ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 14 จากทั้งหมด 18 หน้า แสดงรายการที่ 261 - 280 จากข้อมูลทั้งหมด 352 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
261 | การบริหารโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน | กค | 27/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๑.๑ อนุมัติในหลักการให้โครงการที่ได้รับอนุมัติเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ และอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดสรรเงินของสำนักงบประมาณหรือได้รับการจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญา รวมทั้งกรณีโครงการที่ไม่ต้องมีการลงนามในสัญญา (ใช้เงินอุดหนุน/งบประจำ) ที่หัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานเจ้าของโครงการได้แจ้งยืนยันมาที่คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ให้สามารถดำเนินการลงนามในสัญญาและเบิกจ่ายเงินต่อไปได้จนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ ทั้งนี้ ให้เร่งรัดดำเนินการโครงการและการเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ๑.๑.๒ อนุมัติการยกเลิกโครงการวิจัยสู่ภาคเอกชน ณ โครงการพัฒนาที่ดิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี รายการจัดซื้อรายการครุภัณฑ์ จำนวน ๑๐ รายการ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๕,๐๑๙,๔๘๐ บาท และโครงการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพงานด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า รายการการจัดซื้อรายการปืนไรเฟิล ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วงเงิน ๗๐,๐๐๐ บาท ๑.๑.๓ รับทราบสถานะการดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ๑.๑.๔ รับทราบโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณแล้วแต่ยังไม่ลงนามในสัญญา วงเงิน ๑๑๙.๕๓ ล้านบาท ซึ่งหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่ได้แจ้งผลการทบทวนความจำเป็นคุ้มค่าของการดำเนินโครงการมายังคณะกรรมการฯ ๑.๑.๕ รับทราบโครงการที่หน่วยงานจะขอยกเลิกโครงการเดิมและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ วงเงิน ๑,๒๙๙.๕๘ ล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ความรู้วิชาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพิ่มเติม ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๕๑๒.๕๙ ล้านบาท และโครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ความรู้ด้วยวิชาชีพด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ของ สอศ. กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๗๘๗.๐๔ ล้านบาท ๑.๒ โครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ๑.๒.๑ อนุมัติให้โครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ จำนวน ๕๙ โครงการ วงเงิน ๙,๒๓๕.๖๘ ล้านบาท สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ โดยให้เร่งรัดการดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๕ และเห็นชอบในหลักการให้โครงการเงินกู้ DPL ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงิน ๑๔,๒๕๘.๖๔ ล้านบาท (รวมโครงการเงินกู้ DPL ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงิน ๕,๐๒๒.๙๖ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ ด้วย) สามารถลงนามในสัญญาและการเบิกจ่ายเงินต่อไปได้จนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ ทั้งนี้ ไม่เกินเดือนกันยายน ๒๕๕๕ และให้หน่วยงานเร่งจัดส่งข้อมูลให้ครบถ้วนเพื่อประกอบการพิจารณาจัดสรรเงินของสำนักงบประมาณ ๑.๒.๒ รับทราบการแจ้งยืนยันความจำเป็นเหมาะสมและคุ้มค่าในการดำเนินโครงการเงินกู้ DPL ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๔ โครงการ วงเงิน ๓,๔๒๖.๓๕ ล้านบาท ๑.๓ การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ๑.๓.๑ อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายโครงการถนนไร้ฝุ่น ของกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม วงเงิน ๓,๙๔๗,๐๗๑ บาท โครงการฝายหัวงานและอาคารประกอบ โครงการฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง (หัวงานที่ ๑) จังหวัดนครสวรรค์ ของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน ๑,๘๒๐,๕๒๖ บาท และโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยปอ ตำบลนาบอน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน ๙๙๕,๒๖๓.๔๘ บาท ๑.๓.๒ อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยให้หน่วยงานส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ ๑.๓.๓ รับทราบการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินของโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนป่าแดด ระยะที่ ๑ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน ๒๐๐ ล้านบาท ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๑.๓.๔ รับทราบการขอรับการจัดสรรเงินเพิ่มเติมภายใต้วงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ โครงการปรับปรุงโรงเรียนให้เป็นมาตรฐาน รายการพัฒนาห้องสมุด (E - library) โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ของกรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย วงเงิน ๕,๗๒๔,๕๐๐ บาท ๑.๔ รับทราบความเห็นเบื้องต้นของกระทรวงการคลังในประเด็นการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ หลังวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ที่จะนำไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์การประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ของกรมธนารักษ์ ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
