ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 30 หน้า แสดงรายการที่ 121 - 140 จากข้อมูลทั้งหมด 597 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
121 | การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) | กค | 04/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมทางศุลกากรด้วยระบบเอ็กซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้า สัมภาระและหีบห่อสินค้าของผู้เดินทางรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) วงเงิน ๑,๓๑๘.๐๐ ล้านบาท ของกรมศุลกากร ทั้งนี้ ในกรณีโครงการต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดด้วย ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการอีกครั้ง ในขั้นตอนการอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการติดตั้งระบบ X-Ray ของกรมศุลกากร ขอให้ปฏิบัติตามมาตรฐานและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงเรื่อง กำหนดเงื่อนไข วิธีการขอรับใบอนุญาต และการดำเนินการเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ วัสดุต้นกำลัง วัสดุพลอยได้ หรือพลังงานปรมาณู โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดกรมศุลกากรควรเป็นผู้รับผิดชอบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภาพรวม รวมทั้งพิจารณาถึงการใช้วงเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหลืออยู่ด้วยว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่เพียงใด และนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
122 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง [ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 04/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง [ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า การนำส่งหรือนำเงินตรา เงินตราต่างประเทศและตราสารเปลี่ยนมือออกไปนอกหรือเข้ามาในประเทศผ่านระบบไปรษณีย์นั้น มีมาตรการทางกฎหมายอยู่แล้วในปัจจุบัน และกรมศุลกากรสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายใดอีก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
123 | ผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก เมื่อวันพุธที่ 12 ตุลาคม 2559 ณ จังหวัดชลบุรี | นร11 | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจส่วนกลาง และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก (ชลบุรี จันทบุรี ตราด ระยอง) เมื่อวันพุธที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๒. เห็นชอบตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป ได้แก่ ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาเร่งรัดการดำเนินงานภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สู่การปฏิบัติตามขั้นตอน โดยรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะด้วย ๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องรับยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับการผลิต การแปรรูป การตลาดผลไม้ภาคตะวันออก (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ไปขับเคลื่อนผ่านกระบวนการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด/จังหวัดตามแนวประชารัฐ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติ และให้กระทรวงมหาดไทยประสานสำนักงบประมาณร่วมพิจารณาให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดงาน “มหานครผลไม้” ที่จังหวัดจันทบุรีในปี ๒๕๖๐ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์การเป็นศูนย์กลางผลไม้ของไทยตามขั้นตอนต่อไป ๒.๓ มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาจัดทำแผนบูรณาการเพื่อยกระดับเทคโนโลยีการผลิตและทักษะแรงงานไปสู่ขั้นสูงเพื่อรองรับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมฐานเดิมของประเทศให้เป็นอุตสาหกรรม ๔.๐ โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ประกอบการในพื้นที่และนอกพื้นที่ ก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๒.๔ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาจัดทำแผนปรับปรุงการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก-สาย รย.๑๐๐๑ แยกทางหลวงหมายเลข ๓-เลียบหาดแม่รำพึง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง (ระยะทาง ๗ กิโลเมตร) โดยคำนึงถึงการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ รวมทั้งการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในเส้นทางที่ดำเนินการดังกล่าวด้วย ๒.๕ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ (๑) เพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายลำและผ่านแดนของท่าเรือแหลมฉบังในการเป็น ASEAN GATEWAY (๒) เร่งรัดการต่ออายุสัมปทานของภาคเอกชนที่ได้รับสัมปทานท่าเรือ และติดตามภาคเอกชนที่ได้รับสัญญาสัมปทานให้ดำเนินการตามกฎหมาย และ (๓) แก้ไขประกาศกรมศุลกากรตามความเหมาะสมเพื่อให้เอื้อต่อการขนส่งสินค้าแบบถ่ายลำและผ่านแดน ๒.๖ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับไปเร่งรัดโครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจรจาก ๔ ช่องจราจรเป็น ๖ ช่องจราจร รวมสะพานข้ามทางแยกทางหลวงหมายเลข ๓๖ ตอนชลบุรี (แยกกระทิงลาย)-บรรจบทางหลวงหมายเลข ๓ (ระยอง) ระยะทาง ๔๑ กิโลเมตร โดยให้คำนึงถึงความเหมาะสมและความจำเป็นเร่งด่วนของโครงการ เพื่อรองรับการลงทุนและการพัฒนาโครงการ EEC ๒.๗ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมและความจำเป็นเร่งด่วนของโครงการตามที่ภาคเอกชนเสนอก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอน รวมทั้งให้มีการติดตามประเมินผลความสำเร็จของการดำเนินโครงการอย่างเป็นระบบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
124 | การขอความเห็นชอบบัญชีรายการสินค้าจากเขตอุตสาหกรรมเกซองที่ได้ปรับพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์เป็นฉบับปี 2012 ภายใต้ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี | พณ | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสาร Decision to Endorse the Transposed Lists of Goods for the Treatment for Certain Goods in the Rules of Origin, Annex 3 of the Agreement on Trade in Goods พร้อมบัญชีรายการสินค้าจากเขตอุตสาหกรรมเกซองที่ได้ปรับพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์เป็นฉบับปี ๒๐๑๒ โดยปรับพิกัดการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินการขององค์การศุลกากรโลกที่จะมีการปรับพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์เป็นประจำทุก ๆ ๕ ปี เพื่อให้บัญชีรายการสินค้าดังกล่าวมีความทันสมัยสอดคล้องกับพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับที่ ๑๐๑๒ โดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลงพันธกรณีที่ไทยผูกพันไว้เดิม ๑.๒ มอบหมายให้กรมศุลกากรดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการยกร่างประกาศกรมศุลกากรและคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรให้มีผลบังคับใช้ในทางปฏิบัติในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในเอกสาร Decision to Endorse the Transposed Lists of Goods for the Treatment for Certain Goods in the Rules of Origin, Annex 3 of the Agreement on Trade in Goods และแจ้งผลให้กระทรวงพาณิชย์ทราบ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งเลขาธิการอาเซียนทราบการเสร็จสิ้นของกระบวนการภายในของประเทศไทยของเอกสาร Decision to Endorse the Transposed Lists of Goods for the Treatment for Certain Goods in the Rules of Origin, Annex 3 of the Agreement on Trade in Goods ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างความชัดเจนในการเทียบเคียงระบบฮาร์โมโนซ์ฉบับปี ๒๐๐๗ กับ ฉบับปี ๒๐๑๒ ร่วมกัน เพื่อให้มีการระบุพิกัดศุลกากรในใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าและแบบฟอร์มต่าง ๆ เป็นไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วน มีมาตรฐานเดียวกัน และลดความสับสนของผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าส่งออก นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ควรเตรียมการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจรับทราบบัญชีรายการสินค้าฯ เพื่อให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
125 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายไพศาล ชื่นจิตร) | กค | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไพศาล ชื่นจิตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
126 | บันทึกสรุปผลการประชุมเพื่อติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงาน กรณีขบวนการทำรถยนต์จดประกอบ | ยธ | 20/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกสรุปผลการประชุมเพื่อติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงาน กรณีขบวนการทำรถยนต์จดประกอบ ในการประชุมเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน ซี่งกรมศุลกากรแจ้งว่า ในขั้นตอนที่กำหนดให้กรมศุลกากรส่งข้อมูลที่ได้รับจากกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ตรวจสอบหมายเลขเครื่องยนต์และตัวถังจากผู้ผลิต (ระยะเวลา ๓ เดือน) โดยตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยจะสามารถร้องขอข้อมูลรถยนต์เฉพาะรถยนต์ที่ตนเป็นตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น ไม่สามารถร้องขอข้อมูลรถยนต์คันอื่น ๆ รวมถึงกรมศุลกากรไม่มีอำนาจในการเรียกเอกสารจากต่างประเทศ จึงขอปรับแก้ขั้นตอนและกรอบการติดตามเร่งรัดคดีรถยนต์จดประกอบใหม่ โดยให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบในขั้นตอนนี้ และเมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบข้อมูลแล้วให้ส่งข้อมูลการตรวจสอบให้กรมศุลกากรจัดเก็บอากรตามมาตรา ๖ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
127 | แผนปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังที่จะดำเนินการ ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 - 2560 | นร04 | 30/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังที่จะดำเนินการในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ประกอบด้วย ๒๐ ภารกิจ ได้แก่ (๑) กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) (๒) การลงทะเบียนคนจน (๓) การปฏิรูประบบภาษี (ภาษีสรรพากร ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร และภาษีประเภทใหม่) (๔) พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (๕) แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการบริการระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (e-Payment) (๖) มาตรการบัญชีเล่มเดียว (Single