ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 30 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 597 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ | สธ | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวง การขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... และ (๓) ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของวัตถุตำรับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การขอออกใบแทนใบอนุญาตการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท การขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ และการขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของวัตถุตำรับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. .... ไม่จำเป็นต้องกำหนดให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องสลักหลังสำเนาใบอนุญาตดังกล่าว และส่งกลับมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เนื่องจากปัจจุบันกรมศุลกากรได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจผ่านระบบ National Single Window (NSW) ดังกล่าวแล้ว แต่เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์แต่อย่างใด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ | สธ | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวง การขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... และ (๓) ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของวัตถุตำรับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การขอออกใบแทนใบอนุญาตการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท การขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ และการขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของวัตถุตำรับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. .... ไม่จำเป็นต้องกำหนดให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องสลักหลังสำเนาใบอนุญาตดังกล่าว และส่งกลับมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เนื่องจากปัจจุบันกรมศุลกากรได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจผ่านระบบ National Single Window (NSW) ดังกล่าวแล้ว แต่เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์แต่อย่างใด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ | สธ | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวง การขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... และ (๓) ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของวัตถุตำรับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การขอออกใบแทนใบอนุญาตการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท การขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ และการขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของวัตถุตำรับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. .... ไม่จำเป็นต้องกำหนดให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องสลักหลังสำเนาใบอนุญาตดังกล่าว และส่งกลับมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เนื่องจากปัจจุบันกรมศุลกากรได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจผ่านระบบ National Single Window (NSW) ดังกล่าวแล้ว แต่เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์แต่อย่างใด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคณะรัฐมนตรีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นหนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 วรรคสาม ที่ต้องได้รับเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 178 วรรคสอง หรือไม่ | ศร | 26/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ๓/๒๕๖๐ เรื่อง คณะรัฐมนตรีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ ว่า ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นหนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๘ วรรคสาม แต่ไม่เป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้า หรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง จึงไม่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ๒. ให้หน่วยงานของรัฐใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นแนวทางปฏิบัติในการดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือสัญญาที่มีลักษณะทำนองเดียวกันต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 26/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการจราจรในภาพรวมทั้งหมด ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางรางภายในประเทศและระหว่างประเทศ ทั้งเส้นทางเดิมที่มีอยู่แล้ว และเส้นทางใหม่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง แล้วให้พิจารณากำหนดแนวทางการเชื่อมโยงเส้นทางการคมนาคมขนส่งดังกล่าวให้เป็นโครงข่ายการจราจรที่เหมาะสม มีความสะดวก รวดเร็ว และประหยัด ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างเส้นทางเพิ่มเติมอีก ควรพิจารณาแนวทางที่ส่งผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยของประชาชน พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่อนุรักษ์ต่าง ๆ ให้น้อยที่สุด โดยให้กระทรวงคมนาคมจัดทำเป็นแผนบูรณาการเส้นทางการคมนาคมขนส่งของประเทศไทยที่เชื่อมโยงตำบล อำเภอ จังหวัด กลุ่มจังหวัด ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้านทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรอง แล้วเสนอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย ๑.