ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 12 จากทั้งหมด 18 หน้า แสดงรายการที่ 221 - 240 จากข้อมูลทั้งหมด 352 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
221 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่า ๑.๑ สมควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการหารือและทบทวนกลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันและบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาของผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ คนชรา หรือผู้สูงอายุ ในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์สิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ รวมถึงการสร้างจิตสำนึกให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ สมควรที่จะพิจารณาปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน ๑.๓ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมวิธีการขออนุญาตตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ฉบับนี้ ในเรื่องการให้ข้อมูลและแจ้งสิทธิในการแสดงความคิดเห็นต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นแก่บุคคลที่อยู่บริเวณข้างเคียงเกี่ยวกับการก่อสร้าง ดัดแปลง พร้อมแสดงเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บุคคลที่อยู่บริเวณข้างเคียงรับรู้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นเพื่อให้นำมาใช้ประกอบการพิจารณาของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ๑.๔ สมควรทบทวนบทบาทและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมอาคารซึ่งมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้มีความชัดเจนและเหมาะสมกับโครงสร้างของภาครัฐที่มีการปฏิรูปและสภาพสังคมในปัจจุบัน ๑.๕ สมควรที่กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานผู้รับผิดชอบกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง จะทำการหารือและบูรณาการการทำงานร่วมกันกับราชการส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบ ในการกำหนดวิธีการหรือกลไกที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการทำงานให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่น และรองรับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดที่จะมีการประกาศใช้บังคับต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาว่าจะสมควรดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
222 | ขอผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนเพื่อให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการโครงการศึกษาและออกแบบก่อสร้างสะพาน เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรเลียบชายฝั่งทะเลในเขตผังเมืองรวมเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี | มท | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน มาบังคับใช้เป็นการเฉพาะราย เพื่อให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการโครงการศึกษาและออกแบบก่อสร้างสะพานเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรเลียบชายฝั่งทะเลในเขตผังเมืองรวมเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย (๑) โครงการก่อสร้างสะพานเลียบชายฝั่งทะเล จังหวัดชลบุรี งวดที่ ๓ ระยะทาง ๙๐๐ เมตร พร้อมทางเชื่อม ๘๐ เมตร ระยะเวลาดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ (๒) โครงการก่อสร้างสะพานเลียบชายฝั่งทะเล จังหวัดชลบุรี ช่วงที่ ๑ ระยะทาง ๑,๘๘๐ เมตร พร้อมทางเชื่อม ๒๙๐ เมตร ระยะเวลาดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ และ (๓) โครงการก่อสร้างสะพานเลียบชายฝั่งทะเล จังหวัดชลบุรี ช่วงที่ ๒ ระยะทาง ๑,๖๐๐ เมตร พร้อมทางเชื่อม ๒๘๐ เมตร ระยะเวลาดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้กระทรวงมหาดไทยปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงคมนาคมต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการก่อสร้างสะพานทั้ง ๓ ช่วงดังกล่าว มีการก่อสร้างทางเชื่อมเข้าหาฝั่งและจำเป็นต้องใช้พื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นถนนดินตัด-ถมผ่านพื้นที่ป่าชายเลน ทำให้พื้นที่ป่าชายเลนถูกตัดแยกออกจากกัน อาจเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศป่าชายเลน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางการไหลของกระแสน้ำและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนไม่สามารถเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างทั่วถึง หากสามารถลดจำนวนการก่อสร้างทางเชื่อมเข้าหาฝั่งในบริเวณสะพานช่วงที่ ๒ ลงได้ ก็จะเป็นการใช้พื้นที่ป่าชายเลนให้น้อยที่สุดและสามารถลดผลกระทบหรือลดการรบกวนสภาพพื้นที่ป่าชายเลนเดิมได้ และในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างควรมีมาตรการควบคุมการก่อสร้างไม่ให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่ง รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการปลูกป่าชายเลนทดแทน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. การใช้พื้นที่ริมถนน (ระยะทาง ๔,๓๘๐ เมตร) เป็นพื้นที่ค้าขายหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ กระทรวงมหาดไทยจะต้องดูแลและบริหารจัดการไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจราจร ส่วนพื้นที่บริเวณสะพานเชื่อมที่อยู่ในบริเวณป่าชายเลน (ระยะทาง ๖๕๐ เมตร) กระทรวงมหาดไทยต้องเตรียมมาตรการป้องกันการบุกรุกหรือทำลายป่าชายเลนในบริเวณดังกล่าวในอนาคตด้วย เช่น การยกระดับความสูงของสะพาน หรือออกแบบสะพานช่วงดังกล่าวมิให้สามารถใช้ประโยชน์อื่นได้นอกจากการสัญจรโดยรถ เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||
223 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 (ของกรมโยธาธิการและผังเมือง) | มท | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จังหวัดชุมพร เป็นโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา ในวงเงิน ๕๙,๐๓๘,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๒,๐๗๖,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔๖,๙๖๒,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในโอกาสต่อไป เห็นควรสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายก่อนเพื่อมิให้การดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณล่าช้า และควรกำหนดให้มีมาตรการทางผังเมืองที่ช่วยควบคุมและป้องกันปัญหาจราจรเพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองให้มีคุณภาพและมีความปลอดภัย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
224 | ร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยกำหนดกลไกทางกฎหมายที่สามารถผลักดันให้การวางและจัดทำผังเมืองรวมบรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการผังเมืองให้เหมาะสม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไขผังเมืองรวม “เฉพาะบางส่วนหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง” ผู้มีส่วนได้เสียที่มีสิทธิเสนอข้อคิดเห็นหรือยื่นคำร้อง ไม่ควรจำกัดเฉพาะผู้มีส่วนได้เสียในบริเวณดังกล่าวเท่านั้น แต่ควรครอบคลุมถึงผู้มีส่วนได้เสียในผังเมืองรวมนั้น ๆ ทั้งผัง และในการจัดทำ “รายงานการประเมินผลการเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมการใช้บังคับผังเมืองรวม” ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียมีส่วนร่วมให้ข้อคิดเห็นและร่วมจัดทำรายงานการประเมินผลฯ อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งกำหนด “ระยะเวลาที่เหมาะสม” ในการจัดทำรายงานการประเมินผลฯ และออกระเบียบว่าด้วยแนวทางจัดทำรายงานการประเมินผลฯ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานหรือเงื่อนไขที่บ่งชี้ว่าต้องมีการวางและจัดทำผังเมืองรวมขึ้นใหม่ ตลอดจนทำความเข้าใจกับภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาชน และฝึกอบรมเพิ่มขีดความสามารถให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเกี่ยวกับแนวทาง ขั้นตอน และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถกำกับดูแลและดำเนินงานการผังเมืองในรูปแบบใหม่ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม ทันการณ์ มีความยั่งยืน และสอดรับกับความต้องการของประชาชนได้อย่างดี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
225 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการจัดผังเมืองเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงการพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าในการเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในพื้นที่ต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งเจรจาหาข้อสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวผ่านทางจังหวัดหนองคาย และพิจารณาหาแนวทางการปรับปรุงพัฒนาถนนบริเวณบ้านผาจี อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ระยะทางประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ให้สามารถสัญจรได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย ๑.๓ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางดำเนินการให้ด่านสิงขรเป็นจุดผ่อนปรนพิเศษที่เชื่อมโยงทั้งการค้า การท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่งบริเวณชายแดน โดยไม่ถือเป็นแนวเขตแดนและไม่มีผลต่อการปักปันเขตแดนในอนาคต โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๔ ตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ได้ตรวจสอบมาตรฐานของกรมการบินพลเรือนตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล และพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดแก้ไขปัญหาโดยเร็ว โดยแบ่งการดำเนินการเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน จ้างที่ปรึกษามาแก้ไขประสิทธิภาพการกำกับดูแลการออกใบอนุญาตด้านการบินให้ได้ตามมาตรฐานของ ICAO และระยะต่อไป ปรับปรุงโครงสร้างการทำงาน แผนพัฒนาบุคลากร ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการระยะเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน ๑.