ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 189 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 3761 - 3780 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3761 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค | พณ | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
สัปดาห์ที่ 4 เดือนพฤษภาคม 2547 โดยหมวดอาหารสด ราคาสูงขึ้น ได้แก่ อาหารสำเร็จรูป ราคาลดลง ได้แก่ สุกรชำแหละ ไก่สด หมวดผักและผลไม้ ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผักชี ผักกาดขาวปลี ราคาลดลง ได้แก่ ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง มะนาว เงาะ ลิ้นจี่ หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหาร ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติก ราคาลด ลง ได้แก่ เหล็กเส้น และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ส่วนการตรวจสอบพฤติกรรมการจำหน่ายสินค้าของผู้ ประกอบการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติมาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2542 จำนวนทั้งสิ้น 15,283 ราย แยกเป็น กรุงเทพมหานคร จำนวน 1,485 ราย ภูมิภาค 13,798 ราย พบผู้กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคา 28 ราย มาตรวัดน้ำมันไม่ได้มาตรฐาน 1 ราย และ น้ำหนักบรรจุหีบห่อไม่ถูกต้อง 4 ราย สำหรับการช่วยบรรเทาค่าครองชีพได้จัดโครงการมุมธงฟ้า-ราคา ประหยัด ในห้างสรรพสินค้าทั้งในกรุงเทพ ฯ และภูมิภาค และโครงการมุมธงฟ้า-ราคาประหยัดเคลื่อน ที่โดยนำสินค้าจำหน่ายเคลื่อนที่ตามชุมชนหนาแน่น ในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ ได้ขอ ความร่วมมือห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพมหานคร และภูมิภาค จำหน่ายอาหารใน Food Center ในราคา เท่าเดิม และให้พาณิชย์จังหวัดและสำนักงานการค้าภายในจังหวัดจัดหาผักสดในจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิต เชื่อมโยงมาจำหน่ายในส่วนกลาง |
|||||||||||||||||||||||||||
3762 | การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | พณ | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร ที่เห็นชอบ
ให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในโควตา ปริมาณ 500,000 ตัน ภาษีนำเข้าร้อยละ 0 กำหนดระยะเวลานำเข้าภาย ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2547 และกำหนดให้ผู้นำเข้าทุกรายต้องจดทะเบียนและแจ้งปริมาณการนำเข้า การ ใช้และสต๊อคข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่นำเข้าเป็นประจำทุกเดือน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเงื่อนไขใน การนำเข้าเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาจัดสรรโควตาให้ผู้นำเข้าเหมือนเช่นปี พ.ศ. 2540 - 2544 ที่ได้มีการนำเข้าในโควตา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ |
|||||||||||||||||||||||||||
3763 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (นายสกล หาญสุทธิวารินทร์ และนายชรินทร์ หาญสืบสาย) | พณ | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้ง นายสกล หาญสุทธิวา
รินทร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ และ แต่งตั้ง นายชรินทร์ หาญสืบสาย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงาน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||||||||
3764 | การตรวจพิสูจน์สารปนเปื้อน (สารแคดเมี่ยม) | นร | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่มีข่าวว่าข้าวที่ปลูกในท้องที่บ้านพะเต๊ะ
และหมู่บ้านแม่ตาวใหม่ ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ปนเปื้อนสารแคดเมี่ยม (cadmium) ซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย เป็นผลมาจากการดำเนินกิจการเหมืองของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และบริษัท ตากไมร์นิ่ง จำกัด ซึ่งทางบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) พร้อมจะให้ความร่วมมือแก่ทาง ราชการในการตรวจสอบและพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากตรวจพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากความบก พร่องของบริษัท ฯ บริษัท ฯ จะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ข้าวที่เพาะปลูกในเขตพื้นที่ดังกล่าว หากพบว่ามีสารปนเปื้อนจริง ก็จะต้องดำเนินการควบคุมดูแลมิให้มีการจำหน่ายออกสู่ตลาด เพราะจะทำให้ผู้ บริโภคข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศที่เป็นลูกค้าของไทยเกิดความหวาดระแวงและขาดความเชื่อมั่นใน คุณภาพของข้าวไทย จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับเป็นเจ้าภาพหลักในการประสาน และแก้ไขปัญหานี้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง มหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ ตลอดจนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ให้เกิดความชัดเจนและเป็นที่ยุติโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3765 | การวิจัยเชิงประจักษ์ (Empirical Research) เกี่ยวกับการจัดทำ (FTA) กับแต่ละประเทศ | พณ | 01/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการวิจัยเชิงประจักษ์ (Empirical
Research) ในแง่มุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำ FTA กับแต่ละประเทศ โดยได้จัดให้มีการประชุมระดมความคิด เห็นในเบื้องต้น เกี่ยวกับการจัดสัมมนาในภูมิภาค 5 ภาค และประชุมระดมสมองระหว่างนักอุตสาหกรรมในภูมิ ภาค เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2547 โดยที่ประชุม เห็นว่า ภาคเอกชนและหน่วยงานราชการควรร่วมกันจัดพร้อมกันทั้ง 5 ภาค ส่วนการวิจัยเพื่อเจรจาการค้าเสรีใน ส่วนของสินค้าเกษตรและธุรกิจบริการที่อยู่ในความรับผิดชอบของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมทั้งสินค้า อุตสาหกรรมที่อยู่ในความรับผิดชอบของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และให้มีการรายงานประเมินข้อมูล Interim Report ในเดือนแรก รายงาน Propressive Report ในเดือนที่ 2-3 และรายงาน Final Report โดยให้กรม เจรจาการค้าระหว่างประเทศและกรมส่งเสริมการส่งออกเข้าร่วมรับฟังการเสนอรายงานทุกครั้ง สำหรับค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำกรอบการเจรจาการค้าเสรีในต่างประเทศ เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา นั้น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจะปรับปรุงรายละเอียด โครงการศึกษาวิจัยใหม่ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศต่อไป ทั้งนี้ ให้ รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการด้วย ดังนี้ การดำเนินการวิจัยเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการเจรจาการค้า เสรี (FTA) กับแต่ละประเทศ ควรให้หัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจาการค้าเสรีกับแต่ละประเทศที่ได้รับการแต่งตั้งไว้ แล้วเข้าร่วมในคณะกรรมการพิจารณาหัวข้อและโครงการวิจัยด้วย นอกจากนี้ ในการเสนอรายงานประเมินข้อมูล เพื่อเจรจาการค้าเสรีในส่วนของสินค้าเกษตรและธุรกิจบริการ ให้เชิญหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวง การต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงคมนาคม เป็นต้น เข้าร่วมรับ ฟังด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3766 | สิงคโปร์ขอเข้าร่วมความตกลงเร่งลดภาษีสินค้าพิกัดอัตราศุลกากรตอนที่ 07 และ 08 ระหว่างไทยและจีน | พณ | 01/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ เห็นชอบการลงนาม ในพิธีสารเพื่อรับสิงคโปร์เข้าร่วมในความตกลงเร่งลดภาษีสินค้าพิกัดอัตราศุลกากรตอนที่ 07 และ 08 ระหว่าง ไทยและจีน (Draft Protocol on the Accession of the Government of the Republic of Singapore to the Agree ment between the Government of The People's Republic of China and the Government the Kingdom of Thailand on Accelerated Tariff Elimination under the Early Harvest Programme of the Framework Agree ment on Comprehensive Economic Cooperation between ASEAN and China) ในช่วงระหว่างการประชุม รัฐมนตรีการค้าเอเปค (APEC MRT) ในระหว่างวันที่ 4-5 มิถุนายน 2547 ณ เมือง Pucon ประเทศชิลี โดย ร่างพิธีสารเพื่อรับสิงคโปร์เข้าร่วมในความตกลงเร่งลดภาษี ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ (1) ไทยและจีนยอมรับที่จะให้ สิงคโปร์เข้าร่วมในความตกลงเร่งลดภาษีระหว่างไทย-จีน (2) สิงคโปร์จะต้องยอมรับข้อผูกพันทั้งหมดที่ไทยและ จีนได้ตกลงกันไว้ (3) กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าจะเป็นไปตามกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน-จีน คือ สินค้าเกษตรจะต้องใช้กฎแหล่งกำเนิดสินค้า Wholly Obtained และ (4) พิธีสารนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่า การกระทรวงพาณิชย์ ลงนามในพิธีสารดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3767 | สรุปภาวะราคาสินค้า | พณ | 25/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้า ประจำสัปดาห์ที่ 2
เดือนพฤษภาคม 2547 เปรียบเทียบกับสัปดาห์ที่ 1 เดือนพฤษภาคม 2547 โดยความเคลื่อนไหวราคาสินค้า ในกรุงเทพมหานคร สินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผักบุ้ง ผักชี ที่เคลื่อนไหวตามภาวะตลาด เม็ดพลาสติกที่ได้รับ ผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น และอาหารสัตว์ ซึ่งต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น สินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ ผลไม้ ที่ออกสู่ตลาดมาก และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เนื่องจากเหล็กแผ่นรีดร้อนที่เป็นวัตถุดิบมีราคาลดลง ส่วน ความเคลื่อนไหวราคาสินค้าในภูมิภาค สินค้าส่วนใหญ่ราคาทรงตัว ยกเว้นอาหารสัตว์ที่ราคาขายปลีกเฉลี่ยใน บางจังหวัดมีการปรับสูงขึ้น สำหรับผลการตรวจสอบผู้ประกอบการ กรุงเทพมหานคร จำนวน 748 รายการ พบผู้กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า 3 ราย และน้ำหนักบรรจุหีบห่อไม่ถูกต้อง 2 ราย ภูมิภาค จำนวน 13,751 ราย พบผู้กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า 20 ราย เครื่องชั่งไม่เที่ยงตรง 2 ราย และน้ำหนัก บรรจุหีบห่อไม่ถูกต้อง 1 ราย ทั้งนี้ ได้มีการดำเนินคดีโดยการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ และกฎหมายมาตราชั่งตวงวัด |
|||||||||||||||||||||||||||
3768 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (นางสุจินตา วังวสุ) | พณ | 25/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้ง นางสุจินตา วังวสุ ให้
ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาการพาณิชย์ (นักวิชาการพาณิชย์ 10 ชช) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2547 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ |
|||||||||||||||||||||||||||
3769 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เรื่องที่ 1 สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์, เรื่องที่ 2 การติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาระดับราคาสินค้าเกษตร, เรื่องที่ 3 รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2545 และเรื่องที่ 4 ผลการเยือนลังกาวีของนายกรัฐมนตรี) | พณ | 18/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เรื่องที่ 1 สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เรื่องที่ 2 การติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องกับการรักษาราคาสินค้าเกษตร เรื่องที่ 3 รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนพฤศจิกายน และ ธันวาคม 2545 และเรื่องที่ 4 ผลการเยือนลังกาวีของนายกรัฐมนตรี โดยมีผลความคืบหน้าของการดำเนิน ในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ (1) โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ได้ดำเนินการด้านการส่งเสริมการตลาด ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าชุมชนหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ การจัดตั้งศูนย์แสดงและจำหน่าย สินค้า (Outlet) ขนาดกลาง การขยายช่องทางการตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ การเข้าร่วมงาน แสดงสินค้านานาชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเชื่อมโยงกับนักธุรกิจส่งออก (2) การติด ตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาราคาสินค้าเกษตร ได้ดำเนินการแก้ไข ปัญหาประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานขององค์การคลังสินค้า (3) รายงานการนำเข้าสินค้า ฟุ่มเฟือยเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2545 โดยทางคณะกรรมการบริหารนโยบายการนำเข้า (กบน.) ได้พิจารณารายละเอียดของสินค้าฟุ่มเฟือยและกำหนดมาตรการชะลอการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย รวม 9 ราย การ คือ เครื่องรับโทรทัศน์สี เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องสำอางเครื่องหอมและสบู่ สุราไวน์ และเบียร์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องหนัง รองเท้า ปากกาและอุปกรณ์ ผักและผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง โดยเสนอ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา/ทราบ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่ กบน. เสนอ และ (4) ผลการเยือน ลังกาวี ของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2546 มีผลความคืบหน้าการดำเนินการในส่วน ของการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) มาตรการทางภาษีของไทยต่อน้ำมันปาล์ม และการ ชำระเงินแบบหักบัญชี (Account Trade)
|
|||||||||||||||||||||||||||
3770 | ปัญหาราคาเนื้อสุกร ไก่ และไข่ มีราคาสูงขึ้น | นร | 11/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับปัญหาราคาเนื้อสุกร ไก่ และไข่ มี
ราคาจำหน่ายสูงขึ้นมากอันเป็นผลจากปริมาณสัตว์ปีกลดจำนวนลงในช่วงที่เกิดโรคระบาดเชื้อไข้หวัดนก ในหลายเดือนที่ผ่านมา และทำให้มีไก่และไข่ออกสู่ท้องตลาดน้อยลง นอกจากนี้ ราคาอาหารสัตว์กลับมี ราคาสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ทั้งที่ปริมาณความต้องการอาหารสัตว์ในภาพรวมของประเทศลดลงจากเดิม จึง ขอให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลราคาอาหารสัตว์ให้เหมาะสม และเป็นไปตามหลักอุปสงค์ (demand) และอุปทาน (supply) เพื่อลดต้นทุนการผลิตเนื้อสัตว์เพื่อการบริโภคให้ลดลง และให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์เร่งส่งเสริมการเลี้ยงไก่ในระบบปิด เพื่อให้ปริมาณเนื้อไก่และไข่ที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น และช่วยให้ ราคาเนื้อสุกรชำแหละปรับตัวลดลง โดยการส่งเสริมดังกล่าวควรมุ่งให้เกิดดุลยภาพระหว่างการผลิตและ ความต้องการของผู้บริโภคด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
3771 | การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา | นร | 11/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ปัจจุบันปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทาง
ปัญญาในรูปแบบต่าง ๆ มีแนวโน้มว่าจะกลับมามีความรุนแรงดังเดิมอีกครั้ง อันอาจส่งผลกระทบต่อการ เจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ที่กำลังจะมีขึ้นได้ จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามและดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริง จังให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีความต่อเนื่องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
3772 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนเมษายน 2547 | พณ | 11/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป
และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนเมษายน 2547 โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือน เมษายน 2547 เท่ากับ 108.5 เทียบกับเดือนมีนาคม 2547 สูงขึ้นร้อยละ 0.6 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคา สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 1.5 โดยสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เนื้อสัตว์ (เนื้อสุกร และเนื้อ สัตว์แปรรูป) ไก่สด ไข่ไก่ ผักสด (กะหล่ำปลี ผักกาดขาวลุ้ย แตงกวา ผักคะน้า ผักบุ้งจีน ผักชี มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว ต้นหอม พริกชี้ฟ้า และขิง) และเครื่องปรุงอาหาร (น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันหมู น้ำปลา ซีอิ๊ว และ มะพร้าวขูด) สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผง และน้ำผลไม้) ในขณะที่ สินค้าหมวดอื่น ๆ ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มดัชนีราคาโดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตามมีสินค้าบาง ชนิด มีราคาเปลี่ยนแปลง โดยสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง (แผ่นไม้อัด และเหล็กแผ่นเคลือบ สังกะสี) วารสารรายปักษ์ ส่วนสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (ผงซักฟอก) ค่า การบันเทิง (เทปเพลง) ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (ยาสีฟัน แชมพู และแป้งทาผิว) สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้น ฐานของประเทศ ปี พ.ศ. 2547 (คำนวณจากรายการสินค้าและบริการ 235 รายการ) คือ ดัชนีราคาผู้บริโภค ทั่วไปของประเทศที่หักรายการสินค้ากลุ่มอาหารสด และสินค้ากลุ่มพลังงาน จำนวน 91 รายการ ซึ่งคิดเป็น ประมาณร้อยละ 25 ของสัดส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนเมษายน 2547เท่ากับ 104.6 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2547 ไม่เปลี่ยนแปลง เดือนเมษายน 2546 สูงขึ้นร้อยละ 0.2 และเดือนมกราคม-เมษายน 2547 เทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. 2546 สูงขึ้นร้อยละ 0.2 |
|||||||||||||||||||||||||||
3773 | การกำหนดตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง | พณ | 11/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)
ที่มีมติเกี่ยวกับเรื่อง การกำหนดตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ โดยขอกำหนดตำแหน่งผู้ ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 1 ตำแหน่ง จากเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน 5 ตำแหน่ง และเปลี่ยนตำแหน่ง ที่ปรึกษาการพาณิชย์ ระดับ 10 เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับ 10 รวมทั้งข้อทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2545 ที่กำหนดให้กระทรวงพาณิชย์ เกลี่ยคืนตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับ 10 ให้เหลือเพียงจำนวน 4 ตำแหน่ง ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ซึ่ง คกก.7 พิจารณาแล้วเห็นว่าปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์มีหน่วยงานที่ต้องกำกับดูแลในส่วนภูมิภาคเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะงานของกรมการค้า ภายใน กรมการประกันภัย กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมส่งเสริมการส่งออก เป็นต้น ประกอบกับรัฐบาลมี นโยบายเรื่องผู้ว่า CEO และกำหนดให้มีการตรวจราชการแบบบูรณาการร่วมกันระหว่างสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงต่าง ๆ ทำให้งานในหน้าที่ของผู้ตรวจราชการมีมากขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์มีตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงเพียง 3 คน จึงเห็นว่า มีความจำเป็นต้องมีผู้ตรวจราชการเข้ามาปฏิบัติราชการแทนในบาง เรื่อง เช่น การประชุมของคณะกรรมการต่าง ๆ กับเห็นควรให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2545 และให้กระทรวงพาณิชย์ขอกำหนดตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงไปยังสำนักงาน ก.พ. ต่อไป ทั้งนี้ ควรพิจารณาไม่ให้เป็นภาระกับงบประมาณด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
3774 | รายงานการจัดสรรงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 (วันที่ 6 พฤษภาคม 2547) | นร | 11/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานการจัดสรรงบประมาณของส่วนราชการ
และรัฐวิสาหกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2547 โดยมีการจัดสรรงบประมาณให้ส่วน ราชการและรัฐวิสาหกิจ จำนวนทั้งสิ้น 1,025,216.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 88.1 ของวงเงินงบประมาณ จำนวน 1,163,500.0 ล้านบาท โดยการจัดสรรงบประมาณสำหรับรายจ่ายลงทุน มีจำนวน 169,616.5 ล้าน บาท หรือร้อยละ 57.9 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน และรายจ่ายประจำมีจำนวน 855,600.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 98.3 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ ทั้งนี้ จากการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวเมื่อเทียบกับวงเงิน จำแนกตามงบรายจ่าย พบว่า งบบุคลากร และงบดำเนินงาน มีการจัดสรรให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจแล้ว เกินกว่าจำนวนวงเงินงบประมาณที่ได้รับ จำนวนร้อยละ 0.1 และร้อยละ 0.2 ตามลำดับ เนื่องจากส่วนใหญ่มี การโอนรายการงบกลาง จากงบลงทุนและงบรายจ่ายอื่นไปตั้งจ่ายในงบบุคลากร และงบดำเนินงาน เพื่อให้ เป็นไปตามลักษณะการเบิกจ่ายงบประมาณจริง สำหรับงบรายจ่ายที่มีการจัดสรรให้ต่ำสุด ได้แก่ งบรายจ่าย อื่น และงบลงทุน จัดสรรให้ร้อยละ 74.7 และร้อยละ 82.2 ตามลำดับ โดยในระดับกระทรวง กระทรวงที่มีการ จัดสรรงบประมาณสูงสุด ได้แก่ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม จัดสรรให้เต็มตามจำนวนวงเงิน งบประมาณที่ได้รับ ส่วนในระดับกรม กรมที่มีการจัดสรรงบประมาณสูงสุดเต็มตามจำนวนวงเงินงบประมาณที่ ได้รับ จำนวน 133 หน่วยงาน ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานในสังกัดสำนัก นายกรัฐมนตรี หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง หน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐวิสาห กิจ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานอิสระตามรัฐ ธรรมนูญ เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
3775 | การประชุมสภาประกันภัยแห่งเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 22 | พณ | 11/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอเรื่อง การประชุมสภาประกันภัยแห่งเอเชีย
ตะวันออก (The East Asian Insurance Congress-EAIC) ครั้งที่ 22 ซึ่งสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคม ประกันชีวิตไทยร่วมกันจัดการประชุมดังกล่าวในระหว่างวันที่ 20-25 พฤศจิกายน 2547 ณ โรงแรมแชงกรี -ล่า กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจประกันภัยในภูมิภาคเอเชียและ ภูมิภาคอื่น ๆ ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ในธุรกิจประกันภัย รวมทั้งกระชับความ สัมพันธ์อันดีและเสริมสร้างความเชื่อถือต่อกัน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยผู้บริหารบริษัทประกันภัย ในเอเชีย บริษัทประกันภัยต่อ และบริษัทนายหน้าประกันภัยที่สำคัญในภูมิภาคอื่น ๆ อาทิ ยุโรป สหรัฐ อเมริกา และออสเตรเลีย ในการนี้ คณะกรรมการจัดงานได้เรียนเชิญ ดร. มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด อดีตนายก รัฐมนตรีมาเลเซีย Lord Peter Levene ประธานสถาบันลอยด์ส แห่งลอนดอน และนายทาเคโอะ อิโนคูชิ ประธานบริษัท มิตซุยสุมิโตโมประกันภัย จำกัด มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์และบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วม ประชุมซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อความร่วมมือในธุรกิจประกันภัย และส่งเสริมให้นักลงทุนจากสถาบันการเงินที่ สำคัญของโลกเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระจายรายได้ ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทยด้วย และขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกใน การจัดงานด้านต่าง ๆ ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยของผู้นำและบุคคลสำคัญทั้งชาวไทยและชาวต่าง ประเทศที่เดินทางมาร่วมประชุมครั้งนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||
3776 | การประกันภัยให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (มีการปรับแก้ไขมติฯ) | นร | 11/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและอนุมัติให้ดำเนินการจัดทำประกันภัยให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) โดยใช้ประกันภัยเอื้ออาทร ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ จำนวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ (รวมลูกจ้างประจำ) ของทุกหน่วยงานที่เอาประกันประมาณ ๔๐,๐๐๐ คน ค่าเบี้ยประกันภัยคนละประมาณ ๕๐๐ บาท/คน/ปี รวมเบี้ยประกันทั้งสิ้นประมาณ ๒๐ ล้านบาท/ปี ๑.๒ เงื่อนไขการประกันภัย ให้ครอบคลุมไปถึงกรณีการเกิดสงคราม การก่อการร้าย และการจลาจลด้วย โดยกรณีเกิดการเสียชีวิตทุพพลภาพถาวร หรือสูญเสียอวัยวะ ๒ ส่วน ผู้เอาประกันจะได้รับการคุ้มครองเป็นวงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ กรณีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่คนใดที่ทำประกันไว้ได้รับการแต่งตั้ง โยกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่น หรือลาออก ให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่คนใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนเข้าสวมสิทธิการประกันภัยต่อไปได้โดยอัตโนมัติ ๑.๔ การดำเนินประกันภัยข้างต้น ดำเนินการโดยผ่านกรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องส่งรายชื่อข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ที่จะเอาประกันภัยให้กรมการประกันภายในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ศกนี้ สำหรับเงินค่าเบี้ยประกันภัย จำนวน ๒๐ ล้านบาท ให้กระทรวงการคลังรับไปประสานเพื่อขอใช้จ่ายจากเงินรายได้จากโครงการจำหน่ายสลาก ๒ ตัว และ ๓ ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร. ๐๕๐๔/ว ๑๐๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗ แจ้งมติคณะรัฐมนตรี (๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗) เรื่อง การประกันภัยให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีข้อความคลาดเคลื่อน คือ โครงการจำหน่ายสลาก ๒ ตัว และ ๓ ตัว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงขอแก้ไขข้อความดังกล่าว ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร ๐๕๐๔/ว ๑๒๕ ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๗ เป็น โครงการจำหน่ายสลากการกุศลพิเศษ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3777 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกการควบคุมการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ของน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... (การยกเลิกมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจต่อเขมรแดงตามมติคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ) | พณ | 04/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
ยกเลิกการควบคุมการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ของน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 65) พ.ศ. 2536 เนื่องจากไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้กฎระเบียบเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ของน้ำมันเชื้อ เพลิงไปประเทศกัมพูชา ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฯ อีกต่อไป เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์เกี่ยวกับการ กดดันทางเศรษฐกิจต่อเขมรแดง ตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้สิ้นสุดลงแล้วตามข้อเท็จ จริงและไม่จำเป็นต้องปฏิบัติอีก และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อ ไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
3778 | การเปิดตัวการเจรจา FTA ไทย-สหรัฐฯ | พณ | 04/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอผลการเดินทางเยือนสหรัฐ ฯ อย่างเป็นทาง
การของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2547 เพื่อเปิดตัวการเจรจาการจัดทำ เขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหรัฐ ฯ โดยผลการเจรจา ฝ่ายสหรัฐ ฯ ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการลดภาษีสินค้า อุตสาหกรรม สินค้าเกษตร (รวมถึงสินค้า GMO) การเปิดเสรีภาคบริการ (โดยเฉพาะสาขาการธนาคาร การ ประกันภัย การโทรคมนาคม การจัดส่งพัสดุด่วน การค้าปลีก การท่องเที่ยว) พิธีการศุลกากร การคุ้มครอง สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน โดย เรื่องที่สหรัฐ ฯ แสดงความสนใจเป็นพิเศษคือ เรื่องการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา โดยต้องการให้ ไทยเร่งออกพระราชบัญญัติควบคุมการผลิตผลิตภัณฑ์ซีดีและกฎหมายลิขสิทธิ์ การปราบปรามการละเมิดสิทธิ ในทรัพย์สินทางปัญญา และการรักษาข้อมูลลับ เป็นต้น นอกจากนี้สหรัฐ ฯ ยังกังวลในการเปิดตลาดสิ่งทอและ เสื้อผ้า น้ำตาล รถยนต์ (รถกระบะขนาดเล็ก) เนื่องจากกลัวว่าญี่ปุ่นจะเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยเพื่อส่งขาย ในสหรัฐ ฯ รวมทั้งขอให้ไทยช่วยติดตามความคืบหน้าและแก้ปัญหาเกี่ยวกับคดีระหว่างบริษัท การปิโตรเลียม แห่งประเทศไทย กับบริษัท Gregory and Cook (G&C) ในกรณีที่จ้างเหมาจัดทำโครงการวางท่อก๊าซธรรม ชาติคู่ขนาน และเรื่องที่บริษัท Air Express Carroer 4 บริษัท ขอให้จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก (facilities) สำหรับการจัดส่งพัสดุด่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ ให้นำเรื่องนี้เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศ (กนศ.) พิจารณาร่วมกับหัวหน้าคณะผู้เจรจาฝ่ายไทย (Chief Negotiator) โดยให้รับข้อสังเกต ของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการดำเนินการด้วยว่า ในการจัดทำเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐ ฯ ดังกล่าวจะต้อง อยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม เอื้อประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน และเป็นที่ยอมรับได้ของทั้งสองฝ่าย รวมทั้ง ไม่ควรกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการใด ๆ ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องปฏิบัติก่อนเป็นพิเศษ ซึ่งการเจรจาเพื่อจัดทำ เขตการค้าเสรีครั้งนี้อาจต้องใช้ระยะเวลายาวนานพอสมควร และหากผลการเจรจามิได้เป็นไปในแนวทางข้าง ต้น ก็จะไม่สามารถลงนามในข้อตกลงระหว่างกันได้ ดังนั้น ในการดำเนินการเจรจาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้อง พิจารณาดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบในทุกมิติ มุ่งการเจรจาเพื่อผลประโยชน์ในภาพรวม มิใช่เจรจา เป็นรายสินค้าแต่ละชนิดและมีการประสานและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด โดยใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ในการเจรจา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายและภาษาต่างประเทศที่ เกี่ยวข้อง และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องใช้ประเด็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ตามเอกสารที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอเป็นแนวทางในการชี้แจงแก่สหรัฐ ฯ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3779 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า | พณ | 04/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะ
กรรมการแข่งขันทางการค้า ประกอบด้วย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ กระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ นายศักดา ธนิตกุล นายศุภัช ศุภชลาศัย นายวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ กระทรวงการคลัง ได้แก่ นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นายเสงี่ยม สันทัด และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน สภาหอ การค้าแห่งประเทศไทย ได้แก่ นายพรพินิจ พรประภา นายไพรัช บูรพชัยศรี นายสถาพร โคธีรานุรักษ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายบดินทร์ อัศวาณิชย์ นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ และนายสันติ วิลาศศักดานนท์ และที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรายชื่อกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ในส่วนของกระทรวงการคลัง จากที่ เสนอไว้เดิม "นายสุวิทย์ เมษินทรีย์" เป็น "นายวินัย วิทวัสการเวช" ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (4 พฤษภาคม 2547) เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||||||||
3780 | ผลการเดินทางตรวจราชการต่างจังหวัดของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการเดินทางไปตรวจราช
การต่างจังหวัดของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2547 ณ จังหวัดตราด และจันทบุรี และให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการและคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี อาทิเช่น กรณีผู้แทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทยรายงานว่า รัฐบาลไทยและกัมพูชาได้ทำความตกลงร่วมกันที่จะศึกษาและพัฒนาโครงการร่วมกัน ภายใต้ปฏิญญาพุกาม (ECS) เมื่อปี พ.ศ. 2546 โดยโครงการ ฯ สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 464 เมกะวัตต์ และน้ำ ที่ออกจากโรงไฟฟ้าสามารถส่งให้กับพื้นที่ชลประทานได้ 77,000 ไร่ ค่าก่อสร้างโครงการประมาณ 23,900 ล้านบาท จากผลการศึกษาเบื้องต้นจะให้เขื่อนเก็บกักน้ำอยู่ในเขตกัมพูชา ส่วนโรงไฟฟ้าอยู่ในเขตไทย ขณะ นี้อยู่ระหว่างการศึกษาตามความเหมาะสม ในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้มีการศึกษาโครงการดัง กล่าวต่อไปโดยเน้นที่ค่าก่อสร้างอยู่ในระดับที่เหมาะสม ถ้าคุ้มค่าก็อาจดำเนินการได้ และขอให้พิจารณาเรื่อง แหล่งเติมน้ำ ทั้งนี้ ให้แยกจังหวัดตราดออกจากภาพรวมเรื่องเส้นทางน้ำของประเทศ และกรณีโครงการจัดตั้ง ตลาดกลางสินค้าเกษตรและห้องเย็น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีรายงานว่า จังหวัดจันทบุรีได้ว่าจ้างบริษัท ที่ปรึกษาทำการศึกษาพัฒนาตลาดกลาง ในเรื่องศักยภาพการผลิตและการตลาดของสินค้าในเขตพื้นที่กลุ่ม ภาคตะวันออก ศึกษาแนวโน้มการผลิตและการส่งออกสินค้าสำคัญใน 10 ปีข้างหน้า และศึกษารูปแบบการ ขนส่งและการกระจายสินค้าเกษตร ซึ่งต้องใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท นั้น นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว เห็นว่า ราคาดังกล่าวเป็นราคาที่สูงเกินไป และได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จัดประชุมผู้ว่า ราชการจังหวัดของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกทั้ง 3 จังหวัด (ระยอง ตราด จันทบุรี) เพื่อหาแนวทางในการ จัดตั้งตลาดกลางร่วมกัน หรืออาจมีตลาดย่อย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |