ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 30 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 597 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้มะพร้าวเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 12/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้มะพร้าวเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สินค้ามะพร้าวเป็นสินค้าที่ต้องนำเข้ามาทางท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือแหลมฉบัง โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ (๖) แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร ประชาชน และผู้เกี่ยวข้องทราบเกี่ยวกับการกำหนดให้สินค้ามะพร้าวเป็นสินค้าที่ต้องนำเข้ามาในราชอาณาจักรทางท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมศุลกากรและกรมวิชาการเกษตรดำเนินงานร่วมกันเพื่อเป็นการเพิ่มความเข้มงวดในการใช้มาตรการดังกล่าว และป้องกันการเข้ามาระบาดของโรคพืชและแมลงที่จะสร้างความเสียหายแก่พื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตรของไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
82 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... | นร09 | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการของกรมศุลกากร เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
83 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ด้วยเครื่องเอกซเรย์ตามโครงการระยะที่ 2 ถึง 4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - พ.ศ. 2567 (5 ปี) | กค | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ตามโครงการระยะที่ ๒ ถึง ๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๗ (๕ ปี) ของกระทรวงการคลัง และให้กระทรวงการคลังเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณานำเงินนอกงบประมาณมาสมทบกับงบประมาณในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔๕ พร้อมทั้งจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และให้ยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ผลการสอบราคา ประมาณการราคา และสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการให้ครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
84 | การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) | กค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสถานะและผลการเร่งรัดส่วนราชการเจ้าของโครงการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) ในส่วนที่ไม่อยู่ในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ซึ่งได้ลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้วและอยู่ระหว่างเบิกจ่าย จำนวน ๔ โครงการ และ ๑ โครงการย่อย โครงการที่ได้รับจัดสรรเงินกู้ DPL แล้ว แต่ยังไม่ได้ลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน ๑ โครงการ โครงการที่อยู่ระหว่างการจัดสรรเงินกู้ DPL จำนวน ๑ โครงการ และผลการยุติการดำเนินโครงการ จำนวน ๕ โครงการหลัก ๕ โครงการย่อย และ ๑๕ รายการย่อย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายเงินกู้ DPL ของโครงการต่าง ๆ จำนวน ๗ โครงการ ได้แก่ โครงการจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House : CCH) ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร โครงการพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ ระยะที่ ๓ ของสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ โครงการจัดหาระบบบริหารจัดการ Software และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โครงการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายระบบความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศเพื่อทดแทนเครื่องเดิม โครงการพัฒนาระบบควบคุมผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีเพื่อประโยชน์แห่งการจัดเก็บภาษีอากรตามมาตรา ๓ สัตตแห่งประมวลรัษฎากร ของกรมสรรพากร โครงการจัดทำระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ (New GFMIS Thai) และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมทางศุลกากรด้วยระบบเอ็กซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้า สัมภาระและหีบห่อสินค้าของผู้เดินทางรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของกรมศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมทางกรมศุลกากรด้วยระบบเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้า สัมภาระและหีบห่อสินค้าของผู้เดินทางรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของกรมศุลกากร วงเงิน ๑,๓๑๘.๐๐ ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างนั้น หากโครงการดังกล่าวไม่สามารถลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้ทันภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถใช้เงินกู้ DPL เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไปได้ ๓. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House : CCH) ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔. อนุมัติการยุติการดำเนินโครงการต่าง ๆ จำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ โครงการจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายและรองรับการให้บริการประชาชน โครงการปรับเปลี่ยนระบบ e-mail โครงการพัฒนาระบบงานและเว็บไซต์สำหรับให้บริการผ่านอุปกรณ์และคอมพิวเตอร์พกพา (Mobile Application and Mobile Web Site) โครงการพัฒนาระบบยื่นรายการประกอบแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (Summary table) ของกรมสรรพากร และโครงการวิเคราะห์ความเป็นไปได้และรูปแบบทางธุรกิจที่เหมาะสมในการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPPs Model) สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