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเชื่อมโยงกับข้อมูลทะเบียนราษฎรให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๑.๖ ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการลงนามในสัญญาหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุนจำนวนมาก ได้แก่ กรมทางหลวง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมทรัพยากรน้ำ รวมทั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายงานความก้าวหน้าโครงการส่งให้สำนักงบประมาณทุกสัปดาห์เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๗ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัด “สัปดาห์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อ SMEs และเกษตรกร” เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เจ้าของนวัตกรรมได้มีโอกาสพบปะกับหน่วยงานสนับสนุนเงินทุนของภาครัฐ ๑.๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับส่งเสริมการขยายตลาดผลไม้ไทยในต่างประเทศ โดยเริ่มต้นจากการจัดกระเช้าผลไม้ที่มีคุณภาพทั้งผลไม้สดและผลไม้แปรรูปสำหรับการต้อนรับแขกต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย หรือในโอกาสที่รัฐมนตรีไปเยือนต่างประเทศ ๑.๙ ให้กระทรวงพลังงานจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมของต่างประเทศ แล้วจัดทำเป็นข้อเสนอทางเลือกเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๑๐ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๙) ตามแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะการพัฒนาทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ที่ ๓ ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาฟลูออไรด์ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพฟันของเด็กและเยาวชนให้แข็งแรง ๓. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดทำข้อมูลสำหรับใช้ในการเจรจาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศอาเซียนในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในประเด็นที่สำคัญ เช่น การปลูกป่าอาเซียน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผลผลิตทางการเกษตร การแก้ไขการเผาป่า การศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรม โดยส่งให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ศึกษาผลกระทบของการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ และกำหนดแผนดำเนินการเพื่อรองรับผลกระทบด้วย โดยให้คำนึงถึงประสิทธิภาพของกฎหมายที่สามารถนำมาใช้บังคับได้อย่างแท้จริงและสามารถนำมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศได้ ๔.๒ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ การแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา พิจารณาเสนอแนวทางตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะว่าการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ นั้น ไม่เพียงใช้เพื่อการรักษาความมั่นคงเท่านั้น หากยังใช้ในเชิงสร้างสรรค์สำหรับการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ด้วย ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำ application สำหรับ smart phone, tablet ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนเมษายนนี้ ๕.๒ ให้ทุกกระทรวง กรมประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในเรื่องต่อไปนี้ (๑) ด้านสังคม ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างทางการศึกษาของประเทศไทยให้มีมาตรฐานและทัดเทียมกับต่างประเทศ แก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน (๒) ด้านเศรษฐกิจ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร การพักชำระหนี้เกษตรกร กำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และกำหนดมาตรการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (๓) ด้านกฎหมาย ได้ออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้ในการแก้ไขปัญหาในเรื่องเร่งด่วน และปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย และ (๔) ด้านการต่างประเทศ สร้างความเข้าใจกับนานาประเทศให้รับทราบผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ๕.๓ ให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ภาพถ่ายแผนที่จากการสำรวจระยะไกลทางอากาศและดาวเทียม เพื่อบูรณาการข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งกำหนดเจ้าภาพในการรวบรวม จัดเก็บและกลั่นกรองข้อมูลในแต่ละด้าน โดยกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลและการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓ เดือน ๕.๔ ให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลผลการดำเนินการในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน โดยเน้นในสิ่งที่ได้ดำเนินการเกิดผลเป็นรูปธรรมแล้ว และสิ่งที่จะดำเนินการต่อไปในระยะ ๕ ปีข้างหน้า แล้วส่งข้อมูลให้สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทุกสัปดาห์เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ ๖ เดือน ซึ่งจะเริ่มต้นในวันศุกร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ โดยนายกรัฐมนตรีจะแถลงผลการดำเนินนโยบายในภาพรวมในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะแถลงผลงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
