คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานเรื่องการบริการการส่งออกที่รวดเร็ว  โดย
กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้การบริการส่งออกร่วมประชุมหารือเพื่อชี้แจงปัญหาและ
แนวทางการปฏิบัติงานในส่วนของการขออนุญาตและออกใบรับรองการส่งออก ซึ่งการประชุมดังกล่าวได้มีการ  
สร้างความเข้าใจร่วมกันว่า  การให้บริการส่งออกจะรวดเร็วขึ้นได้ถ้าทุกฝ่ายตระหนักและเข้าใจถึงเป้าหมายของ  
การทำงานร่วมกัน นอกเหนือจากคุณภาพสินค้า ยังจะต้องคำนึงถึงกระบวนการเร่งรัดการส่งออกตามนโยบาย 
ของรัฐบาลด้วย   โดยควรจะมีการปรับเข้าหาเป้าหมายของการทำงานร่วมกัน  และให้มีการประสานงานกันให้
มากขึ้น   ทั้งนี้  กรมส่งเสริมการส่งออกจะจัดให้มีการประชุมต่อไปเป็นระยะเพื่อพิจารณาสินค้าที่จะส่งออกเป็น
รายสินค้า และประชุมเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าแต่ละชนิด  ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ  รับที่จะ
ไปเร่งรัดการให้บริการโดยเฉพาะการออกใบอนุญาตต่าง ๆ ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี 
งบประมาณ พ.ศ. 2544  ราย 2 สัปดาห์  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2544  โดยผลการเบิก
จ่ายในภาพรวม  ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว  จำนวน  579,233  ล้านบาท  จาก 
วงเงินงบประมาณ  910,000  ล้านบาท    ซึ่งมีอัตราการเบิกจ่ายต่ำกว่าอัตราการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียว 
กันของปีงบประมาณก่อน   ส่วนผลการเบิกจ่ายงบลงทุน จำแนกตามกระทรวง มีการเบิกจ่ายงบลงทุนแล้วทั้งสิ้น  
89,592 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายลงทุน 221,471 ล้านบาท โดยกระทรวงที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด  
3 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์  และกระทรวงอุตสาหกรรม  สำหรับผลการเบิกจ่ายงบ  
ลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท  จำนวน 32 แห่ง  มีการเบิกจ่ายงบลงทุนแล้ว 
จำนวน 78,397 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายลงทุน 189,103 ล้านบาท  โดยหน่วยงานที่มีอัตราการเบิก 
จ่ายต่ำสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร  กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน  และสำนักงานปลัดกระทรวง 
มหาดไทย

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วย
ความร่วมมือทางการค้าระหว่างไทย-โรมาเนีย ครั้งที่ 10 เมื่อวันที่ 25-26 มิถุนายน 2544  ณ  กรุงเทพมหานคร
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย  ซึ่งผลการประชุม ฯ  ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะ
ผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ขยายตัวสูงขึ้น  ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยใช้  
ประเทศของตนเป็นประตูเชื่อมโยงไปสู่ประเทศอื่นในภูมิภาคของตน  และเห็นชอบที่จะนำประเด็นปัญหาภาษีการ 
นำเข้าสินค้าที่แต่ละฝ่ายเห็นว่ามีอัตราสูงเข้าสู่การเจรจาทั้งในกรอบของ  GSTP  รอบต่อไป   และกรอบการเจรจา  
ภายใต้องค์การการค้าโลก  (WTO)  รวมไปถึงการผลักดันร่างความตกลงการยอมรับร่วมในผลการตรวจสอบและ  
การรับรองระหว่างสองประเทศ  และการแลกเปลี่ยนรายการสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกของแต่ละฝ่าย โดย
รายการสินค้าของฝ่ายไทยมี 19 รายการ  ส่วนของฝ่ายโรมาเนียมี  20  รายการ   สำหรับมาตรการส่งเสริมการ 
ค้าและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน   ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะสนับสนุนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และนิทรรศ
การที่จัดขึ้นของประเทศทั้งสอง โดยการให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศเข้าร่วมในงานแสดงสินค้าที่มีการจัดขึ้น
และให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าระหว่างกัน นอกจากนี้ ได้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
และความร่วมมือทางการค้าระดับภูมิภาคและพหุภาคี

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำโบราณวัตถุเข้ามาในราช
อาณาจักร พ.ศ. 2544 (ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฯ (ฉบับที่ 109) พ.ศ. 2538  และกำหนดความหมาย 
ของคำว่า  "โบราณวัตถุ"  ให้สอดคล้องกับความตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชา   และพระราชบัญญัติโบราณสถาน  
โบราณวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504  รวมทั้งกำหนดให้โบราณวัตถุเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต  