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการตรวจปล่อยรถยนต์ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงหรือกรณีอื่น ๆ และให้กำชับเจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด นั้น ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรมเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการนำเข้ารถยนต์มาในราชอาณาจักรในภาพรวมอย่างเป็นระบบ เช่น พิจารณาความเหมาะสมของโครงสร้างภาษีเกี่ยวกับการนำเข้ารถยนต์มาในราชอาณาจักร และรายงานผลการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้ทุกกระทรวงจัดทำเอกสารเพื่อเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้เรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของกระทรวงและหน่วยงานในสังกัด เช่น ความรู้เฉพาะเรื่องที่เป็นบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงาน งานบริการที่หน่วยงานจัดให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน โดยส่งให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เพื่อประมวลเป็นชุดความรู้ในภาพรวม พร้อมทั้งส่งให้กระทรวงศึกษาธิการนำไปดำเนินการจัดทำเป็นชุดความรู้สำหรับนักเรียน นักศึกษาต่อไปด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารจัดการพื้นที่ที่ได้มีการประกาศให้เป็นพื้นที่ที่ราษฎรไม่สามารถครอบครองได้ เช่น เขตพื้นที่สาธารณประโยชน์ เขตพื้นที่โบราณสถาน เขตพื้นที่มรดกโลก เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนที่เข้าครอบครองหรือทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ดังกล่าวอยู่ก่อนการประกาศฯ สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันในบริเวณเขตพื้นที่ดังกล่าวได้โดยไม่ขัดกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องกับหลักการตามมาตรฐานสากล รวมทั้งพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาประชาชนที่บุกรุกในเขตพื้นที่ดังกล่าวด้วย ๒.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาจัดสร้างที่อยู่อาศัยในลักษณะของบ้านสำเร็จรูป (Knockdown) ให้แก่ประชาชนที่มีที่อยู่อาศัยตั้งอยู่ในแนวกีดขวางทางน้ำหรืออยู่ในเขตที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม และได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยเป็นประจำทุกปี เพื่อทดแทนที่อยู่อาศัยเดิม นั้น ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์) พิจารณาดำเนินโครงการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในลักษณะของบ้านสำเร็จรูป (Knockdown) ด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการตรวจปล่อยรถยนต์ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง หรือกรณีอื่น ๆ ทั้งนี้ ให้กำชับเจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดเตรียมการแสดงสำหรับการประชุม ASEAN ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม โดยแบ่งการแสดงออกเป็น ๔ กลุ่ม คือ (๑) การแสดงพื้นเมืองที่สะท้อนประเพณีวัฒนธรรมของภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย (๔ ภาค) (๒) การแสดงโขนและหุ่นกระบอก (๓) การแสดงดนตรีและการขับร้องบทเพลงในรูปแบบที่ทันสมัยโดยนักร้องที่ผ่านการประกวดจากเวทีคุณภาพต่าง ๆ และ (๔) การแสดงที่สื่อเห็นถึงความมีเอกภาพและเชื่อมโยงกันของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เช่น ASEAN Connectivity ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่อลังการ ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) กำกับให้กรมประชาสัมพันธ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีคณะปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operation) ๖ คณะ ตามกลุ่มภารกิจ (ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการต่างประเทศ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และด้านการบริหารราชการแผ่นดิน) โดยให้คณะปฏิบัติการข่าวสารดังกล่าวมีหน้าที่สำคัญในการปฏิบัติการข่าวสารในเรื่องที่เป็นนโยบายหรือภารกิจสำคัญของรัฐบาลภายใต้กลุ่มภารกิจนั้น ๆ เพื่อสื่อสารและสร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้ถูกต้อง ทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่มีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน ประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หรือประเด็นที่สื่อมวลชนอาจนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ในรูปแบบและผ่านช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย มีความถี่ในการสื่อสารที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มในสังคม ทั้งนี้ ให้กรมประชาสัมพันธ์นำเสนอรายชื่อคณะปฏิบัติการข่าวสารดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีโดยด่วน ๓.๒ ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) โดยเฉพาะพื้นที่ที่แนวเขตที่ดินได้ข้อยุติแล้ว เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้ ๓.