รูปแบบการแสดงผล |
C
C
C
A
A
A
รูปแบบการแสดงผล |
C
C
C
ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
กรุณาป้อนคำค้นหา
วันที่มีมติ
Start date:
End date:
ถึง
เลขที่หนังสือ/ปี
ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง
กรมการปกครอง ( ปค )
กรมประชาสัมพันธ์ ( กปส )
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ( สถ )
กรรมการ ( กรรมการ )
กระทรวง/ทบวง/กรม ( เวียน )
กระทรวงกลาโหม ( กห )
กระทรวงกลาโหม ( กห(เก่า) )
กระทรวงการคลัง ( กค )
กระทรวงการคลัง ( กค(เก่า) )
กระทรวงการต่างประเทศ ( กต )
กระทรวงการต่างประเทศ ( กต(เก่า) )
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ( กก )
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( พม )
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ( อว )
กระทรวงคมนาคม ( คค )
กระทรวงคมนาคม ( คค(เก่า) )
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( ดศ )
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ทส )
กระทรวงพลังงาน ( พน )
กระทรวงพาณิชย์ ( พณ )
กระทรวงพาณิชย์ ( พณ(เก่า) )
กระทรวงมหาดไทย ( มท )
กระทรวงมหาดไทย ( มท(เก่า) )
กระทรวงยุติธรรม ( ยธ )
กระทรวงยุติธรรม ( ยธ(เก่า) )
กระทรวงวัฒนธรรม ( วธ )
กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ( วท )
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ( วว. )
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน ( วทพ )
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( วท )
กระทรวงศึกษาธิการ ( ศธ )
กระทรวงศึกษาธิการ ( ศธ(เก่า) )
กระทรวงสาธารณสุข ( สธ )
กระทรวงสาธารณสุข ( สธ(เก่า) )
กระทรวงอุตสาหกรรม ( อก )
กระทรวงอุตสาหกรรม ( อก(เก่า) )
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( กษ )
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( กษ(เก่า) )
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( ทก )
กระทรวงแรงงาน ( รง )
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ( รส )
กรุงเทพมหานคร ( กทม )
กรุงเทพมหานคร ( กทม )
กลุ่มงานดูแลและพัฒนาศักยภาพนักเรียนทุนพระราชทานในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ( กพน. )
กลุ่มงานเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี ( กคอ )
กองการประชุมคณะรัฐมนตรี ( กปค )
กองการประชุมคณะรัฐมนตรี ( กปค. )
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ( กสศ )
กองนิติธรรม ( กนธ )
กองบริหารงานสารสนเทศ ( กบส )
กองพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษ ( กพต )
กองวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ( กวค )
กองส่งเสริมและประสานงานคณะรัฐมนตรี ( กสค )
กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ( กอค )
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ( กอ.รมน. )
การกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท )
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท )
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ( กทพ )
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( กนอ )
การประปานครหลวง ( กปน )
การประปาส่วนภูมิภาค ( กปภ )
การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ( ปตท )
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ( รฟม )
การรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท )
การไฟฟ้านครหลวง ( กฟน )
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ )
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ( กฟภ )
คณะกรรมการ ( คกก )
คณะกรรมการ กปนร. ( กปนร. )
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( ลต )
คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ( กนร )
คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ( คปร )
คณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน ( คชช )
คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ( กนศ )
คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ( คชก )
คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ( ปสส )
คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการพัฒนาประเทศ ( คปป. )
คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ ( กงช )
คณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน ( ปปร )
คณะกรรมาธิการ ( คกธ )
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ( ปข )
ทบวงมหาวิทยาลัย ( ทม )
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธกส )
ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท )
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ( บสท )
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( บอย )
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ( กบท )
บริษัท การปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ( ปตท )
บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด ( บทม )
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ( นร61 )
บัณฑิต ( นิด้า )
ปธ.คกก.นโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น ( ปธคกก.ถั่ว )
ปธ.คกก.นโยบายป่าไม้แห่งชาติ ( ปธ.คกก.ป่า )
ปธ.คกก.นโยบายยางธรรมชาติ ( ปธ.คกก.ยาง )
ประธาน ( ปธ )
ประธานสมัชชาผู้ขับรถแท็กซี่แห่งประเทศไทย ( ส.ผท.ท. )
ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม (คสช.) ( กก.คสช. )
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ( มข )
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ( มธ )
มหาวิทยาลัยนเรศวร ( มน )
มหาวิทยาลัยบูรพา ( มบ )
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ( มร )
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ( มสธ )
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ( มก )
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ( มช )
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ( มทส )
รอง นรม ( รอง นรม )
ราชบัณฑิตยสถาน ( รถ )
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ( รจภ. )
ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ( ศปมผ. )
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ( ศมส. )
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ( ศมส. )
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอบต )
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( นร52 )
ศูนย์อํานวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ( นร54 )
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ( สคช )
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ( บจธ )
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ( บจธ. )
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ( นิด้า )
สถาบันพระปกเกล้า ( พป )
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ( สวพส. )
สนง.คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( กลต )
สภากาชาดไทย ( กช )
สภาสถาปนิก ( สภส )
สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ( สขช )
สำนักงบประมาณ ( สงป )
สำนักงาน ป.ย.ป. ( นร15 )
สำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดถัยและสร้างสรรค์ ( พปส. )
สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ( กฟก )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( สกว )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( สกว )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( นร62 )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( สสส. )
สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ( สทบ. )
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง )
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ( กพท. )
สำนักงานคกก.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปช )
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ( สคก )
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ( สกศ )
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต )
สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ( สขค )
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช )
สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( ทช )
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ( ก.ค.ศ. )
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ( กพ )
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ( สคบ )
สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ( สจร )
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ( สพช )
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( นร63 )
สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ ( ปรร )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปปช )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ปปท. )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ปปท )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ( ปปส )
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ( กพร )
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช )
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ( กร )
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ( วช )
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ( วช )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( นร13 )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( สกท )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ( สกสค. )
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ( สม )
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ( สช )
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย )
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( ตผ )
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตช )
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ( นร14 )
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ( ทก. )
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ( สนค )
สำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน(องค์การมหาชน) ( สปท )
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) ( สบร )
สำนักงานปฏิรูปการศึกษา ( สปศ )
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ( สป.กห )
สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( สป.ดท )
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ( สปน )
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปง )
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง )
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ( ผผ )
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ( ผร )
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ( พศ. )
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ( พศ )
สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ( สพค. )
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ( สมศ )
สำนักงานศาลปกครอง ( ศป )
สำนักงานศาลยุติธรรม ( ศย )
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ( ศร )
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( นร53 )
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ( สวส. )
สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ( สอซช. )
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ( สศส03 )
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช )
สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สสป )
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( นร.11 )
สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ( สกช. )
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ( สปสช. )
สำนักงานอัยการสูงสุด ( อส )
สำนักงานเลขาธิการ ( สลธ )
สำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช )
สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ( สภ )
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ( สว )
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ( สผ )
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ( สศอ )
สำนักนายกรัฐมนตรี ( นร )
สำนักนิติธรรม ( สนธ )
สำนักบริหารกลาง ( สบก )
สำนักบริหารงานสารสนเทศ ( สบส )
สำนักพระราชวัง ( พว )
สำนักพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษ ( สพต )
สำนักราชเลขาธิการ ( รล )
สำนักวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ( สวค )
สำนักส่งเสริมและประสานงานคณะรัฐมนตรี ( สปค )
สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ( สอค )
สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( สลธ.คสช. )
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ( สลค )
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ( สลน )
สำนักโฆษก ( สน.ฆ )
สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( สกพอ )
สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( กนอ+ส )
หน่วยงานอื่น ๆ ( อื่นๆ )
องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ( ส.ส.ท )
องค์การคลังสินค้า ( อคส )
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ( อตก )
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) ( อพท )
องค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ. )
องค์การบริหารส่วนตำนล ( อบต. )
องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ( รสพ. )
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ( อสค )
องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ( อสมท )
องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ( ปรส )
เนคเทค ( เนคเทค )
เวียนรัฐมนตรี ( ว(ร) )
ค้นหา
ล้างคำค้น
คู่มือการใช้งาน
หน้าที่ 186 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 3701 - 3720 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ
ชื่อเรื่อง
ส่วนราชการ
เจ้าของเรื่อง
วันที่มีมติ
3701
รายงานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาค้าส่งค้าปลีกไทย (ครั้งที่ 1/2547)
พณ
28/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหา
ค้าส่งค้าปลีกไทย ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2547 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยเอก สุชาติ
เชาว์วิศิษฐ) เป็นประธาน สรุปได้ว่า ที่ประชุมมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของบริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง
จำกัด ปี 2545-46 โดยมีร้านค้าปลีกสมัครเป็นสมาชิกสั่งซื้อสินค้าจากบริษัท ฯ จำนวน 40,000 ราย แต่
ติดปัญหาด้านสินเชื่อธนาคารกรุงไทย และธนาคารนครหลวงไทย บริษัท ฯ จึงได้ปรับรูปแบบธุรกิจ โดย