นำเข้ามาในราชอาณาจักร ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการนำเข้า) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ   
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง (เกี่ยวกับ 
"โบราณวัตถุ" ประเภทที่ 97.06  ซึ่งตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530  ต้องเป็นโบราณวัตถุที่
มีอายุเกิน 100 ปี  ส่วนการจะพิจารณาให้โบราณวัตถุตามร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฯ  มีเจตนารมณ์หมาย 
ถึง ศิลปกรรมของที่นักสะสมรวบรวม  และโบราณวัตถุ  ควรกำหนดให้โบราณวัตถุอยู่ภายใต้พิกัดอัตราอากรขา 
เข้าตอนที่ 97 ได้แก่ พิกัดอัตราที่  97.01-97.06  ซึ่งครอบคลุมหมดทุกประเภท) และข้อสังเกตของสำนักเลขา
ธิการคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการนับจำนวนและการนำเข้า เพื่อบริจาคให้กับองค์กรนิติบุคคลอื่น) ไปพิจารณา
ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดตลาดเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ปริมาณในโควตา 6.283 ตัน อัตราภาษี
ในโควตาร้อยละ  0  และอัตราภาษีนอกโควตาให้เป็นไปตามข้อผูกพัน   โดยมอบให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัว
ใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้นำเข้า ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและ
สหกรณ์ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี  
งบประมาณ พ.ศ. 2544 ราย 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นสัปดาห์ที่ 2  ของเดือนมิถุนายน 2544    
โดยการเบิกจ่ายในภาพรวมของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ  มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน  533,251     
ล้านบาท  จากวงเงินงบประมาณ 910,000 ล้านบาท  เปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ      
ก่อน มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำกว่าร้อยละ 0.37  สำหรับการเบิกจ่ายงบลงทุน จำแนกตามกระทรวง ส่วนราชการ   
และรัฐวิสาหกิจมีการเบิกทั้งสิ้น 82,297 ล้านบาท  จากงบประมาณรายจ่ายลงทุน  222,158  ล้านบาท  โดย 
กระทรวงที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด 3 อันดับแรก  ได้แก่  กระทรวงยุติธรรม  กระทรวงพาณิชย์  และกระทรวง  
อุตสาหกรรม ส่วนผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 
32 แห่ง มีการเบิกจ่ายงบลงทุนแล้วจำนวน 71,748 ล้านบาท  จากงบประมาณรายจ่ายลงทุน 189,689 ล้าน 
บาท โดยหน่วยงานที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด 3 อันดับแรก ได้แก่  กรุงเทพมหานคร  กรมพัฒนาและส่งเสริม
พลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม  
ร่วมกันจัดทำปฏิทินผลผลิตการเกษตรของพืชเกษตรที่เป็นสินค้าสำคัญของประเทศชนิดต่างๆ โดยให้ระบุข้อมูลที่ 
สำคัญๆ  เช่น  ปริมาณผลผลิต  ระยะเวลาที่ออกสู่ตลาด  ปริมาณความต้องการใช้ประโยชน์ทั้งในประเทศและต่าง
ประเทศ ปริมาณที่ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ การแปรรูป การเก็บรักษาและการระบายสินค้า เป็นต้น เสนอ
ให้คณะรัฐมนตรีใช้เป็นหัวข้อในการพูดคุยกันในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ณ จังหวัดเชียงใหม่  ระหว่างวัน 
ที่ 15-17 กรกฎาคม 2544 เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งเพิ่มราคาผลผลิตการเกษตร ตามที่
นายกรัฐมนตรีเสนอ สำหรับผลผลิตการเกษตรอื่นที่มีหน่วยงานดูแลโดยเฉพาะ ให้จัดทำข้อมูลและข้อเท็จจริงตาม
ที่นายกรัฐมนตรีเสนอด้วย ทั้งนี้  ในการแก้ไขปัญหารัฐบาลได้ใช้เงินจากกองทุนและแหล่งต่าง ๆ เข้าไปแทรกแซง
เป็นจำนวนมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงินดังกล่าวควรรายงานต่อคณะรัฐมนตรีทุกไตรมาสว่า  ได้ใช้ 
เงินจากแหล่งใดไปในผลผลิตการเกษตรชนิดใด   เป็นจำนวนเท่าใด   และราคาผลผลิตการเกษตร   ณ   วันที่เข้า 
ไปแทรกแซงและวันที่ทำรายงานมีการเปลี่ยนแปลงเพียงใด  เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้รับทราบสถานภาพของเงินที่ 
ใช้และราคาผลผลิตการเกษตรที่เคลื่อนไหวเพื่อประเมิน   ตลอดจนหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป   โดยให้
รองนายกรัฐมนตรี (นายปองพล อดิเรกสาร) กำกับดูแลในเรื่องนี้ด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี  
งบประมาณ พ.ศ. 2544 ราย 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2544  โดยการเบิก 
จ่ายในภาพรวม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน  508,984  ล้านบาท จาก 
วงเงินงบประมาณ  910,000  ล้านบาท    เปรียบเทียบกับอัตราการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในช่วงระยะเวลา   