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดให้มีการลงทะเบียนผู้ประสบอุทกภัยที่ต้องการให้รัฐจัดหาที่อยู่อาศัยแทนที่อยู่อาศัยเดิม ซึ่งตั้งอยู่ในแนวกีดขวางทางน้ำหรืออยู่ในเขตที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม และได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยเป็นประจำทุกปี และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดหาพื้นที่เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ให้เหมาะสมและเพียงพอ โดยให้พิจารณาจัดสร้างเป็นที่อยู่อาศัยในลักษณะของบ้านสำเร็จรูป (Knockdown) ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยหรือสิ่งก่อสร้างที่กีดขวางทางน้ำด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิตซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. ....) | สธ | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ (๑) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิตซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการขายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... (๓) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... และ (๔) ร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ซึ่งสันนิษฐานว่าผลิต นำเข้า ส่งออก นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิต การขาย การนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ เช่น อะโมบาร์บิตาล (AMOBARBITAL) บูพรีนอร์ฟีน (BUPRENORPHINE) และบิวตาลบิตาล (BUTALBITAL) หรือประเภท ๔ วัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ เช่น อัลโลบาร์บิตาล (ALLOBARBITAL) อัลปราโซแลม (ALPRAZOLAM) และบาร์บิตาล (BARBITAL) และกำหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ เช่น คาทิโนน (cathinone) อัลปราโซแลม (alprazolam) และโคลนาซีแพม (clonazepam) ที่สามารถผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... เนื่องจากปัจจุบันกรมศุลกากรและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้เชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ National Single Window (NSW) ในรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการผ่านพิธีการศุลกากร และกรมศุลกากรได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาต/ใบรับรอง ซึ่งได้ดำเนินการตรวจร่วมสินค้าร่วมกับหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาต/ใบรับรอง รวมทั้งได้ส่งข้อมูลใบขนสินค้าให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทราบอยู่แล้ว จึงไม่จำต้องกำหนดให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องสลักหลังสำเนาใบอนุญาตหมายเลข ๓ และส่งกลับมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด ประกอบกับเนื้อหาของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว ยังไม่มีรายละเอียดในส่วนของการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงฯ ทั้ง ๔ ฉบับ ไม่ได้ระบุถึงหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขการนำผ่านวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวไว้แต่อย่างใด ดังนั้น ในขั้นต่อไปเมื่อมีการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการนำผ่านวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าว ควรพิจารณาถึงความสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐซึ่งมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการตามพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตลอดจนต้องไม่เป็นการขัดต่อหลักการค้าและข้อตกลงระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | นร09 | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๒) เกี่ยวกับร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย และกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นหนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรีตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือไม่ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้ส่งเรื่องนี้ไปเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นหนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรีตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือไม่ ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเร่งประสานการดำเนินการกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการขายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. ....) | สธ | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ (๑) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิตซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการขายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... (๓) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... และ (๔) ร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ซึ่งสันนิษฐานว่าผลิต นำเข้า ส่งออก นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิต การขาย การนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ เช่น อะโมบาร์บิตาล (AMOBARBITAL) บูพรีนอร์ฟีน (BUPRENORPHINE) และบิวตาลบิตาล (BUTALBITAL) หรือประเภท ๔ วัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ เช่น อัลโลบาร์บิตาล (ALLOBARBITAL) อัลปราโซแลม (ALPRAZOLAM) และบาร์บิตาล (BARBITAL) และกำหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ เช่น คาทิโนน (cathinone) อัลปราโซแลม (alprazolam) และโคลนาซีแพม (clonazepam) ที่สามารถผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... เนื่องจากปัจจุบันกรมศุลกากรและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้เชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ National Single Window (NSW) ในรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการผ่านพิธีการศุลกากร และกรมศุลกากรได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาต/ใบรับรอง ซึ่งได้ดำเนินการตรวจร่วมสินค้าร่วมกับหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาต/ใบรับรอง รวมทั้งได้ส่งข้อมูลใบขนสินค้าให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทราบอยู่แล้ว