พิจารณาให้สินเชื่อในการสั่งซื้อสินค้า และจัดตั้งศูนย์โทรศัพท์อัตโนมัติเพื่อรับสั่งซื้อสินค้าโดยตรง สามารถ
รับสมัครสมาชิกได้ 13,120 ราย ตรวจสอบอนุมัติสินเชื่อ 6,123 ราย รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพร้านค้า
ปลีกให้มีความสามารถยืนหยัดและได้รับความรู้ด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ ผู้บริโภคมีทางเลือกในการ
ซื้อสินค้ามากขึ้น โดยบริษัทฯ จัดสร้างร้านสะดวกซื้อเป็นร้านต้นแบบแฟรนไชส์ โดยวางรูปแบบการบริหาร
และปรับเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ให้มีความเข้มแข็งขึ้น สำหรับรูปแบบธุรกิจมีทั้งร้านค้าสมาชิกทั่วไป ร้านค้า
ต้นแบบ สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และโครงการโชว์ห่วยติดล้อ หน่วยเคลื่อนที่จำหน่ายสินค้า ทั้งนี้
บริษัทฯ จะมุ่งมั่นพัฒนาดำเนินการให้บรรลุความสำเร็จโดยไม่ของบสนับสนุนจากภาครัฐเพิ่มอีกและพร้อม
จะแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน เมื่อครบ 5 ปี นอกจากนี้ ประธานคณะกรรมการค้าส่งค้าปลีกไทยได้ให้
ข้อสังเกตว่า การปรับแผนธุรกิจโดยขยายขอบเขตการดำเนินงานในส่วนของการสร้างผู้ประกอบการใหม่
เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม ขอให้บริษัท ฯ ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นการดำเนินงานให้สอดคล้องกับวัตถุ
ประสงค์หลักของโครงการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ค้าปลีกรายย่อยที่ต้องการช่วยเหลือผู้ค้าปลีกรายย่อยที่
ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (14136/2547)
2
ยืนยันมติ (14137/2547)
3
เรื่องเข้าใหม่ (สายครม.) (4598/2547)
3702
รายงานผลการปฏิบัติราชการ ณ ประเทศออสเตรเลีย
พณ
28/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการปฏิบัติราชการ ณ ประเทศออส
เตรเลีย ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล) และคณะ ระหว่างวันที่
8-11 กันยายน 2548 เพื่อสำรวจและขยายลู่ทางในการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดออสเตรเลียโดยได้เข้า
เยี่ยมชมงาน Fine Food Australia มีผู้ส่งออกไทยเข้าร่วมงาน จำนวน 41 บริษัท ในการนี้ ได้เยี่ยมชมคู
หาและหารือกับผู้ส่งออกไทยที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้า พบว่า สินค้าของผู้ส่งออกดังกล่าวมีคุณภาพสูง หาก
ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมในเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายในต่างประเทศ จะสามารถขยายตลาดได้อีกมาก
การเยี่ยมชมบริษัท Central Merchant ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ชั้นนำ มีสำนัก
งานใหญ่อยู่ ณ กรุงเมลเบิร์น ที่ผ่านมา บริษัท ฯ นำเข้า และทำการตลาดสินค้าไทยผ่านซุปเปอร์มาร์
เก็ต 700 แห่งทั่วประเทศ บริษัท ฯ มีระบบลอจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ทางอิเล็คทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange : EDI) และระบบการเติมสินค้าอัตโนมัติ (Automatic
Replenishmnt System : ARS) สำนักงานใหญ่สามารถตรวจสอบข้อมูลการขาย และระดับสินค้าคงคลังของ
แต่ละจุดขายได้ภายในเวลาเพียง 2 นาที การเยี่ยมชม (Sydney Market) ซึ่งเป็นจุดขายส่งสินค้าเกษตรที่
ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ประกอบด้วยตลาดขายส่งสินค้า 3 ประเภท ได้แก่ ตลาดขายส่งสินค้าผักและผล
ไม้สด ตลาดขายส่งดอกไม้ และตลาดของเกษตรกรที่นำผลผลิตของตนมาจำหน่าย การเยี่ยมชมบริษัท BKK
Australia เป็นผู้นำเข้าข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และสินค้าอาหารกระป๋องรายใหญ่ที่สุดจากไทย โดยนำเข้าข้าว
หอมมะลิประมาณปีละ 4,000 ตัน จากการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ฯ ไทยได้เสนอให้บริษัท ฯ
มาร่วมลงทุนในการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (Trading Firm) ขึ้น ณ ประเทศไทย เพื่อคัดเลือก
สินค้า OTOP และสินค้าอื่น ๆ ที่มีคุณภาพของไทยไปจัดจำหน่ายในตลาดออสเตรเลีย สำหรับมาตร
การดำเนินการในอนาคต ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการส่งออกบรรจุรายชื่อผู้ส่งออกที่เข้าร่วมงาน Fine
Food Australia ที่มีคุณภาพอยู่ในรายชื่อซัพพลายเออร์ในโครงการ Thailand Market Place ในส่วนของ
สินค้าพร้อมรับประทาน (ready-to-eat) และประสานงานอย่างใกล้ชิด ตลอดจนร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริม
การส่งออกกับบริษัท Central Merchant และบริษัท BKK Australia เพื่อใช้ประโยชน์จากความชำนาญและ
ศักยภาพของบริษัททั้งสองดังกล่าว และให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ ศึกษา
ในรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคในการทำการตลาดสินค้าดังกล่าวในตลาดออสเตรเลียต่อไป
3703
สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนกันยายน 2547
พณ
21/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนกันยายน 2547 ตั้งแต่วันที่ 6-10 กันยายน 2547 มีดังนี้ กลุ่มสินค้าที่นำเข้าวัตถุ
ดิบจากต่างประเทศ ได้แก่ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดเหล็กรูปตัวซี (ขนาด 75x45x15x2.3 มม.) ราคา
สูงขึ้นเป็น 508-520 บาท/ท่อน ตะปู ราคาสูงขึ้นเป็น 560-600 บาท/ลัง และสังกะสี ราคาสูงขึ้นเป็น
13-15.50 บาท/ฟุต กลุ่มสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ ได้แก่ ถุงพลาสติก ราคาสูงขึ้นเป็น 65-72 บาท/
กก. และท่อพีวีซี ราคาสูงขึ้นเป็น 48-60 บาท/ท่อน กลุ่มสินค้าอาหารสด ได้แก่ ไก่สด ราคาสูงขึ้นเป็น 48
-50 บาท/กก. ส่วนไข่ไก่ ราคาลดลงเป็น 2.50-2.90 บาท/ฟอง กลุ่มผักและผลไม้ ได้แก่ ผักบุ้งจีน ราคา
สูงขึ้นเป็น 14-25 บาท/กก. ผักชี ราคาลดลงเป็น 4-5 บาท/ขีด ส้มเขียวหวาน ราคาลดลงเป็น 22-28
บาท/กก. และกล้วยหอมทอง ราคาลดลงเป็น 3-4 บาท/ผล สำหรับกลุ่มสินค้าอื่น ๆ ราคายังทรงตัว ยก
เว้นสินค้าบางรายการที่ราคาเปลี่ยนแปลงตามกลยุทธ์การส่งเสริมการขายและภาวะการแข่งขัน เช่น ปูน
ซิเมนต์ ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู น้ำปลา น้ำซีอิ๊ว น้ำตาลทราย สบู่ และแป้งโรยตัว เป็นต้น
ในส่วนของการตรวจสอบการเปิด-ปิดธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกขนาดใหญ่ ในเขตกรุงเทพมหานครและภูมิภาค
จำนวน 44 ราย (183 สาขา) ไม่พบการกระทำผิด การตรวจสอบผู้ประกอบการทั่วไปตามพระราชบัญญัติ
ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 จำนวน 4,492 ราย ไม่พบการกระทำผิด และตรวจสอบตาม
พระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 จำนวน 5,523 ราย พบการกระทำผิด 1 ราย ส่วนการ
ดำเนินการแก้ไขปัญหาและช่วยบรรเทาค่าครองชีพ กรณีเหล็ก ได้กำชับให้ผู้ผลิตดำเนินการกำกับติดตาม
ไม่ให้ผู้จำหน่ายฉวยโอกาสขึ้นราคา รวมทั้งให้ผู้ผลิตจัดตั้ง Call Center เพื่อแก้ไขปัญหาด้านราคาที่ไม่เป็น
ธรรม กรณีเม็ดพลาสติก ได้ขอความร่วมมือให้จำหน่ายในราคาที่เป็นธรรมและห้ามกักตุนสินค้า และได้จัด
โครงการธงฟ้าเคลื่อนที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาต่ำกว่าท้องตลาด ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
3704
สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือนกันยายน 2547
พณ
14/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือนกันยายน 2547 ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม-3 กันยายน 2547 มีดังนี้ ภาวะราคา
สินค้าที่ต้องติดตามใกล้ชิดพิเศษ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยเหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดเหล็กรูปตัวซี
(ขนาด 75x45x15x2.3 มม.) ราคาสูงขึ้นเป็น 499-508 บาท/ท่อน ท่อพีวีซี (ขนาด 0.5 นิ้ว x 4 ม.)