เดียวกันของปีงบประมาณก่อน ปรากฏว่า  มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำกว่าร้อยละ 0.22  ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุน 
มีการเบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น 75,404 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายลงทุน 222,074 ล้านบาท โดยกระทรวง  
ที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด 3 อันดับแรก  ได้แก่  กระทรวงยุติธรรม  กระทรวงพาณิชย์   และกระทรวงอุตสาห
กรรม ตามลำดับ  รวมทั้งผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท  
จำนวน 32 แห่ง มีการเบิกจ่ายงบลงทุน จำนวน 65,358 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายลงทุน 189,622  
ล้านบาท โดยหน่วยงานที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด  3  อันดับแรก  ได้แก่  กรุงเทพมหานคร  สำนักงานคณะ 
กรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ และกรมราชทัณฑ์ ตามลำดับ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความ 
ร่วมมือทางการค้าไทย - โรมาเนีย (JTC) ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 25 - 26 มิถุนายน 2544  ณ  กรุงเทพมหา
นคร เพื่อพิจารณาความร่วมมือทางการค้าระหว่างไทย - โรมาเนีย  การเสนอรายการสินค้าที่แต่ละฝ่ายสนใจ
จะทำการซื้อขาย มาตรการส่งเสริมทางการค้า การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในภาคเอกชน รวมทั้งความร่วม
มือทางเศรษฐกิจ ด้านการลงทุนและการธนาคาร  ตลอดจนความร่วมมือทางการค้าระดับภูมิภาคและพหุภาคี
โดยมอบหมายให้ นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะ และเป็นผู้ลงนาม
ในพิธีสารที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ซึ่งมีวัตถุประสงค์
เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาในการพำนักในประเทศไทยได้นานวัน ทำให้เพิ่มระยะเวลาและจำนวนเงินใน  
การใช้จ่ายได้มากขึ้นและเกิดรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งอนุมัติการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริม  
และพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาวแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นายสมศักดิ์ เทพ 
สุทิน)  เป็นประธานกรรมการ   และให้ส่วนราชการต่าง  ๆ   ที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการตามโครงการ  
และตามคณะกรรมการ ฯ ร้องขอ และให้ดำเนินการต่อไปได้  ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นาย  
สมศักดิ์ เทพสุทิน)  เสนอ  สำหรับคณะกรรมการ ฯ  ให้มีผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กระทรวงพาณิชย์ 
กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ทบวงมหาวิทยาลัย และ
ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  ตามที่ประธานคณะกรรมการ ฯ  เห็นสมควร  เป็นกรรมการเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องกำหนด 
วาระการทำงานของคณะกรรมการ ฯ ไว้ 1 ปี

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย
และพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา  ลำดับที่ (2) แก้ไขจาก  "อธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์"  เป็น  "อธิบดี 
กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์หรือผู้แทน"  ลำดับที่  (3)  แก้ไขจาก  "เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา"  เป็น 
"เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาหรือผู้แทน"  และปรับปรุงองค์ประกอบในลำดับที่ (5) จาก "เลขาธิการ 
ส่งเสริมงานตุลาการ"  เป็น  "เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมหรือผู้แทน" เนื่องจากปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนชื่อ 
อย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งนี้ ในการปรับปรุงองค์ประกอบดังกล่าว ให้หัวหน้าหน่วยงานสามารถแต่งตั้งผู้แทนเข้า 
ร่วมประชุมแทนได้ รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการ ฯ  ใหม่  โดยลำดับที่  
(15) จาก "พันตำรวจโท ปิยะ อุทาโย" เป็น "นายวรารักษ์ ชั้นสามารถ" แทน ลำดับที่ (17) จาก "นายวรารักษ์   
ชั้นสามารถ" เป็น "รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับมอบหมาย" และลำดับที่ (18) จาก "นายวีรวิทย์  
วีรวรวิทย์" เป็น "ผู้แทนกรมทรัพย์สินทางปัญญา" ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมตีเห็นชอบให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจรับข้อตกลงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่าง  
นายกรัฐมนตรีของไทยกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง  โดยมอบหมายให้กรมประมง 