จึงไม่จำต้องกำหนดให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องสลักหลังสำเนาใบอนุญาตหมายเลข ๓ และส่งกลับมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด ประกอบกับเนื้อหาของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว ยังไม่มีรายละเอียดในส่วนของการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงฯ ทั้ง ๔ ฉบับ ไม่ได้ระบุถึงหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขการนำผ่านวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวไว้แต่อย่างใด ดังนั้น ในขั้นต่อไปเมื่อมีการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการนำผ่านวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าว ควรพิจารณาถึงความสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐซึ่งมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการตามพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตลอดจนต้องไม่เป็นการขัดต่อหลักการค้าและข้อตกลงระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. ....) | สธ | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ (๑) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิตซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการขายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... (๓) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... และ (๔) ร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ซึ่งสันนิษฐานว่าผลิต นำเข้า ส่งออก นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิต การขาย การนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ เช่น อะโมบาร์บิตาล (AMOBARBITAL) บูพรีนอร์ฟีน (BUPRENORPHINE) และบิวตาลบิตาล (BUTALBITAL) หรือประเภท ๔ วัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ เช่น อัลโลบาร์บิตาล (ALLOBARBITAL) อัลปราโซแลม (ALPRAZOLAM) และบาร์บิตาล (BARBITAL) และกำหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ เช่น คาทิโนน (cathinone) อัลปราโซแลม (alprazolam) และโคลนาซีแพม (clonazepam) ที่สามารถผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... เนื่องจากปัจจุบันกรมศุลกากรและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้เชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ National Single Window (NSW) ในรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการผ่านพิธีการศุลกากร และกรมศุลกากรได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาต/ใบรับรอง ซึ่งได้ดำเนินการตรวจร่วมสินค้าร่วมกับหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาต/ใบรับรอง รวมทั้งได้ส่งข้อมูลใบขนสินค้าให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทราบอยู่แล้ว จึงไม่จำต้องกำหนดให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องสลักหลังสำเนาใบอนุญาตหมายเลข ๓ และส่งกลับมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด ประกอบกับเนื้อหาของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว ยังไม่มีรายละเอียดในส่วนของการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงฯ ทั้ง ๔ ฉบับ ไม่ได้ระบุถึงหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขการนำผ่านวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวไว้แต่อย่างใด ดังนั้น ในขั้นต่อไปเมื่อมีการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการนำผ่านวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าว ควรพิจารณาถึงความสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐซึ่งมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการตามพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตลอดจนต้องไม่เป็นการขัดต่อหลักการค้าและข้อตกลงระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ใซึ่งสันนิษฐานว่าผลิต นำเข้า ส่งออก นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย พ.ศ. ....) | สธ | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ (๑) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิตซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการขายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... (๓) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... และ (๔) ร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ซึ่งสันนิษฐานว่าผลิต นำเข้า ส่งออก นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิต การขาย การนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ เช่น อะโมบาร์บิตาล (AMOBARBITAL) บูพรีนอร์ฟีน (BUPRENORPHINE) และบิวตาลบิตาล (BUTALBITAL) หรือประเภท ๔ วัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ เช่น อัลโลบาร์บิตาล (ALLOBARBITAL) อัลปราโซแลม (ALPRAZOLAM) และบาร์บิตาล (BARBITAL) และกำหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ เช่น คาทิโนน (cathinone) อัลปราโซแลม (alprazolam) และโคลนาซีแพม (clonazepam) ที่สามารถผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... เนื่องจากปัจจุบันกรมศุลกากรและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้เชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ National Single Window (NSW) ในรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการผ่านพิธีการศุลกากร และกรมศุลกากรได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาต/ใบรับรอง ซึ่งได้ดำเนินการตรวจร่วมสินค้าร่วมกับหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาต/ใบรับรอง