ราคาสูงขึ้นเป็น 45-60 บาท/ท่อน เม็ดพลาสติก ราคาสูงขึ้นเป็น 55 บาท/กก. ถุงพลาสติก ราคาสูง
ขึ้นเป็น 63-70 บาท/กก. และรถแทรกเตอร์ ราคาสูงขึ้นเป็น 1,118,150 บาท/คัน และไก่สด ราคาสูง
ขึ้นเป็น 46-48 บาท/กก. สินค้าที่เคลื่อนไหวขึ้น-ลงตามฤดูกาลและภาวะตลาด ได้แก่ ส้มเขียวหวาน
ราคาลดลงเป็น 25-28 บาท/กก. ผักบุ้งจีนและผักชี ราคาสูงขึ้นเป็น 18-20 บาท/กก. มะนาว ราคาสูง
ขึ้นเป็น 0.75-1 บาท/ผล และกล้วยหอมราคาสูงขึ้นเป็น 3-5 บาท/ผล สำหรับสินค้าอื่น ๆ ส่วนใหญ่
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านราคา ยกเว้นสินค้าบางรายการที่ราคาลดลงช่วงสั้นๆ ตามกลยุทธ์การส่งเสริม
การขาย เช่น ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู น้ำปลา น้ำซีอิ๊ว และสบู่ เป็นต้น ในส่วนของการ
ตรวจสอบตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 จำนวน 5,130 ราย พบการ
กระทำผิด 3 ราย และจากการตรวจสอบตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 จำนวน 5,713
ราย พบการกระทำผิด 1 ราย
3705
การค้าระหว่างประเทศของไทย ในระยะ 7 เดือนแรกของปี 2547 (ม.ค.-ก.ค.)
พณ
14/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของ
ไทยในระยะ 7 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2547 (เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2547) สรุปได้ดังนี้ การส่งออกของ
ไทย ในระยะ 7 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2547 มีมูลค่า 54,464 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน
ของปี พ.ศ. 2546 ร้อยละ 22.2 ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 53,755 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6
โดยมีดุลการค้าเกินดุลมูลค่า 709 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ในด้านตลาดส่งออกสำคัญ ขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้ง
ในตลาดหลักและตลาดใหม่ โดยตลาดที่ยังขยายตัวในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ อาเซียน (เพิ่มขึ้นร้อยละ
30.8) แอฟริกา (ร้อยละ 55.7) ตะวันออกกลาง (ร้อยละ 33.6) ลาตินอเมริกา (ร้อยละ 29.1) อินโดจีน
และพม่า (ร้อยละ 28.7) รวมทั้งตลาดที่ไทยจัดทำเขตการค้าเสรี คือ จีน (ร้อยละ 23.9) ออสเตรเลีย (ร้อย
ละ 15.9) และอินเดีย (ร้อยละ 39.2) ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ข้าว
(ร้อยละ 66.1) มันสำปะหลัง (ร้อยละ 44.0) และยางพารา (ร้อยละ 26.0) รวมไปถึงไก่แปรรูป (ร้อยละ
12.5) สำหรับสินค้าสำคัญอื่น ๆ ที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์
และส่วนประกอบ สิ่งทอ พลาสติก วัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณี เครื่องใช้เดินทาง เฟอร์นิเจอร์ เครื่อง
ใช้และเครื่องประดับตกแต่ง สิ่งพิมพ์ เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เภสัช
3706
รายงานการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2546 - 31 กรกฎาคม 2547
พณ
14/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับ
สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2546-31 กรกฎาคม 2547 โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ออกหนังสือ
รับรองแหล่งกำเนิดสินค้า สำหรับการส่งสินค้าพิกัดศุลกากรตอนที่ 01-08 ออกไปจีน จำนวน 10,852 ฉบับ
ปริมาณ 2,494,828 ตัน มูลค่า 11,016.14 ล้านบาท สินค้าที่ขอออกหนังสือรับรอง ฯ การส่งออกมากที่สุด
ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น รองลงมาได้แก่ ลำไยสด ทุเรียนสด และลำไยอบแห้ง และตั้งแต่
วันที่ 1 ตุลาคม 2546-30 มิถุนายน 2547 ไทยส่งสินค้าออกไปจีน พิกัด ฯ 01-08 ปริมาณ 2,080,594 ตัน
มูลค่า 9,137.22 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 49 และ 43 ตามลำดับ สินค้าที่
ส่งออกมากที่สุดได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น รองลงมาได้แก่ ลำไยแห้ง ลำไยสด ปลาแช่แข็ง
และทุเรียนสด และนำเข้าสินค้าจากจีน พิกัด ฯ 01-08 ปริมาณ 207,917 ตัน มูลค่า 4,593.04 ล้านบาท
โดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 183 และ 92 ตามลำดับ สินค้าที่นำเข้ามากที่สุดได้แก่ แอป
เปิ้ลสด รองลงมาได้แก่ กระเทียมสด/แช่เย็น แพร์และควินส์สด แครอท เทอร์นิพสด/แช่เย็น และปลาแช่แข็ง
โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับจีน จำนวน 4,544.19 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ไทย
ยังคงได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 14
3707
รายงานข้อมูลการประกันภัยอิสรภาพ
พณ
14/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการประกันภัย รายงานข้อมูลการ
ประกันภัยอิสรภาพ สรุปได้ดังนี้ รูปแบบการประกันภัยอิสรภาพมี 2 แบบ คือ แบบที่ 1 กรมธรรม์ประกัน
ภัยการประกันภัยอิสรภาพก่อนกระทำความผิด ใช้สำหรับบุคคลทั่วไปที่ประสงค์จะมีหลักประกันตัวไว้ล่วง
หน้าในคดีความผิดทางอาญาโดยประมาท โดยกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย ขั้นต่ำ 0.5% ขั้นสูง 1% ต่อปี
และแบบที่ 2 กรมธรรม์ประกันภัยการประกันภัยอิสรภาพหลังกระทำความผิด ใช้สำหรับบุคคลที่ถูกกล่าว
หาว่ากระทำความผิดทางอาญา หรือตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยทางคดีอาญาทุกฐานความผิด ประสงค์จะ
หาหลักประกัน เพื่อนำไปขอประกันตัวต่อเจ้าพนักงาน โดยกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ 5% ขั้นสูง
20% ต่อปี ตามชั้นศาลที่มีคำพิพากษาและฐานความผิด ซึ่งขณะนี้มีบริษัทประกันภัยที่ได้รับความเห็นชอบ
ให้ทำการรับประกันภัยการประกันภัยอิสรภาพ รวมทั้งสิ้น 59 บริษัท ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำ
กรมธรรม์ประกันภัยอิสรภาพ อาทิ ประชาชนทั่วไปที่ซื้อการประกันภัยอิสรภาพแบบก่อนกระทำความผิด
สามารถนำหนังสือรับรองติดตัว และวางเป็นหลักประกันได้ทันทีทุกแห่งทั่วประเทศ สำหรับผู้ที่ตกเป็นผู้