ติดตามเรื่องความร่วมมือด้านการประมง โดยเฉพาะการจัดตั้งคณะทำงานร่วมของสองประเทศ ให้กระทรวงพาณิชย์ 
กระทรวงการต่างประเทศ  กระทรวงการคลัง  ติดตามความคืบหน้าในเรื่องการขยายความร่วมมือทางการค้า  โดย
ผ่านระบบ counter and barter trade  และการจัดประชุมหารือผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย - อินโดนีเซีย
ให้หน่วยงานทางด้านความมั่นคงติดตามและป้องกันไม่ให้มีการลักลอบขนอาวุธของขบวนการอาเจ๊ห์เสรี รวมทั้งให้   
การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยติดตามเรื่องที่อินโดนีเซียจะส่งน้ำมันดิบมากลั่นในประเทศไทย  โดยให้มีการกำกับ   
ดูแล   และให้รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย    ตามที่สำนักเลขาธิการนายก 
รัฐมนตรีเสนอ

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค   
ประจำปี พ.ศ. 2544 ระหว่างวันที่ 6 - 8 มิถุนายน 2544 ณ  นครเซี่ยงไฮ้  สาธารณรัฐประชาชนจีน  โดยมี 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมดังกล่าว   โดยมีผลการประชุมที่
สำคัญ ได้แก่  การประชุมรัฐมนตรีการค้าโอเปค (มีเรื่องสำคัญ  3  เรื่อง  คือ  การเปิดเสรีการค้าการลงทุน 
การอำนวยความสะดวกการค้าการลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ) การหารือทวิภาคีซึ่ง 
ไทยได้มีการหารือทวิภาคีกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ออสเตรเลีย สหรัฐ ฯ นิวซีแลนด์ เวียดนาม แคนาดา   
(เกี่ยวกับการเปิดเจรจารอบใหม่ในกรอบ WTO  การจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี  ความร่วมมือทางการค้า 
กับประเทศต่าง ๆ)  ประโยชน์ที่ได้รับจากการประชุม  (แลกเปลี่ยนรับทราบความคิดเห็น  ข้อริเริ่มใหม่  ๆ 
แนวทางที่จะดำเนินการด้วยกัน   การผลักดันสมาชิกกำลังพัฒนาให้ความช่วยเหลือทวิภาคีด้าน   capacity  
building  เชิญสมาชิกเข้าร่วมการสัมมนา Regional Trading Arrangements : Stocktake  and  Next  Steps   
ระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน ที่กรุงเทพ ตลอดจนการผลักดันความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์จากผลการ
ประชุม Automotive Dialogue

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  ระยะที่ 1  (ตุลาคม 2543 - มีนาคม 2544) 
ของกระทรวงพาณิชย์  ประกอบด้วย  ภาพรวมงาน/โครงการสำคัญที่ดำเนินการตามแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 8  
ในส่วนของการเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาของภูมิภาคและชนบทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน  
อย่างทั่วถึง  รวมทั้งการพัฒนาสมรรถนะทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคนและคุณภาพชีวิต   ตามที่
กระทรวงพาณิชย์เสนอ  โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง     
ชาติ  (เกี่ยวกับการรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนพัฒนา ฯ  ฉบับที่ 8  ของกระทรวงพาณิชย์  เป็นการ    
รายงานความก้าวหน้าของโครงการมากกว่าผลสำเร็จ  ซึ่งควรรายงานผลสัมฤทธิ์โดยมีตัวชี้วัดผลสำเร็จของ   
โครงการที่ชัดเจนประกอบด้วย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายโครงการที่เป็นพื้นฐานในการพัฒนาสมรรถนะทาง  
เศรษฐกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานภาครัฐ   รวมไปถึงความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การเพิ่มขีด 
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในร่างแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 9 จึงควรให้ความสำคัญในการติดตาม 
ประเมินผลเพื่อการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์  ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้เพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนทุกชนิดที่ส่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเซียร์ 
ราลีโอนเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยยกเว้นเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนที่มีหนังสือรับรอง  
แหล่งกำเนิดที่ออกโดยรัฐบาลเซียร์ราลีโอนและคณะกรรมการที่จัดตั้งโดยมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชา 
ชาติ ที่ 1132  (1997)  ได้รายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคง ฯ  ว่ามีการบังคับใช้กระบวนการออกหนังสือรับรอง  
แหล่งกำเนิดแล้ว) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว   ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ   และให้ 
ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร 
(ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  (กำหนดให้สินค้าอาวุธและวัสดุที่เกี่ยวข้องทุกประเภท  เครื่องกระสุนปืน  ยานพาหนะทาง  