รวมทั้งได้ส่งข้อมูลใบขนสินค้าให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทราบอยู่แล้ว จึงไม่จำต้องกำหนดให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องสลักหลังสำเนาใบอนุญาตหมายเลข ๓ และส่งกลับมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด ประกอบกับเนื้อหาของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว ยังไม่มีรายละเอียดในส่วนของการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงฯ ทั้ง ๔ ฉบับ ไม่ได้ระบุถึงหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขการนำผ่านวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวไว้แต่อย่างใด ดังนั้น ในขั้นต่อไปเมื่อมีการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการนำผ่านวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าว ควรพิจารณาถึงความสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐซึ่งมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการตามพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตลอดจนต้องไม่เป็นการขัดต่อหลักการค้าและข้อตกลงระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศูลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย และกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | นร05 | 14/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และอนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไปแล้ว โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า ร่างบันทีกความเข้าใจฯ ดังกล่าว มีเนื้อหาเกี่ยวกับเสรีภาพในการผ่านแดนตาม General Agreement on Tariffs and Trade (GATT) และ Agreement on Trade Facilitation ในกรอบขององค์การการค้าโลกที่ไทยเป็นภาคี จึงต้องพิจารณาด้วยว่า ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรีหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสามของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติก่อนการลงนาม ดังนั้น เพื่อให้เรื่องในลักษณะดังกล่าวมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนถูกต้องตรงกัน จึงเห็นควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ได้ข้อยุติโดยด่วน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งภายในวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | การเข้าเป็นภาคีความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - ฮ่องกง และความตกลงด้านการลงทุนระหว่างรัฐบาลของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนกับรัฐบาลของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | พณ | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (๑) ร่างความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (ASEAN-Hong Kong, China Free Trade Agreement : AHKFTA) มีเนื้อหาครอบคลุมการเปิดตลาดการค้าสินค้า การค้าบริการ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ และ (๒) ร่างความตกลงด้านการลงทุนระหว่างรัฐบาลของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนกับรัฐบาลของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Agreement on Investment among the Government of the Hong Kong Special Administrative Region of the People’s Republic of China and the Member States of the Association of Southeast Asian Nations : AHKIA) มีเนื้อหาครอบคลุมการคุ้มครองการลงทุนและการส่งเสริมและการอำนวยความสะดวกการลงทุน โดยร่างความตกลงทั้งสองฉบับมีกำหนดการลงนามระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ (31st ASEAN Summit) ในวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างความตกลง AHKFTA และร่างความตกลง AHKIA ๑.๓ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย โดยมอบหมายให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๔ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างความตกลง AHKFTA และร่างความตกลง AHKIA ๑.๕ นำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อความตกลง AHKFTA และร่างความตกลง AHKIA ก่อนการลงนามรับรองต่อไป ๑.๖ มอบหมายกรมศุลกากรและกรมการค้าต่างประเทศดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความตกลง AHKFTA มีผลใช้บังคับภายในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่ระบุไว้ในร่างความตกลง AHKFTA เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบต่อความตกลง AHKFTA แล้ว ๑.๗ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันสารของความตกลง AHKFTA และร่างความตกลง AHKIA ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบันความตกลงทั้งสองฉบับ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบต่อความตกลงดังกล่าวแล้ว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาการใช้ประโยชน์จากความตกลงทั้งสองฉบับเพื่อการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะในภาคบริการ เช่น การดึงดูดแรงงานที่มีทักษะสูง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่อำนวยให้เกิดการเติบโตของภาคบริการในสาขาใหม่ ๆ และให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างกัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | กค | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ภาคีคู่สัญญาตามบันทึกความเข้าใจฯ แต่ละฝ่ายจะต้องอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน โดยไม่ทำให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนการผ่านแดน ซึ่งสินค้าที่ดำเนินพิธีการศุลกากรสำหรับผ่านแดนจะไม่ต้องชำระค่าอากรหากปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบของประเทศที่มีการผ่านแดน นอกจากค่าธรรมเนียมหรือภาระที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง หรือบริการอื่น ๆ ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐ และระหว่างภาครัฐและเอกชนให้สามารถเชื่อมโยงระบบเครือข่ายข้อมูลในกระบวนการนำเข้าส่งออกและโลจิสติกส์ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ควรพิจารณาแก้ไขชื่อและเนื้อหาของบันทึกความเข้าใจฯ ให้เป็นการทำขึ้นระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | การเปิดทบทวนสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยนอกรอบ (Out-of-Cycle Review : OCR) ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา 301 พิเศษ | พณ | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเปิดทบทวนสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยนอกรอบ (Out-of-Cycle Review : OCR) ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา ๓๐๑ พิเศษ โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (United States Trade Representative : USTR) ได้ประกาศเปิดการทบทวนสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยนอกรอบ (OCR) อย่างเป็นทางการทาง Federal Register เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๐ โดยเปิดรับฟังความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งรัฐบาลไทยสามารถยื่นความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมศุลกากร ควรดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวดและต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เพื่อแสดงให้สหรัฐอเมริกาเห็นถึงความจริงจังและจริงใจของรัฐบาลไทยในการดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้สหรัฐอเมริกาปรับสถานะไทยออกจากบัญชี PML ต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมศุลกากร ดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวดและจริงจังในพื้นที่ ๑๑ แห่ง ได้แก่ ศูนย์การค้ามาบุญครอง ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ตลาดนัดจตุจักร ย่านการค้าคลองถม ย่านการค้าบ้านหม้อ ย่านการค้าริมถนนสุขุมวิท (ซอย ๓-๑๙) ย่านการค้าพัฒน์พงศ์ ตลาดโรงเกลือ (จังหวัดสระแก้ว) ศูนย์การค้าไอทีซิตี้ (เมืองพัทยา) หาดป่าตอง (จังหวัดภูเก็ต) และหาดกะรน (จังหวัดภูเก็ต) ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐอเมริกาพิจารณาทบทวนนอกรอบ และให้ดำเนินการปราบปรามอย่างต่อเนื่องตลอดไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 1/2560 | นร11 | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนพ. เสนอ โดยมีผลการพิจารณาและมติที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เอกชนเช่าที่ราชพัสดุที่ได้มาตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๔/๒๕๕๙ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรีและนครพนม และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุนเกี่ยวกับรายละเอียดอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียม รวมทั้งเงื่อนไขในการเช่าให้ละเอียด ชัดเจน และครบถ้วน ๑.๒ เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก กาญจนบุรี และนครพนม ซึ่งให้ยกเว้นค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเป็นเวลา ๒ ปี นับตั้งแต่วันจัดทำสัญญาเช่า และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณามาตรการเร่งรัดการลงทุนและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนมากขึ้น ๑.๓ เห็นชอบแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกของการตรวจสอบเอกสารและพิธีการศุลกากรผ่านการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ระบบ CIQ (Customs, Immigration and Quarantine) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งนำพื้นที่มาก่อสร้างด่านศุลกากรแม่สอด แห่งที่ ๒ และเร่งเจรจากับมาเลเซียเพื่อกำหนดจุดผ่านแดน ณ ด่านสะเดาแห่งใหม่ ๑.๔ เห็นชอบการแก้ไขคำสั่ง กนพ. ที่ ๒/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานอนุกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมปรับปรุงคำสั่งดังกล่าว และดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศในการประชาสัมพันธ์เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑.๕ เห็นชอบแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระดับพื้นที่ ประกอบด้วย ๓ กลไก คือ (๑) กำหนดแนวปฏิบัติในการประสานงานระหว่างอนุกรรมการภายใต้ กนพ. และกลไกระดับพื้นที่ (๒) ให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระดับพื้นที่ติดตามและขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และ (๓) วางแนวทางการจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูลเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑๐ พื้นที่ และเชื่อมโยงกับหน่วยงานในส่วนกลาง ๑.๖ รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้รับนโยบายและความเห็นของ กนพ. ไปประกอบการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านลงทุน (One Stop Service : OSS) และการแก้ไขปัญหากรณีภาระค่าใช้จ่าย (ค่าสาธารณูปโภค) ในศูนย์ OSS การเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว และการดำเนินโครงการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่ได้รับจัดสรรงบประมาณระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ สามารถดำเนินการได้ตามแผน เป็นต้น ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับกรณีที่กรมศุลกากรมีความต้องการอัตรากำลังเจ้าหน้าที่เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่ออนุมัติกรอบอัตรากำลังนั้น มิใช่อำนาจหน้าที่ของสำนักงาน ก.