226 | การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ | นร | 10/02/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการจัดทำสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ เพื่อเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ตามเป้าหมาย และให้สำนักงบประมาณรวบรวมและรายงานผล ให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะเพื่อคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้ติดตามการดำเนินการต่อไป ๒. ให้กรมทางหลวง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุนจำนวนมาก จัดทำแผนการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณส่งให้สำนักงบประมาณรวบรวมเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลหน่วยงานให้ดำเนินการตามข้อ ๑ และ ๒ ตามแผนและกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้นำผลการดำเนินการในเรื่องนี้ไปใช้ประกอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่ระดับอธิบดีขึ้นไป
|
|||||||||||||||||||||
227 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 (โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง) | มท | 10/02/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ (โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง) จาก บ้านนาเขท่า หมู่ที่ ๓ ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ความยาว ๑,๐๐๐ เมตร เป็น บ้านนาเขท่า หมู่ที่ ๓ ตำบลนาเข อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ความยาว ๖๙๕ เมตร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) ปรับลดวงเงินค่าก่อสร้างลงตามส่วนของระยะทางในการก่อสร้างที่ลดลง ตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ โดยรายละเอียดของค่าก่อสร้างดังกล่าว ให้ดำเนินการและขอตกลงความเหมาะสมของราคาตามขั้นตอน รวมทั้งเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
228 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการและเบิกจ่ายเงินกู้จนถึงไม่เกินเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ สำหรับโครงการของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๖ โครงการ วงเงิน ๒๓๕,๗๐๖,๗๓๖.๒๔ ล้านบาท ได้แก่ ๑.๑.๑ จ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำฝายปากจาบ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนบน จังหวัดชัยภูมิ ๑ แห่ง วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๓,๓๙๘,๘๐๘.๙๙ บาท ๑.๑.๒ จ้างก่อสร้างทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ จังหวัดภูเก็ต (รวมค่าควบคุมงาน) วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๑๕๐,๔๕๒,๓๘๓.๑๕ บาท ๑.๑.๓ จ้างก่อสร้างโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบส่งน้ำบ้านวังกลมเหนือ จังหวัดพิจิตร วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๗,๐๓๒,๕๑๓.๑๑ บาท ๑.๑.๔ จ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบ โครงการระบบส่งน้ำห้วยพุงใหญ่ จังหวัดร้อยเอ็ด วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๑๖,๐๖๓,๙๕๖.๕๔ บาท ๑.๑.๕ จ้างก่อสร้างระบบสูบน้ำและระบบส่งน้ำ MC1 พร้อมอาคารประกอบ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๕๖,๑๕๘,๙๒๗.๔๕ บาท ๑.๑.๖ จ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างระบบสูบน้ำและระบบส่งน้ำ MC1 พร้อมอาคารประกอบ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๒,๖๐๐,๑๔๗.๐๐ บาท ๑.๒ จัดสรรเงินสำรองจ่าย จำนวน ๕ หน่วยงาน วงเงิน ๔๑,๒๐๓,๙๑๙.๙๙ บาท ได้แก่ ๑.๒.๑ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ๑๔,๘๘๕,๖๓๓.๐๗ บาท ๑.๒.๒ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๕,๙๖๘,๒๐๘.๖๑ บาท ๑.๒.๓ กรมทางหลวง ๑๓,๘๗๒,๘๒๗.๐๐ บาท ๑.๒.๔ กรุงเทพมหานคร ๑,๖๗๘,๒๗๒.๕๖ บาท ๑.๒.๕ กรมโยธาธิการและผังเมือง ๔,๗๙๘,๙๗๘.๗๕ บาท ๑.๓ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงวงเงินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กระทรวงศึกษาธิการ (โครงการขยายวิทยาเขตราชบุรี) รายการก่อสร้างหอประชุม ๑ หลัง จากวงเงิน ๕๙,๘๒๘,๒๘๒.๐๐ บาท เป็น วงเงิน ๖๘,๘๗๘,๕๐๓.๖๓ บาท โดยให้สัตยาบันการลงนามในสัญญาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีที่ได้ลงนามสัญญาแล้ว ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเสนอขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของส่วนราชการกระทรวงศึกษาธิการ (โครงการขยายวิทยาเขตราชบุรี) รายการก่อสร้างหอประชุม ๑ หลัง เนื่องจากดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนในการขอเพิ่มวงเงินโครงการ โดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการ ตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีภายใน ๔๕ วัน |