Account) (๗) การขจัดการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง (ยกร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจhางและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ....) (๘) การสำแดงราคาที่เป็นจริง (๙) โครงการ One Stop Service ในการจัดเก็บภาษีอากรจากการนำเข้าสินค้าและส่งออกสินค้า (๑๐) โครงการยกระดับการผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเชื่อมโยงข้อมูลตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับกรมศุลกากรผ่านระบบ National Single Window : NSW (๑๑) โครงการเชื่อมโยงข้อมูลและเอกสารระหว่างประเทศตามระบบ National Single Window : NSW และ ASEAN Single Window : ASW (๑๒) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (๑๓) การรวมพระราชบัญญัติศุลกากรทุกฉบับไว้เป็นฉบับเดียวกัน (๑๔) สำรวจข้อมูลเพื่อประเมินราคาที่ดินรายแปลง (๑๕) โครงการนำที่ราชพัสดุมาสนับสนุนพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (๑๖) โครงการพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีรถไฟมักกะสัน (๑๗) โครงการบ้านประชารัฐ (๑๘) การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) (๑๙) มาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) และ (๒๐) การผลักดันร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... แล้วส่งให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติไปประกอบการพิจารณาต่อไป โดยแจ้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ผ่านคณะกรรมการประสานงานรวม ๓ ฝ่าย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
128 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 48 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers : AEM) ครั้งที่ ๔๘ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒-๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้รับรอง/เห็นชอบเอกสารที่สำคัญ เช่น เอกสารที่ลาว ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ให้ความสำคัญ จำนวน ๕ เรื่อง โดยจะเป็นกรอบแนวทางการดำเนินการซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับอาเซียน และแผนปฏิบัติการรายสาขาภายใต้แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ (AEC Blueprint 2025) ภายใต้ความรับผิดชอบของ AEM จำนวน ๙ แผนงาน (๒) การเปิดตัวเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ (๓) ประเด็นระหว่างสมาชิกอาเซียนที่ต้องดำเนินการต่อไป เช่น การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (๔) การหารือกับคู่เจรจา เช่น อาเซียน-จีน และ (๕) การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ๔ ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง รวมทั้งผู้แทนบริษัท General Motor ของสหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้มีการหารือรายละเอียดในประเด็นการยกเลิกการระบุมูลค่า (Free on Board : FOB) ในหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้ากรณีใช้เกณฑ์สัดส่วนมูลค่าเพิ่มในภูมิภาค (Regional Value Content : RVC) ร้อยละ ๔๐ กับกรมศุลกากรอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป ควรแจ้งและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบผลการดำเนินงานและกรอบทิศทางความร่วมมือของอาเซียนตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในระยะต่อไป รวมทั้งควรมีการศึกษาเชิงลึกศักยภาพของธุรกิจบริการของไทยรายสาขาเพื่อประเมินโอกาสและความพร้อมในการแข่งขัน ตลอดจนศึกษาผลกระทบของการเปิดเสรีการค้าบริการโดยใช้ Negative List Approach ต่อธุรกิจบริการของไทย นอกจากนี้ควรมีการรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และประชาชนต่อการเปิดตลาดการค้าบริการภายใต้กรอบความตกลงต่าง ๆ สำหรับกรอบการตรวจสอบและประเมินผล AEC Blueprint 2025 กระทรวงพาณิชย์ควรวางกลไกในการผลักดันการดำเนินการดังกล่าว โดยกำหนดเป็นตัวชี้วัดร่วมระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้มีเจ้าภาพหลักและเป้าหมายที่ชัดเจนในการผลักดันการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
129 | ผลการประชุม เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และ ศอ.บต. เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2559 | นร11 | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมเรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามผลการประชุมฯ ดังกล่าว และรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" (จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ศอ.บต. หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่จัดทำรายละเอียดโครงการฯ โดยพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ รวมทั้งผลกระทบให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง และเสนอให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงร่วมกับฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณากลั่นกรองและนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ โครงการพัฒนาด้านศุลกากรบูเก๊ะตา ตำบลโล๊ะจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร รับไปดำเนินการเร่งรัดการก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ ๓ ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ การปรับปรุงเพิ่มเติมงานก่อสร้างด่าน ระยะที่ ๒ และการจัดสรรอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อรองรับการเปิดด่านได้ก่อนภายในปี ๒๕๖๐ รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงและขยายด่านศุลกากรบูเก๊ะตา (ระยะที่ ๔) เพื่อเปิดด่านอย่างเต็มรูปแบบให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ ศอ.