พ.ร. จึงขอแก้ไขเป็นสำนักงาน ก.พ. ไปดำเนินการ ๓. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุม กนพ. ต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2560 | นร11 | 13/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ กบส. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ และรายงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำเสนอ กบส. ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธาน กบส. เสนอ โดยที่ประชุมมีมติสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ๑.๒ รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศของกระทรวงคมนาคม และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของ กบส. ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการ เช่น ให้กระจายการพัฒนาระบบขนส่งคมนาคมไปยังเมืองหลักที่สำคัญในภูมิภาค ๑.๓ เห็นชอบแนวทางการจัดตั้งหน่วยงานบริหารจัดการและพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window : NSW) ที่คณะอนุกรรมการจัดตั้งหน่วยงานบริหารจัดการและพัฒนาระบบ NSW เสนอ และมอบหมายให้ส่วนราชการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและถือปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการนำข้อเสนอแนะการปรับลดขั้นตอนกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐรายสินค้ายุทธศาสตร์ (น้ำตาล ข้าว ยางพารา สินค้าแช่แข็ง และวัตถุอันตราย) ประกอบการพิจารณากำหนดเป็นตัวชี้วัดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และใช้ประกอบการดำเนินการ ๑.๕ เห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) รับความเห็นของ กบส. ไปปรับปรุง (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ฯ ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการและกำกับดูแลพัฒนาระบบ NSW ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. .... | สว | 30/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการคลังได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า การกำหนดอาณาเขตของราชอาณาจักร ควรให้กรมศุลกากรดำเนินการศึกษาความเหมาะสมในการยกร่างกฎหมาย โดยให้คำนึงถึงบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมาย สำหรับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการพิจารณาอุทธรณ์ในร่างมาตรา ๓๗ วรรคสอง แห่งร่างพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. .... กำหนดให้การยื่นอุทธรณ์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ซึ่งกรมศุลกากรจะดำเนินการยกร่างประกาศกรมศุลกากรต่อไป ส่วนการจัดทำระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งผลักดันให้มีการเปิดให้บริการระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบโดยเร็ว และจะพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพต่อไป นอกจากนี้ กรมศุลกากรและกรมประมงได้เจรจาจัดทำบันทึกความเข้าใจตามมาตรการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินการด้านต่าง ๆ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาย ตลอดจนกรมศุลกากรจะดำเนินการพัฒนาระบบ Website เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลของหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการจัดทำและปรับปรุงอนุสัญญาศุลกากรขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษกับกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและพิทักษ์เขตแดนแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย (ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเผยและการใช้ข้อมูล) | ยธ | 02/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเผยและการใช้ข้อมูลระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (Department of Special Investigation : DSI) แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและการป้องกันเขตแดนแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งได้กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงในการเปิดเผยและการใช้ข้อมูลระหว่างกัน เช่น เทคนิคการสืบสวนสอบสวน วิธีการและแนวโน้มของการกระทำผิด การละเมิดกฎหมายยาเสพติด พิธีการศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง กฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นต้น และให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลของหลายหน่วยงาน เช่น กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดังนั้น หากมีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษควรชี้แจงและทำความเข้าใจกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การประสานการปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรมีการทบทวนและปรับแก้ไขคำแปลร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้มีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น เนื่องจากต้นฉบับคำแปลภาษาไทยบางข้อความยังมีความคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญ โดยควรทบทวนคำแปลและเจตนารมณ์ของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ของไทยเป็นเบื้องต้นก่อน หากมีความชัดเจนแล้ว อาจทำความเข้าใจกับฝ่ายออสเตรเลียอีกครั้งหนึ่งให้มีความเห็นในประเด็นดังกล่าวตรงกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย) | กค | 04/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
.....