262 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายไพโรจน์ รุ่งจินตนาการ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการผังเมือง (นักผังเมืองทรงคุณวุฒิ) กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
263 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งงบประมาณปี พ.ศ. 2554 | มท | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของโครงการป้องกันการสูญเสียดินแดนชายฝั่งแม่น้ำชายแดนระหว่างประเทศอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติเพื่อความมั่นคง และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ จาก ๓ รายการ วงเงินรวม ๑๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็น ๕ รายการ วงเงินรวม ๑๑๔,๙๗๒,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยรายการที่มีการเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วย ๑.๑ โครงการป้องกันการสูญเสียดินแดนชายฝั่งแม่น้ำชายแดนระหว่างประเทศอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติเพื่อความมั่นคง จำนวน ๒ รายการ เป็นเงิน ๕,๑๒๐,๐๐๐ บาท ได้แก่ ๑.๑.๑ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านสองคอน หมู่ ๒ (ต่อเนื่องเขื่อนเดิม) ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ความยาว ๒๐๐ เมตร เป็นเงิน ๓,๐๙๘,๔๐๐ บาท ๑.๑.๒ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน (ต่อเนื่องเขื่อนเดิมเหนือน้ำ) อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ความยาว ๒๘๐ เมตร เป็นเงิน ๒,๐๒๑,๖๐๐ บาท ๑.๒ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ จำนวน ๒ รายการ เป็นเงิน ๑๒,๘๘๐,๐๐๐ บาท ได้แก่ ๑.๒.๑ ซ่อมแซมเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำหลังสวน บริเวณหลังเทศบาลเมืองหลังสวน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ความยาว ๒๑๐ เมตร เป็นเงิน ๘,๘๘๗,๔๐๐ บาท ๑.๒.๒ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปาว บ้านฟากปาว หมู่ที่ ๑๔ ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ความยาว ๒๐๐ เมตร เป็นเงิน ๓,๙๙๒,๖๐๐ บาท ๑.๓ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ ได้แก่ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำบางปะกง บริเวณวัดหัวเนิน ตำบลลาดขวาง อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ความยาว ๑๗๐ เมตร เป็นเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๒๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๙๑,๙๗๒,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณเพื่อเป็นค่างานตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
264 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอขอแก้ไขร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มนายธีระ วงศ์สมุทร เป็นกรรมการ ๑.๒ แก้ไขคำว่า "เลขาธิการคณะรัฐมนตรี" เป็น "นายอำพน กิตติอำพน" ๑.๓ ให้อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๔ เพิ่มอธิบดีกรมชลประทาน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๕ แก้ไขชื่อสกุล "นายสุพจน์ โตวิจักษ์ชัยกุล" เป็น "นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" ๒. เห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า โดยที่ร่างข้อ ๓ ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... และร่างข้อ ๔ ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... กำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตของประเทศ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) รวม ๒ คณะ เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งแต่งตั้งและเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป อาจจะทำให้เกิดความล่าช้า ดังนั้น เพื่อให้คณะกรรมการ รวม ๒ คณะ ดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ เห็นควรกำหนดให้การแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวเป็นตามที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง
|
||||||||||||||||||||||||
265 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่นเป็นกรรมการในคณะกรรมการผังเมือง | มท | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๗ คน และผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง จำนวน ๗ คน เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย ๑.๑ นายสง่า โภคบุตร ข้าราชการบำนาญ กรมโยธาธิการแลผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๑.๒ นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาปนิกสุธรรม จำกัด ๑.๓ หม่อมหลวงปาณสาร หัสดินทร ข้าราชการบำนาญ สำนักนายกรัฐมนตรี ๑.๔ นายสมพล ยุติธรรม ข้าราชการบำนาญ กระทรวงพาณิชย์ ๑.๕ คุณหญิงภัทราภา อิศรเสนา ณ อยุธยา ข้าราชการบำนาญ สำนักราชเลขาธิการ ๑.๖ นายปรีชา รณรงค์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๑.๗ นายจิรายุ ศวิตชาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศวิตชาต จำกัด ๒. ผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่น ประกอบด้วย ๒.๑ นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ สมาชิกสภาสถาปนิก ๒.๒ นายธีระพันธุ์ ทองประวัติ ข้าราชการบำนาญ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๒.๓ นายสมศักดิ์ จุฑานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเทค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ๒.๔ นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ๒.๕ นายอดุลย์ ตั้งศัตยาภิรมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สำนักกฎหมาย วี เค แอสโซซิเอท จำกัด ๒.๖ นายกิตติชัย รักตะกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่าย บริษัท ล็อกซเลย์ จำกัด (มหาชน) ๒.๗ นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด
|
||||||||||||||||||||||||
266 | รายงานสรุปการตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดพิษณุโลก | พน | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานสรุปการตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดพิษณุโลก ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ ๑ - ๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำท่วม สภาพปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขัง ๖ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพิษณุโลก บางระกำ บางกระทุ่ม พรหมพิราม วังทอง และอำเภอวัดโบสถ์ โดยพื้นที่วิกฤติ ได้แก่ อำเภอเมืองพิษณุโลก บางระกำ บางกระทุ่ม และอำเภอพรหมพิราม ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ประชุมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัญหา สถานการณ์ และตรวจสอบสถานการณ์ที่แท้จริงในพื้นที่ โดยจังหวัดพิษณุโลกมีโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน ดังนี้ ๒.๑ โครงข่ายระบบผันน้ำยม - น่าน (Water Way) อำเภอบางระกำ งบประมาณจำนวน ๘๓๐ ล้านบาท ดำเนินการโดยกรมชลประทาน ๒.๒ ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำน่าน งบประมาณจำนวน ๑๗๖ ล้านบาท ดำเนินการโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ๒.๓ ซ่อมแซมและยกระดับผิวทาง ๔ สาย งบประมาณจำนวน ๓๙.๙ ล้านบาท ดำเนินการโดยกรมทางหลวงชนบท ๒.๔ ซ่อมแซมและยกระดับถนน ๘ สาย งบประมาณจำนวน ๒๓๔,๙๐๐,๐๐๐ บาท ดำเนินการโดยกรมทางหลวงแผ่นดิน ๒.๕ ฟื้นฟูแหล่งน้ำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ อำเภอบางระกำ นครไทย วังทอง เนินมะปราง รวม ๖๕ แห่ง งบประมาณจำนวน ๓,๔๖๗ ล้านบาท ดำเนินการโดยกรมชลประทาน ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ตำบลชุมแสงสงคราม อำเภอบางระกำ ตำบลวังพิกุล อำเภอวังทอง และอำเภอบางกระทุ่ม โดยในแต่ละพื้นที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้มอบถุงยังชีพ จำนวน ๑,๐๐๐ ชุด รวม ๓,๐๐๐ ชุด ให้แก่ราษฎรเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
|
||||||||||||||||||||||||
267 | การก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณแม่น้ำที่เป็นเขตแดนระหว่างไทย-พม่า | กต | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑ รับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณแม่น้ำที่เป็นเขตแดนระหว่างไทย - พม่า โดยฝ่ายไทยได้ยุติการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งในพื้นที่จังหวัดตากและจังหวัดระนอง มาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พม่าปิดด่านเมียวดี - แม่สอด เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ โดยมุ่งหวังว่า ทั้งไทยและพม่าจะสามารถจัดตั้งคณะกรรมการเทคนิคร่วมไทย - พม่า (Thailand - Myanmar Joint Technical Committee on River Boundary between Thailand and Myanmar : JTC) ฝ่ายพม่า ตามที่ตกลงกันไว้ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) เพื่อเจรจาทำความเข้าใจกับฝ่ายพม่าแล้วดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อใช้สิทธิอันชอบธรรมในการรักษาดินแดนและรักษาตลิ่งของฝั่งไทยต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
268 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2553 | ทส | 22/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อ (ร่าง) กรอบแนวคิดและทิศทางของแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) นำเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำประเด็นยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ภายใต้ (ร่าง) กรอบแนวคิดฯ บรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ๒. เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์การจัดการสิ่งแวดล้อมภูมิทัศน์ ตามที่คณะอนุกรรมการจัดการสิ่งแวดล้อมด้านมลทัศน์เสนอ และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) จัดทำแผนปฏิบัติการในการจัดการสิ่งแวดล้อมภูมิทัศน์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแปลงยุทธศาสตร์ฯ ไปสู่การปฏิบัติ ๓. เห็นชอบการทบทวนการกำหนดประเภทและขนาดโครงการของหน่วยงานของรัฐที่ต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าเพิ่มเติม และกลไกการดำเนินงานด้านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการต่าง ๆ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ สผ. ตรวจสอบการกำหนดประเภทและขนาดโครงการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติมให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๒ จำนว ๓๔ ประเภท ก่อนนำความเห็นของคณะกรรมการฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๔. เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน เกี่ยวกับการควบคุมความสูงของอาคารบริเวณรอบรัฐสภาแห่งใหม่ และให้กรุงเทพมหานครประสานกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย พิจารณาดำเนินการออกประกาศกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นในการควบคุมความสูงของอาคารบริเวณโดยรอบรัฐสภาแห่งใหม่เป็นการเร่งด่วน รวมทั้งให้ สผ. ประสานกรุงเทพมหานครและกรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นและมติของคณะกรรมการฯ ๕. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ .. (พ.ศ. ๒๕๕๓) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ สผ. จัดทำร่างประกาศฯ เสนอประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณาลงนามต่อไป ๖. เห็นชอบต่อมาตรการเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียง ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการแก้ไขปัญหามลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนเรื่องน้ำมัน Euro 4 ให้กระทรวงพลังงานพิจารณาส่งเสริมให้มีการนำมาใช้ในพื้นที่มาบตาพุดก่อนกำหนดที่บังคับใช้ตามกฎหมาย (วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕) และให้กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงานและพลังงานจังหวัดระยอง และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินการตามมาตรการเพิ่มเติมฯ โดยให้กรมควบคุมมลพิษประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการฯ ทราบทุก ๖ เดือน รวมทั้งให้ สผ. แจ้งกระทรวงอุตสาหกรรม โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สผ. เพื่อเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง และรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการฯ ทราบต่อไป ๗. เห็นชอบรายงานการศึกษาทบทวนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยรี จังหวัดอุตรดิตถ์ และให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการศึกษาทบทวนรายงานการวิเคราะห์ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ กรมชลประทานรับผิดชอบในการขอจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ๘. เห็นชอบกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๔ สายตรัง - พัทลุง ตอน บ้านนาโยงเหนือ - เขาพับผ้า (บ้านนาวง) ของกรมทางหลวง ตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคม ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน โดยให้กรมทางหลวงถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้กรมทางหลวงปฏิบัติตามมาตรการฯ เพิ่มเติมใน ๓ มาตรการ ได้แก่ การตัดต้นไม้ในเขตทางให้ดำเนินการเฉพาะเท่าที่จำเป็น โดยไม่ให้ตัดต้นไม้นอกเขตพื้นผิวจราจรที่จะก่อสร้าง กำกับดูแลในระหว่างจัดเตรียมพื้นที่และการก่อสร้างมิให้ขุดตักดินในเขตทางและบริเวณใกล้เคียงมาใช้ในการก่อสร้างและให้คงสภาพตามลักษณะภูมิประเทศเดิม และกำกับผู้รับจ้างออกแบบก่อสร้าง และ/หรือผู้ดำเนินการก่อสร้างให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลโครงการด้วย ๙. เห็นชอบรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย สผ. แจ้งจังหวัดกระบี่และจังหวัดพังงาเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมต่อไป ๑๐. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ หินอุตสาหกรรม ชนิดหินปูนเพื่อทำปูนขาว และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของบริษัท สหศิลาเพิ่มพูน จำกัด คำขอประทานบัตรที่ ๑๕/๒๕๕๑ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๙ ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมถลุงหรือแต่งแร่ ทั้งนี้ ให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ และให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขในการสั่งอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ของบริษัทฯ โดยให้ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยแร่ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
269 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ความปลอดภัยของอาคารสถานบริการประเภทสถานบันเทิง บทเรียนจากกรณีซานติก้าผับ" | สสป | 21/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง “ความปลอดภัยของอาคารสถานบริการประเภทสถานบันเทิง บทเรียนจากกรณีซานติก้าผับ” ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ รวมทั้งรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรุงเทพมหานคร และสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปรับปรุงกฎหมาย ๑.๑ ปรับปรุงกฎหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของสถานบริการที่มีผู้ใช้บริการแออัด หรือมีการจำหน่ายสุรา เช่น การกำหนดจำนวนผู้ใช้บริการ การห้ามใช้วัสดุที่ลามไฟง่ายในการตกแต่งอาคาร การมีระบบป้องกันและบรรเทาภัย เป็นต้น โดยออกเป็นกฎหมายเฉพาะสำหรับควบคุมอาคาร สถานบริการ และอาคารชุมนุมคน และปรับใช้มาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างอาคารสถานบริการตามที่วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ (วสท.) กำหนดไว้ ๑.๒ กำหนดให้อาคารสถานบริการทุกประเภทต้องทำประกันภัย ความรับผิดชอบตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก โดยมีบทลงโทษกรณีไม่ทำประกันภัยดังกล่าว ๑.๓ ปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจห้ามบริการที่อาจเป็นอันตรายต่อประชาชน ๑.๔ ออกกฎกระทรวงตามมาตรา ๘ ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้ครบถ้วนทั้ง ๑๖ หลักเกณฑ์ และปรับปรุงพระราชบัญญัติควบคุมอาคารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ๒. การบังคับใช้กฎหมาย ๒.