ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 18 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 352 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
301 | การแต่งตั้งข้าราชการ | มท | 26/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มีมติเมื่อวัน
ที่ 26 กันยายน 2549 อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นายพิชัย เครือชัยพินิต ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านการผังเมือง (นักผังเมือง 10 ชช.) กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
|
|||||||||||||||||||||
302 | การปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2549 | มท | 19/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เสนอขอปรับ
แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินรายการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2549 ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 ในส่วนของงบบุคลากร งบดำเนินงานและงบลงทุน ที่เหลือจ่ายจากการดำเนินการที่บรรลุวัตถุประสงค์ตามพระราชบัญญัติงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 44 รายการ เป็นเงิน 35,538,705บาท
|
|||||||||||||||||||||
303 | การพัฒนาผังเมืองในต่างจังหวัด | นร | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางการพัฒนาเมืองของจังหวัดต่าง ๆ โดย
จัดสร้างถนนวงแหวนรอบเมืองเพื่อเป็นการชี้นำความเจริญเข้าสู่พื้นที่ได้อย่างมีทิศทางและสอดคล้องกับผังเมือง ที่วางไว้ สำหรับจังหวัดเล็กที่ความเจริญยังขยายตัวไม่มาก อาจมีถนนวงแหวนชั้นเดียวก่อน ส่วนจังหวัดใหญ่ควร มีถนนวงแหวนชั้นที่ 2 หรือ 3 เพิ่มขึ้น โดยพื้นที่ในวงแหวนรอบในอาจกำหนดเป็นเขตเมืองเก่า และพื้นที่นอก ถนนวงแหวนหรือระหว่างถนนวงแหวนแต่ละวงอาจกำหนดให้เป็นเขตเมืองใหม่เพื่อการดำเนินธุรกิจและอุตสาห กรรมใหม่ ตลอดจนที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ การจัดระบบการพัฒนาเมืองดังกล่าวอาจต้องใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 เป็นเครื่องมือในการดำเนินการด้วย จึงมอบให้สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้าภาพรับเรื่องนี้ไปพิจารณา โดยให้ประสานกับ กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทานซึ่งเกี่ยวข้องกับการระบายน้ำ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
304 | การแต่งตั้งข้าราชการ (นายสุรพล พงษ์ไทยพัฒน์) | มท | 20/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นายสุรพล พงษ์ไทย
พัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ [วิศวกรวิชาชีพ 10 วช (วิศวกรรมโยธา)] กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตาม มาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 |
|||||||||||||||||||||
305 | การแต่งตั้งข้าราชการ (นายสุรพล พงษ์ไทยพัฒน์) | มท | 16/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นายสุรพล พงษ์ไทย
พัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ [วิศวกรวิชาชีพ 10 วช (วิศวกรรมโยธา)] กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตาม มาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
306 | รายงานการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยธรณีพิบัติเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ | นร | 28/02/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เกี่ยวกับราย
งานการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยธรณีพิบัติเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ สรุปดังนี้ การก่อสร้างบ้านพักถาวรให้แก่ผู้ประสบ ภัย จำนวน 216 หลัง มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยจะทำการก่อสร้างให้ การก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะพีพีได้ มอบหมายให้กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี รับไปศึกษาออกแบบ และทบทวนการก่อสร้างท่าเทียบเรือ เกาะพีพี และให้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะผู้ชำนาญการและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยด่วน การก่อ สร้างโรงพยาบาลเกาะพีพีให้ดำเนินการก่อสร้างและซ่อมแซมโรงพยาบาลในสถานที่เดิมตามที่ได้รับงบประมาณ สำหรับโรงพยาบาลแห่งใหม่ให้ดำเนินการในภายหลังต่อไป ส่วนการก่อสร้างโรงเรียนให้มีการปรับเปลี่ยนแผน ผังการก่อสร้างโรงเรียนใหม่ การก่อสร้างระบบไฟฟ้า เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด และ จัดเก็บอัตราค่าไฟฟ้าในอัตราสูงกว่าปกติจนกว่าจะคุ้มทุน หลังจากนั้นจัดเก็บในอัตราปกติ การก่อสร้างระบบ ประปา เห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาคเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดและให้จัดเก็บอัตราค่าน้ำประปาในอัตราที่สูงกว่า อัตราปกติจนกว่าจะคุ้มทุน หลังจากนั้นให้จัดเก็บในอัตราปกติ ในส่วนของระบบบำบัดน้ำเสีย รัฐบาลเดนมาร์ค ให้งบประมาณดำเนินการ องค์การจัดการน้ำเสียได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนดำเนินการกำหนดเส้นทาง เพื่อความ ปลอดภัยได้เห็นชอบในหลักการในการกำหนดเส้นทางเพื่อความปลอดภัย จำนวน 11 เส้นทาง โดยมอบหมาย ให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดทำการรังวัดแนวเขตทางให้ชัดเจน การกำหนดระยะแนวถอยร่น เห็นชอบในหลักการ ให้ปรับระยะแนวถอยร่นจาก 30 เมตร ตามประกาศของกรมโยธาธิการและผังเมือง มาเป็นระยะแนวถอยร่น 20 เมตร ตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การกำหนดความสูงของอาคารและการใช้ ประโยชน์พื้นที่ ซึ่งเดิมกำหนดให้อาคารมีความสูงไม่เกิน 9 เมตร และระยะถัดไป กำหนดความสูงเป็น 12 เมตร และ 16 เมตร ตามลำดับ โดยกำหนดให้มีพื้นที่การใช้ประโยชน์ต่อพื้นที่ว่าง 25 : 75 แต่เนื่องจากจะต้องมีการ ก่อสร้างอาคารให้มีความมั่นคงแข็งแรง เพื่อรองรับการเกิดธรณีพิบัติภัย จึงทำให้ความสูงของอาคารควรมีการ ปรับให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ แต่ต้องสูงไม่เกิน 12 เมตร และเพิ่มพื้นที่ใช้ประโยชน์ต่อพื้นที่ว่างเป็น 40 : 60 และ 50 : 50 ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
307 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง โครงการเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ (สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) | นร | 28/02/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง โครงการเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ (สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้ เห็นควรชะลอการก่อสร้างถนนทางด่วนยกระดับจากชายฝั่งทะเลบริเวณวัดกระซ้า ขาวสู่แหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากมีหลายเส้นทางพร้อมใช้งาน เพียงแต่ต้องมีการพัฒนาและขยาย เส้นทางให้เกิดความสมบูรณ์ ภาครัฐควรชะลอการใช้งบประมาณของกรมทางหลวงปี 2548 จำนวน 6,400 ล้านบาท สำหรับงานก่อสร้างสะพานในทะเล และงบประมาณผูกพันปี 2549 จำนวน 6,400 ล้านบาท รวม ทั้งงบประมาณผูกพันปี 2550-2551 จำ นวน 19,200 ล้านบาท จนกว่าโครงการจะได้รับอนุมัติเรื่องการ ประเมินผลสิ่งแวดล้อมและด้านอื่น ๆ รวมทั้งความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ควรทบทวนการก่อสร้างถนนทางยกระดับแยกจากถนนบางใหญ่-บ้านโป่ง ไปสู่วัดกระซ้า ขาวเพื่อมุ่งสู่อ่าวไทย ควรเร่งดำเนินการก่อสร้างถนนเส้นทางบางใหญ่-บ้านโป่ง และขยายระยะทางไปสู่จุด เชื่อมต่อกับถนนเพชรเกษม รวมทั้งถนนเพชรเกษมในช่วงตอนต่าง ๆ จากกรุงเทพ ฯ-ปากท่อ ให้เต็มแนวเขต ทาง (Right of Way) และช่วงปากท่อผ่านเขาย้อย ผ่านเพชรบุรีไปสู่ชะอำ ตลอดจนถนนที่มีความสำคัญ อาทิ ถนนจากยี่สาน-แหลมผักเบี้ย ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี ควรเร่งดำเนินการก่อสร้าง ถนนพระราม 2 ให้เต็มแนวเขตทางและขยายเส้นทางจากจุดตัดถนนเพชรเกษมที่ปากท่อไปสู่เส้นทาง by-pass เพชรเกษม ที่บริเวณชะอำ ก่อสร้างทางยกระดับเหนือถนนเส้นพระราม 2 เช่นเดียวกับที่ภาครัฐได้ดำเนินการ มาแล้ว สำหรับถนนบางนา-ตราด ช่วงบางนา-ชลบุรี ให้ความสำคัญกับทางหลวงหมายเลข 346 (รังสิต- ปทุมธานี-บางเลน-กำแพงแสน-พนมทวน) ซึ่งเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 305 (รังสิต-นครนายก) ณ จุดถนนพหลโยธิน สำหรับถนนระดับราบจากแหลมผักเบี้ย ผ่านจังหวัดเพชรบุรีไปสู่ชะอำ ขณะนี้มีหลายเส้น ทางทั้งที่เป็นของกรมทางหลวง กรมโยธาธิการและผังเมืองและคันกั้นน้ำเค็มของกรมชลประทานควรพิจารณา พัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ควรสำรวจถนนคันป้องกันน้ำเค็มของกรมชลประทาน จากจังหวัดสมุทร สาคร ผ่านจังหวัดสมุทรสงครามผ่านจังหวัดเพชรบุรีไปสู่ถนนเพชรเกษม บริเวณจุด by pass ชะอำเพื่อพัฒนา ให้เป็นถนนที่มีความสมบูรณ์และประหยัดงบประมาณในการเวนคืนที่ดิน
|
|||||||||||||||||||||
308 | การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง | ทส | 10/01/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ รับทราบแนวทาง
การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ในประเด็นการโยกย้ายและ จัดสร้างบ้านพักอาศัย สรุปดังนี้ การจัดแปลงที่อยู่อาศัย ใช้วิธีการจับสลากแยกพื้นที่เป็นรายหมู่บ้านก่อน จากนั้นให้แต่ละหมู่บ้านจับสลาก เป็นรายครัวเรือนของแต่ละหมู่บ้าน ให้มีคณะกรรมการประเมินราคาการ รื้อถอนและปลูกสร้างบ้านแห่งใหม่ กรณีบ้านพักแห่งใหม่จะเน้นเรื่องผักสวนครัวรั้วกินได้ไม่ทำเป็นคอนกรีต ด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ทางราชการจะเร่งดำเนินการโดยเร่งด่วน กรณีพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินในพื้นที่รองรับการอพยพ ทางราชการจะดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนด ให้แก่ผู้อพยพ และเห็นชอบในหลักการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเจียดจ่ายงบประมาณจากงบกรมทาง หลวงชนบทดำเนินการ สำหรับการก่อสร้างถนนสายหลักและสายรองพร้อมรางระบายน้ำทางเข้าหมู่บ้าน ระยะทาง 4.65 กม. โดยได้นำเสนองบประมาณ 27,453,000 บาท และจะปรับลดลงเหลือ เป็นเงิน 13,445,000 บาท กรมโยธาธิการและผังเมือง สำหรับการก่อสร้างถนนซอยคอนกรีตเสริมไม้ไผ่โดยใช้แรง งานเป็นหลักภายในหมู่บ้าน ระยะทาง 7 กม. โดยนำเสนองบประมาณ 22,267,000 บาท และจะปรับลด ลงเหลือเป็นเงิน 12,950,000 บาท กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำหรับค่าเจาะบ่อน้ำบาดาล โดยนำเสนอ งบประมาณ 1,250,000 บาท จะปรับเพิ่มเป็นเงิน 1,731,000 บาท กรมทรัพยากรน้ำ สำหรับการก่อ สร้างระบบประปาขนาดกลาง โดยนำเสนองบประมาณ 7,500,000 บาท (งบประมาณคงเดิม) และการ ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำหรับการขยายเขตระบบไฟฟ้าในหมู่บ้าน โดยนำเสนองบประมาณ 11,589,223.50 บาท (งบประมาณคงเดิม) ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามและ เร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและสนับ สนุนด้วย
|
|||||||||||||||||||||
309 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง พ.ศ. .... | มท | 27/09/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์
ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและ ผังเมือง พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง ปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อสร้างและขยายถนนตามโครงการผังเมือง รวมเมืองปราจีนบุรี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
310 | สรุปผลการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติจังหวัดกระบี่ | นร | 06/09/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รายงานสรุปผลการ
ดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติจังหวัดกระบี่ โดยได้ร่วมประชุมและมอบหมายให้จังหวัดกระบี่เร่ง รัดดำเนินการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างบูรณาการดังนี้ การเร่งรัดคืนทรัพย์สินแก่ผู้ประสบ ภัย โดยให้จัดทำบัญชีสิ่งของต่าง ๆ พร้อมสิ่งของให้จังหวัดกระบี่ที่เก็บได้บริเวณเกาะพีพี หากไม่มีญาติมารับ คืน จังหวัดกระบี่จะรวบรวมไว้เป็นอนุสรณ์สำหรับผู้ประสบภัย การเร่งรัดจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยที่ มายื่นหลักฐานในภายหลังจำนวน 101 ราย กรณีผู้ประกอบอาชีพการประมงได้มอบหมายให้ประมงจังหวัด สอบสวนเรื่องราว พิสูจน์ความเสียหายเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนอย่างแท้จริง หากมีผู้มาแจ้งเท็จให้ จังหวัดดำเนินการอย่างเฉียบขาด ในส่วนของโครงการพัฒนาเกาะพีพี โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ เสนอโครงการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาการก่อสร้างแนวถนน เพื่อเป็นเส้นทางความปลอดภัยบนเกาะพีพี ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร งบประมาณ 259 ล้านบาทนั้น ได้มีการตรวจพื้นที่ที่จะก่อสร้างเส้นทางความปลอด ภัยฯ ดังกล่าวแล้ว ในเบื้องต้นเห็นว่า ราคาค่าก่อสร้างฯ เป็นราคาค่อนข้างสูง แม้ว่าจะมีการปรับลดราคาค่า ก่อสร้างลงมาเหลือ 166 ล้านบาท แล้วก็ตาม และการก่อสร้างใดจะต้องคำนึงถึงความสวยงามตามธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ดำเนินการศึกษาอยู่ ควรรอผลการศึกษาของ อพท. ก่อน ในระยะเร่ง ด่วนควรที่จะดำเนินการปรับสภาพภูมิทัศน์ในพื้นที่ 30 เมตร จากระดับน้ำทะเลสูงสุดท่วมถึงซึ่งเป็นพื้นที่ ห้ามก่อสร้าง ในเบื้องต้นจะต้องทำความตกลงกับเจ้าของที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ครอบครองอยู่ เพื่อจัดทำโครง การปรับสภาพภูมิทัศน์ต่อไป ส่วนการจัดหาที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนบนเกาะพีพี ผู้มีจิต ศัทธาได้บริจาคที่ดินจำนวน 12 ไร่ ให้แก่ทางราชการเพื่อเป็นที่ก่อสร้าง ฯ ดังกล่าวแล้ว สำหรับการก่อ สร้างบ้าน Knock Down สาธารณรัฐประชาชนจีนให้การช่วยเหลือจำนวน 400 หลัง จังหวัดได้ขอรับการ สนับสนุนงบประมาณไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 22 ล้านบาท ในเบื้องต้นจังหวัดได้ปรับเปลี่ยน โครงการตามยุทธศาสตร์ของจังหวัด เพื่อจะนำงบประมาณไปดำเนินการก่อสร้างเป็นกรณีเร่งด่วนเฉพาะ หน้า จำนวน 160 หลัง วงเงินงบประมาณ 8 ล้านบาทเศษ
|
|||||||||||||||||||||
311 | ปัญหาการขออนุมัติงบประมาณเพื่อสร้างถนนในจังหวัดกระบี่ของกรมโยธาธิการและผังเมือง | 30/08/2548 | |||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2548 นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้กระทรวง
มหาดไทยรับไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีข่าวว่ากรมโยธาธิการและผังเมืองขออนุมัติงบประมาณเพื่อสร้าง ถนนในจังหวัดกระบี่ วงเงินประมาณ 100 ล้านบาทเศษ โดยถนนดังกล่าวได้สร้างเสร็จไปก่อนแล้ว |
|||||||||||||||||||||
312 | ปัญหาการทำถนนของกรมโยธาธิการและผังเมือง บนเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ | 30/08/2548 | |||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2548 นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้รองนายก
รัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) รับไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกรมโยธาธิการและผังเมืองขออนุมัติงบ ประมาณไปดำเนินการก่อสร้างถนนบนเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ แต่ถนนดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ ของเอกชน |
|||||||||||||||||||||
313 | แต่งตั้งข้าราชการ ระดับ 10 (จำนวน 9 ราย) | มท | 30/08/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอการแต่งตั้งข้าราชการพล
เรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ระดับ 10 ให้ดำรงตำแหน่งใหม่ จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย นาย รัชทิน ศยามานนท์ นายสมศักดิ์ แก้วสุทธิ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร 10) สำนักงาน ปลัดกระทรวง นายชาญชัย สุนทรมัฎฐ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมการปกครอง นาย นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมการพัฒนาชุมชน นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมที่ดิน นายอนุชา โมกขะเวส ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมโยธาธิการและผังเมือง นายพลวัต ชยานุวัชร และนายสุวัฒน์ ตันประวัติ ดำรงตำแหน่งรอง อธิบดี (นักบริหาร 9) กรมการปกครอง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราช กฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
314 | โครงการพัฒนาพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยพื้นที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ | นร | 30/08/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรีรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครง
การพัฒนาพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยพื้นที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และให้ยกเลิก การดำเนินการของกรมโยธาธิการและผังเมือง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2548 (เรื่อง โครง การพัฒนาพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยพื้นที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่) และเห็นชอบแนวทางการดำเนินการฟื้นฟูพื้น ที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ตามความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) โดยจากการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงในพื้นที่ดังกล่าว มีความเห็นร่วมกันดังนี้ สมควรทำการพิจารณาโดยเฉพาะด้านการออกแบบรายละ เอียดให้เหมาะสม และสอดคลองกับธรรมชาติท้องถิ่นได้อย่างกลมกลืนและประเมินราคาค่างานตามความเป็น จริงก่อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ราคาค่าก่อสร้างถูกลงจากเดิม จำนวน 200 กว่าล้านบาท เช่น การก่อ สร้างถนนและทางเท้ารอบเกาะ ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร เสาไฟส่องสว่าง จำนวน 400 ต้น ที่เกินความจำเป็น ฯลฯ สำหรับกรอบแนวคิดในการจัดทำผังฟื้นฟูเกาะพีพี โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองในครั้งนี้จำเป็นต้องทำ การพิจารณาทบทวนใหม่ให้รอบคอบอีกครั้งหนึ่งโดยควรนำผลการศึกษาแนวทางในการฟื้นฟูและพัฒนาการ ท่องเที่ยวเกาะพีพี ขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) คาดว่า จะ ดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2548 มาใช้ประกอบการพิจารณาควบคู่กันไป เพื่อการออกแบบ รายละเอียด และในเบื้องต้นควรให้ความสำคัญกับการจัดทำภูมิทัศน์ (Landscape) รอบเกาะระยะแนวถอย ร่นฝั่งทะเลเข้าไปในแผ่นดินเป็นระยะทาง 30 เมตรเป็นลำดับแรก และจำเป็นต้องทบทวนประเด็นปัญหาเรื่อง ที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 10 ราย ที่เพียงแค่ยินยอมให้หน่วยงานราชการสามารถดำเนินการจัดรูปที่ ดิน เพื่อการพัฒนาในเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่นี้เท่านั้น มิได้ยินยอมอุทิศยกกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับการก่อ สร้างให้ทางราชการซึ่งจะเป็นปัญหาการใช้ประโยชน์ในภายหลัง และภาครัฐไม่สามารถทำการควบคุมสภาพ แวดล้อมในพื้นที่บริเวณดังกล่าวที่อาจจะเกิดสภาพแวดล้อมในลักษณะชุมชนแออัดได้อีกในช่วงระยะต่อไป และ มอบให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการแทน กรมโยธาธิการและผังเมือง
|
|||||||||||||||||||||
315 | โครงการพัฒนาพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยพื้นที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ | มท | 09/08/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) เสนอโครง
การพัฒนาพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยพื้นที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยได้จัด ทำแผนผังพัฒนาพื้นที่เพื่อปรับปรุงฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมในพื้นที่เกาะพีพี บริเวณอ่าว โละดาลัม และอ่าวต้นไทร และทำการออกแบบเบื้องต้นทางเท้า ทางหนีภัย และภูมิทัศน์ โดยประมาณการ งบประมาณค่าก่อสร้างเบื้องต้นรวมทั้งสิ้น 259,199,000 บาท ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ราคาต่อหน่วย และวงเงินค่าก่อสร้างของโครงการดังกล่าวสูงมาก จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รับไป พิจารณาทบทวนรายละเอียดและความจำเป็นเหมาะสมของราคาต่อหน่วยร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรม โยธาธิการและผังเมือง) สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยอาจหารือรองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ด้วย และควรพิจารณาใช้วัสดุที่เหมาะสมกับภูมิประเทศ และเป็นวัสดุที่ผลิตใน ประเทศเป็นหลัก เช่น อิฐบล๊อค ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้คิดค้นและพัฒนาขึ้น ซึ่งจะ ประหยัดการใช้ซิเมนต์ได้มาก เป็นต้น แล้วให้กรมโยธาธิการและผังเมืองขอทำความตกลงในรายละเอียด กับสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการต่อไป โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ และให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เห็นว่า การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมในพื้นที่เกาะพีพี ควรคำนึงถึงการออกแบบก่อสร้างที่กลมกลืนกับสภาพธรรมชาติ และ ควรปลูกต้นไม้ท้องถิ่น เพื่อให้มีสุนทรียภาพ และภูมิทัศน์ที่สวยงาม สร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจแก่นัก ท่องเที่ยว และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควร ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งประชาสัมพันธ์ และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ถึงผล ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 ไปประกอบการ ดำเนินการด้วย สำหรับวิธีดำเนินโครงการนั้น เห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องใช้วิธีจ้างเหมาแบบ Turnkey และวิธีพิเศษ และให้ใช้วิธีสำรวจออกแบบควบคู่ไปกับการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใน พื้นที่ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) ประสาน และพิจารณาร่วมกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อให้การก่อสร้างดังกล่าวไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสภาพภูมิทัศน์บริเวณแนวชาย หาดของเกาะด้วย |
|||||||||||||||||||||
316 | โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณประสบธรณีพิบัติภัยในพื้นที่ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา | ทก | 09/08/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง)
เสนอโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณประสบธรณีพิบัติภัยในพื้นที่ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เพื่อพัฒนาและปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน (ถนน) ในการเชื่อมโยงระหว่างบริเวณชายหาดกับถนน เพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงพื้นที่บ้านบางเนียง-เขาหลัก วงเงิน 20,139,200 บาท และโครงการปรับปรุงฟื้นฟูพื้นที่บริเวณแหลมปะการัง วงเงิน 100,187,600 บาท สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองใช้จ่ายจากงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็นโดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ดำเนินการสำรวจและ ออกแบบเสร็จสิ้น และมีความชัดเจนในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินในเขตก่อสร้างแล้ว ตามความเห็นของสำนัก งบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
317 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองศูนย์กลางการบินสุวรรณภูมิ | นร | 19/07/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองศูนย์กลางการบินสุวรรณภูมิ และตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการพิจารณา รวมทั้งผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสภาที่ ปรึกษา ฯ ดังนี้ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 : การพัฒนาให้เมืองศูนย์กลางการบินสุวรรณภูมิเป็นเมืองน่าอยู่ กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าว ส่วนประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 : การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ดำเนินการแล้ว อยู่ระหว่างทำการ ศึกษาโครงการ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 : การบริหารจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพ อยู่ระหว่างดำเนินโครง การศึกษาแผน ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประเด็นยุทธ ศาสตร์ที่ 4 : การใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานกรุงเทพ (สนามบินดอนเมือง) อย่างเต็มที่ กระทรวงคมนา คมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นควรมีการใช้ประโยชน์ให้มีความคุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของ ประเทศ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อรายงานให้ สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็น ระบบ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย |
|||||||||||||||||||||
318 | สรุปผลการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ จังหวัดกระบี่ และข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) | นร | 12/07/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายพินิจ จารุสมบัติ) พร้อมคณะได้เดินทางมารับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ธรณีพิบัติ จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2548 พร้อมทั้งได้มีข้อสั่งการ อาทิ ให้จังหวัดเร่งรัดการจ่าย เงินช่วยเหลือแก่ผู้มายื่นหลักฐานให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2548 และเร่งดำเนินการฟื้นฟูเพื่อสภาพ จิตใจของผู้ประสบภัยให้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติแบบอย่างเดิมหรือดีขึ้นโดยเฉพาะเด็กกำพร้าต้องให้ความดูแล เป็นพิเศษ สำหรับการฟื้นฟูเกาะพีพี ให้ร่วมมือกันตรวจสอบ ควบคุม แผงลอยบนเกาะพีพี และป้องกันมิให้มี การก่อสร้างหรือกระทำการที่ผิดกฎหมายซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบตามมาต่อไป และควบคุมจำนวนนักท่อง เที่ยวเข้าเกาะพีพี รวมทั้งกำหนดพื้นที่ว่างของอาคารเป็นที่ปลูกดอกไม้เป็นพื้นที่สีเขียว และควรมีพื้นที่ว่างที่ สามารถมองเห็นทะเลของเกาะทั้ง 2 ด้าน และให้จังหวัดเร่งรัดจัดหาพื้นที่เพื่อทำการก่อสร้างโรงเรียนเกาะ พีพีให้ได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2548 กับให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเร่งรัดโครงการขยายเขตจำหน่ายกระแส ไฟฟ้าบนเกาะพีพี และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองก่อสร้างแนวถนนเพื่อเป็นเส้นทางปลอดภัยบนเกาะพีพี และถนนรอบเกาะในแนว Set back ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||
319 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ตรวจสอบ หลักเกณฑ์การขอขึ้นทะเบียนและการเพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบ และหลักเกณฑ์การตรวจสอบอาคาร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทอาคารที่ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท | 28/06/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนด
คุณสมบัติเฉพาะของผู้ตรวจสอบ หลักเกณฑ์การขอขึ้นทะเบียนและการเพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจ สอบ และหลักเกณฑ์การตรวจสอบอาคาร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทอาคารที่ต้องจัดให้ มีผู้ตรวจสอบ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีข้อสังเกตว่า เมื่อร่าง กฎกระทรวง ฯ ทั้งสองได้ฉบับประกาศใช้บังคับแล้วจะมีผลทำให้อาคารของส่วนราชการที่เป็นอาคารตามที่ กำหนดไว้ในมาตรา 32 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ฯ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากต้อง จัดให้มีการตรวจสอบอาคารด้วย อันจะทำให้ต้องเสียงบประมาณเพิ่มขึ้น และเห็นว่า เป็นการเกินอำนาจ หน้าที่และวัตถุประสงค์ของส่วนราชการ ฯ และอาจมีปัญหาส่วนราชการ รวมถึงกรมโยธาธิการและผังเมือง จะสามารถมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการควบ คุมอาคารหรือไม่ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ แจ้งเวียนให้ส่วนราชการต่าง ๆ จัดให้มีการตรวจสอบ สภาพอาคารของตนเป็นการภายใน โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นศูนย์กลางในการตรวจสอบอาคาร สำหรับส่วนราชการใดที่มีขีดความสามารถและมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติพร้อม ให้ส่วนราชการนั้นสามารถ ดำเนินการตรวจสอบอาคารได้เอง
|
|||||||||||||||||||||
320 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดบุญญวาสวิหาร ตำบลท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง พ.ศ. .... | มท | 07/06/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่
ธรณีสงฆ์ วัดบุญญวาสวิหาร ตำบลท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิที่ธรณี สงฆ์ วัดบุญญวาสวิหาร ตำบลท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อ สร้างและขยายถนนตามโครงการผังเมืองรวมเมืองท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
.....