85 | สรุปความก้าวหน้าในการดำเนินการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเพื่อการปฏิรูปประเทศ | นร10 | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปความก้าวหน้าในการดำเนินการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเพื่อการปฏิรูปประเทศ สำหรับใช้เป็นแบบอย่างที่ดีและนำไปสร้างการรับรู้เพื่อให้ส่วนราชการเกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐให้เป็นพลังขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. นิทรรศการของสำนักงาน ก.พ. เน้นความก้าวหน้าในการดำเนินการเตรียม สร้าง และพัฒนากำลังคนภาครัฐให้เป็นพลังขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้แก่ ทิศทางกำลังคนภาครัฐเพื่อการปฏิรูปประเทศ มาตรฐานจริยธรรม การสอบเข้ารับราชการ ระบบทุนรัฐบาล การรักษากำลังคนคุณภาพ กลุ่มหลักสูตรการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) การสร้างและพัฒนากำลังคนภาครัฐเพื่อไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ ทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเพื่อรองรับสังคมสูงอายุ ๒. นิทรรศการของส่วนราชการ ประกอบด้วย กรมศุลกากร และกรมชลประทาน แสดงความก้าวหน้าในการนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงและพัฒนาระบบงานบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ส่วนราชการอื่น ๆ ๓. นิทรรศการของหน่วยงานเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วย สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ICDL Thailand IC3 Digital Literacy Certification ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูง และบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ไอทีดี จำกัด เน้นนวัตกรรมในการพัฒนากำลังคนภาครัฐให้มีทักษะที่สอดคล้องกับการปฏิบัติราชการยุคใหม่ เช่น ระบบการออกแบบความคิด (Design Thinking) ระบบการเป็นพี่เลี้ยง (Coaching) เครื่องมือในการประเมินทักษะดิจิทัล และเครื่องมือประเมินสมรรถนะในการเป็นผู้นำในยุคประเทศไทย ๔.๐ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
86 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Minister : AEM) ครั้งที่ 50 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 24/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Minister : AEM) ครั้งที่ ๕๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม-๑ กันยายน ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวชุติมา บุณยประภัศร) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้ร่วมลงนามในเอกสาร ๒ ฉบับ คือ พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันเปิดตลาดบริการชุดที่ ๑๐ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Services : AFAS) และพิธีสารฉบับที่ ๑ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement : ATIGA) และได้มีการรับรอง/เห็นชอบเอกสารรวม ๗ ฉบับ อาทิ ความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน กรอบการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน หลักการสำคัญเรื่องแนวปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบของอาเซียน บัญชีกฎเฉพาะรายสินค้าในพิกัดศุลกากรระบบฺฮาร์โมไนซ์ ๒๐๑๗ (HS2017) และบัญชีรายการสินค้าสิ่งทอและผลิตภัณฑ์สิ่งทอของพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ๒๐๑๗ (HS2017) แนวปฏิบัติสำหรับการดำเนินการตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของสินค้า นอกจากนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการที่สำคัญ อาทิ การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าบริการอาเซียน (ASEAN Trade in Services Agreement : ATISA) การใช้งานระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window) และการจัดทำร่างพิธีสารแก้ไขความตกลงการลงทุนอาเซียน ฉบับที่ ๔ [The 4th Protocol to Amend the ASEAN Comprehensive Investment Agreement (ACIA)] ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรสนับสนุนการดำเนินการและติดตามผลการประชุมฯ เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ในปี ๒๕๖๒ ซึ่งไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนนั้น ควรตอกย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาค (Subregional cooperation) ที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและเกิดประสิทธิผล ช่วยลดช่องว่างทางการพัฒนาในภูมิภาคอาเซียนซึ่งจะส่งผลต่อความสำเร็จในการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างกัน (Connectivity) ทั้งทางด้านโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
87 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "ยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อไทยทั้งระบบ" ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อไทยทั้งระบบ” ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยที่ประชุมเห็นชอบด้วยกับรายงานการพิจารณาศึกษาฯ และได้มีความเห็นเพิ่มเติม เช่น กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะดำเนินการเร่งปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์ ปัจจุบันยังไม่มีครบทุกอำเภอ กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรจะดำเนินการป้องกันปราบปรามเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ได้เร่งจัดทำยุทธศาสตร์โคเนื้อ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ตามกรอบแนวทางยุทธศาสตร์ ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) การรักษาตลาดการบริโภคเนื้อโคไทย (๒) กระตุ้นการเพิ่มประชากรโคเนื้อและเนื้อโค และ (๓) การบริหารจัดการพืชอาหาร และอาหารสัตว์สำหรับโคเนื้อ โดยได้ดำเนินการอยู่แล้วในเกือบทุกเรื่อง เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
88 | การแต่งตั้งข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพลังงาน (นายกุลิศ สมบัติศิริ) | พน | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้ง นายกุลิศ สมบัติศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่ครองตำแหน่งอยู่เดิมจะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