๑ มีระบบตรวจการใช้อาคารและการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายสถานบริการ และกฎหมายการสาธารณสุข เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าอาคารสถานบริการต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างครบถ้วน ๒.๒ บูรณาการการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกฎหมายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการประสานข้อมูลและพัฒนารูปแบบการตรวจสอบร่วมกัน ๒.๓ มีนโยบายชัดเจนในการปิดสถานบริการที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และลงโทษพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ๒.๔ คุ้มครองแรงงานภาคบริการให้ได้รับสวัสดิการและความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน ๓. การมีส่วนร่วม ๓.๑ รณรงค์ให้ประชาชนมีสำนึกเรื่องความปลอดภัย และพัฒนาการเรียนการสอนในหลักสูตรการศึกษาระดับต่าง ๆ ในเรื่องดังกล่าว ตลอดจนให้ความรู้แก่เจ้าของอาคาร ผู้ใช้บริการ เพื่อให้รู้จักหน้าที่และมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการใช้บริการสาธารณะ ๓.๒ กำหนดให้องค์กรวิชาชีพที่เป็นกลางและไม่แสวงหากำไรมีส่วนร่วมในการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของอาคาร ๓.๓ กำหนดให้มีการปิดประกาศหรือเผยแพร่ข้อมูลผลการตรวจสอบหรือมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารสาธารณะต่าง ๆ ๓.๔ เผยแพร่ข้อมูลสถานบริการต่าง ๆ ที่ได้รับอนุญาตและดำเนินการโดยถูกต้อง
|
||||||||||||||||||||||||
270 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 09/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นเร่งด่วนและความเหมาะสมของโครงการเพื่อนำงบ ประมาณที่ได้รับจัดสรรไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัย วงเงิน ๔,๒๓๕.๕๙ ล้านบาท ของคณะกรรมการกลั่น กรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (คณะกรรมการฯ) ๑.๒ อนุมัติให้ดำเนินโครงการใหม่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สาขาทรัพยากรน้ำและ การเกษตร สาขาสวัสดิภาพประชาชน จำนวน ๘ โครงการ วงเงินรวม ๒,๖๔๘.๙๒ ล้านบาท และอนุมัติการจัดสรร วงเงินเหลือจ่ายตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐ กิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้แก่โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ สาขาเศรษฐกิจ และกรอบวงเงินตามกรอบการใช้จ่ายเงินกู้เสนอต่อรัฐสภาตามพระ ราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงิน ๒,๖๔๘.๙๒ ล้านบาท ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย ๑.๓ เห็นชอบให้หน่วยงานทบทวนรายละเอียดโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมการฯ ๑.๔ เห็นชอบหลักเกณฑ์การใช้เงินเหลือจ่ายวงเงิน ๒,๓๘๓.๘๒ ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีรับทราบ แล้ว มาใช้สนับสนุนการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในสาขาต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยโดยให้แจ้งยืนยัน ผลการทบทวนพร้อมส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมี มติ ๑.๕ อนุมัติเป็นหลักการให้กระทรวงการคลังสามารถดำเนินการลงนามในสัญญาเงินกู้ล่วงหน้าก่อน มีการผูกพันสัญญาโครงการสำหรับโครงการมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย โดย กระทรวงการคลังต้องลงนามในสัญญาเงินกู้สำหรับโครงการดังกล่าวได้ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๑.๖ อนุมัติการขยายระยะเวลาลงนามในสัญญา การจัดสรรเงิน และการดำเนินโครงการให้แก่หน่วย งานเจ้าของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้น ฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ตามมาตรการเร่งรัดการ ดำเนินงานสำหรับหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ ทั้งนี้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทัน เห็น ควรให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป และอนุมัติเป็นหลักการสำหรับ โครงการยกระดับคุณภาพการศึกษาท้องถิ่น (ก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และอาคารเรียน) ให้ขยายเวลาลงนาม ในสัญญาเป็นภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามกฎหมายและ ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างเคร่งครัด โดยหากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครง การได้ทัน เห็นควรยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นเงินเหลือจ่ายต่อไป ๑.๗ รับทราบและอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง ๒๕๕๕ โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติ งานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงราย ละเอียดของโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน ๑๕ วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติ แล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ ๑.๘ รับทราบการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาแล้วยังคงยืนยันความจำเป็นในการดำเนินโครงการภาย ใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ให้หน่วยงานนั้นพิจารณาทบทวนและปรับแผนการดำเนินงานของโครงการใด ๆ ที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มาเพื่อใช้ในการ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ เป็นการทดแทน โดยให้แจ้ง ข้อมูลการพิจารณาทบทวนฯ พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องไปยังสำนักงบประมาณโดยด่วนภายใน ๑๕ วัน นับแต่วัน ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
|
||||||||||||||||||||||||
271 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ. .... | มท | 07/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหน้าที่และองค์กรรับผิดชอบในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แนวทาง และมาตรการ รวมทั้งการปฏิบัติการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อลดความสูญเสียชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนจากอุบัติเหตุทางถนน ตามที่ ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ และส่งคณะกรรมการตรวจ สอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา 2. ให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นควรเพิ่มผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรม การส่งเสริมการศึกษาเอกชน ผู้บังคับการกองพัฒนาการจราจรและบริการประชาชน สำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เป็นคณะกรรม การของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเพื่อรับทราบสถิติข้อมูลด้านการจราจร เพื่อการวางแผน การ วิจัยป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
272 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุพล ศรีพันธุ์) | กก | 07/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายสุพล ศรีพันธุ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดี
กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
273 | รายงานผลการเดินทางไปราชการเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาการปิดด่านชายแดนของสหภาพพม่า ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | พณ | 10/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรี
ช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) และคณะข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2553 เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาการปิดด่านชายแดนของสหภาพพม่า ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เนื่องจาก กรณีการก่อสรางเขื่อนริมตลิ่ง แม่น้ำเมยของไทย โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) และคณะได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวมทั้งผู้ประกอบการค้าชายแดน และบริษัทคู่ สัญญาที่ได้รับการว่าจ้างให้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน สรุปได้ดังนี้ 1. กรมโยธาธิการและผังเมืองได้สั่งให้ยุติการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าวแล้ว แต่เนื่องจากยังมีโครงการก่อ สร้างเขื่อนในลักษณะดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 อีกรวม 4 แห่ง ซึ่งได้มีการทำสัญญาว่าจ้างผู้ดำเนินการ แล้ว เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ได้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการ ดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวกับเส้นเขตแดนระหว่างประเทศจะต้องดำเนินการแจ้งประเทศเพื่อนบ้านทราบรายละเอียด ในเรื่องดังกล่าวด้วย 2. กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่และพิจารณาให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจ พิเศษชายแดน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในพื้นที่ป่าของทางราชการจำนวน 5,603 ไร่ ที่ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยกำหนดรูปแบบให้มีองค์กรบริหารพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษโดยเฉพาะ โดยจัดตั้งเป็น บริษัทมหาชนเพื่อดำเนินการทั้งด้านธุรกิจโดยตรงและให้เอกชนเข้าไปทำโครงการต่าง ๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรม เพื่อการส่งออก ศูนย์กระจายสินค้า เขตพาณิชยกรรม 3. การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่สอง จุดก่อสร้างสะพานที่เหมาะสมอยู่บริเวณบ้านวัง ตะเคียน ฝั่งไทย และบ้านเยปู ฝั่งพม่า ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร อยู่ในฝั่งไทย 16 กิโลเมตร และอยู่ในฝั่ง พม่า 6 กิโลเมตร ความยาวสะพานที่ข้ามแม่น้ำเมย ประมาณ 400 กิโลเมตร โดยกรมทางหลวงได้สำรวจพื้นที่เพื่อ กำหนดตำแหน่งสะพานพร้อมแนวทางหลวงเรียบร้อยแล้ว และได้ประมาณการค่าใช้จ่ายในการสร้างสะพานและ ถนน ประมาณ 600 ล้านบาท ทั้งนี้ ภายหลังหารือในรายละเอียดของโครงการร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายพม่า (กรม ทางหลวง) เมื่อวันที่ 29-30 มิถุนายน 2553 ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอให้สร้าง ณ จุด C2 หรือ C3 ซึ่งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเมย แต่ฝ่ายพม่ายังไม่ตัดสินใจและขอหารือหน่วยงานกลางอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||
274 | ผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กศร.) ครั้งที่ 2/2553 | นร | 06/07/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการเสนอ ดังนี้ 1.1 รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กศร.) ครั้งที่ 2/2553 1.2 อนุมัติขยายกรอบวงเงินลงทุนโครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จำนวน 2,166.44 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้กรอบวงเงินลงทุนโครงการเพิ่มขึ้นจาก 19,016.00 ล้านบาท เป็น 21,182.44 ล้านบาท 1.3 เห็นชอบในหลักการโครงการจัดทำแผนการใช้ที่ดินของรัฐและการจัดทำแผนแม่บทศูนย์ราชการ โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของวงเงินงบประมาณ และให้กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมทั้ง สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณ เพื่อดำเนิน การเป็นรายปีตามความพร้อมในการดำเนินงานต่อไป 1.4 เพื่อให้การดำเนินการจัดทำแผนการใช้ที่ดินของรัฐและการจัดทำแผนแม่บทศูนย์ราชการเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นเอกลักษณ์ และลดภาระการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐ เห็นควรให้กรมโยธาธิ การและผังเมือง และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการ ดังนี้ 1.4.1 พิจารณากำหนดกลไกการมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชุมชนในพื้นที่โดยรอบ เพื่อให้การดำเนินโครงการศูนย์ราชการฯ ในจังหวัดต่าง ๆ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน และจังหวัดสามารถ กำกับการดำเนินงานตามแผนที่ตั้งไว้ได้ 1.4.2 พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการว่าจ้างเอกชนเพื่อดำเนินการโดยหน่วยงานภาค รัฐควรพิจารณาดำเนินงานด้านผังนโยบายเอง ได้แก่ งานวางแผนการใช้ที่ดินของรัฐ และงานจัดทำผังแม่บทศูนย์ ราชการ และในส่วนงานออกแบบทางด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมอาจว่าจ้างเอกชน เพื่อลดระยะเวลาและลด ภาระการดำเนินงานของภาครัฐได้ 1.4.3 พิจารณาออกแบบและวางผังอาคารภายในศูนย์ราชการให้มีความสอดคล้องกับรูปแบบ ทางสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ของศูนย์ราชการในแต่ละแห่ง 2. ส่วนการขอขยายกรอบวงเงินงบประมาณลงทุนโครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ได้ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยตามความ ต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ นอกเหนือไปจากมาตรฐานการออกแบบของโครงการ ปรับแก้ไขแบบก่อสร้างพื้นที่ สำนักงานเพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงานใหม่ที่ขอใช้พื้นที่แทนหน่วยงานที่ขอยกเลิก ปรับปรุงพื้นที่ส่วน กลาง และงานระบบประกอบอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งเป็นการดำเนินการไปก่อนล่วงหน้า และ ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง นั้น ค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินการดังกล่าวจะต้อง บริหารจัดการเงินรายได้ของ ธพส. ที่ได้รับจากหน่วยงานต่าง ๆ เป็นค่าเช่าเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวเอง
|
||||||||||||||||||||||||
275 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 02/06/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบผลการทบทวนโครงการลงทุนของกระทรวงสาธารณสุขที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงวงเงิน 178.6200 ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุขขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินโครง การลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 25 พฤษภาคม 2553 2. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ของกระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 9,845.9073 ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุขขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอ จัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 3. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการของกระทรวงสาธารณสุขที่จะใช้วงเงินเหลือจากการทบทวน จำนวนเงิน 1,484.1405 ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุขขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอ จัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 25 พฤษภาคม 2553 4. รับทราบตามที่กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ขอปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการ ใช้จ่ายเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 2554 และ 2555 โครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่สิ่งก่อสร้าง แหล่งน้ำ วงเงิน 829.8 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง 2555 เห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับความ สามารถในการเบิกจ่ายเงินอันเป็นผลมาจากการพิจารณาความเหมาะสมของงวดงานภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรี จึงเห็นสมควรอนุมัติการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินดังกล่าวได้
|
||||||||||||||||||||||||
276 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | นร | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ 1.1 วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 2,070,000 ล้านบาท โดย เป็นนโยบายงบประมาณขาดดุลจำนวน 420,000 ล้านบาท รายได้สุทธิจำนวน 1,650,000 ล้านบาท รวมทั้งราย ละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 1.2 ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีกรณีรายจ่ายลงทุนที่ขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เริ่มดำเนินการใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 1.3 ให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอตามข้อ 1.1 ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปจัดทำเป็นร่างพระ ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และเอกสารประกอบงบประมาณ โดยให้ส่งร่างพระ ราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้ สำนักงบประมาณทราบโดยตรง ก่อนนำไปจัดพิมพ์เป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และเอกสารประกอบงบประมาณ เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2553 และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป 2. เห็นชอบให้ส่วนราชการดำเนินการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เสนอเพิ่มเติม ดังนี้ 2.1 ส่วนราชการที่ยังไม่ได้ทำหนังสือขอรับการจัดสรรงบกลางมายังสำนักงบประมาณตามขั้นตอน 3 ส่วนราชการ ได้แก่ กรมทางหลวง จำนวน 1 โครงการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 1 โครงการ และกรมศุลกา กร จำนวน 3 โครงการ 2.2 ส่วนราชการที่ยังไม่ได้ขอทำความตกลงแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายเงินมายังสำนักงบ ประมาณตามขั้นตอน 6 ส่วนราชการ ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 1 โครงการ กรมประมง จำนวน 4 โครง การ กรมปศุสัตว์ จำนวน 2 โครงการ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จำนวน 1 โครงการ กรมส่ง เสริมสหกรณ์ จำนวน 1 โครงการ และกรมราชองค์รักษ์ จำนวน 1 โครงการ 2.3 ส่วนราชการที่ยังไม่ได้เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ผ่าน รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมายังสำนักงบประมาณ 4 ส่วนราชการ ได้แก่ กองบัญชาการกองทัพไทย (หน่วยบัญชาการทหาร พัฒนา) จำนวน 1 โครงการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล) จำนวน 1 โครงการ กรมศุลกา กร จำนวน 2 โครงการ และกรมโยธาธิการและผังเมือง จำนวน 1 โครงการ
|
||||||||||||||||||||||||
277 | ขออนุมัติปรับแผนการปฏิบัติงาน/แผนการใช้จ่ายและขอผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 - 2554 | มท | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการ
และผังเมืองปรับแผนการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่าย และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 -2554 เพื่อจัดทำโครงการจัดซื้อที่ดินและก่อสร้างถนนเลี่ยงทางเข้า-ออก พระตำหนักในจังหวัดปทุมธานี ตำบล ขะแยง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี (ช่วงที่ 1) เพื่อถวายความปลอดภัยในเส้นทางเสด็จเข้า-ออก พระ ตำหนักจังหวัดปทุมธานี ตามที่เสนอได้ โดยให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเสนอผลการจัดซื้อจัดจ้างของรายการดัง กล่าว ให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันตามระเบียบการก่อหนี้ผูก พันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 ข้อ 4(1) พร้อมทั้งขอรับการจัดสรรงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 เพื่อชดใช้คืนรายการก่อสร้างระบบระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำ เสียเทศบาลเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
278 | รายงานการรับและการใช้จ่ายเงินของกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่และเงินนอกงบประมาณ กรมโยธาธิการและผังเมือง ประจำปีงบประมาณ 2552 | มท | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินของกองทุน
จัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่และเงินนอกงบประมาณ กรมโยธาธิการและผังเมือง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. รายงานทางการเงินของกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ 1.1 รายงานแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์รวม 75,502,339.06 บาท มีหนี้สินรวม 0.00 บาท 1.2 รายงานแสดงผลการดำเนินงาน มีรายได้จากการดำเนินงาน 1,249,794.25 บาท มีค่าใช้จ่าย จากการดำเนินงานรวม 0.00 บาท 1.3 รายงานการรับ-จ่ายเงิน มีเงินคงเหลือ ณ วันต้นงวด 74,252,544.81 บาท มีรายรับรวม 75,502,339.06 บาท มีรายจ่ายรวม 0.00 บาท 2. ประเภทเงินนอกงบประมาณ มีรายรับ 100,123,904.24 บาท มีรายจ่าย 103,566,090.46 บาท และมีเงินคงเหลือหลังหักภาระผูกพันทั้งสิ้น 62,816,547.16 บาท
|
||||||||||||||||||||||||
279 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงมหาดไทย) (นายสุรชัย พรภัทรกุล) | มท | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุรชัย พรภัทรกุล ให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ (วิศวกรวิชาชีพ 10
วช. (วิศวกรรมโยธา) กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2551 ซึ่งเป็นวัน ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
280 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ รวม 6 ฉบับ (โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ให้แก่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. ....) | พศ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง ปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ให้แก่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 4 ฉบับ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุง เทพมหานคร ของวัดคู้บอน ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดทุ่งสว่าง ตำบลวังใหญ่ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงสีกัน และแขวงตลาดบางเขน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ของวัดดอนเมือง แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพ มหานคร พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเทพกุญชร ตำบลช้างกลาง กิ่งอำเภอช้าง กลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... |