|||||||||||||||||||||
229 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในกระทรวงมหาดไทย รวม 3 ฉบับ | มท | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในกระทรวงมหาดไทย รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงทั้ง ๓ ฉบับดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||
230 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (จำนวน 2 ราย) (1. นายสุนัย อภิรักษ์ธาธาร ฯลฯ) | มท | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนัย อภิรักษ์ธาธาร ดำรงตำแหน่งสถาปนิกใหญ่ (สถาปนิกทรงคุณวุฒิ) กรมโยธาธิการและผังเมือง ตั้งแต่วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๒. นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมโยธาธิการและผังเมือง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
231 | การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย | พณ | 16/09/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายงาน ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้ดำเนินการจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำ (Roadmap) ของประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำในทุกมิติครอบคลุมถึงปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การดูแลคุณภาพน้ำ รวมทั้งปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย โดยได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นรวม ๕ คณะ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ จัดเตรียมข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ จัดตั้งองค์กรและออกกฎระเบียบ และการประชาสัมพันธ์ ๑.๒ Roadmap แบ่งออกเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ ระยะที่ ๑ การจัดทำร่างโครงการต่าง ๆ ระยะที่ ๒ การจัดทำรายละเอียดของโครงการ และระยะที่ ๓ การจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำฉบับสมบูรณ์และงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการตามแผน ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ในขั้นการดำเนินการระยะที่ ๒ ซึ่งกำหนดจะแล้วเสร็จในปลายเดือนกันยายนนี้ ส่วนการดำเนินการระยะที่ ๓ มีกำหนดแล้วเสร็จในปลายเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ๑.๓ ในการจัดทำ Roadmap ทั้ง ๓ ระยะดังกล่าวได้มีการบูรณาการงบประมาณและการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๗ หน่วยงาน ได้แก่ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกองทัพบก โดยในระยะที่ ๑ เป็นการดำเนินการเร่งด่วนโดยใช้งบประมาณเหลือจ่ายในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ จำนวน ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท และในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จะใช้งบประมาณจำนวนประมาณ ๗๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๔ สำหรับปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เกิดจากการที่มีฝนตกอย่างกระจุกตัวในบางพื้นที่ แต่โดยที่สภาวะฝนตกดังกล่าวมักเกิดในพื้นที่หลังเขื่อนต่าง ๆ ทำให้สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางมีปริมาตรน้ำในอ่างเป็นจำนวนน้อยเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดหมายได้ว่าในระยะต่อไปอาจจะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำและปัญหาภัยแล้งขึ้นได้ในบางพื้นที่อันเนื่องจากการมีน้ำในแหล่งกักเก็บน้ำในปริมาณน้อยดังกล่าว ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติให้ทั่วถึงและเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการ โดยให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน ๓ เดือน ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับปัญหาภัยแล้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้พิจารณาเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน เช่น การจัดทำฝนเทียม การขุดลอกคูคลอง หนองบึง แหล่งน้ำธรรมชาติ คลองระบายน้ำ การจัดทำพื้นที่แก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ การบริหารจัดการน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) และการส่งเสริมการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เป็นต้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการขุดลอกแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) เร่งดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาถนนขวางทางระบายน้ำ ตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒.๓ ในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการขุดลอกคูคลอง หนองบึง แหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงการขุดบ่อบาดาล ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาใช้แรงงานจากประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจำเป็นในการกักเก็บ การใช้น้ำ การส่งเสริมการเพาะปลูก และการปรับเปลี่ยนพันธุ์พืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
232 | ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 รายการผูกพันงบประมาณ จำนวน 5 รายการ | มท | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๕ รายการ วงเงิน ๒๙,๑๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อนำไปชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค และค่าถอนคืนเงินค่าปรับ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ (เรื่อง การพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน อันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท) รวม ๓ รายการ จำนวน ๒๔,๕๘๒,๓๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการตามกฎหมาย ประกาศหรือคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน โดยขอให้ตรวจสอบค่าสาธารณูปโภคที่เกิดขึ้นจริงและมียอดค้างชำระ เนื่องจากค่าสาธารณูปโภคที่ขออนุมัติในครั้งนี้เป็นประมาณการค่าใช้จ่ายจนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ สำหรับค่าถอนคืนเงินค่าปรับจะต้องได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการหักรายรับจ่ายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ. ๒๕๕๐ ก่อน แล้วจึงขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
233 | ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 รายการผูกพันงบประมาณ จำนวน 9 รายการ (การเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการดำเนินโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน) | มท | 05/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้ยกเลิกรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเดิม ๙ รายการ วงเงิน ๔๘๑,๖๔๓,๐๐๐ บาท ตามเหตุผลและความจำเป็นที่ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ไปเป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่ยังคงวัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้ จำนวน ๖ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๒๓,๖๔๓,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓๓,๕๔๖,๕๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๙๐,๐๙๖,๕๐๐ บาท และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการและขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ สำหรับกรณีที่จะขออนุมัติโอนงบประมาณไปดำเนินรายการปีเดียวที่มีวัตถุประสงค์ต่างกันในรายการเครื่องทดสอบแรงดึงเหล็ก จำนวน ๗ เครื่อง วงเงิน ๒๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท และรายการค่าปรับปรุงต่อเติมห้องทดสอบแรงดึงเหล็ก จำนวน ๓ แห่ง วงเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๕,๕๐๐,๐๐๐ บาท นั้น สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับไว้แล้ว ซึ่งหากไม่เพียงพอ ก็เห็นสมควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากรายการที่มีงบประมาณเหลือจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่เป็นรายการปีเดียวมาดำเนินการตามรายการดังกล่าวก่อนเป็นอันดับแรก โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ส่วนโครงการตรวจสอบและกำหนดวิธีการซ่อมแซมวัดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว จังหวัดเชียงราย จำนวน ๙,๙๕๐,๐๐๐ บาท ขอให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยใช้จ่ายจากกรณีการยกเลิกรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าวข้างต้นตามขั้นตอนต่อไป ๒. คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ๒.๑ ในการเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อการดำเนินโครงการใด ๆ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องและสำนักงบประมาณตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของการดำเนินโครงการให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อมิให้เกิดปัญหาการไม่สามารถดำเนินโครงการได้จริงในภายหลังด้วย ๒.๒ ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องมีแผนงาน/โครงการหรือได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการใด ๆ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคงและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง (เช่น คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-พม่า คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-ลาว คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย ของฝ่ายไทย เป็นต้น) ทราบโดยเร็วในโอกาสแรกเพื่อใช้ประโยชน์ในการประสานงานและการเจรจาในเวทีการเจรจาที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป |
|||||||||||||||||||||
234 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมจำนวน 6 ฉบับ ต่อไปอีกหนึ่งปี) | มท | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปีเพิ่มขึ้น จำนวน ๖ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยยกเว้นในส่วนของการขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๕๒ เนื่องจากสิ้นสุดการใช้บังคับแล้ว จึงไม่อาจขยายระยะเวลาบังคับใช้ได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ติดตาม เร่งรัด สนับสนุนท้องถิ่นในการวางและจัดทำผังเมืองรวมให้แล้วเสร็จ ก่อนที่ผังจะหมดอายุการบังคับใช้ลง เพื่อให้ผังเมืองรวม จำนวน ๖ ฉบับดังกล่าว มีการใช้บังคับอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดช่องว่างให้มีการอนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดทำผังเมืองรวมได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการกรณีการขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมไม่ทันภายในกำหนดเวลา (รวมถึงกรณีกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๕๒) ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาในระหว่างที่ยังไม่มีกฎกระทรวงใช้บังคับ แล้วเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบกรณีที่ดินหรือที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ถูกใช้บังคับผังเมืองรวมและการปรับปรุงแก้ไขผังเมืองรวม ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินที่มีอยู่เพื่อการอยู่อาศัย ทำมาหากิน หรือประกอบธุรกิจต่อไปได้ และให้ชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันด้วย |
|||||||||||||||||||||
235 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ภายหลังปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ได้แก่ ๑.๑ โครงการของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ระหว่างดำเนินการและมีการผูกพันสัญญาแล้ว จำนวน ๙ รายการ วงเงิน ๒๙๒.๗๒๙๕ ล้านบาท สำหรับรายการที่ต้องขอรับจัดสรรเงินเพิ่ม ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ โครงการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับรายการที่มีการผูกพันสัญญาของกรมทรัพยากรน้ำ วงเงิน ๘๖,๔๒๓,๕๕๗.๙๗๐๐ บาท ๑.๓ โครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิชาชีพด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๖๒๙,๖๒๙,๒๘๐.๐๐๐๐ บาท ๑.๔ โครงการก่อสร้างอาคารศูนย์วิทยบริการ จำนวน ๕๐ แห่ง ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำหรับรายการที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและหรือขอรับจัดสรรเงินเพิ่ม ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเร่งรัดขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณภายในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. อนุมัติการยกเลิกโครงการเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ และนำวงเงินกู้ดังกล่าวรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายในสาขาเศรษฐกิจนั้นต่อไป ได้แก่ ๒.๑ การยกเลิกโครงการที่ยังไม่มีข้อผูกพันสัญญาและยังไม่ได้เริ่มการดำเนินงาน ในส่วนของโครงการอาคารพักพยาบาล ๒๐ ห้อง โรงพยาบาลนายายอาม (จังหวัดจันทบุรี) วงเงิน ๕.๕๒๓๐ ล้านบาท และโครงการระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาลยุพราชฉวาง (จังหวัดนครศรีธรรมราช) วงเงิน ๗.๗๑๓๐ ล้านบาท ของกระทรวงสาธารณสุข ๒.๒ การยกเลิกการดำเนินโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งห้วยน้ำภูนก ช่วง ๒ ห้วยภูนก หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าปลา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ วงเงิน ๑,๙๐๓,๔๐๐.๐๐ บาท เนื่องจากไม่สามารถเข้าพื้นที่ดำเนินการได้และรายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองน้ำบางดี หมู่ที่ ๔ ตำบลพ่วงพรหมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงิน ๔,๒๘๐,๔๙๐.๐๐๐๐ บาท ของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. อนุมัติจัดสรรเงินสำรองจ่ายเพื่อเป็นเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ได้แก่ ๓.๑ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๒ รายการ วงเงิน ๒,๑๑๙,๖๑๐.๐๔๐๐ บาท ๓.๒ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม จำนวน ๑๘ รายการ วงเงิน ๓๑,๑๘๕,๙๘๖.๐๐๐๐ บาท ๓.๓ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๑,๓๒๕,๓๑๑.๗๐๐๐ บาท ๔. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเป็นภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ๕. รับทราบวงเงินเหลือจ่ายของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี วงเงิน ๔๒,๘๘๔,๓๓๓.๐๐๐๐ บาท และอนุมัติดำเนินโครงการพัฒนางานห้องผ่าตัด ห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน และห้องปฏิบัติการกลาง จำนวน ๓๐ รายการ และอนุมัติจัดสรรเงินเหลือจ่ายตามวงเงินที่คงเหลือให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี วงเงิน ๔๒,๘๘๔,๓๐๐.๐๐๐ บาท |
|||||||||||||||||||||
236 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงมหาดไทย) (นางสาวปราณี นันทเสนามาตร์) | มท | 08/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวปราณี นันทเสนามาตร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการผังเมือง (นักผังเมืองทรงคุณวุฒิ) กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
237 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโดยชุมชน/ท้องถิ่น" | สสป | 17/09/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโดยชุมชน/ท้องถิ่น" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กรมโยธาธิการและผังเมือง สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ระดับนโยบาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กำหนดนโยบายให้มีนักบริบาลประจำหมู่บ้านหรือในชุมชน โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้ดำเนินการหลัก อีกทั้งควรให้มีระเบียบและข้อกำหนดในด้านงบประมาณให้มีความคล่องตัวและเอื้อต่อการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ ๒. ระดับพื้นที่ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ประสานงานกับผู้บริหารโรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลในพื้นที่ เพื่อจัดบริการสุขภาวะผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนที่มีนักบริบาลประจำหมู่บ้านหรือชุมชน ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง โดยจัดบริการให้ครบทุกมิติสุขภาวะทั้ง ๔ ด้าน คือ กาย ใจ สังคม และปัญญา ๒.๒ สนับสนุนการจัดบริการสังคมอื่น ๆ เพื่อสุขภาวะของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง เช่น ยานพาหนะในการรับส่ง กายอุปกรณ์ และการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัย ๒.๓ สนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขยายแนวคิดการพัฒนารูปแบบของกระบวนการทำงาน ในลักษณะการมีส่วนร่วมและเชื่อมประสานของทุกฝ่าย (ชุมชน อปท. ทีมนักวิชาการวิชาชีพสุขภาพ) ร่วมเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพชุมชน โดยเฉพาะการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงให้เกิดสังคมไม่ทอดทิ้งกัน มีชุนชน บ้านของเขาเป็นฐาน
|
|||||||||||||||||||||
238 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | นร09 | 03/09/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ แผนงานพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ผลผลิตร่างกฎหมายและให้คำปรึกษาทางกฎหมาย จากงบดำเนินงาน รายการค่าเช่าอาคารสำนักงาน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ และขณะนี้หมดความจำเป็นแล้ว เนื่องจากได้รับการอนุเคราะห์จากกรมโยธาธิการและผังเมืองให้ใช้สถานที่เป็นสำนักงานชั่วคราว ไปตั้งจ่ายในงบลงทุน รายการจัดซื้ออาคารสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหลังเดิม (เทเวศร์) วงเงินตามจำนวนที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์แจ้งจำหน่าย ๒,๘๓๓,๓๘๐ บาท เพื่อเตรียมการรื้อถอนอาคารดังกล่าวต่อไป โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
239 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 (เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง จำนวน 4 รายการ) | มท | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จากรายการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง จำนวน ๔ รายการ งบประมาณทั้งสิ้น ๓๔๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๓๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท เป็นรายการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง จำนวน ๑๔ รายการ งบประมาณทั้งสิ้น ๓๓๙,๒๕๔,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๖๘,๒๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๓๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓๔,๖๕๔,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยตรวจสอบด้วยว่าโครงการดังกล่าวต้องไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการตามแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลก่อนดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
240 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2556 (เขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล ชายหาดแม่พิมพ์ ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง) | มท | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รายการเขื่อนป้องกันตลิ่ง ริมทะเลชายหาดแม่พิมพ์ ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง จำนวน ๑๓,๖๐๐,๐๐๐ บาท สมทบกับงบดำเนินงาน จำนวน ๒,๓๑๙,๒๐๐ บาท เพื่อไปดำเนินรายการปรับปรุงอาคารสำนักงานกรมโยธาธิการและผังเมือง ถนนพระรามที่ ๖ พร้อมจัดหาครุภัณฑ์ จำนวน ๑๕,๙๑๙,๒๐๐ บาท ได้ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ไปศึกษาแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมและถูกต้องตามหลักวิชาการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศในภาพรวม เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
.....