89 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย 1. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ฯลฯ) | กค | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนที่ผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมจะพ้นไป และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. โอน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ตำแหน่งอธิบดี กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ไปดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ๒. โอน นายพชร อนันตศิลป์ ตำแหน่งอธิบดี กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ไปดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ๓. โอน นายอำนวย ปรีมนวงศ์ ตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ไปดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ๔. ย้าย นายยุทธนา หยิมการุณ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๕. โอน นางแพตริเซีย มงคลวนิช ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
90 | ร่างความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางบริหารในเรื่องทางศุลกากร | กค | 27/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางบริหารในเรื่องทางศุลกากร ซึ่งจะมีการลงนามระหว่างการประชุมประจำปีขององค์การศุลกากรโลก ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ในระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ และอนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบเขตความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านศุลกากร เช่น แนวทางการบังคับใช้กฎหมายศุลกากร การกระทำความผิดทางศุลกากร และข้อมูลการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศคู่ภาคี ซึ่งร่างความตกลงฯ จะมีส่วนสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการประเมินราคาศุลกากร การตรวจสอบแหล่งกำเนิดของสินค้า และการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางศุลกากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
91 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวนงพงา บุญเปี่ยม) | กค | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวนงพงา บุญเปี่ยม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒. นายชัยยุทธ คำคุณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
92 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดราชการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 พ.ศ. .... | คค | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดราชการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติเป็นราชการอื่นที่ได้รับยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ และตัดกรมศุลกากรออก เนื่องจากได้ถูกกำหนดให้เป็นหน่วยงานที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ แล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
93 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายชัยยุทธ คำคุณ) | กค | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวนงพงา บุญเปี่ยม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒. นายชัยยุทธ คำคุณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
94 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4369 สายพรุเตียว-ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 พ.ศ. .... | คค | 03/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๓๖๙ สายพรุเตียว-ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ ๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๓๖๙ สายพรุเตียว-ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ ๒ ในท้องที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ไปพิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในบริเวณพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ ๒ ที่มีความสอดคล้องกับแผนการเปิดให้บริการด้านศุลกากรสะเดาแห่งที่ ๒ และเชื่อมโยงกับแนวทางการใช้ประโยชน์ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ ๒ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป และให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้างด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
95 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านศุลกากรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสหพันธรัฐมาเลเซีย | กค | 27/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านศุลกากรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสหพันธรัฐมาเลเซีย (Memorandum of Understanding Between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of Malaysia Concerning Cooperation and Mutual Assistance in Customs Matters) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือ และการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างศุลกากรไทยและศุลกากรมาเลเซียให้เกิดความเข้าใจในการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันอย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับพิธีการศุลกากร กฎหมาย ข้อบังคับ และพิธีการต่าง ๆ การแจ้งข่าวสารและแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับถ้อยคำที่ปรากฏในร่างบันทึกความเข้าใจฯ จาก สหพันธรัฐมาเลเซีย เป็น มาเลเซีย ตามชื่อทางการของประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน และเห็นควรให้กรมศุลกากรหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้าของไทยเพื่อให้ทราบความต้องการข้อมูลของฝ่ายไทยจากหน่วยงานศุลกากรของมาเลเซีย โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในกระบวนการส่งออกและนำเข้าให้กับผู้ประกอบการไทย โดยควรมีการหารือเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
96 | รายงานผลการทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงในประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ (Out-of-Cycle Review of Notorious Markets) ของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) | พณ | 27/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงประจำปี ๒๕๖๐ (2017 Out-of-Cycle Review of Notorious Markets) ซึ่งสหรัฐอเมริกา โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (United States Trade Representative : USTR) ได้ทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงประจำปี ๒๕๖๐ ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิด (Physical Markets) และตลาดออนไลน์ (Online Markets) โดยในปีนี้ไม่ปรากฏชื่อย่านการค้าหรือศูนย์การค้าในประเทศไทยเป็น Notorious Markets ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพเรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิด (Physical Markets) ตลาดออนไลน์ (Online Markets) รวมทั้งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในรูปแบบอื่น ได้แก่ การละเมิดลิขสิทธิ์รายการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก และการผลิต นำเข้า จำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่าย หรือรับติดตั้งกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ๒.๒ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น สอดส่องดูแลไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในพื้นที่ของตน และหากพบการจำหน่ายสินค้าละเมิด ให้พิจารณาดำเนินมาตรการทางปกครองตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ๒.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่เห็นควรให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบและเจ้าของอาคารสถานที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเฝ้าระวัง ให้ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปราม ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่เดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เจ้าของอาคารสถานที่ และเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาจะต้องประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดร่วมมือกันในการป้องกันมิให้มีการซื้อขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
97 | การแจ้งวันที่แน่ชัด (Definitive Dates) ของบทบัญญัติที่ไทยต้องการระยะเวลาปรับตัว (Category B) ของความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า (TFA) ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) | พณ | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในการดำเนินการตามบทบัญญัติที่ต้องการระยะเวลาปรับตัวก่อนการปฏิบัติ (Category B) จำนวน ๓ บทบัญญัติ จากทั้งหมด ๑๒ บทบัญญัติ และให้กระทรวงพาณิชย์แจ้งวันที่แน่ชัด (Definitive Dates) ของมาตรการภายใต้บทบัญญัติ Category B ไปยังองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กำหนดแผนการดำเนินงานตามบทบัญญัติใน Category B ที่ชัดเจน สามารถบรรลุเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งมีการติดตามและรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานให้คณะทำงานเพื่อติดตามการปฏิบัติด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า และคณะอนุกรรมการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า รับทราบเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
98 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร [มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Investor)] | กค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร [มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Investor)] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่ได้จ่ายเงินลงทุนในหุ้นเพื่อจัดตั้งหรือเงินลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) สามารถนำเงินลงทุนดังกล่าวมาหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น โดยผู้มีเงินได้ต้องถือหุ้นในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ไม่น้อยกว่า ๒ ปีต่อเนื่องกันนับแต่วันที่ลงทุนในหุ้นนั้น เว้นแต่ทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ เฉพาะที่ได้จ่ายไปในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ จัดทำแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษี (Tax Structure Plan) เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ของกรมสรรพากร ภาษีสรรพสามิต ของกรมสรรพสามิต และภาษีศุลกากร ของกรมศุลกากร มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน รวมทั้งจัดทำแผนการจัดเก็บภาษีให้สอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้การพัฒนาฐานเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งต่อไป ๒.๒ รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการเผยแพร่รายชื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติและลักษณะตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตลอดจนสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญกับการบูรณาการมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุน (Angel Investor) รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินการในระยะต่อไป เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในเรื่องนี้แล้ว ควรประเมินผลว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวสามารถจูงใจนักลงทุนที่ลงทุน (Angel Investor) ได้มากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้กำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยให้พิจารณาเทียบเคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.๓ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดระบบจดทะเบียนให้กับนักลงทุน (Angel Investor) เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น รวมทั้งกำหนดแนวทางสร้างการพัฒนา การรับรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชนต่าง ๆ ไปยังประชาชนและชุมชนให้มากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของการดำเนินงานตามแนวคิดประเทศไทย ๔.๐ ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนปรับตัวเรียนรู้ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างรู้เท่ากัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
99 | การปรับสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) จากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List: PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) | พณ | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา ๓๐๑ พิเศษ (Special 301) จากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List : PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List : WL) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์สร้างจิตสำนึก เคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาคู่ขนานกับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองและการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างสรรค์พัฒนา ตระหนักถึงคุณค่าและการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอบหมายหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาภายใต้คณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่มีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามแผนที่นำทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Roadmap) รวมถึงแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) อย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว สามารถยกระดับการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสากลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
100 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 2/2560 | นร11 | 16/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของ กนพ. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนพ. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ การกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ลงทุนและการปรับปรุงเงื่อนไขเสนอการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก กาญจนบุรี นครพนม มุกดาหาร และหนองคาย มอบหมายให้กรมธนารักษ์ปรับปรุงรายละเอียดการสรรหาและคัดเลือกผู้ลงทุน รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ๑.๒ มาตรการเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเฉพาะในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก กาญจนบุรี นครพนม มุกดาหาร และหนองคาย เป็นเวลา ๒ ปี หากมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐ ของเงินลงทุนในปีที่ ๑ และยกเว้นค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเป็นเวลา ๑ ปี หากมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐ ของเงินลงทุนในปีที่ ๒ ของรอบปีที่สัญญาเช่า เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการให้สิทธิประโยชน์ภายในปี ๒๕๖๓ ๑.๓ การบริหารจัดการที่ดินราชพัสดุที่ได้ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๗/๒๕๕๘ และที่ ๓๔/๒๕๕๙ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (๑) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการแลกเปลี่ยนที่ดินราชพัสดุกับที่ดินเอกชน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเช่าที่ดินราชพัสดุ ชดใช้เงินแทนการแลกเปลี่ยนที่ดินราชพัสดุ และเห็นชอบให้กรมศุลกากรใช้ที่ดินราชพัสดุ เนื้อที่ประมาณ ๑๒๐ ไร่ เพื่อก่อสร้างด่านศุลกากรแม่สอด แห่งที่ ๒ จังหวัดตาก และ (๒) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เห็นชอบให้กันที่ดินราชพัสดุ แปลงที่ ๑ บางส่วน เพื่อคงไว้ตามสภาพเดิม และมอบหมายให้กรมธนารักษ์ดำเนินการเปิดประมูลให้เอกชนเช่าต่อไป ๑.๔ การพิจารณาจัดซื้อที่ดินเอกชนเพื่อจัดตั้งโครงการนิยมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส โดยมอบหมายการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประเมินความเหมาะสมและคุ้มค่าในการลงทุน ทั้งด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ และมอบหมายคณะอนุกรรมการด้านการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการเสนอแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินสำหรับจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว ๑.๕ แผนงานด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดจุดเน้นการพัฒนาของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อนำไปใช้ประกอบการจัดทำแผนการตลาดและประชาสัมพันธ์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต่อไป ๑.๖ แนวทางการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะต่อไป มอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านสิทธิประโยชน์ กำหนดพื้นที่ และศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน พิจารณากำหนดมาตรการและสิทธิประโยชน์ เพื่อส่งเสริมการลงทุนตามจุดเน้นการพัฒนาในพื้นที่ศักยภาพการลงทุนสูงในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก สงขลา สระแก้ว และมุกดาหาร รวมทั้งการสนับสนุนการลงทุนของ SMEs และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินงาน รวมถึงเร่งรัดการดำเนินโครงการและมาตรการสำคัญใน ๑๐ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้แล้วเสร็จ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามผลการประชุมฯ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงบประมาณ เช่น การเตรียมความพร้อมตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงเร่งดำเนินการโครงการ/รายการต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการสนับสนุนให้ภาคเอกชนลงทุนดำเนินการในกิจการที่พักอาศัยของแรงงานที่จะเข้าไปทำงานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และให้กระทรวงการคลังรายงานความก้าวหน้าในเรื่องนี้ให้ กนพ. ทราบต่อไปด้วย
|
.....