บต. ที่เห็นควรให้มีการบูรณาการการทำงานจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติสนับสนุนการทำงานให้เกิดเมืองต้นแบบที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทุกด้านภายใต้กรอบแนวทางการทำงานร่วมกัน ให้เกิดการเชื่อมโยงทุกมิติการพัฒนาทุกด้านและให้มีการกำกับ ติดตามและรายงานให้ผู้บริหารระดับนโยบายทราบและพิจารณาเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีที่ให้มีการจัดหาที่ดินเพิ่มเติมเพื่อการดำเนินโครงการพัฒนาด่านศุลกากรบูเก๊ะตา และพื้นที่เศรษฐกิจจังหวัดนราธิวาสด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
130 | ขออนุมัติการดำเนินงานด้านมาตรฐานรหัสสินค้าและบริการ | ทก | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการใช้การพัฒนามาตรฐานและระบบทะเบียนรหัสสินค้าและบริการของประเทศไทยที่จำเป็นสำหรับการซื้อขายทางออนไลน์ เช่น สำนักงานสถิติแห่งชาติ กรมบัญชีกลาง และกรมศุลกากร และสนับสนุนการทำงานร่วมกับภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นต้น เพื่อให้มีการนำมาตรฐานรหัสสินค้าและบริการไปใช้อย่างแพร่หลายอันสอดคล้องกับมาตรฐานสากลต่อไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
131 | รายงานความก้าวหน้าการพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) ของประเทศไทย | กค | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) ของประเทศไทย ณ วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกรมศุลกากรและผู้ประกอบการ เช่น ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนออกของ ตัวแทนผู้รับขนส่งสินค้า บริษัทเรือ สายการบิน และธนาคารต่าง ๆ ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ NSW ครบถ้วน ๑๐๐% ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา ๒. การเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐในการออกใบอนุญาต/ใบรับรอง และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้า การส่งออกและโลจิสติกส์ ทั้ง ๓๖ หน่วยงาน มีระบบพร้อมรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ NSW แล้ว แต่ยังเหลืออีก ๓ หน่วยงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการพัฒนาระบบ NSW ได้แก่ การขาดความชัดเจนของหน่วยงานที่รับผิดชอบ กำกับ ดูแลระบบ การให้บริการของหน่วยงานภาครัฐในขั้นตอนการออกใบอนุญาต/ใบรับรองมีหลายขั้นตอนและใช้ระยะเวลาในการดำเนินการมาก หน่วยงานภาครัฐส่วนใหญ่ยังไม่มีงบประมาณหรือยังไม่ได้จัดทำโครงการของบประมาณสำหรับการพัฒนาระบบเพิ่มเติมของแต่ละหน่วยงาน กฎหมาย/ระเบียบของหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้า ส่งออกสินค้า ยังไม่รองรับการทำธุรกรรมสำหรับนำเข้า ส่งออก โลจิสติกส์ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ NSW แบบไร้เอกสารอย่างปลอดภัย และหน่วยงานภาครัฐมีบุคลากรไม่เพียงพอในการกำกับดูแลและพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ NSW ทั้งในรูปแบบ G2G/B2G ๔. ข้อเสนอแนะในการดำเนินการพัฒนาระบบ NSW ได้แก่ ผลักดันให้มีองค์กรมาทำหน้าที่บริหารจัดการระบบ NSW เร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ดำเนินการปรับปรุงกระบวนงานการออกใบอนุญาต/ใบรับรอง โดยใช้การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ NSW แบบครบวงจร ผลักดันให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้า ส่งสินค้าออก ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบให้รองรับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร และผลักดันให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน จัดสรรอัตรากำลังบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์เพิ่มเติมให้เพียงพอตามอัตราที่แต่ละหน่วยงานขอไว้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
132 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 3 ราย 1. นายวีระวุฒิ ศรีเปารยะ ฯลฯ) | กค | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายวีระวุฒิ ศรีเปารยะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์และทรัพย์สินมีค่า (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๒. นายจำเริญ โพธิยอด ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ ๓. นายเอกวัฒน์ มานะแก้ว ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
133 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 3 ราย 1. นายวีระวุฒิ ศรีเปารยะ ฯลฯ) | กค | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายวีระวุฒิ ศรีเปารยะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์และทรัพย์สินมีค่า (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๒. นายจำเริญ โพธิยอด ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ ๓. นายเอกวัฒน์ มานะแก้ว ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