ทหารและอุปกรณ์ อุปกรณ์เสริมทางทหาร ตลอดจนอะไหล่ของสิ่งดังกล่าวที่จะส่งออกไปยังสหพันธ์สาธารณรัฐ  
ประชาธิปไตยเอธิโอเปีย และประเทศเอริเทรีย  เป็นสินค้าต้องห้ามในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร  ยกเว้น  
กรณีเป็นการส่งออกอุปกรณ์ทางทหารที่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงเพื่อนำไปใช้ในปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมโดย
ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ 1298  (2000))  ที่  
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการการแก้ไขปัญหาของภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออก
ของประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับ 
การให้สินเชื่อเพื่อการส่งออก  ความล่าช้าในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม  การปรับโครงสร้างภาษีนำเข้าวัตถุดิบเพื่อ 
เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน  รวมทั้งการบริการการส่งออกให้รวดเร็ว ไปพิจารณา  โดยเรื่องใดที่กระทรวง 
ที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาแล้วเห็นชอบกับข้อเสนอดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้  แล้วรายงานคณะรัฐมนตรี
ทราบ กรณีที่มีปัญหาในเชิงนโยบายหรือได้ข้อสรุปที่ยังไม่สอดคล้องกันให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
หนึ่งโดยด่วน

                       เห็นชอบในหลักการและเหตุผลในการยกร่างพระราชบัญญัติวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. .... 
ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการออกกฎหมายให้ชุมชนมีวิสาหกิจของตนเอง (วิสาหกิจชุมชน) และจัดการบริหารกิจ  
การด้วยตนเองได้  โดยรัฐให้การสนับสนุนด้านความรู้ในการบริหารจัดการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์อันเกิดจากภูมิ 
ปัญญาท้องถิ่น หรือการวิจัยต้นแบบของหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรไปสู่การผลิต การ 
จัดหาตลาดภายในและภายนอกประเทศ และให้ความช่วยเหลือในด้านแหล่งเงินทุน  ตลอดจนสิทธิพิเศษต่าง ๆ  
ตามกฎหมาย  ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ  และให้กระทรวงเกษตร ฯ  เป็นเจ้าของเรื่องดำเนินการ 
ตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป  ทั้งนี้  ร่างพระราช
บัญญัติ ฯ  ควรมีหลักเกณฑ์ วิธีการ ในการแก้ไขปัญหาบรรษัทชุมชนด้วย  รวมทั้งให้กระทรวงเกษตร ฯ  ดำเนิน 
การแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติ ฯ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ฯ (นายประพัฒน์ 
ปัญญาชาติรักษ์) เป็นประธานกรรมการ และมีผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณ 
สุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นกรรมการในคณะกรรมการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 010 ร. เรื่อง  การทุจริตในโครงการแทรกแซงราคา 
ตลาดข้าวสาร ของนายอำนวย คลังผา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี  ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ   
และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป   โดยมีสาระสำคัญของคำถาม   สรุปได้ดังนี้   กระทรวงพาณิชย์ได้  
ดำเนินการสอบทุจริตในโครงการแทรกแซงราคาตลาดข้าวสารปี 2541/2542 อย่างไรบ้าง  ขณะนี้ได้ดำเนิน 
การถึงขั้นตอนใด  รวมทั้งนโยบายและมาตรการข้าวปี 2544/2545 ของกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์
มีการประชาสัมพันธ์หรือไม่ ถ้าไม่ เพราะเหตุใด

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม และหลักเกณฑ์ วิธีการ  
ชำระค่าธรรมเนียม พ.ศ. 2544 (กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมคำขอ ใบทะเบียน ใบอนุญาตเป็นผู้ค้าน้ำมัน อัตรา   
ค่าธรรมเนียมรายปี หลักเกณฑ์ วิธีการชำระค่าธรรมเนียมของผู้ค้าน้ำมันและผู้ขนส่งน้ำมัน  รวมทั้งกำหนดให้ผู้  
ค้าน้ำมันได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอและใบทะเบียน) และร่างกฎกระทรวง  กำหนดแบบคำขอ  ใบอนุญาต  
ใบทะเบียน  คุณสมบัติ  หลักเกณฑ์  และวิธีการขออนุญาตหรือจดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมัน พ.ศ. 2544 (กำหนด   
แบบคำขอ ใบอนุญาต ใบทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมัน และคุณสมบัติของผู้ค้าน้ำมัน  ตลอดจนหลักเกณฑ์และวิธีการ   
ขออนุญาตหรือจดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมัน) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้ง  2  ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะ 
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้