ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 30 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 597 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์) | กค. | 09/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมศุลกากร
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
22 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์) | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมศุลกากร ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร
(นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม
๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
23 | หลักการแนวทางการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้านำเข้าราคาไม่เกิน 1,500 บาท (De minimis threshold) เป็นการชั่วคราว | กค. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักการแนวทางการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้านำเข้าราคาไม่เกิน
๑,๕๐๐ บาท (De minimis
threshold) เป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีมูลค่าไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรสำหรับของที่นำเข้าซึ่งแต่ละรายผู้รับในประเทศมีราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัย
(Cost Insurance and Freight : CIF) ที่มีมูลค่ามากกว่า ๑
บาทแต่ไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด
๑๕ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบร่างประกาศกรมศุลกากร ที่ ../๒๕๖๗ เรื่อง
กำหนดราคาของที่นำเข้า ซึ่งได้รับยกเว้นอากรตามประเภท ๑๒ ภาค ๔
แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรศุลกากรให้ของที่นำเข้าซึ่งมีราคาไม่เกิน
๑ บาท โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๑๕ วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าในการยกร่างกฎหมายแก้ไขประมวลรัษฎากรจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึงพันธกรณีตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ตามแนวปฏิบัติสากล (International Practices) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการนำเข้า
ส่งออก และการค้าระหว่างประเทศ สำนักงบประมาณ เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม
(สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม : สมอ.) กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา :
อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและพิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดให้สินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่สั่งซื้อผ่าน
e-Commerce Platform ต่าง ๆ ต้องมีมาตรฐานตามที่
สมอ. หรือ อย. กำหนด ตามแต่กรณี ทั้งนี้
เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสินค้าประเภทเดียวกัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ | นร. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี
กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ในระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๔ พฤษภาคม
๒๕๖๗ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ในพื้นที่ พบว่า
จังหวัดดังกล่าวมีศักยภาพที่สามารถยกระดับให้เป็นเมืองขนาดใหญ่
ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุนได้อีกเป็นจำนวนมาก
จึงขอมอบหมายการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ จังหวัดสุพรรณบุรี ๑. โดยที่ในระยะที่ผ่านมา จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นจังหวัดที่สามารถบริหารจัดการน้ำทั้งระบบได้เป็นอย่างดี
ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบน้อยจากปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง อย่างไรก็ตาม
ในอนาคตคาดว่า สถานการณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆ จะมีความถี่และมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
พิจารณาจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดในระยะยาวให้เหมาะสม ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศในภาพรวมด้วย จังหวัดกาญจนบุรี ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งจัดทำมาตรการควบคุมโรคในฟาร์มโคนมทั่วประเทศให้ชัดเจน
เพื่อรักษามาตรฐานและคุณภาพการเลี้ยงโคนม ตลอดจนส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
เช่น การปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก การปลูกข้าวโพดและถั่วเหลือง เพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์
การนำซังข้าวโพดมาใช้เป็นอาหารสัตว์ เพื่อช่วยลดการเผาในพื้นที่เกษตร
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ๓. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานปกครอง หน่วยทหารและตำรวจในพื้นที่เร่งรัดการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตามแนวชายแดนในเรื่องต่าง
ๆ อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เช่น การลักลอบเข้าเมือง
การลักลอบขนยางพาราและสินค้าเกษตรอื่น ๆ เข้ามาในพื้นที่ การลักลอบขนยาเสพติด จังหวัดราชบุรี ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการลดต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร
การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการเกษตร
และการควบคุมและปรับราคาสินค้าเกษตรในตลาดให้มีความสมดุลและเป็นธรรมทั้งแก่เกษตรกรและผู้ค้า
เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่มากขึ้น ๕. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมป่าไม้)
ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการพัฒนาอุทยานหินเขางูให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ
ทั้งในด้านสันทนาการ นันทนาการ และกิจกรรมกีฬาประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้
ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๖.
ท่าอากาศยานหัวหินเป็นท่าอากาศยานที่มีศักยภาพในการยกระดับให้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติเพื่อรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ
จึงขอให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่องนี้ไปศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
ครบถ้วนในทุกประเด็น เช่น การขยายทางวิ่ง การสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ การเชื่อมโยงระหว่างอาคารภายในท่าอากาศยาน
ประมาณการผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการ รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดชื่อท่าอากาศยานที่จะปรับปรุงใหม่
เช่น ท่าอากาศยานเพชรหัวหิน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดชื่อด้วย
๗. ให้กระทรวงมหาดไทยส่งเสริมการจัดกิจกรรมตามประเพณีท้องถิ่น
และกีฬาสัตว์พื้นเมืองและสัตว์แข่งขัน ทั้งนี้ ในระยะสั้น
ให้พิจารณาศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายเวลาการแข่งขันกีฬาวัวลาน
แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน และในระยะยาว ให้พิจารณขยายผลการดำเนินการ ให้ครอบคลุมถึงกีฬาสัตว์พื้นเมืองและสัตว์แข่งขันชนิดอื่น
ๆ ตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25 | การจัดตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) | นร. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาระบบ National Single Window เพื่อให้สามารถให้บริการผ่านระบบดังกล่าวได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ
ณ จุดเดียว (One Stop Service) และให้นำกรณีการส่งออกสินค้าผ่านแดน
ณ ด่านศุลกากรหนองคาย
เป็นโครงการนำร่องเพื่อดำเนินการให้บรรลุผลตามแนวทางข้างต้นโดยเร็วก่อนเป็นลำดับแรก
แล้วจึงให้ขยายผลการดำเนินการไปยังด่านศุลกากรแห่งอื่น ๆ ต่อไป และต่อมาได้มีมติเมื่อวันที่
๒ มกราคม ๒๕๖๗ ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ให้แล้วเสร็จและครบวงจร
โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วด้วย
นั้น
เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวบรรลุผลเป็นรูปธรรมตามกรอบเวลาที่กำหนด
จึงขอให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งวางแผนและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยให้คณะอนุกรรมการยกระดับศักยภาพและการอำนวยความสะดวกของชายแดน และระบบขนส่ง/โลจิสติกส์
ที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
เป็นประธานอนุกรรมการ เป็นกลไกเร่งรัด กำกับ ติดตามการดำเนินการต่าง ๆ
ในภาพรวมเพื่อให้การจัดตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จ (One Stop
Service) ที่ให้บริการประชาชนและผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้าสินค้าในรูปแบบ
Single Submission ณ ด่านศุลกากรหนองคาย
แล้วเสร็จโดยเร็วเป็นแห่งแรก โดยให้สามารถเริ่มทดลองใช้ระบบได้ภายในวันที่ ๑
กันยายน ๒๕๖๗ และสามารถใช้ระบบอย่างเต็มรูปแบบได้ภายในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗
ตามลำดับ หลังจากนั้นจึงให้พิจารณาขยายการดำเนินการไปสู่ด่านศุลกากรแห่งอื่น ๆ ที่มีความพร้อมต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการในส่วนของด่านศุลกากรแห่งอื่น ๆ ดังกล่าว ให้คณะอนุกรรมการฯ สามารถพิจารณาให้มีการดำเนินการต่าง
ๆ คู่ขนานไปกับการดำเนินการ ณ ด่านศุลกากรหนองคายได้ตามความจำเป็นเหมาะสมตามแต่กรณี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26 | การเร่งรัดกระบวนการอนุมัติ อนุญาตเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย | นร. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๓ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ) มอบหมายให้คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
(กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต) กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปรับปรุงข้อกฎหมายและกฎระเบียบ
รวมทั้งกระบวนการขอใบอนุญาตต่าง ๆ
ที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว นั้น
โดยที่ได้รับการร้องขอให้เร่งรัดการดำเนินการในเรื่องนี้จากทูตานุทูตหลายประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีเอกชนของต่างประเทศจะเข้ามาร่วมลงทุนประกอบการอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ในประเทศไทย
จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกระบวนการพิจารณาอนุมัติ
อนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น
เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
27 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดนครพนม สกลนคร และอุดรธานี | นร. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดนครพนม
สกลนคร และอุดรธานี ในระหว่างวันที่ ๑๗-๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ในพื้นที่ ในการนี้ขอมอบหมายการดำเนินการเพิ่มเติมในเรื่องต่าง
ๆ ดังนี้ จังหวัดนครพนม ๑. การอำนวยความสะดวกทางการค้าโดยใช้ระบบ National Single Window รวมทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบ
ขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ
ณ จุดเดียว (One Stop Service) นั้น ขอให้กระทรวงการคลัง
(กรมศุลกากร) ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการดำเนินการให้เรื่องข้างต้นแล้วเสร็จทั้งระบบโดยเร็ว
เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกและรวดเร็วทั้งกระบวนการนำเข้าและส่งออกสินค้า ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งประสานกับกระทรวงมหาดไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมจากเมืองรองให้เป็นเมืองหลักต่อไป จังหวัดสกลนคร ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
(กรมที่ดิน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการทับซ้อนกันของแนวเขตที่ดินของรัฐในพื้นที่หนองหาร
จังหวัดสกลนคร ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้สามารถนำไปใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติและพัฒนาเป็นท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้ต่อไป ๔.
ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาต่อยอดสินค้าชุมชนต่าง
ๆ ของจังหวัดสกลนคร ที่มีลักษณะโดดเด่นและมีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ เช่น ผ้าย้อมคราม
ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้นและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก จังหวัดอุดรธานี ๕.
สืบเนื่องจากการตรวจเยี่ยมค่ายและโรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี ขอให้กระทรวงกลาโหม
(กองทัพบก) เร่งประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงรูปแบบที่พักอาศัยภายในค่าย
รวมทั้งโครงสร้างและสิทธิกำลังพลของบุคลากรในสังกัดสถานพยาบาลของกระทรวงกลาโหม
(กองทัพบก) ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย และกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | กค. | 06/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
เฉพาะการอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) และเห็นชอบในการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยไม่ต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม ทั้งนี้ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง
จะดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือแสดงเจตนารมณ์ในการยินยอมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
โดยไม่ต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม
เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญกำหนดให้คู่ภาคีจะต้องอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน
โดยไม่ให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนของการผ่านแดน โดยสินค้าผ่านแดนนั้น
เป็นของที่ไม่ต้องชำระอากรหากได้ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่มีการผ่านแดนอย่างครบถ้วน
แต่ประเทศภาคีสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาระที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง
หรือค่าบริการอื่น ๆ ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
29 | การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ | นร. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการเข้าร่วมประชุม
World Economic Forum ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ มกราคม ๒๕๖๗
ได้มีโอกาสพบปะหารือกับผู้นำประเทศและผู้ประกอบการจากทวีปยุโรปเกี่ยวกับการขยายการค้าและการลงทุนในประเทศไทย
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสและศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีอยู่อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ก็ได้รับทราบด้วยว่า การประกอบธุรกิจในประเทศไทยยังมีปัญหาอุปสรรคหลายประการ
เช่น ข้อกฎหมายและกฎระเบียบมีความทับซ้อนกัน การขอใบอนุญาตต่าง ๆ
ใช้ระยะเวลาพิจารณายาวนานโดยเฉพาะใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับอาหารและยา
สมควรปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการอำนวยความสะดวกเพื่อให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ
(Ease of Doing Business) จึงเห็นควรมอบหมายให้คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
(กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต) กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใน ๒ สัปดาห์
เพื่อแก้ไขปรับปรุงข้อกฎหมายและกฎระเบียบ รวมทั้งกระบวนการขอใบอนุญาตต่าง ๆ
ที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรม
เพื่อสร้างบรรยากาศในการประกอบธุรกิจที่ดีดึงดูดให้มีการค้าและการลงทุนทั้งจากนักลงทุนในประเทศและจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
30 | การขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาระบบ National Single Window รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ
และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of
Doing Business) รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าผ่านการใช้ระบu
National Single Window ได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว
(One Stop Service) นั้น ขอให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นให้แล้วเสร็จและครบวงจร
และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ความร่วมมือและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจโดยเร็ว
เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย
รวมทั้งเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
31 | การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้าโดยใช้ระบบ National Single Window | นร. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทยให้ขยายตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งในส่วนของการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน
สมควรที่จะต้องปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ
ของรัฐให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าให้เพิ่มมากขึ้นผ่านการใช้ระบบ
National Single Window ซึ่งภาครัฐได้มีการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
แต่ยังมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการทางปฏิบัติหลายประการ
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาระบบ
National Single Window รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบ
ขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถให้บริการผ่านระบบ National Single Window ได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ
ณ จุดเดียว (One Stop Service) ทั้งนี้
ให้นำกรณีการส่งออกสินค้าผ่านแดน ณ ด่านศุลกากรหนองคาย เป็นโครงการนำร่องเพื่อดำเนินการให้บรรลุผลตามแนวทางข้างต้นโดยเร็วก่อนเป็นลำดับแรก
แล้วจึงให้ขยายผลการดำเนินการไปยังด่านศุลกากรแห่งอื่น ๆ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
32 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับกระทรวงการต่างประเทศ การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา | อว. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับกระทรวงการต่างประเทศ
การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา (Department of Foreign Affairs, Trade and
Development of Canada : DFATD) และให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อสร้างความร่วมมือที่ไม่ใช่ทางการเงินและการสนับสนุนอุปกรณ์
การให้บริการและการฝึกอบรมแบบให้เปล่า
เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของไทยในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีและจะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างสมรรถนะด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์ของไทยและการฝึกอบรมระดับชาติ
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับกระทรวงการต่างประเทศ
การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา เพื่อสนับสนุนหลักสูตรด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ที่ยั่งยืนในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการขอยกเว้นภาษีนำเข้า
ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม
และภาษีอื่นใดที่อาจเกิดจากการขนส่งอุปกรณ์หรือการให้บริการอันเนื่องมาจากการให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศนั้น
กระทรวงการคลังขอให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติพิจารณาและดำเนินการตามระเบียบการนำเข้าของที่ได้รับยกเว้นอากร
ตามที่กรมศุลกากรกำหนด และควรดำเนินการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่กระทรวงการต่างประเทศ
การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา ในส่วนที่เกี่ยวข้องด้าน อากร ภาษี
และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อันเกิดจากการส่งสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ให้มีความสอดคล้องตามกฎระเบียบอย่างเหมาะสมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
33 | รายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี พ.ศ. 2566 | พณ. | 07/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกาว่าด้วยว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ
ดำเนินการส่งเสริมการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ได้แก่
กระทรวงกลาโหม (กองทัพบกและกองทัพเรือ) กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ)
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการพอกเงิน
และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติกวดขันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและเต็มประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในท้องตลาดและช่องทางออนไลน์และเร่งดำเนินคดีกับผู้ผลิตสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาต้นน้ำ
การละเมิดลิซสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในภาคเอกชนและการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ผ่านอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันสำหรับการสตรีมและดาวน์โหลด ๒. หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตาม “แนวทางการจัดซื้อจัดจ้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์
(Software : ซอฟต์แวร์)
และการใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ”
อย่างเคร่งครัดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๓.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งรัดการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
เพื่อนำไปสู่การออกกฎหมายให้เท่าทันกับสถานการณ์และรองรับการเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระหว่างประเทศต่อไป ๔.
กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเร่งรัดการพิจารณากำหนดให้ตำแหน่งผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษให้ได้รับเงินเพิ่ม ๕. กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับกรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการขอหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องส่งเข้าเงินคงคลังไว้เป็นค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการของผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรเพื่อช่วยสะสางงานค้างสะสม โดยให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงยุติธรรม และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่ากรณีการขอหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องส่งเข้าเงินคงคลังไว้เป็นค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการของผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรเพื่อช่วยสะสางงานค้างสะสม
นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ.
๒๔๙๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๔ วรรคสอง กำหนดข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา
พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเดิม อนุญาตให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาก่อนนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการส่งเสริมและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาได้ตามหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวงเงินที่กระทรวงการคลังกำหนด ควรให้มีการบูรณาการและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง
และการมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ
ส่งเสริมการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพ นั้น
ในขั้นตอนการปฏิบัติ หน่วยงานต่าง ๆ จะต้องพิจารณาดำเนินการ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับกฎหมาย
ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ฯลฯ จำนวน 13 ราย) | กค. | 03/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๓ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ๒. นางแพตริเซีย มงคลวนิช ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง ๓. นายพชร อนันตศิลป์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ๔. นายธีรัชย์ อัตนวานิช ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร ๕. นายชาญวิทย์ นาคบุรี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายปิ่นสาย สุรัสวดี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นายธิบดี วัฒนกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ๑๐. นางสาวขนิษฐา สหเมธาพัฒน์
ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๑. นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๒. นายธีรลักษ์ แสงสนิท ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 8 และกิจกรรมคู่ขนาน | กต. | 15/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย
ครั้งที่ ๘ และกิจกรรมคู่ขนาน
และพิจารณามอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน
ปรมัตถ์วินัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาภูมิภาคตะวันออกไกลและอาร์กติก
สหพันธรัฐรัสเซีย (นายอะเล็กเซย์ เซคุนคอฟ) เป็นประธานร่วมการประชุมฯ ณ
กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผลการประชุมฯ เช่น การเพิ่มมูลค่าการค้า
ให้เท่ากับระดับก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น
การเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปยังรัสเซีย และสินค้าปศุสัตว์ของรัสเซียมาไทย
โดยคำนึงถึงมาตรฐานและความปลอดภัย และความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น ให้แก้ไขถ้อยคำในตารางติดตามผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ
ครั้งที่ ๘ ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ในส่วนของความร่วมมือด้านศุลกากร
เพื่อให้มีความสอดคล้องตามผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ ๘ จากข้อความเดิม
“การร่วมรับรองโครงการ Authorized Economic Operator (AFO) ของกรมศุลกากรและศุลกากรรัสเซีย”
เป็น “การริเริ่มจัดทำความตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition
Arrangement : MRA) สำหรับโครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (Authorized
Economic Operator : AEO) ระหว่างศุลกากรไทยและรัสเซีย” ให้ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ให้กระทรวงการต่างประเทศวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานตามผลการประชุมดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับต่อไป
และปรับแก้ถ้อยคำในเอกสารภาคผนวก ๔ ในประเด็นความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จาก
“ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงมหาดไทยแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย”
เป็น “บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทย
แห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและความร่วมมือด้านกิจการตำรวจ
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | กค. | 27/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว ดังนี้ ๑.
นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร
(นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ๒.
นายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี
(กลุ่มธุรกิจพลังงาน) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร
ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๕
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 16/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษ
สำหรับข้าราชการกรมศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยปรับปรุงชุดเครื่องแบบปฏิบัติงานตรวจค้นให้มีเครื่องแบบปฏิบัติงานตรวจค้นข้าราชการกรมศุลกากรหญิง
(จากเดิมข้าราชการกรมศุลกากรหญิงไม่มีชุดเครื่องแบบปฏิบัติงานตรวจค้น)
และแก้ไขเพิ่มเติมเครื่องแบบปฏิบัติงานตรวจค้นข้าราชการกรมศุลกากรชาย (เช่น
ปรับปรุงเสื้อเป็นเสื้อคอแบะแบบฝึกปล่อยเอวเป็นสีน้ำเงินดำจากเดิมเป็นเสื้อคอพับติดกับกางเกงสีน้ำเงินดำ
และเพิ่มเติมให้มีกางเกงขายาวแบบฝึกสีน้ำเงินดำ
จากเดิมที่ใช้เป็นกางเกงขายาวสีน้ำเงินดำ)
เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการตรวจค้น ปราบปราม และตรวจการณ์
และเพื่อให้ข้าราชการมีเครื่องแบบที่เหมาะสมกับภารกิจดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
38 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์) | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมศุลกากร
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี
(นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
39 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลกและสำนักงานศุลกากรมาบตาพุด) | กค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลกและสำนักงานศุลกากรมาบตาพุด)
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากร และด่านพรมแดน พ.ศ.
๒๕๖๐ โดยกำหนดให้ยุบด่านศุลกากรบูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส
ไปรวมเป็นเขตศุลกากรของด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก (เดิมจังหวัดนราธิวาสมีด่านศุลกากร ๒
แห่ง คือ ด่านศุลกากรบูเก๊ะตาและด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก โดยยุบรวมเหลือ ๑ แห่ง คือ
ด่านศุลากรสุไหงโก-ลก แต่ด้านพรมแดนบูเก๊ะตายังคงอยู่) และกำหนดให้ท่ามาบตาพุด
ท่าสัตหีบ และสนามบินอู่ตะเภา ระยอง พัทยา
เป็นเขตศุลกากรของสำนักงานศุลกากรมาบตาพุด (เดิมคือด่านศุลกากรมาบตาพุด)
เพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๖๕ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
กำหนดและแบ่งส่วนราชการตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
40 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้ท่อนและไม้แปรรูปเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องมีหนังสือรับรอง และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้ไม้ท่อนและไม้แปรรูปเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องมีหนังสือรับรอง
และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง
ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการในการนำเข้าไม้ท่อนและไม้แปรรูปตามบัญชีท้ายร่างประกาศฯ
รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์จากไม้ดังกล่าวผ่านด่านศุลกากรในเขตจังหวัดกาญจนบุรี
จังหวัดตาก และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
และยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๙๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องการนำไม้และไม้แปรรูป
รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้เข้ามาในราชอาณาจักร
ตามแนวชายแดนจังหวัดตาก และจังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรขอความอนุเคราะห์กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมป่าไม้และกรมศุลกากร เพื่อพิจารณากำหนดรหัสสถิติใหม่โดยหลักเกณฑ์การกำหนดรหัสสถิติสินค้าที่ต้องมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสินค้านั้น
ๆ ว่ายังคงมีการค้าอยู่ในปัจจุบันหรือไม่มากน้อยเพียงใด และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการอ้างบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ
เห็นสมควรอ้างถึงเพียงมาตรา ๕(๑) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าฯ
และตัดการอ้างถึงมาตรา ๕ (๖) ออก
เนื่องจากมิได้เป็นการกำหนดมาตรการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้า
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|