ต้องหาหรือจำเลยแล้ว ก็สามารถซื้อการประกันภัยอิสรภาพหลังกระทำความผิดสำหรับใช้ประกันตัวได้
เช่นกัน ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรับวางหลักประกัน ไม่ต้องเสี่ยงกับการเก็บเงินสดหรือเอกสาร
โฉนดที่ดิน ซึ่งหลักประกันที่วางอยู่ตามสถานีตำรวจหรือที่ศาลยุติธรรม มีหลักทรัพย์ที่เป็นโฉนดที่ดิน
ปลอมปนอยู่มากยากต่อการตรวจสอบ และเป็นภาระต่อเจ้าพนักงาน และจากการดำเนินการรับประกัน
ภัยอิสรภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 จนถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2547 มีผู้ทำประกันภัยอิสรภาพรวม
ทั้งสิ้น 4,979 ราย จำนวนเงินเอาประกันภัย 704.38 ล้านบาท แยกเป็นกรมธรรม์ประกันภัยอิสภาพ
ก่อนกระทำความผิด 315 ราย จำนวนเงินเอาประกันภัย 50.50 ล้านบาท กรมธรรม์ประกันภัยอิสร
ภาพหลังกระทำความผิด 4,664 ราย จำนวนเงินเอาประกันภัย 653.88 ล้านบาท
3708
สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือนสิงหาคม 2547
พณ
14/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำ สัปดาห์ที่ 4 เดือนสิงหาคม 2547 ตั้งแต่วันที่ 23-27 สิงหาคม 2547 สรุปได้ดังนี้ สินค้าโดยทั่วไป
ยังปกติ มีสินค้าที่ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จำนวน 10 สินค้า ซึ่งมีสาเหตุจากปัจจัยภาคนอก
ประเทศ ได้แก่ ราคาวัตถุดิบ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกเคลื่อนไหวในระดับสูง รวมทั้งปัจจัยภาย
ในประเทศที่มีการเคลื่อนไหวตามภาวะตลาดและฤดูกาลสินค้า โดยสินค้าที่ต้องติดตามใกล้ชิดพิเศษ ได้แก่
ผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยเหล็กเส้น (ขนาด 9 มม.) ราคาสูงขึ้นเป็น 112-125 บาท/เส้น เหล็กโครงสร้างรูป
พรรณชนิดเหล็กรูปตัวซี (ขนาด 75x45x15x2.3 มม.) ราคาสูงขึ้นเป็น 490-508 บาท/ท่อน เม็ดพลา
สติก ราคาสูงขึ้นเป็น 52 บาท/กก. และถุงพลาสติก ราคาสูงขึ้นเป็น 62-64 บาท/กก. สินค้าที่ต้องติด
ตามใกล้ชิด ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง โดยน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91 และ 95 ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 20.99 บาท/
ลิตร และ 21.79 บาท/ลิตร ตามลำดับ สินค้าที่เคลื่อนไหวขึ้น-ลงตามฤดูกาลและภาวะตลาดช่วงสั้น ๆ
ได้แก่ มะนาว ราคาสูงขึ้นเป็น 0.50-1 บาท/ผล ผักบุ้งจีนและผักชี ราคาลดลงเป็น 12-20 บาท/กก. ส้ม
เขียวหวาน ราคาลดลงเป็น 30-32 บาท/กก. สุกรชำแหละ ราคาลดลงเป็น 80-90 บาท/กก. สำหรับ
สินค้าอื่น ๆ ส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านราคา ยกเว้นสินค้าบางรายการที่ราคาลดลงเล็กน้อยตาม
กลยุทธการส่งเสริมการขายและภาวะการแข่งขัน เช่น น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู ผงซักฟอก และยาสีฟัน เป็น
ต้น ในส่วนของการตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจพบการกระทำผิดทั้งสิ้น จำนวน 10 ราย
ได้แก่ ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 7 ราย แสดงราคาไม่ตรงกับมาตรวัด จำนวน
2 ร่าย และปรับราคาก่อนกำหนด จำนวน 1 ราย และจากการตรวจสอบผู้ประกอบการทั่วไป ตามพระราช
บัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 พบการกระทำผิด จำนวน 3 ราย และตรวจสอบตามพระ
ราชบัญญัติมาตรชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 พบการกระทำผิด จำนวน 1 ราย
3709
สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือนสิงหาคม 2547
พณ
07/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือนสิงหาคม ตั้งแต่วันที่ 16-20 สิงหาคม 2547 ดังนี้ หมวดวัสดุก่อสร้าง สินค้าที่
ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยเหล็กเส้น (ขนาด 9 มม.) ราคาสูงขึ้นเป็น 109-119 บาท/เส้น
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดเหล็กฉาก (ขนาด 40x40x3 มม.) ราคาสูงขึ้นเป็น 260-278 บาท/ท่อน
สินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ ปูนซิเมนต์ผสม ราคาลดลงเป็น 105-110 บาท/ถุง หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91 และ 95 ปรับราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 20.39 บาท/ลิตร และ 21.19 บาท/
ลิตร ตามลำดับ เม็ดพลาสติก ราคาสูงขึ้นเป็น 47.50 บาท/กก. และถุงพลาสติก ราคาสูงขึ้นเป็น 56-62
บาท/กก. หมวดอาหารสด สินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ไก่สด ราคาสูงขึ้นเป็น 45-46 บาท/กก. สินค้าที่
ราคาลดลงได้แก่ สุกรชำแหละ ราคาลดลงเป็น 85-90 บาท/กก. หมวดผักและผลไม้ สินค้าที่ราคาสูงขึ้น
ได้แก่ ผักบุ้งจีนและผักชี ราคาสูงขึ้นเป็น 18-20 บาท/กก. และ 4-6 บาท/ขีด สินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่
ส้มเขียวหวาน ราคาลดลงเป็น 30-35 บาท/กก. สำหรับสินค้าอื่น ๆ ส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้าน
ราคายกเว้นสินค้าบางรายการที่ราคาลดลงเล็กน้อยตามกลยุทธ์การส่งเสริมการขายและภาวการณ์แข่งขัน
เช่น ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู น้ำปลา น้ำตาลทราย สบู่ ผงซักฟอก ยาสีฟัน และแชมพู เป็นต้น
ในส่วนของการตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงได้ตรวจสอบพบการกระทำผิดปรับราคาน้ำมันก่อน
การประกาศขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 2 ราย รวมทั้งการตรวจสอบผู้ประกอบการทั่วไป ตามพระ
ราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 พบการกระทำผิด 3 ราย ส่วนตรวจสอบตามพระ
ราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 ไม่พบการกระทำผิด
3710
การเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
พณ
07/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอเรื่อง การเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับประเทศ
เพื่อนบ้านรวมตลอดทั้งปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไข และให้กระทรวงพณิชย์เป็นเจ้าภาพหลักใน
การผลักดันและขับเคลื่อนการดำเนินการต่าง ๆ ร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้
รับความเห็นการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น ไปประกอบการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้
กระทรวงการต่างประเทศ เป็นหน่วยงานประสานและติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้การติดต่อระดับรัฐ
ต่อรัฐเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเข้าใจถูกต้องครบถ้วนตรงกัน กับให้คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วม
มือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (อพบ.) เร่งรัดดำเนินการจัดประชุมเพื่อพิจารณา กำกับ ติดตามการ
ดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ โดยควรจัดการประชุมคณะอนุกรรมการ ฯ ทุกเดือน และ
ควรให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้นเข้าร่วมประชุมด้วย และให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐ
ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องต่าง ๆ เร่ง
พิจารณาและดำเนินการแก้ไขกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นปัญหา อุปสรรคต่อการดำเนินการ
ตามกรอบความร่วมมือดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งประสานและสั่งการให้หน่วยงานของตนที่ตั้งอยู่
ในส่วนภูมิภาค หรือที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนได้ทราบอย่างชัดเจนและรวดเร็ว เพื่อให้หน่วยงานเหล่านี้รับไป
ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ทันเหตุการณ์ และเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป เช่น หน่วยงานของกรมศุลกากร
เป็นต้น
3711
แนวทางการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรยากจนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)
นร
07/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) เสนอแนวทางการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรยากจนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกรณี ของข้าวและ
ไหม ดังนี้ กรณีของข้าว มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอย่างน้อยอีกประมาณ 2 หมื่นบาทต่อปี โดย
เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวจาก 350 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 400 กิโลกรัมต่อไร่ ลดต้นทุนการผลิต 370
บาทต่อไร่ จากการทำเกษตรอินทรีย์ ลดความชื้นของข้าวที่ขายให้อยู่ที่ระดับ 14 เปอร์เซ็นต์ และขายตรง
ให้กับโรงสี ส่วนกรณีของไหม มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอย่างน้อยอีกประมาณ 13,800 บาท
ต่อปี โดยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจาก 20 เป็น 25 กิโลกรัมต่อกล่อง และทำการเลี้ยงปีละ 6 รุ่น ปรับ
จากสาวไหมด้วยมือ เป็นเครื่องสาวแบบง่าย ทำขนาดไจไหมให้ได้มาตรฐาน และมีการตีเกลียวเส้นไหม
จำหน่ายซึ่งหากทอผ้าเองจะมีรายได้สูงขึ้น และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงาน
หลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการต่อไป โดยให้นำ
ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับการศึกษาหาแนวทาง
การพัฒนาห่วงโซ่มูลค่าการผลิต (value chain) ของสินค้าเกษตรอื่น ๆ ของภาคตะวันอออกเฉียงเหนือของ
สศช. นั้น ให้ สศช. ปรับแนวการศึกษาไปเป็นการศึกษาในภาพรวมแทนการศึกษาสินค้าเกษตรรายชนิด
โดยควรมุ่งศึกษาความเหมาะสม และเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรของเกษตรกรใน
พื้นที่ โดยคำนึงผลตอบแทนหรือผลการลงทุน (yield) ที่ได้รับ โดยอาจนำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องซึ่งสำนักงาน
กองทุนสนับสนุนการวิจัยได้ดำเนินการไว้แล้วมาศึกษาวิจัยเพิ่มเติมให้ได้ผลการศึกษาที่ละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ งบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินการต่าง ๆ ให้ส่วนราชการดำเนินการตามความเห็นของสำนัก
งบประมาณ สำหรับกรณีการดำเนินการเกี่ยวกับไหม มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง)
รับข้อเสนอของ สศช. และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการให้สอดคล้องกับการดำเนิน
การตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2547 เรื่องปัญหาการบริหารจัดการเรื่องหม่อนไหมต่อไป
โดยให้เน้นการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อประโยชน์ในเชิงอนุรักษ์ไหมไทยไว้มากกว่าประโยชน์ใน
เชิงพาณิชย์โดยอาจให้การสนับสนุนชดเชย (subsidize) ตามความจำเป็นเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอ
แก่การครองชีพ โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความ
ร่วมมือและสนับสนุนในการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในการเพาะปลูกการผลิตด้วย เช่น การทำจีโนมไหม
ไทย เพื่อให้ไหมไทยมีคุณสมบัติและคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น เป็นต้น
3712
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนสิงหาคม 2547
พณ
07/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่ว
ไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนสิงหาคม 2547 โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ
เดือนสิงหาคม 2547 เท่ากับ 109.7 เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2547 สูงขึ้นร้อยละ 0.5 จากการสูงขึ้นของ
ดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 0.3 และดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่น ๆ ไม่รวมอาหารและ
เครื่องดื่ม ร้อยละ 0.5 โดยในส่วนของสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เนื้อ
สัตว์ (เนื้อสุกร) ปลาและสัตว์น้ำ (ปลาช่อน ปลาดุก ปลานิล ปลาจะละเม็ดดำ ปลากะพง ปลาแดง ปลาทูสด
กุ้ง ปูม้า ปลาหมึก และหอยแครง) ผลไม้สด (กล้วยน้ำว้า สับปะรด และมะม่วง) สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง
ได้แก่ ข้าวสารเจ้าหอมมะลิ ไก่สด และผักสด ส่วนดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่น ๆ ไม่รวมอาหารและเครื่อง
ดื่มสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง (น้ำมันเบนซิน) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สุรา) สินค้า
สำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ ค่าประกันภัยรถยนต์ (ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสพ
ภัยจากรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.)) ค่าซื้อยานพาหนะ (รถยนต์นั่งขนาดต่ำกว่า 1,800 ซีซี) สำหรับดัชนีราคา
ผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศปี 2547 (คำนวณจากรายการสินค้าและบริการ 235รายการ) คือ ดัชนีราคา
ผู้บริโภคทั่วไปของประเทศที่หักรายการสินค้ากลุ่มอาหารสด และสินค้ากลุ่มพลังงาน จำนวน 91 รายการ
ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 25 ของสัดส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ
เดือนสิงหาคม 2547 เท่ากับ 104.8 เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2547 ลดลงร้อยละ 0.2 เดือนสิงหาคม
2546 สูงขึ้นร้อยละ 0.5 และเดือนมกราคม-สิงหาคม 2547 เทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปี 2546 สูงขึ้น
ร้อยละ 0.3
3713
แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (จำนวน 8 ราย)
พณ
07/09/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอขอถอนเรื่อง แต่งตั้ง
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จำนวน 8 ราย คืนไปได้
3714
สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนสิงหาคม 2547
พณ
31/08/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนสิงหาคม 2547 ตั้งแต่วันที่ 9-13 สิงหาคม 2547 มีดังนี้ ภาวะราคาสินค้าที่ต้อง
ติดตามใกล้ชิดพิเศษ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยเหล็กเส้น (ขนาด 9 มม.) ราคาสูงขึ้นเป็น 109-114 บาท
/เส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดเหล็กฉาก (ขนาด 40x40x3 มม.) ราคาสูงขึ้นเป็น 255-278 บาท/
ท่อน สินค้าที่ต้องติดตามใกล้ชิด ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91 และ 95 ซึ่งปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ตามประกาศของกระทรวงพลังงาน เป็น 19.79 บาท/ลิตร และ 20.59 บาท/ลิตร ตามลำดับ ปุ๋ยเคมี
ราคาสูงขึ้นเป็น 445-450 บาท/กระสอบ สินค้าที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ ไก่สดราคาสูงขึ้นเป็น 40-45 บาท
/กก. สินค้าที่เปลี่ยนแปลงตามมาตรการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ได้แก่ ราคารถยนต์มีการปรับ
ลดลงตามภาระภาษี และสินค้าที่เคลื่อนไหวขึ้น-ลงตามฤดูกาลและภาวะตลาดช่วงสั้น ๆ เช่น เงาะ ราคา
ลดลงเป็น 15-18 บาท/กก. ส้มเขียวหวาน ราคาลดลงเป็น 32-35 บาท/กก. ผักบุ้งจีน และผักชี ราคา
สูงขึ้นเป็น 14-16 บาท/กก. และ 3-6 บาท/ขีด สำหรับสินค้าอื่น ๆ ส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้าน
ราคา ยกเว้นสินค้าบางรายการที่ราคาลดลงเล็กน้อยตามกลยุทธ์การส่งเสริมการขายและภาวะการแข่ง
ขัน เช่น ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช น้ำปลา สบู่ และหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ในส่วนของการตรวจสอบ
สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากมีการร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมการฉวยโอกาสของสถานีบริการ
น้ำมันเชื้อเพลิงผ่านสายด่วน กรมการค้าภายใน 1569 ตรวจพบการกระทำผิด 10 ราย จำแนกเป็นปรับ
ราคาก่อนกำหนด 3 ราย ปฏิเสธการจำหน่าย 1 ราย และไม่ปิดป้ายแสดงราคาหรือปิดป้ายไม่ตรงกับที่
จำหน่าย 6 ราย ซึ่งได้มีการส่งเรื่องดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายแล้ว และจากการตรวจ
สอบผู้ประกอบการทั่วไปได้มีการตรวจสอบตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542
พบการกระทำผิด 18 ราย และตรวจสอบตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 พบการกระทำ
ผิด 4 ราย โดยได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
3715
ยุทธศาสตร์ข้าวหอมของไทย
พณ
31/08/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop)
เรื่อง ยุทธศาสตร์ข้าวหอมของไทย เพื่อระดมความเห็นและหาข้อสรุปเกี่ยวกับทิศทางการผลิต คุณภาพ และ
การตลาดของข้าวหอมแต่ละชนิด เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2547 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็น
ประธานการประชุม โดยผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ ให้รักษาความเป็นเอกลักษณ์ของข้าวหอมมะลิไทยที่มีคุณ
ภาพดีที่สุด และราคาแพงที่สุดของไทยเอาไว้ โดยควบคุมมาตรฐานการผลิตและการส่งออกอย่างเข้มงวด และ
ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สำหรับข้าวปทุมธานี
1 ได้มีการกำหนดคุณภาพและมาตรฐานแนะนำ เพื่อยกระดับราคาข้าวชนิดนี้ให้สูงกว่าข้าวขาว แต่ต่ำกว่าข้าว
หอมมะลิไทย และสามารถส่งออกไปแข่งขันกับประเทศผู้ส่งออกรายอื่นได้ ส่วนข้าวหอมอื่น ๆ ยังไม่มีความ
จำเป็นต้องดำเนินการ เนื่องจากปริมาณผลผลิตไม่มาก และส่วนมากเป็นการจำหน่ายเพื่อการบริโภคภายใน
ประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับการใช้วิธีการตรวจ DNA เพื่อตรวจสอบความแตกต่างระหว่างข้าว
หอมมะลิไทยกับข้าวหอมชนิดอื่น ๆ เนื่องจากเป็นการเพิ่มภาระและค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการค้า และยัง
เปิดโอกาสให้ประเทศผู้นำเข้าใช้มาตรการดังกล่าวกีดกันการนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทย รวมทั้งควรพิจารณา
นำระบบการจดทะเบียนเกษตรกรและโรงสี และระบบการจัดการคุณภาพ (Good Agricultural Practice :
GAP) หรือระบบ IP (Identity Preservation) มาใช้ในกระบวนการผลิตและการส่งออกข้าว และขอความร่วม
มือผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีการผลิตข้าวหอมชนิดต่าง ๆ ดำเนินมาตรการควบคุมดูแลการผลิตอย่างใกล้ชิดตั้ง
แต่ขั้นตอนการกำหนดพื้นที่เพาะปลูกพันธุ์ข้าวที่ใช้ การซื้อขายข้าวเปลือกภายในจังหวัด ส่วนการที่ผู้นำเข้า
ข้าวของประเทศต่าง ๆ จะนำไปผสมและปลอมปนอย่างไรให้เป็นเรื่องภายในของประเทศนั้น
3716
ผลการดำเนินโครงการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเคลื่อนที่เร็ว (Special Task Force: STF) ณ เดือนกรกฎาคม 2547
พณ
31/08/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออก รายงานผล
การดำเนินโครงการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเคลื่อนที่เร็ว (Special Task Force : STF) เพื่อดำเนิน
การขยายการส่งออกของไทยไปยังตลาดใหม่ โดยตั้งแต่เปิดตัวโครงการในเดือนตุลาคม 2546 จนถึง
เดือนกรกฎาคม 2547 คณะ STF ได้เดินทางไปศึกษาลู่ทางการขยายตลาดเชิงลึกและจัดคณะ Export
Rally เพื่อเจาะตลาดใหม่แล้วทั้งหมด 6 ภูมิภาค ได้แก่ ตลาดจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา
รัสเซีย และอเมริกาใต้ มูลค่าการเจรจาการค้าทั้งหมด 6 ภูมิภาค มีจำนวน 5,354.53 ล้านบาท แบ่ง
เป็นมูลค่าการขายในทันที จำนวน 312.64 ล้านบาท และมูลค่าการขายที่คาดว่าจะได้รับภายใน 1 ปี
จำนวน 5,041.89 ล้านบาท
3717
แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน (กระทรวงพาณิชย์) (นายวรารักษ์ ชั้นสามารถ และ นายพิษณุ เหรียณมหาสาร)
พณ
31/08/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน
สามัญในสังกัดให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายวรารักษ์ ชั้นสามารถ ดำรงตำแหน่ง
ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง และนายพิษณุ เหรียญมหาสาร
ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่
1 ตุลาคม 2547 เป็นต้นไป
3718
สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือนสิงหาคม 2547
พณ
24/08/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือนสิงหาคม 2547 ตั้งแต่วันที่ 3-6 สิงหาคม 2547 มีดังนี้ ภาวะราคาสินค้าที่ต้อง
ติดตามใกล้ชิดพิเศษ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยเหล็กเส้น (ขนาด 9 มม.) ราคาสูงขึ้นเป็น 107-110 บาท
/เส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดเหล็กรางน้ำ (ขนาด 10x50x5 มม.) ราคาสูงขึ้นเป็น 1,200-1,348
บาท/ท่อน สินค้าที่ต้องติดตามใกล้ชิด ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91 และ 95 ราคาสูงขึ้นเป็น 19.19
บาท/ลิตร และ 19.99 บาท/ลิตร ตามลำดับ และเม็ดพลาสติก ราคาสูงขึ้นเป็น 45.50 บาท/กก. สินค้าที่
เคลื่อนไหวขึ้น-ลงตามฤดูกาลและภาวะตลาดช่วงสั้น ๆ ได้แก่ ผักคะน้า ราคาลดลงเป็น 15-18 บาท/กก.
และส้มเขียวหวาน ราคาลดลงเป็น 32-40 บาท/กก. สำหรับสินค้าอื่น ๆ ส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ด้านราคา ยกเว้นสินค้าบางรายการที่ราคาลดลงเล็กน้อยตามกลยุทธ์การส่งเสริมการขายและภาวะการ
แข่งขัน เช่น ผลิตภัณฑ์นม กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำมันพืช น้ำปลา และแป้งผงโรยตัว เป็นต้น ในส่วนของการ
ตรวจสอบตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ในเขตกรุงเทพมหานคร พบการ
กระทำผิด 1 ราย ภูมิภาค 1 ราย และจากการตรวจสอบตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542
ในเขตกรุงเทพมหานครไม่พบการกระทำผิด ส่วนภูมิภาคพบการกระทำผิด 3 ราย
3719
การมอบหมายเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกลงนามในพิธีสารการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของซาอุดิอาระเบีย
พณ
24/08/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงพาณิชย์ถอนเรื่อง การมอบหมายเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำ
องค์การการค้าโลกลงนามในพิธีสารการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของซาอุดิอาระเบีย คืนไปก่อน
3720
การเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในพิธีสารสำคัญ 2 ฉบับ ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 36
พณ
24/08/2547
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ เห็นชอบพิธีสารแก้ไขพิธีสารว่าด้วยมาตรการ
พิเศษสำหรับสินค้าอ่อนไหวและอ่อนไหวสูง ฉบับที่ 1 (First Protocol to Amend the Protocol on Special
Arrangement for Sensitive and Highly Sensitive Products) และพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 4 ภายใต้กรอบ
ความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน รวมทั้งข้อเสนอผูกพันการเปิดตลาดการค้าบริการของไทย และอนุมัติ
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
ลงนามในพิธีสาร ทั้ง 2 ฉบับ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจลงนาม
ในพิธีสารดังกล่าวให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนาม พร้อมทั้งจัดทำสัตยาบันสารสำหรับพิธีสาร
อนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 4 ฯ
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (12133/2547)
2
ยืนยันมติ (12134/2547)
3
เรื่องเข้าใหม่ (สายครม.) (4022/2547)
.....
|<<
Previous
<
Previous
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
>
Next
>>|
Next
ค้นหามติคณะรัฐมนตรี
×
ประกาศ
ด้วยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะปิดปรับปรุงระบบค้นมติคณะรัฐมนตรี (
https://resolution.soc.go.th/
)
ในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. จึงทำให้ไม่สามารถค้นมติคณะรัฐมนตรีได้ในวัน เวลา ดังกล่าว
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย