คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมาตรการจูงใจในการประหยัดในภาครัฐ ของหน่วย
งานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เทียบกับเดือนสิงหาคม 2540 ปรากฎว่า มีการใช้
ไฟฟ้าลดลง ส่วนการใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการดำเนินงานสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ  
ในระยะ 5 ปี (ปี 2544 - 2548) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สำหรับงบประมาณ สำนักงบประมาณจะพิจารณา  
จัดสรรงบประมาณให้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้สอดคล้องกับกำลังวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี  
พ.ศ. 2544  ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ   กับให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงอุตสาหกรรม   
ทบวงมหาวิทยาลัย  และสำนักงบประมาณ  (เกี่ยวกับรายละเอียดของกิจกรรมตามแผนงานควรจะมีการช่วยเหลือ  
ระหว่างสถาบัน ฯ ภาครัฐ  และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง  การขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่าง   
ประเทศ และการจัดหารายได้เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้โดยเร็ว โดยไม่ต้องอาศัยเงินอุดหนุนจากภาครัฐ)  ไป 
ประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
   

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราช 
บัญญัติเงินตรา  พ.ศ. 2501  (จัดทำเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาท  หนึ่งชนิด  
ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ 80 ปี  กระทรวงพาณิชย์  ในวันที่  20  สิงหาคม  2543)  ตามที่ 
กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้  

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ
รายงานสรุปมติการประชุมคณะกรรมการปรับโครงสร้างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน  (กปพ.)  ครั้งที่
2/2543   ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   และตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) และผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (นางอัจนา  ไวความดี) ชี้แจง 
เพิ่มเติม เกี่ยวกับการเร่งรัดสนับสนุนศักยภาพการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ โดยรับทราบความ  
ก้าวหน้า และให้ความเห็นชอบต่อการดำเนินงานพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การวิเคราะห์ผลกระทบภาระหนี้ 
สาธารณะต่อระบบเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายโทรคมนาคม และมาตรการเร่งด่วนในความ 
รับผิดชอบของธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานอื่น    โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของรอง 
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  (นายศุภชัย  พานิชภักดิ์)  (เกี่ยวกับแผนแม่บทการพัฒนา 
ระบบอินเตอร์เน็ตซึ่งมุ่งเน้นการสร้างเว็บไซต์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจเพื่อ 
นำรายได้เข้าประเทศ โดยมิได้มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคไทยสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดยผ่านอินเตอร์เน็ตจนเสียดุล
การค้า รวมทั้งศูนย์พัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ควรให้ความร่วมมือและเร่ง
พัฒนา Portals ด้านการท่องเที่ยว เพื่อนำรายได้เข้าประเทศอย่างจริงจังต่อไป) ไปดำเนินการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการประชุมหารือ 
เบื่องต้นระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์   และรัฐมนตรีว่าการ  
กระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาเงินเพิ่มค่าอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต ปี  2542/2543   โดยให้  
กระทรวงการคลังประสานกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  พิจารณาจัดสรรเงินใน 
วงเงิน 5,320 ล้านบาท  เพื่อนำไปจ่ายเป็นค่าอ้อยขั้นต้นให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยในอัตราตันละ  100  บาท  
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้แล้ว   โดยให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และกองทุนอ้อยและน้ำตาล    
ทรายพิจารณาจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการกู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าว สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวใน   
คณะกรรมการ ฯ   การกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาของระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อให้ 
ดำเนินการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ    โดยกองทุน ฯ  มีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถชำระหนี้เงินกู้ที่กอง     
ทุน ฯ  มีภาระต้องรับผิดชอบได้ โดยให้นำผลการศึกษาในเรื่องนี้ของมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย  
(TDRI) มาประกอบการพิจารณาด้วย  ทั้งนี้  เมื่อได้ข้อยุติในเรื่องนี้แล้ว  ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภาย 
ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2543

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการของการปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ   โดยให้ยกร่างพระราช 
บัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... ขึ้นเป็นกฎหมายแม่บท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยคณะรัฐมนตรี
มีข้อสังเกตว่า  ในการยกร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว  คณะกรรมการปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ  (คปรส.) 
ควรศึกษาและกำหนดแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาพยาบาลระหว่างภาครัฐกับภาคเอก 
ชน และรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. (เกี่ยวกับการยึดหลักการ วัตถุประสงค์ และขั้นตอนการปฏิรูปตาม
ที่ได้กำหนดในแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2542 และมติ  
ก.พ.  (เกี่ยวกับทิศทาง และจุดเน้นการปรับบทบาทและภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข)  ไปประกอบการ 
พิจารณาดำเนินการด้วย   กับเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิรูประบบสุขภาพแห่ง 
ชาติ พ.ศ. .... (โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ  หรือ  คปรส.  
เพื่ออำนวยการจัดกระบวนการยกร่างพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ   มีวาระดำเนินงานจนถึงเมื่อร่างพระ 
ราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับแต่ไม่เกินสามปี มีสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขทำหน้าที่สำนักงานเลขานุ  
การ) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้  
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง  สำนักงาน ก.พ.  สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  และข้อสังเกตของคณะ  
รัฐมนตรี ไปพิจารณาด้วยว่า กรรมการใน คปรส. มีจำนวนมากเกินไปอาจไม่คล่องตัวในการบริหารงาน แต่ 
อย่างไรก็ตามควรมีผู้แทนกระทรวงพาณิชย์เป็นกรรมการด้วย     รวมทั้งควรตรวจสอบด้านกฎหมายด้วยว่า   
การกำหนดให้ประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เป็นกรรมการ  จะ 
สามารถกระทำได้หรือไม่  แล้วดำเนินการต่อไปได้   สำหรับงบประมาณดำเนินการในปีงบประมาณ 2543  
และ 2544  ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปี 2543 เป็นเงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อเป็นค่า   
ใช้จ่ายในการดำเนินงาน  โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ    และในปี 2544  ให้เสนอขออนุมัติ  
เจียดจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข  แทนการเสนอขอแปรญัตติ  ตามความ 
เห็นของสำนักงบประมาณ

อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ  พ.ศ. ....  (ให้มีกฎหมาย  
ว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจเพื่อให้สามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าในทางเศรษฐกิจมาใช้เป็นหลักประกันได้มาก 
ขึ้น) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้รับความ  
เห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม  กระทรวงคมนาคม  และข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับ 
การเพิ่มบทบัญญัติการกำหนดวิธีการควบคุมจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินซึ่งเป็นหลักประกัน  หรือกำหนดเงื่อน  
ไขหรือวิธีการเพื่อป้องกันปัญหาในกรณีหลักประกันที่เป็นสิทธิประเภททรัพย์สินทางปัญญาหรืออื่น ๆ  ถูกยึด  
หรือบังคับเป็นสิทธิแก่ผู้รับหลักประกันซึ่งเป็นผู้ไม่มีสัญชาติไทย การกำหนดคำว่า  "ทรัพย์สินมีทะเบียน"  และ 
"ทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันไม่ได้"  ให้ชัดเจนเพื่อสะดวกในทางปฏิบัติ  รวมทั้งบทบัญญัติในบางมาตราภาย  
ในร่างพระราชบัญญัติ ฯ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ  และอาจจะส่งผลให้การดำเนินการไม่เป็นไป 
ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย) ไปประกอบการพิจารณาด้วย  แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน 
ราษฎรพิจารณา  ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป    กับให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงพาณิชย์
ร่วมกันพิจารณามอบหมายให้ส่วนราชการที่มีอยู่เดิม  ส่วนราชการใดส่วนราชการหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการ   
ดำเนินการรับจดแจ้งหลักประกันทางธุรกิจตามร่างพระราชบัญญัตินี้   โดยประสานกับสำนักงาน  ก.พ.   เพื่อ  
พิจารณากำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง   โดยให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี 
เมื่อวันที่  3  กุมภาพันธ์  2541  และวันที่  29  ธันวาคม  2541  เรื่อง  มาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคล 
ภาครัฐ โดยการเกลี่ยอัตรากำลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาปฏิบัติงาน     สำหรับงบประมาณดำเนินการให้  
เจียดจ่ายจากงบประมาณของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้รับจดแจ้งหลักประกันดังกล่าวก่อน  หากไม่เพียง 
พอให้เสนอขอรับการจัดสรรจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการการค้าต่างตอบ 
แทน  พ.ศ. ....  (โดยมีสาระสำคัญเพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติสำหรับการซื้อ หรือการจ้างบริการโดยส่วนราชการ 
และรัฐวิสาหกิจ)  ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ  และ 
ให้ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้ง นายสรสินธุ ไตรจักรภพ  เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการ 
องค์การคลังสินค้า แทน นายธงชัย สรณารักษ์ ที่พ้นจากตำแหน่งกรรมการเนื่องจากมีอายุครบ 65 ปี ตามที่
กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรับเรื่อง เงินเพิ่มค่าอ้อยขั้นต้น  
ฤดูการผลิต ปี 2542/2543 ไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาล 
ทราย  พ.ศ. 2527  (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา   เมื่อได้ข้อยุติแล้วให้นำเสนอคณะ 
รัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ
รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนเมษายน พ.ศ. 2543   โดยดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า  
ประเทศอื่น ๆ  ในภูมิภาคเอเชีย   ส่วนการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบฟาร์มไข่ ได้ขอความร่วมมือไปยังหน่วย 
งานราชการและรัฐวิสาหกิจให้จัดสถานที่จำหน่ายไข่   และขอความร่วมมือไปยังกระทรวงศึกษาธิการ  สำนักงาน 
คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ และกรมราชทัณฑ์ให้รับซื้อไข่เพื่อให้นักเรียนและผู้ต้องขังบริโภค ตามที่ 
กระทรวงพาณิชย์เสนอ  และตามที่รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (นายวิทยุตม์ ว่องวาณิช) และรองปลัดกระทรวง   
เกษตรและสหกรณ์  (นายสุทธิพร จีระพันธุ์)  รายงานเพิ่มเติม  โดยให้กระทรวงเกษตร ฯ  และหน่วยงานที่เกี่ยว  
ข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของ คศก. (เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาไข่ล้นตลาดและราคาไข่ตกต่ำ โดยเน้นการลด 
ต้นทุนและการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ การรณรงค์ให้ประชาชนบริโภคไข่มากขึ้น  และการติดตามผลการประสาน 
ขอความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการและกรมราชทัณฑ์ในการรับซื้อไข่) ไปดำเนินการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายไพฑูรย์ แก้วทอง) รายงาน  
สถานการณ์การขายข้าวของเกษตรกร  โดยกรณีการชุมนุมของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในขณะนี้  มีสาเหตุมาจากข้าว 
นาปรังซึ่งมีผลผลิตออกมามากและมีความชื้นสูง เนื่องจากฝนตก ทำให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการแทรกแซงราคาข้าว  
เปลือกมีไม่พอกับความต้องการขายข้าวของเกษตรกร  ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้พยายามหาทางให้มีโรงสีเข้าร่วม 
โครงการ ฯ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น ส่วนการชุมนุมของเกษตรกรจังหวัดสุโขทัยเมื่อวันที่   
1  พฤษภาคม  2543  มีสาเหตุมาจากทางราชการเข้าไปแทรกแซงราคาข้าวช้า ประกอบกับเกษตรกรขายข้าวให้
พ่อค้าไปหมดแล้วทำให้เสียโอกาสที่จะขายข้าวให้กับทางราชการ และประสงค์จะขอค่าชดเชยการขายข้าวให้โรงสี 
ในราคาเกวียนละ 500 บาท โดยได้นัดตัวแทนเกษตรกรร่วมหารือเพื่อช่วยเหลือต่อไปแล้ว

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานเกี่ยวกับการขายและการ 
ส่งเสริมการขายบริการ (Promotion) โทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรณีที่มีเอกชนอื่นนำเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่จากต่าง
ประเทศเข้ามาได้มีการปิดกั้นการใช้คลื่นความถี่จากผู้รับสัมปทาน  เมื่อผู้นำเข้าต้องนำไปจดทะเบียนเข้าใช้ความ 
ถี่จากผู้รับสัมปทาน    กระทรวงคมนาคมจึงมอบให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย  (ทศท.)  และการสื่อสาร 
แห่งประเทศไทย  (กสท.)   กำกับดูแลกระบวนการจัดจำหน่ายเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้เป็นไปโดยเสรี 
และมิให้มีการจำกัดช่องทางการจัดจำหน่ายเพียงเฉพาะในเครือบริษัทผู้ได้รับสัมปทานเท่านั้น   เนื่องจากที่ผ่าน  
มา ทศท. ไม่ได้ประกาศให้ประชาชนทราบถึงการนำเข้าเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้โดยเสรี   หากผู้ประกอบการ  
รายใดต้องการนำเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่มาจำหน่ายและได้ปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบ  จะต้องสามารถ  
จำหน่ายได้โดยไม่ให้บริษัทผู้รับสัมปทานปิดกั้นโอกาสและจะต้องจัดหาเลขหมายให้แก่ผู้ขอใช้บริการด้วย  เกี่ยว  
กับราคาจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่  นั้น    กระทรวงคมนาคมไม่มีอำนาจควบคุมราคาจำหน่ายเครื่องลูก  
ข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่      จึงได้มีหนังสือขอให้กระทรวงพาณิชย์  (กรมการค้าภายใน)  รับไปพิจารณากำหนด  
มาตรการให้เครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสินค้าควบคุม   สำหรับการส่งเสริมการขาย (Promotion) ของ 
บริษัทผู้รับสัมปทานที่ใช้วิธีลดราคาค่าใช้บริการ (Air Time) ทำให้ ทศท. และ กสท. ต้องสูญเสียรายได้ ซึ่งตาม  
สัญญาที่เอกชนผู้รับสัมปทานได้ทำไว้กับรัฐแต่เดิมไม่มีการระบุให้มีการลดค่าใช้บริการได้ ต่อมามีการอนุมัติให้ 
แก้ไขสัญญาสัมปทาน และอนุญาตให้ผู้รับสัมปทานสามารถงดเก็บหรือลดค่าใช้บริการในกรณีที่มีการส่งเสริม 
การขายได้   กระทรวงคมนาคมจึงให้ ทศท. และ กสท. ตรวจสอบรายละเอียดสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อน 
ที่ว่า จะสามารถยกเลิกมาตรการส่งเสริมการขายที่ใช้วิธีลดราคาค่าใช้บริการได้หรือไม่   หากไม่สามารถทำได้  
ให้พิจารณาหาแนวทางแก้ไขสัญญาหรือเจรจากับบริษัทผู้รับสัมปทานเพื่อยกเลิกมาตรการดังกล่าว ส่วนความ 
เดือดร้อนของผู้ใช้บริการที่เกิดจากการปฏิบัติของบริษัทผู้รับสัมปทาน  ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้
บริโภค (สคบ.) พิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเพื่อรักษาสิทธิของผู้ใช้บริการภายในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ  
สคบ.  ด้วย   โดยให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับการดำเนินงานของกระทรวง
คมนาคมควรพิจารณาอย่างรอบคอบและครบวงจร เพราะอาจทำให้มีการนำเข้าเครื่องลูกข่าวโทรศัพท์เคลื่อน  
ที่จากต่างประเทศทำให้เสียดุลการค้าเพิ่มขึ้น    จึงควรจะมีการส่งเสริมให้สามารถผลิตเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์ 
เคลื่อนที่ได้เองในประเทศไทย) ไปพิจารณาดำเนินการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์  
(นักวิชาการพาณิชย์ 10 ชช) สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2543  ตามที่กระทรวง 
พาณิชย์เสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการ 
จูงใจในการประหยัดในภาครัฐ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ประจำเดือนธันวาคม 2542 เทียบกับเดือน
สิงหาคม 2540 มีการใช้ไฟฟ้าลดลง ส่วนการใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าชุดใหม่ 
จำนวน 8 คน  แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสี่ปีตามวาระ  ทั้งนี้  เพื่อให้การ  
ปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง  ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ  โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่ 
คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) เกี่ยวกับ 
รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคม 2543 ตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงาน สรุปได้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค
ทั่วไปเดือนมีนาคม 2543 เท่ากับ 129.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคม 2542  โดยดัชนีราคา  
สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลง  ส่วนดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่น ๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น เป็น   
การสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง   สิ่งที่ใช้ทำความสะอาดในบ้านและของใช้ส่วนบุคคล    สำหรับดัชนีราคาผู้   
บริโภคเฉลี่ยไตรมาสที่ 1 ของปี 2543 เท่ากับ 129.7 ซึ่งสูงขึ้นกว่าช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2542 โดยดัชนี 
ราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลง  ส่วนดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่น ๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 
เป็นการสูงขึ้นของค่าสาธารณูปโภค น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ  ค่าตรวจรักษาและยารักษาโรค  
บุหรี่และสุรา    รวมทั้งรับทราบตามข้อสังเกตของปลัดกระทรวงพาณิชย์  (เกี่ยวกับอัตราการเปลี่ยนแปลงดัชนี
ราคาผู้บริโภคในเดือนมีนาคม 2543  ที่สามารถสะท้อนให้เห็นข้อเท็จจริงเรื่องสินค้าเกษตรมีราคาตกต่ำ  โดย  
ราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มปรับลดลงเกือบทุกรายการ ส่วนหมวดยานพาหนะการขนส่งและการ  
สื่อสารปรับเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้นเป็นผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.1)

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ  (คศก.)  คือ  รับทราบ
รายงานความคืบหน้าการพัฒนาการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ (เกี่ยวกับกองทุนวิจัย  
และพัฒนากุ้งและผลิตภัณฑ์กุ้ง พ.ศ. 2542  การดูแลเข้มงวดเรื่องการฉีดเลนเพื่อสามารถส่งเสริมการเลี้ยงอย่างเป็น
ระบบและรักษาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ การเร่งรัดการกำหนดเขตพื้นที่เหมาะสมแก่การเลี้ยงกุ้งกุลาดำ (Zoning)  
และการพิจารณาปรับปรุงระบบการจัดสรรน้ำชลประทาน เพื่อช่วยสนับสนุนและลดความเจือจางของน้ำเค็มในการ  
เพาะเลี้ยงกุ้งทะเลตามความเหมาะสมของพื้นที่ และความต้องการของเกษตรกร)   โดยให้กระทรวงเกษตร ฯ  รับข้อ 
สังเกตของปลัดกระทรวงพาณิชย์  (เกี่ยวกับการที่กระทรวงเกษตร ฯ  ออกระเบียบกำหนดให้นำเงินกองทุนส่งเสริม  
การค้าระหว่างประเทศ  จำนวน 50 ล้านบาท  จากกระทรวงพาณิชย์มาเป็นเงินประเดิมของกองทุนวิจัยและพัฒนา   
กุ้งเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุน นั้น   ไม่สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบของกระทรวงพาณิชย์   วิธี  
การที่กระทรวงเกษตร ฯ  จะสามารถขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนดังกล่าวได้   ควรนำเสนอในรูปของโครงการ  
แทน  และควรเร่งส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงกุ้งกุลาดำอย่างเต็มที่  เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพทางด้านนี้ 
สูงมาก รวมทั้งกุ้งกุลาดำยังเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศโดยให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและคุณภาพ  
ของสินค้าควบคู่ไปด้วย) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ 
เกี่ยวกับนโยบายการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์นม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ  โดยมีสาระสำคัญ 
เกี่ยวกับการให้คงประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง นโยบายอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นม  (แก้ไขเพิ่มเติม)   
ฉบับลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2526  ไว้จนถึงปี 2547   รวมทั้งให้มีการบังคับใช้ประกาศดังกล่าวอย่างจริงจัง 
โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันพิจารณาดำเนินการขอขยายเวลาต่อองค์การการ 
ค้าโลก  กับให้เพิ่มอัตราอากรขาเข้าของนมผงที่มีไขมันเกิน 1.5%  (Whole milk powder)  ให้อยู่ในระดับสูง  
สุดตามที่ได้ผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก จากอัตราร้อยละ 5 เป็นอัตราร้อยละ 18  และให้คงอัตราอากร
ขาเข้านมผงที่เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงทารกไว้ที่ร้อยละ 5 ตามเดิม และให้ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถิติการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนธันวาคม 2542 สรุปได้ว่า 
สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่มสินค้ามีมูลค่านำเข้ารวม 46.51 ล้านเหรียญสหรัฐ  เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน  
2542  และเดือนเดียวกันปีที่แล้ว   โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด  6  อันดับแรก  ได้แก่  สุราต่าง 
ประเทศ  น้ำหอมและเครื่องสำอาง  ผลไม้  เลนส์  นาฬิกาและอุปกรณ์  กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์    สำหรับ  
สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีอัตราการนำเข้าลดลงมากที่สุด 3 อันดับแรก เปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2541 ได้แก่  
แว่นตา ผลไม้ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี  เด็กชาย  เด็กหญิง  และเนคไท  ตามที่กระทรวง 
การคลังเสนอ  และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ ทบวงมหาวิทยาลัย และสำนักงานปลัดสำนัก  
นายกรัฐมนตรีรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย  ซึ่งยังมี   
แนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย 6 อันดับแรก  จึงควรให้หน่วยงานดังกล่าวประสาน  
งานเพื่อเสริมสร้างและปลูกฝังทัศนคติ และค่านิยมอันดีในสังคม  โดยการเร่งรัดเผยแพร่และประชาสัมพันธ์   
เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติและค่านิยมในการใช้สินค้าฟุ่มเฟือย) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป แล้วรายงานผล 
การดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