยที่มีอยู่เดิม กับให้บริษัทเ จริญโภคภัณฑ์ประกัน ชีวิต ฯ เปลี่ยนผู้ร่วมทุนจาก บริษัท AMERICAN LIFE INSURANCE COMPANY เป็นบริษัท ALLIANZAKIIENGE SELLSCHAFT (CALLIANZ AG) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาดำเนินการ (เกี่ยวกับการที่กระทรวงพาณิชย์เสนอในเรื่องการให้มีความสัมพันธ์ในเชิงการถือหุ้น กรรมการ และการบริหารกับบริษัทประกันภัยที่มีอยู่เดิมนั้น เห็นว่าควรเป็นนโยบายชั่วคราว สำหรับภาวะ ในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน และหากระบบเศรษฐกิจสามารถกลับสู่ภาวะปกติ ก็ควรที่จะให้บริษัทประกันภัยที่ ได้รับการยกเว้นในเรื่องดังกล่าว โดยดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์เดิมตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การกำหนดเงื่อนไขการจัดตั้งบริษัท จำกัด หรือบริษัทมหาชน จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจประกันชีวิต หรือ ธุรกิจประกันวินาศภัย ทังนี้ เพื่อก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีอย่างมีประสิทธิภาพ
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 32 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราช บัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522 (โดยกำหนดให้รถยนตร์ที่ได้จดทะเบียนไว้ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2541 ให้ใช้กฎ กระทรวงฉบับนี้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2543 เป็นต้นไป) อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เวลาในการเตรียมตัว แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนและผู้ประกอบการในการติดฟิล์มกรองแสง จึงให้ดำเนินการ โดยให้ กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รณรงค์และประชาสัมพันธ์เพื่อให้ ความรู้ทางวิชาการ และสร้างความเข้าใจในกฎเกณฑ์ เงื่อนไขต่าง ๆ โดยให้ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่อนผัน กับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้ดุลพินิจพิจารณาผ่อนผันการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้า หน้าที่ตำรวจกรณีที่มีการฝ่าฝืนเงื่อนไขตามกฎกระทรวงในช่วงระยะแรกของการบังคับใช้กฎกระทรวงเป็นเวลา 1 ปี โดยในเบื้องต้นควรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรว่ากล่าวตักเตือน และแนะนำแก่ผู้ฝ่าฝืนมากกว่าจะใช้วิธีปรับ สถานเดียว ให้กรมการขนส่งทางบกกำหนดเงื่อนไขกรณีเจ้าของรถยนตร์ที่จดทะเบียนไว้นำรถยนตร์ไปเสีย ภาษีประจำปี โดยให้เจ้าของรถนำรถที่มีอายุการใช้งานครบเจ็ดปีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2540 เป็นต้นไป ไป ตรวจสภาพก่อนเสียภาษีประจำปี ทั้งนี้ ให้กรมการขนส่งทางบกบริการในการตรวจวัดความเข้มของวัสดุกรอง แสง โดยไม่คิดค่าบริการด้วย นอกจากนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน) ขอความร่วมมือตัวแทน จำหน่ายวัสดุกรองแสง ให้นำเข้าเฉพาะวัสดุกรองแสงที่มีความเข้มตามที่กฎกระทรวงกำหนดเท่านั้น รวมทั้ง พิจารณากำหนดหรือขอความร่วมมือให้ร้านค้าซึ่งรับติดวัสดุกรองแสงออกใบรับรอง ให้แก่รถยนตร์ที่ได้ไปติด วัสดุกรองแสงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง และให้ข้าราชการการเมืองและข้าราชการประเภท อื่น ๆ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎกระทรวงดังกล่าว เพื่อเป็นตัวอย่างด้วย
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย