ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 182 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 3621 - 3640 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3621 | ความคืบหน้ากรณีสหรัฐอเมริกาไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากุ้งของไทย | พณ | 11/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลความคืบหน้ากรณีสหรัฐ ฯ ไต่สวน
การทุ่มตลาดสินค้ากุ้งของไทย โดยเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2548 คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศ (International Trade Commission : ITC) ของสหรัฐ ฯ ได้ประกาศผลความเสียหายขั้นสุดท้ายว่า อุตสาห กรรมกุ้งสหรัฐ ฯ ได้รับความเสียหายจากการนำเข้ากุ้งทั้ง 6 ประเทศ ประกอบด้วย จีน เวียดนาม อินเดีย บราซิล เอกวาดอร์ และไทย โดยมีประเด็นที่สำคัญคือ การเก็บอากร AD จากกุ้งแช่แข็ง โดยในส่วนของไทย มีอัตราเฉลี่ยร้อยละ 6.03 การไม่ใช้มาตรการ AD กับกุ้งกระป๋องที่นำเข้าจาก 6 ประเทศดังกล่าว และคณะ กรรมาธิการส่วนใหญ่ของ ITC เห็นควรมีการไต่สวนเพื่อทบทวนกรณีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง (Changed Circumstance Review) เนื่องจากความเสียหายอันเกิดจากภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ (Tsunami) ต่อ อุตสาหกรรมกุ้งของบางประเทศ อันได้แก่ ไทย และอินเดีย และสหรัฐ ฯ ได้เสนอจะเปิดทบทวนโดยภาค รัฐเอง (Self-initiate) หากเปิดทบทวนแล้ว โอกาสที่ไทยจะหลุดพ้นจากการถูกเรียกเก็บอากร AD จะขึ้น อยู่กับข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบในด้านต่าง ๆ ต่ออุตสาหกรรมกุ้งของไทย ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมการค้านอยู่ระหว่างประสานกับหน่วยราชการ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ในการรวบรวมข้อมูลความ เสียหายของอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงและการส่งออกกุ้งของไทย เพื่อเตรียมยื่นประกอบการพิจารณา ของ ITC หากมีการเปิดทบทวน และจากภัยพิบัติดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงเพาะฟักลูกกุ้ง จำนวนมาก มีลูกกุ้งสูญหายประมาณ 400 ล้านตัว และจะกระทบต่ออุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้ง รวม ถึงจะกระทบต่อปริมาณการส่งออกกุ้งของไทยในปี 2548 ทั้งนี้ หากข้อมูลข่าวสารที่ออกมาจากแต่ละ หน่วยงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ก็จะช่วยให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมีประสิทธิภาพยิ่ง ขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3622 | ร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... (Agenda based) | นร | 11/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอร่างพระราชบัญญัติเขต
เศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ที่คณะทำงานด้านกฎหมาย ซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้ยกร่างและแก้ไข เพิ่มเติมตามผลการประชุมหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครือ งาม) เป็นประธาน โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ขึ้นเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เฉพาะสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ และความต้องการของประชาชน และเพื่อ ให้การพัฒนาระบบบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการ แข่งขันของประเทศให้สูงขึ้น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็น และข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องการถือครองที่ดิน และการเช่าที่ดินของคนต่างด้าว ตามข้อสังเกตกรมที่ดิน เรื่องการอุดหนุนซึ่งอาจขัดต่อพันธกรณีใน WTO ตามข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ และเรื่องแรงงานต่างด้าวตามข้อสังเกตของกระทรวงแรงงาน รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณา ด้วยดังนี้ โดยที่ในบางเรื่องอาจมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เช่น การกำหนดให้เป็นเขตเกษตรเศรษฐกิจ ตามพระราชบัญญัติเศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ. 2522 เป็นต้น จึงสมควรพิจารณาว่า หากจะยกเลิกกฎหมาย ดังกล่าว แล้วใช้กฎหมายในเรื่องนี้เพียงฉบับเดียว จะเหมาะสมหรือไม่ ควรกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง รัฐบาลกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นองค์การมหาชนในลักษณะ ที่ให้สามารถกำกับดูแลการดำเนินงานของสำนักงาน ห้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลได้ นอกจากนี้ให้พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ว่าการเขตเศรษฐกิจพิเศษกับรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระ ราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย รวมทั้งกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษใน พื้นที่ที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาให้ชัดเจน เพื่อมิให้เกิดความสับสนหรือขัดแย้งกับอำนาจหน้าที่ของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นั้น ในกรณีเป็นที่ดินขององค์กรทางศาสนา ควรดำเนินการตามแนว ทางในกฎหมายว่าด้วยการจัดรูปที่ดิน เมื่อตรวจร่างเสร็จแล้ว ควรมีการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนและ ภาครัฐอีกครั้งหนึ่ง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
3623 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือนธันวาคม 2547 (13 - 17 ธันวาคม 2547) | พณ | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือนธันวาคม 2547 ตั้งแต่วันที่ 13-17 ธันวาคม 2547 โดยแนวโน้มราคาสินค้าใน ช่วงสัปดาห์นี้ กลุ่มสินค้าโลหะประเภทโลหะที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งในรูปของวัตถุดิบและสำเร็จรูป เช่น เหล็กแผ่นและทองแดงมีราคาสูงขึ้นตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาในตลาดโลก สำหรับความเคลื่อน ไหวราคาสินค้า มีดังนี้ สินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91 และ 95 ราคาลดลงร้อยละ 3.50 และ 3.65 ตามลำดับ ตะปู ราคาลดลงร้อยละ 3.64 ปุ๋ยเคมี (สูตร 46-0-0) ราคาลดลงร้อย ละ 0.80 อาหารสัตว์สำเร็จรูป (อาหารหมูเล็ก) ราคาลดลงร้อยละ 2.95 ส่วนสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ สังกะสี ราคาสูงขึ้นร้อยละ 3.17 ไก่สด ราคาสูงขึ้นร้อยละ 5.81 ไข่ไก่ ราคาสูงขึ้นร้อยละ 4.55 ผักบุ้งจีน ราคาสูงขึ้นร้อยละ 10 และสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงตามภาวะการแข่งขันและกลยุทธ์การขายในระยะสั้น เช่น น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู น้ำปลา อาหารกระป๋อง สบู่ แชมพู แป้งโรยตัว และถ่านไฟฉาย เป็นต้น นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบราคาสินค้าตามพื้นที่เป้า หมายและจัดให้มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน "สายด่วน 1569" รวมทั้งจัดหน่วยประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ (Mobile Unit) ตามแหล่งชุมชน เพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการปิดป้ายแสดงราคา และรับเรื่องร้องเรียน นอกสถานที่ ตลอดจนขอความร่วมมือให้ Discount Store และห้างสรรพสินค้าให้นำสินค้าที่มีคุณภาพ มาตรฐานมาจัดกระเช้าของขวัญ พร้อมทั้งให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3624 | โครงการจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรจังหวัดตราด | พณ | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับโครงการจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรจังหวัด ตราด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยเห็นชอบในหลักการให้มีการสร้างตลาดกลางสินค้าเกษตรเพื่อแก้ไข ปัญหาผลผลิตด้านการเกษตร โดยเฉพาะในเรื่องผลไม้ของเกษตรกรในภาคตะวันออกเพื่อเชื่อมโยงการส่งออก สำหรับสถานที่จัดตั้ง มอบให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพร่วมกับจังหวัดในกลุ่มภาคตะวันออก 3 จังหวัด คือ จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาเปรียบเทียบการตั้งตลาดกลางสินค้า เกษตร ที่จังหวัดตราดและจันทบุรีว่า มีประโยชน์ที่จะเป็นกลไกสนับสนุนระบบการรับซื้อและจัดจำหน่าย การ กระจายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ในภาคตะวันออกซึ่งอาจรวมถึงสินค้าประเภทอื่น ๆ อาทิ ไม้และผลิต ภัณฑ์จากไม้ สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อสนองวัตถุประสงค์ของตลาดภายในประเทศและเพื่อการส่ง ออกมากน้อยกว่าอย่างไร ซึ่งจากผลการศึกษา เห็นว่า ควรกำหนดให้ตลาดกลางที่จังหวัดตราด หรือจังหวัด จันทบุรีแห่งใดเป็นตลาดหลักเพื่อการซื้อขายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ในภาคตะวันออก เพื่อสนองความ ต้องการในท้องถิ่นและภายในประเทศ และตลาดใดควรเป็นตลาดกลางเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะการส่งออก ไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศกัมพูชา และเวียดนาม เป็นต้น โดยพิจารณาปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ระบบสนับสนุน (Logistics) รวมทั้งพิจารณาเปรียบเทียบการขนส่งสินค้าเกษตรไปประเทศ กัมพูชา และเวียดนาม ทั้งทางบกและทางทะเลประกอบด้วย และพิจารณาจัดทำแผนงานและโครงการดำเนิน การจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตร ทั้งที่เป็นตลาดเพื่อการส่งออก และตลาดที่เน้นตอบสนองความต้องการ ภายในซึ่งจะสนับสนุนตลาดเพื่อการส่งออกดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดที่เหมาะสมตามวัตถุประสงค์แต่ละประเภท โดยให้มีรายละเอียดและกรอบระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจน และเรียงลำดับความสำคัญของการจัดหาเครื่อง มืออุปกรณ์และระบบสนับสนุน อาทิ การจัดทำห้องเย็นเก็บรักษาผลไม้ ระบบการป้องกันการแพร่เชื้อโรค (Quarantine) รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการ ทั้งนี้ ให้คำนึงว่าการดำเนินโครงการเกษตร กรจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุด นอกจากนั้นควรพิจารณาปรับปรุงระบบการขนส่งทางน้ำโดยเฉพาะท่าเทียบ เรือสินค้า ให้สามารถรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าในพื้นที่จังหวัดที่จะจัดตั้งตลาดกลางเพื่อการส่งออก ให้ เหมาะสมด้วย สำหรับชื่อตลาดกลางสินค้าเกษตรที่เชื่อมโยงการส่งออก นั้น ควรสะท้อนเป้าหมายการจัดตั้ง ตลาด เช่น อาจใช้ชื่อว่า ตลาดกลางเพื่อการส่งออกไปต่างประเทศ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3625 | รายงานความคืบหน้าโครงการจัดตั้ง Thailand Plaza (THP) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา | พณ | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตาม
โครงการจัดตั้ง Thailand Plaza (THP) ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้มีการกำหนดแนว ทางการคัดเลือกสินค้าและบริษัทที่จะเข้าร่วมโครงการ ฯ และคัดเลือกตราสัญลักษณ์โครงการ ฯ ในส่วน ของการรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ มีภาคเอกชนเข้าร่วมแบ่งเป็น 4 กลุ่มสินค้า จำนวน 23 ราย ประกอบด้วย กลุ่ม Living จำนวน 7 ราย กลุ่ม Fashion จำนวน 9 ราย กลุ่ม Spa&Beauty จำนวน 6 ราย และกลุ่ม Kitchen จำนวน 1 ราย สำหรับการออกแบบตกแต่งปรับปรุงอาคาร อยู่ระหว่างการคัด เลือกบริษัทออกแบบตกแต่งภายในอาคารที่มีชื่อเสียงระดับโลกและมีผลงานเป็นที่ยอมรับ 5 บริษัท คือ บริษัท JJ Falks, Ted Moudis, Studio 63, Janko Rasicd และ In Arch โดยจะเชิญบริษัททั้งหมดมา เจรจาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2548
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3626 | รายงานผลความคืบหน้าในโครงการออกแบบและคุมงานก่อสร้างหมู่บ้านนักกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ประเทศกาตาร์ | พณ | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลความคืบหน้าในโครงการออกแบบ
และคุมงานก่อสร้างหมู่บ้านนักกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ประเทศกาตาร์ โดยในส่วนของงานออกแบบอาคารที่พัก นักกีฬา (Housing) และส่วนอื่น ๆ FEDCON ได้ส่งมอบงานและกรมโยธาธิการของกาตาร์ได้ออกประกวด ราคา และเริ่มก่อสร้างในหลายส่วนแล้ว โดยในบางอาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาออกเอกสาร Issue for Construction (IFC) ส่วนงานออกแบบภายในอาคารโรงพยาบาล ให้ FEDCON ดำเนินงานออกแบบแทน NBBJ ของสหรัฐ ฯ พร้อมขยายวงเงินค่าจ้างออกแบบเพิ่มขึ้น ซึ่ง FEDCON พร้อมด้วยมูลนิธิ Granary Associates Architects และ P.C. Professional Corporation ได้เริ่มปฏิบัติงานแล้ว สำหรับความคืบหน้า ในการก่อสร้างในส่วนของงานก่อสร้างอาคาร Housing ล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้เดิมประมาณ 60 วัน เนื่อง จากการขาดแคลนวัสดุก่อสร้างและการนำเข้าแรงงานจากต่างประเทศในช่วงแรก รวมทั้งการชะลองานใน ระหว่างเทศกาลรอมฎอนและจำนวนคบคุมงานของ FEDCON ยังต่ำกว่าที่กำหนดไว้ทำให้ FEDCON สูญเสีย โอกาสในการสร้างรายได้จากส่วนต่างของค่าจ้างที่จ่ายให้กับวิศวกรและที่เรียกเก็บได้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ฃได้ประสานงานให้ FEDCON เร่งจัดหาบุคลากรเพิ่มเติมแล้ว นอกจากนี้ ฝ่ายกาตาร์ได้ปรับโครงสร้างการ บริหารและติดตามงาน โดยให้ผู้จัดการโครงการรายงานตรงต่อ H.H. Sheikh Tamim Bin Hamd A1 Thani เพื่อการตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตที่รวดเร็ว ส่วนฝ่ายไทย FEDCON ได้เร่งสรรหาบุคลา กรที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมให้มีความพอเพียงต่อการปฏิบัติหน้าที่ และได้ปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน จนเป็นที่พอใจของรัฐบาลกาตาร์ และปัจจุบันงานในโครงการได้เข้าสู่ช่วงของการก่อสร้างแล้ว จำเป็นที่ FEDCON จะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นสำคัญเพื่อลดความสูญเสียทาง การเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3627 | ความคืบหน้าการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย - นิวซีแลนด์ | พณ | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความคืบหน้าการจัดทำความตกลง
การค้าเสรีไทย-นิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ณ กรุงเวียงจันทร์ สปป.ลาว โดยกระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาจัดทำข้อบทความ ตกลง ฯ ระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคม 2547 ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสามารถตกลงกันได้แล้วทั้งหมด และ เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายได้ลงนามย่อกำกับไว้ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนภายในของ แต่ละประเทศแล้วเสร็จ และจัดให้มีการลงนามได้ประมาณปลายเดือนเมษายน 2548 และเริ่มมีผลใช้ บังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 ฝ่ายนิวซีแลนด์ได้นำร่างความตกลง ฯ เสนอคณะรัฐมนตรีและได้รับ ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2547 และทั้งสองฝ่ายได้นำร่างความตกลง ฯ เผยแพร่ทาง Web site ต่อสาธารณชน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 ในขั้นตอนต่อไป นิวซีแลนด์จะเสนอร่างความตกลง ฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ส่วนฝ่ายไทยจะนำร่าง ความตกลง ฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนเมษายน 2548 ก่อนที่จะมีการลงนามระหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีการค้าของนิวซีแลนด์ และให้ดำเนินการออกประกาศ กระทรวง และระเบียบภายในเพื่อให้ความตกลง ฯ มีผลใช้บังคับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3628 | มาตรการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เมื่อมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ และราคาน้ำมันดีเซลลอยตัว | พณ | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมาตรการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
เมื่อมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำและราคาน้ำมันดีเซลลอยตัว ประกอบด้วย มาตรการกฎหมาย ได้แก่ การเข้ม งวดในการปิดป้ายแสดงราคา การกำหนดราคาจำหน่าย และการใช้มาตรการบังคับซื้อหรือบังคับขายใน กรณีราคาสินค้าสูงขึ้นมากหรือเกิดการขาดแคลนสินค้า เป็นต้น มาตรการตรวจสอบ ได้แก่ การตรวจสอบ พฤติกรรมการจำหน่าย การตรวจสอบเครื่องชั่งตวงวัดและสินค้าหีบห่อ และการตรวจสอบพิเศษโดยหน่วย เคลื่อนที่เร็ว (Mobile Unit) เป็นต้น มาตรการบริหารจัดการสินค้า โดยใช้ศูนย์บริหารจัดการแก้ไขปัญหา ราคาสินค้า (Operation Room) เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาราคาอย่างเป็นระบบ การวิเคราะห์ต้นทุนแบบ Economic Approach การจัดระบบเตือนภัยสินค้า การมีระบบรับรองมาตรฐาน รวมทั้งการประกันคุณ ภาพสินค้าและบริการ มาตรการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยรับเรื่องร้องเรียนผ่านสายด่วนกรม การค้าภายใน 1569 และการจัดจำหน่วยรับเรื่องร้องเรียนเคลื่อนที่ (Mobil Unit) ไปยังแหล่งชุมชน ต่าง ๆ และการให้มีเงินสินบนนำจับ เป็นต้น และมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกตลาด ได้แก่ การจัด โครงการธงฟ้าราคาประหยัด และการดูแลอาหารสำเร็จรูปที่จำหน่ายให้ประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3629 | รายงานผลการรับประกันภัยกรณีเกิดเหตุการณ์ธรณีพิบัติจากคลื่นใต้น้ำ | พณ | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการรับประกันภัยกรณีเกิดเหตุการณ์
ธรณีพิบัติจากคลื่นใต้น้ำ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 ในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา สตูล ตรัง และ ระนองสรุปดังนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการประกันภัย ได้สำรวจการรับประกันภัยของบริษัทประกันภัย ต่าง ๆ ที่จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีบริษัทประกันชีวิต จำนวน 11 บริษัท ที่รับประกันชีวิตของผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต ซึ่งสามารถระบุรายชื่อในขณะนี้ จำนวน 75 ราย คิดเป็น ความเสียหาย จำนวน 35 ล้านบาท และมีบริษัทประกันวินาศภัย จำนวน 38 บริษัท ที่รับประกันภัยทรัพย์ สินและบุคคลที่คาดว่าจะสูญเสียและเสียหาย จำนวน 9,970 ราย โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยเบื้องต้น ประมาณ 38,518 ล้านบาท ซึ่งบริษัทประกันภัยได้มีการจัดทำประกันภัยต่อไว้กับบริษัทประกันภัยในต่าง ประเทศเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ บริษัทประกันวินาศภัยยังมีสัญญาประกันภัยต่อที่จำกัดความรับผิดของแต่ ละบริษัทไว้ในรูปแบบสัญญา Excess of Loss หรือ Stop Loss Ratio และขณะนี้ยังไม่สามารถประมาณการ ความเสียหายที่แท้จริงได้ คาดว่า บริษัทประกันภัยในประเทศไทยจะรับผิดจริงไม่เกิน 800 ล้านบาท และได้ ดำเนินการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งและช่วยเหลือเกี่ยวกับการประกันภัยในจังหวัดต่าง ๆ เผยแพร่ข่าวเพื่อชี้แจงให้ ประชาชนได้รับทราบถึงความคุ้มครองที่จะได้รับ และได้มอบหมายผู้บริหารจากส่วนกลางและข้าราชการที่ ประจำสำนักงานประกันภัยจังหวัดออกสำรวจตรวจเยี่ยม และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บ รวมทั้งจัดเจ้า หน้าที่ประจำสายด่วนกรมการประกันภัย 1186 และจัดตั้งศูนย์ในการรับบริจาคเงิน สิ่งของ และเครื่องอุป โภคบริโภค ให้แก่ผู้ประสบภัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3630 | การแก้ไขประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการกำหนดมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2542 | พณ | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วย
การกำหนดมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขปรับปรุง ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการกำหนดมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2542 ให้ครอบ คลุมถึงการดำเนินการ และกำหนดมาตรการปกป้องตามที่กำหนดไว้ในความตกลงเขตการค้าเสรี หรือความ ตกลงอื่นในลักษณะเดียวกันที่ประเทศไทยมีข้อผูกพันตามพันธกรณี โดยให้ประกาศที่แก้ไขปรับปรุงดังกล่าวมี ผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไป และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา เป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในกรณีจำเป็นต้องกำหนดมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าเพิ่ม ขึ้น ตามความตกลงการค้าเสรีหรือความตกลงอื่นในลักษณะเดียวกัน ที่ประเทศไทยมีข้อผูกพันก่อนที่การแก้ไข ประกาศดังกล่าวจะแล้วเสร็จ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีอำนาจในดำเนินการเพื่อกำหนด มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น และดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดตามร่างประกาศ และความ ตกลงนั้น ๆ ไปก่อนได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3631 | รายงานการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ถล่มภาคใต้ | พณ | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการประกันภัย รายงานการดำเนินงาน
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา สตูล ตรัง และระนอง โดยจัดตั้งศูนย์ให้ความ ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย และศูนย์รับแจ้งและช่วยเหลือผู้มีประกันภัย รวมทั้งได้ประสานกับสมาคม ประกันวินาศภัย และสมาคมประกันชีวิตไทย เพื่อขอความร่วมมือแจ้งบริษัทสมาชิกร่วมกันให้ความช่วยเหลือ และพิจารณาจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์และผู้เสียหายเป็นกรณีพิเศษ ตลอดจนชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงความคุ้มครองที่จะได้รับจากการทำประกันภัยประเภทต่าง ๆ เช่น การประกันชีวิต ให้ความคุ้มครองการเสียชีวิต และทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง การบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยเนื่อง จากภัยธรรมชาติดังกล่าวหากมีการซื้อเพิ่มอุบัติเหตุไว้ด้วยก็ได้รับความคุ้มครองจากทั้งสองส่วน เป็นต้น นอก จากนี้ ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บริการสายด่วนประกันภัย โทร. 1186 เพิ่มขึ้น เพื่อให้ข้อมูลและคำแนะ นำแก่ประชาชนที่สอบถามเกี่ยวกับการประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ในการนี้ สมาคมประกัน ชีวิตไทยได้บริจาคสิ่งของอุปโภค และบริโภคช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านกรมการประกันภัย เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท |
||||||||||||||||||||||||||||||
3632 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตให้ส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. .... | พณ | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่าย
การพาณิชย์ ฯ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขในการขออนุญาต และการอนุญาตให้ส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดแบบคำร้องขอรับใบอนุญาต แบบใบอนุญาต และแบบคำร้องขอแก้ไขหรือต่อ อายุใบอนุญาต รวมทั้งสถานที่ยื่นคำร้องและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ใช้ประกอบคำขอ และให้ยื่นคำร้อง และเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ภายใต้ประกาศหรือระเบียบที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด หรือตามข้อ ตกลงที่ผู้ยื่นคำร้องทำไว้กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งกำหนดวิธีการ หลักเกณฑ์และ เงื่อนไขในการอนุญาต การพิจารณาอนุญาต หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขออนุญาตการออกและแก้ไข รวมทั้งการต่ออายุและการเพิกถอนใบอนุญาต การแจ้งผลการพิจารณาและการอุทธรณ์ เพื่อให้สอดคล้อง กับสภาพการณ์ปัจจุบันและรองรับนโยบายการกระจายอำนาจลงสู่ระดับล่างและการมอบอำนาจไปยังส่วน ภูมิภาค ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตเรื่องข้อความในร่างกฎกระทรวง ฯ ข้อ 6 ที่กำหนดว่า "การยื่นคำร้อง เอก สารหลักฐาน รายงาน และรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้ ให้ยื่นต่อกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์หรือหน่วยงานอื่นซึ่งได้รับมอบหมายให้พิจารณาอนุญาตส่งออกหรือนำเข้าแทนรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์" ซึ่งข้อความนี้ ตรงกับมาตรา 7 ในพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและนำเข้า มาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาตีความต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
3633 | การจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340 - 500 และ A340 - 600 จำนวน 8 ลำ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | กค | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอหลักการและเงื่อน
ไขให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กู้เงินในรูป Asset Based Financing เพื่อชำระค่าจัดซื้อเครื่องบิน แอร์บัส A340-500 จำนวน 3 ลำ และ A340-600 จำนวน 5 ลำ เป็นสกุลเงินยูโร วงเงินเทียบเท่า 876.01 ล้านเหรียญสหรัฐ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำความเห็นทางกฎหมายสำหรับการกู้เงิน ในครั้งนี้ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งได้รับทราบว่าร่าง ระเบียบสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากร (GSP) ของสหภาพยุโรปรอบใหม่ (ค.ศ. 2006-2008) ซึ่งเกี่ยว ข้องกับสินค้ากุ้ง ตลอดจนสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมของไทย ได้ผ่านการพิจารณาของคณะมนตรียุโรป (council of ministers) แล้ว และอยู่ระหว่างการส่งไปขอความเห็นชอบจากรัฐสภายุโรปผลบังคับใช้ประมาณ เดือนกรกฎาคม 2548 ซึ่งร่างระเบียบดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่เป็น ผู้ขายเครื่องบินให้แก่บริษัท การบินไทย ฯ เป็นอย่างดี ดังนั้น หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เห็นชอบในสิทธิประโยชน์ดังกล่าวแล้ว ก็ให้บริษัท การบินไทย ฯ ดำเนิน การลงนามในสัญญาซื้อขายเครื่องบินกับบริษัทผู้ขายเครื่องบินของสหภาพยุโรป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 14 ธันวาคม 2547 เรื่อง โครงการจัดหาเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจ ปี 2548/49-2552/53 ของ บริษัท การบินไทย ฯ ต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
3634 | ผลการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของคณะผู้แทนการค้าจากจังหวัดชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ | นร | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเยือน
สาธารณรัฐประชาชนจีนของคณะผู้แทนการค้าจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) เพื่อขยายลู่ทางการค้า ณ เขตปกครองตนเองซินเจียง เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย และมณฑลส่านซี ระหว่าง วันที่ 14 - 24 ตุลาคม 2547 สรุปได้ว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารจากภาคใต้ไปยังเขตปกครอง ตนเองซินเจียง และเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย อาทิ ลองกอง อาหารทะเล อาหารฮาลาล และยางพารา มี ลู่ทางแจ่มใส กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการส่งเสริมการส่งออกสินค้าเหล่านี้ต่อไป ทั้งนี้ โครงการนำคณะ ผู้แทนการค้า ฯ เยือนจีนดังกล่าว เป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในการสร้างโอกาสและช่องทางการ ประกอบอาชีพให้ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนให้ประชาชนตระหนักถึงความจริงใจของ ภาครัฐที่มุ่งนำความสงบสุข และความกินดีอยู่ดีมาสู่พื้นที่ดังกล่าว ในส่วนของวิทยาลัยอิสลาม นครอิ๋นชวน เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยประสงค์ที่จะศึกษาดูงานที่วิทยาลัยอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัด ปัตตานี ซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่ภาครัฐจะแสดงความจริงใจ ในการให้ชาวมุสลิมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านอิสลาม ระหว่างกันอย่างเสรี และใช้ความสัมพันธ์ทางสังคมและศาสนาเพื่อรุกขยายการค้าของไทยอีกทางหนึ่ง จึง มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการประสานในรายละเอียดกับฝ่าย จีนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
3635 | รายงานการส่งออก - นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน (1 ต.ค. 46 - 30 พ.ย. 47) และระหว่างไทยกับอินเดีย (1 ก.ย. 47 - 30 พ.ย. 47) | พณ | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทย
กับจีน และระหว่างไทยกับอินเดีย โดยการส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับจีน ไทยส่งสินค้าออกไปจีนพิกัด ฯ 01-08 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546-31 ตุลาคม 2547 ปริมาณ 2,983,068 ตัน มูลค่า 13,805.44 ล้าน บาท โดยสินค้าส่งออก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น ลำไยแห้ง ลำไยสด กุ้งแช่แข็ง และปลา แช่แข็ง ส่วนการนำเข้า ไทยนำสินค้าเข้าจากจีน พิกัด ฯ 01-08 ปริมาณ 304,716 ตัน มูลค่า 6,729.86 ล้านบาท โดยสินค้าที่นำเข้า ได้แก่ แอปเปิ้ลสด ปลาแช่แข็ง แพร์และควินส์สด เห็ดแห้ง และแครอท เทอร์ นิพสด/แช่เย็น ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546-ตุลาคม 2547 ไทยได้ดุลการค้ากับจีน จำนวน 7,075.58 ล้านบาท เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนไ ทยยังคงได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 สำหรับการ ส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับอินเดีย ตั้งแต่ 1 กันยายน 2547-31 ตุลาคม 2547 ไทยส่งออกสินค้าที่อยู่ ในรายการสินค้าที่มีการเร่งลดภาษีระหว่างกันจำนวน 82 รายการ ปริมาณ 4,293 ตัน มูลค่า 1,345.18 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออก ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี โพลิคาร์บอเนต รัตนชาติไม่ได้ตกแต่ง ฯ หลอด ภาพแคโทดเรย์ของเครื่องรับโทรทัศน์สี ส่วนประกอบเครื่องยนต์ และอิพอกไซด์เซิน ส่วนการนำเข้า ไทยนำเข้าสินค้าจากอินเดียในรายการสินค้าที่มีการเร่งลดภาษีระหว่างกัน จำนวน 82 รายการ ปริมาณ 277.97 ล้านบาท โดยสินค้าที่นำเข้า ได้แก่ หลอดภาพแคโทดเรย์ของเครื่องรับโทรทัศน์สี กระปุกเกียร์ ส่วนประกอบเครื่องเพชรพลอยทำด้วยโลหะมีค่า และผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปทำด้วยเหล็กกล้า |
||||||||||||||||||||||||||||||
3636 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนธันวาคม 2547 (7 - 9 ธันวาคม 2547) | พณ | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนธันวาคม 2547 ตั้งแต่วันที่ 7-9 ธันวาคม 2547 โดยในช่วงสัปดาห์นี้มีทิศทาง ราคาสินค้าที่น่าสนใจ คือ สินค้าที่เกี่ยวพันกับผลิตภัณฑ์น้ำมัน ราคาเริ่มอ่อนตัวลงตามภาวะราคาน้ำมัน ในตลาดโลก และสินค้าที่เกี่ยวพันกับผลิตภัณฑ์เหล็ก มีราคาลดลง เนื่องจากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกลด ลงเป็นระยะ ในขณะที่ภาวะตลาดในประเทศซบเซา รวมทั้งผักใบ ราคามีแนวโน้มลดลง เนื่องจากสภาพ อากาศที่เย็นอันเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของผลผลิต สำหรับความเคลื่อนไหวราคาสินค้ามีดังนี้ สินค้า ที่มีราคาลดลง ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91 และ 95 ราคาลดลงร้อยละ 4 และ 3.85 ตามลำดับ เหล็ก เส้นชนิดเส้นกลม (ขนาด 9 มม.) ราคาลดลงร้อยละ 2.13 ตะปู ราคาลดลงร้อยละ 1.79 เม็ดพลาสติก ราคาลดลงร้อยละ 2.27-6.03 ผักบุ้งจีน และผักชี ราคาลดลงร้อยละ 4.76 และร้อยละ 12.50 ส่วนสินค้า ที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ยางรถบรรทุกเล็ก (ขนาด 195 R 14) ราคาสูงขึ้นร้อยละ 1.39 ไก่สด ราคาสูงขึ้น ร้อยละ 4.88 และส้มเขียวหวาน ราคาสูงขึ้นร้อยละ 21.62 และสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงตามภาวการณ์ แข่งขันและกลยุทธ์การขายในระยะสั้น เช่น ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์นม กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำมันพืช น้ำส้ม สายชู น้ำปลา แป้งสาลี สบู่ ผงซักฟอก และแป้งโรยตัว เป็นต้น นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการ ค้าภายใน ได้จัดงานเทศกาลบริโภคไก่-ไข่ ธงฟ้า สด ประหยัด ปลอดภัย ระหว่างวันที่ 9-26 ธันวาคม 2547 ณ ห้างสรรพสินค้า จำนวน 8 แห่ง (234 สาขา) เช่น เทสโก้-โลตัส จัสโก้ คาร์ฟูร์ เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||
3637 | สถานการณ์และราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมี | พณ | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์และราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมี
โดยข้อมูลทั่วไป ปุ๋ยเคมีที่ใช้ในประเทศ ประกอบด้วย แม่ปุ๋ยไนโตรเจนผลิตจากก๊าซธรรมชาติโดยตรง แม่ปุ๋ย ฟอสเฟต และแม่ปุ๋ยโปแตส สังเคราะห์จากแร่ธาตุต่าง ๆ มีจำนวนประมาณ 4.11 ล้านตัน/ปี เป็นปุ๋ยเคมี สำเร็จรูปนำเข้า แม่ปุ๋ยนำเข้าเพื่อนำมาผลิตในประเทศ โดยการบดอัดและปั้นเป็นเม็ดใหม่ และอีกจำนวน 0.2 ล้านตัน/ปี เป็นการผลิตโดยตรงในประเทศ สำหรับสถานการณ์และราคาปุ๋ยเคมี เนื่องจากแม่ปุ๋ยไน โตรเจนผลิตจากก๊าซธรรมชาติที่ราคาผันแปรตามราคาน้ำมันดิบ และก๊าซในตลาดโลก ซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อ เนื่อง ตั้งแต่ต้นปี 2547 และโน้มลดลงในเดือนพฤศจิกายน 2547 จนถึงปัจจุบัน โดยราคาน้ำมันดิบ (ดูไบ) ในเดือนมกราคม 2547 อยู่ที่ระดับ 28.89 USD/บาร์เรล และมีราคาสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2547 ที่ราคา 37.31 USD/บาร์เรล และได้เริ่มปรับลดลงในเดือนพฤศจิกายน 2547 อยู่ในระดับ 33.12 USD/บาร์เรล สำหรับก๊าซปิโตรมินได้เปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดิบในเดือนมกราคม 2547 ราคา 320 USD /ตัน เดือนพฤศจิกายน 2547 ราคา 467 USD/ตัน และปัจจุบันราคา 421 USD/ตัน ในส่วนของราคา แม่ปุ๋ยไนโตรเจนในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น จาก 193 USD/ตัน ในเดือนมกราคม 2547 เป็น 268 USD/ ตัน ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน 2547 และในเดือนธันวาคม 2547 อยู่ที่ระดับ 249 USD/ตัน โดยราคาจำหน่ายปลีกปุ๋ยไนโตรเจน UREA สูตร 46-0-0 ในเดือนมกราคม 2547 ราคา 400 บาท/ถุง (50 กก.) และเดือนพฤศจิกายน 2547 ราคา 590 บาท/ถุง ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการกำกับดูแล กำหนด ให้การเปลี่ยนแปลงราคาจำหน่าย ณ โรงงาน ต้องได้รับอนุญาตจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ก่อน สำหรับการปรับราคาจำหน่ายนั้น ให้ปรับตามภาวะราคาที่เปลี่ยนแปลงจริง และในปัจจุบันราคาปุ๋ย ในตลาดโลกเริ่มลดลง อยู่ที่ระดับราคา 249 USD/ตัน ซึ่งการลดลงของราคาปุ๋ยเคมีจะมีผลต่อราคาขายใน ประเทศประมาณปลายเดือนมกราคม 2548 กระทรวงพาณิชย์จะได้ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และจะประสานผู้ผลิต ผู้นำเข้าให้ลดราคาลงสอดคล้องกับต้นทุนนำเข้าที่ลดลงต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
3638 | ขออนุมัติเงินงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการปฏิบัติราชการลับ (ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ 12 พื้นที่) | พณ | 21/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในการปฏิบัติงานราช
การลับตามโครงการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในพื้นที่ที่มีการละเมิดสูง 12 พื้นที่ ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2548 ในวงเงิน 13,200,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) ดำเนินการตามระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้งบประมาณราชการลับ พ.ศ. 2547 ต่อไป ทั้งนี้ ให้ถือเป็นเงื่อนไขในการปฏิบัติ งานของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ รวมตลอดถึงเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ ดังกล่าวตกลงที่จะรับเงินค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานราชการลับจะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพและมี ความโปร่งใส หากภายหลังปรากฏหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่คนใดเรียกรับผลประโยชน์ ทุจริต หรือประพฤติมิ ชอบ หรือมีพฤติการณ์ที่มีลักษณะเพิกเฉย ละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ เจ้าหน้าที่ผู้นั้นรวมทั้งหัวหน้าหน่วย งานต้นสังกัดที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง จะต้องได้รับโทษให้สำรองราชการทันที และดำเนินการตามกฎ หมายต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
3639 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือนธันวาคม 2547 (29 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2547) | พณ | 21/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำ
สัปดาห์ที่ 1 เดือนธันวาคม 2547 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2547 โดยในช่วงสัปดาห์นี้มีทิศ ทางราคาสินค้าที่น่าสนใจ คือ สินค้าที่เกี่ยวพันกับผลิตภัณฑ์น้ำมัน ราคาเริ่มอ่อนตัวลงตามภาวะราคาน้ำมันใน ตลาดโลก และสินค้าที่เกี่ยวพันกับผลิตภัณฑ์เหล็ก มีราคาลดลง เนื่องจากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกลดลงเป็น ระยะ ในขณะที่ภาวะตลาดในประเทศซบเซา สำหรับความเคลื่อนไหวราคาสินค้า มีดังนี้ สินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ราคาลดลงร้อยละ 1.13 ตะปู ราคาลดลงร้อยละ 1.75 น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91 และ 95 ราคาลดลงร้อยละ 1.96 และ 1.89 ตามลำดับ เม็ดพลาสติกและถุงพลาสติก ราคาลดลงร้อยละ 4.35 - 6.45 และร้อยละ 2.16 ตามลำดับ ส่วนสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ปุ๋ยเคมี ราคาสูงขึ้นร้อยละ 1.10 ไก่สด ราคาสูงขึ้นร้อยละ 6.49 สินค้าที่มีราคาทรงตัว ได้แก่ สินค้าในหมวดของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า บริภัณฑ์ขนส่ง และยารักษาโรค และสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาในระยะสั้น ได้แก่ สินค้าหมวดผักและผล ไม้ ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของสินค้าที่เข้าสู่ตลาดในแต่ละวัน นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการ พิจารณาราคาเหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ โดยมีมติให้กำหนดราคาแนะนำเหล็กเส้นและเหล็กแผ่น ประจำเดือนธันวาคม 2547 เท่ากับปักษ์ที่ 2 เดือนพฤศจิกายน 2547 |
||||||||||||||||||||||||||||||
3640 | การรณรงค์ซื้อสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2548 | มท | 21/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ขอความ
ร่วมมือส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกกระทรวง กรม ดำเนินการรณรงค์และเชิญชวนให้ข้าราชการ พนักงานรัฐ วิสาหกิจในสังกัด สนับสนุนซื้อสินค้าจากโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นของขวัญปีใหม่และในโอกาส ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง กับให้กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ประกอบการธุรกิจเอกชน โรงแรม ห้างสรรพ สินค้าสนับสนุนการซื้อสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นของขวัญปีใหม่ ตลอดจนสนับสนุนการจัดพื้นที่ หรือมุมสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นพิเศษในโอกาสเทศกาลปีใหม่ ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนับสนุนการจัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ และกรุงเทพ ฯ ควบ คู่ไปกับกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรณรงค์และประชาสัมพันธ์ เชิญชวนประชาชนซื้อสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ สำหรับการติดต่อซื้อสินค้า ส่วน กลาง ติดต่อได้ที่กรมการพัฒนาชุมชน ถนนอัษฎางค์ กรุงเทพ ฯ 10200 โทรศัพท์ 0-2221-9849, 0-2622 -3131 ต่อ 156-160 โทรสาร 0-2224-1919 E-mail Address : Social [email protected] เว็บไซต์ WWW.cdd.go.th หรือ WWW.Thaitambon.com ในส่วนภูมิภาค ติดต่อได้ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ศาลา กลางจังหวัดทุกจังหวัด ในการนี้ คณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ.) ได้ จัดงานเมืองแห่งภูมิปัญญาไทย (OTOP CITY) ครั้งที่ 2 วิถีที่มิสิ้นสุดแห่งภูมิปัญญาไทย ระหว่างวันที่ 18-26 ธันวาคม 2547 ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อให้ผู้ผลิตสินค้าโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิต ภัณฑ์ นำสินค้าที่ผ่านการคัดสรรตามโครงการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย (OTOP Product Champion) ระดับ 3-5 ดาว ปี พ.ศ. 2547 จากทุกจังหวัด และกรุงเทพ ฯ มาจัดแสดงและจำหน่าย |
.....