134 | เพื่อทราบผลการจัดซื้อจัดจ้าง รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ จังหวัดสงขลา 1 แห่ง | กค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมศุลกากรก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ จังหวัดสงขลา ๑ แห่ง วงเงิน ๑,๕๓๒,๐๗๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ระยะเวลาดำเนินโครงการดังกล่าวเกินระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ได้รับอนุมัติไว้ จึงขอให้กรมศุลกากรนำเสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อขออนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
135 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | กษ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การยกร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ (๒) การบริหารจัดการน้ำมันปาล์มของกลางของกรมศุลกากร (๓) ค่าใช้จ่ายจากการตรวจจับการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม (๔) การระบายน้ำมันปาล์มดิบ (๕) ร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. .... (๖) ข้อเสนอเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผลปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ และ (๗) แนวทางการพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบที่จะดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบนั้น ควรนำแนวทางตามยุทธศาสตร์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ภายใต้ยุทธศาสตร์สินค้าเกษตร ๔ สินค้า (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังผลิตภัณฑ์ ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม อ้อยโรงงานและน้ำตาลทราย) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ มาประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อให้การดำเนินนโยบายมีความชัดเจน ต่อเนื่อง และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
136 | บันทึกสรุปผลการประชุมเพื่อติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงาน กรณีขบวนการทำรถยนต์จดประกอบ | ยธ | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกสรุปผลการประชุมเพื่อติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงาน กรณีขบวนการทำรถยนต์จดประกอบ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบขั้นตอน ระยะเวลา และกระบวนการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๗ หน่วยงานหลัก ประกอบด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมการขนส่งทางบก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกรมสรรพากร โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องของหมายเลขตัวถังและหมายเลขเครื่องยนต์ ไปจนสิ้นสุดขั้นตอนการดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ได้มีการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องของจำนวนยอดรถยนต์จดประกอบ จำนวน ๗,๑๒๓ คัน ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๖ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ มีผลกระทบต่อบุคคลที่สามในสังคมเป็นวงกว้าง และลักษณะคดีเป็นที่สนใจต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนโดยทั่วไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
137 | ร่างเอกสารว่าด้วยความเข้าใจร่วมกันเพื่อการจัดหาอุปกรณ์โดยกระทรวงการเข้าเมืองและการพิทักษ์พรมแดนแห่งออสเตรเลียให้แก่กรมศุลกากร | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารว่าด้วยความเข้าใจร่วมกันเพื่อการจัดหาอุปกรณ์โดยกระทรวงการเข้าเมืองและการพิทักษ์พรมแดนแห่งออสเตรเลียให้แก่กรมศุลกากร (Letter of Mutual Understanding for the Provision of Certain Equipment by the Department of Immigration and Border Protection to the Thai Customs Department) โดยร่างเอกสารความเข้าใจฯ ระบุให้กระทรวงการเข้าเมืองฯ เป็นผู้จัดซื้อเครื่องเอกซเรย์กระเป๋าแบบสายพาน ยี่ห้อ Smith Detection รุ่น HI-SCAN 7555i และอุปกรณ์พ่วงที่เกี่ยวข้องเพื่อมอบให้แก่กรมศุลกากร โดยกระทรวงการเข้าเมืองฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด และกรมศุลกากรมีสิทธิที่จะใช้ดุลพินิจในการพิจารณาว่าจะใช้หรือไม่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวต่อไปในกรณีหลังจากครบกำหนดระยะเวลา ๓ ปี ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างเอกสารว่าด้วยความเข้าใจฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรณีหากมีการพิจารณาใช้อุปกรณ์ดังกล่าวต่อหลังจากระยะเวลาสามปีแรกแล้ว ก็จะมีภาระค่าบำรุงรักษาเกิดขึ้น กรมศุลกากรควรคำนึงถึงความเหมาะสมและความคุ้มค่าที่จะดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
138 | การดำเนินโครงการพัฒนาระบบ CCTV และเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมทางศุลกากรรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) | กค | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการนำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับปรุงรายละเอียดการดำเนินโครงการพัฒนาระบบ CCTV และเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมทางศุลกากรรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมทั้งรับทราบผลการพิจารณาแนวทางการบูรณาการระบบ CCTV เพื่อการควบคุมทางศุลกากร กับระบบ CCTV ของหน่วยงานอื่น ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกัน โดยกรมศุลกากรได้เสนอรูปแบบการบูรณาการใช้งานร่วมกันในลักษณะต่าง ๆ และให้กรมศุลกากรใช้บริการโครงข่ายสื่อสาร CCTV และอุปกรณ์ต่อพ่วงกับเครือข่ายของบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ เกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้งานระบบหรือพัฒนาต่อยอดจากระบบของหน่วยงานอื่นที่ได้ดำเนินการไว้แล้ว การจัดทำรายละเอียดสถาปัตยกรรมองค์กร (Enterprise Architecture) ที่แสดงให้เห็นภาพรวมของการดำเนินการ การจัดหากล้องโทรทัศน์วงจรปิดควรอ้างอิงตามเกณฑ์ราคากลางและคุณลักษณะพื้นฐานของกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกำหนด และการจัดหาครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ให้กำหนดคุณลักษณะเฉพาะที่เปิดกว้างไม่เจาะจงเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง และควรมีคณะทำงานหรือหน่วยงานที่กำหนดรูปแบบมาตรฐานในการเชื่อมต่อและเก็บข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์และบูรณาการข้อมูล ตลอดจนการจัดทำรายละเอียดนโยบายด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การจัดทำรายละเอียดนโยบายด้านความปลอดภัยทางไอที แผนการบริหารความเสี่ยง แผนการโอนย้ายระบบ แผนการบูรณาการระบบ คุณลักษณะของรายการอุปกรณ์ที่จัดหา สถาปัตยกรรมองค์กร และจัดให้มีกระบวนการทำ POC (proof of concept) ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
139 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (โครงการก่อสร้างอาคารด่านพรมแดนคลองใหญ่) | กค | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้กรมศุลกากรเปลี่ยนแปลงรายการ ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการในรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน รายการตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งหากชำระหนี้ล่าช้าจะมีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้น และรายการข้อผูกพันตามสัญญาที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้แล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งงบประมาณไว้แล้ว ดังนี้ ๑.๑ ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๓๒๘๙/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๓๙๖,๔๐๐ บาท (ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙) ๑.๒ ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๔๘๓๕/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๘,๖๐๕,๔๐๐ บาท (ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙) ๑.๓ ค่าก่อสร้างโครงการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน สำนักงานศุลกากรภาคที่ ๒ จำนวน ๕๙๗,๕๐๐ บาท วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๑,๕๙๙,๓๐๐ บาท สำหรับค่าจ้างเหมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานทำความสะอาดและบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบปรับอากาศนั้น กรมศุลกากรได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประเภทงบดำเนินงาน ลักษณะค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ รองรับไว้แล้ว จึงเห็นสมควรให้ใช้จ่ายและถัวจ่ายจากงบประมาณดังกล่าวก่อน ทั้งนี้ การดำเนินการชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยดังกล่าว ให้กรมศุลกากรต่อรองให้เหลือต่ำสุด และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการหาผู้รับผิดชอบตามกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดในกรณีการชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๓๒๘๙/๒๕๕๘ รายบริษัท ไฮเพอรอน จำกัด โจทก์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โจทก์ร่วม กรมศุลกากร จำเลย และคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๔๘๓๕/๒๕๕๘ รายบริษัท เอส.อาร์.เค. อีเล็คโทรนิค จำกัด ที่ ๑ นายสุรเกียรติ งามวิถี ที่ ๒ โจทกก์ กรมศุลกากร จำเลยด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
140 | การบริหารจัดการน้ำมันปาล์มของกลาง | พณ | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์มีคำสั่งยกเลิกคณะกรรมการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ ที่แต่งตั้งเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ๑.๒ มอบหมายให้กรมศุลกากรดำเนินการเกี่ยวกับน้ำมันปาล์มของกลางซึ่งคดีถึงที่สุดเพื่อไม่ให้นำกลับมาหมุนเวียนในเชิงพาณิชย์ โดยส่งมอบให้ส่วนราชการหรือมูลนิธิที่มีหนังสือขอนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในการวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานทดแทน หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือจำหน่ายโดยวิธีการทำลาย ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มของกลางดังกล่าวจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ในการกำหนดมาตรการควบคุมและระบบติดตามตรวจสอบน้ำมันปาล์มของกลางอย่างรัดกุม ในกรณีที่จะนำไปใช้ประโยชน์จากหน่วยงานราชการหรือมูลนิธิ อาทิ การจัดทำทะเบียนการบันทึกข้อมูลผลผลิตที่เกิดจากการใช้น้ำมันปาล์ม เช่น กรณีนำไปผลิตเป็นไฟฟ้า เป็นต้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบการนำไปใช้จริง รวมถึงกระบวนการขนส่งน้ำมันปาล์มของกลางอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันการลักลอบนำไปใช้หมุนเวียนในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาปาล์มน้ำมันในประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....