ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 12 จากทั้งหมด 14 หน้า แสดงรายการที่ 221 - 240 จากข้อมูลทั้งหมด 270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
221 | ร่างกฎกระทรวงอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็นเครื่องกำเนิดรังสีเป็นเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงอัตราความเข้มข้นของวัสดุที่ประกอบอยู่ในแร่หรือสินแร่เพื่อให้แร่หรือสินแร่นั้นเป็นวัสดุต้นกำลัง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงวัสดุนิวเคลียร์ที่ผู้ดำเนินการไม่ต้องขอรับใบอนุญาต พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | อว. | 22/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็นเครื่องกำเนิดรังสีเป็นเครื่องกำเนิดรังสี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็นเครื่องกำเนิดรังสีเป็นเครื่องกำเนิดรังสี
และร่างกฎกระทรวงอัตราความเข้มข้นของวัสดุที่ประกอบอยู่ในแร่หรือสินแร่เพื่อให้แร่หรือสินแร่นั้นเป็นวัสดุต้นกำลัง
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราความเข้มข้นของวัสดุที่ประกอบอยู่ในแร่หรือสินแร่ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงวัสดุนิวเคลียร์ที่ผู้ดำเนินการไม่ต้องขอรับใบอนุญาต
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวัสดุนิวเคลียร์ที่ผู้ดำเนินการไม่ขอรับใบอนุญาต
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติควรเร่งดำเนินการบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงทั้ง
๓ ฉบับดังกล่าวโดยเร็ว รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชนและประชาชนโดยส่วนรวม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
222 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป (CBU) | กค. | 22/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป (CBU) มีสาระสำคัญเป็นการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ CBU ขนาดเล็กและขนาดกลางที่ประกอบสำเร็จรูปนำเข้าทั้งคัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้ระบุวันมีผลใช้บังคับตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ เช่น กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของการดำเนินมาตรการยกเว้นหรือลดอัตราอากร กำหนดเงื่อนไขของผู้ได้รับสิทธิประโยชน์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางที่ชัดเจน และดำเนินการตามนัยมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้ครบถ้วนต่อไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
เห็นชอบให้ยกเลิกชั้นความลับในเรื่องนี้นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
223 | สรุปการดำเนินโครงการ Country Programme (CP) ระยะที่ 1 ระหว่างไทยกับ OECD | นร.11 สศช | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้ Country
Programme (CP) ระยะที่ ๑ มีระยะเวลาดำเนินการ ๒-๓ ปี
มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่าง OECD กับไทยอย่างบูรณาการ
เพื่อให้ไทยสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ และแนวปฏิบัติที่ดีของ OECD ๒.
เห็นชอบมอบหมายสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจละสังคมแห่งชาติและกระทรวงการต่างประเทศ
ดำเนินการร่วมกันในการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำโครงการภายใต้ CP ระยะที่ ๒
โดยพิจารณาจากประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ
ความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาของไทยและความคุ้มค่าด้านงบประมาณ ทั้งนี้
เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศ. เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ
(MOU) เกี่ยวกับ CP ระยะที่ ๒
ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องและความสอดคล้องกับนโยบายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตลอดจนพันธกรณีของไทยภายใต้ความตกลงที่เกี่ยวข้อง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เป็นหน่วยงานหลักในการขอรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินอุดหนุนให้กับ
OECD และงบดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยให้หารือกับสำนักงบประมาณ
เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ CP ระยะที่ ๒ ตลอดจนดำเนินการติดตามผลการดำเนินโครงการและบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ๓.
เห็นชอบมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ ศึกษาถึงความพร้อมและความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิก
OECD ตลอดจนประโยชน์ในการเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิก
OECD ที่ไทยจะได้รับเนื่องด้วยการมีส่วนร่วมกับ OECD จะช่วยให้ไทยสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีของ OECD ในการยกระดับมาตรฐานนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ของไทยให้ทัดเทียมสากล
ซึ่งจะช่วยส่งเสริมพัฒนาขีดความสามารถและปฏิรูปกฎระเบียบภายในประเทศให้ดียิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
224 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่สาม พ.ศ. 2565 – 2570 | สธ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
(ร่าง) แผนปฏิบัติการ ด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่สาม พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการชุกของการบริโภคยาสูบของประชากรและคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากอันตรายจากควันบุหรี่
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนปฏิบัติการ
ด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่สาม พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐
ไปดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากระทรวงพาณิชย์ และสำนักงบประมาณ
และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น
ควรพิจารณาปรับลดงบประมาณในแผนป้องกันและปราบปรามยาสูบผิดกฎหมาย จำนวน ๓๐ ล้าน ออก
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาเครื่องมือในการสื่อสารที่เข้าถึงผู้บริโภคแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
ควรมีความสอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศ
และความตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีบนพื้นฐานการดำเนินการบูรณาการ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนการควบคุมยาสูบฯ ฉบับที่ ๓ ไปเป็นกรอบแนวทางและกำหนดเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนานโยบาย
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงความประหยัดและคุ้มค่า
และควรพิจารณากำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของ (ร่าง) แผนการควบคุมยาสูบฯ ฉบับที่
๓ ในประเด็นการควบคุมและเฝ้าระวังผู้ผลิต/ธุรกิจผลิตยาสูบ ประเด็นการบำบัดรักษา
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
225 | ขอความเห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาคปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาคปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้
จาก “รายละ ๕,๐๐๐
บาทต่อเดือน เป็นรายละ ๗,๐๐๐ บาทต่อเดือน”
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย
(การประปาส่วนภูมิภาค) รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่ควรพิจารณาความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจลสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย และคำนึงถึงสถานะการเงิน
ผลการดำเนินงานของกิจการ
มีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
226 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่เกาะราชาใหญ่ เกาะราชาน้อย ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่เกาะราชาใหญ่
เกาะราชาน้อย ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่เกาะราชาใหญ่
เกาะราชาน้อย ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เพื่อประโยชน์
หรือสร้างความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงพลังงาน โดยเพิ่มข้อความ
“ประกาศฉบับนี้มิให้ใช้บังคับแก่การดำเนินการเพื่อประโยชน์ในราชการของกองทัพเรือ”
เพื่อยกเว้นกับการใช้บังคับกับกองทัพเรือในกรณีที่มีการจำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ
เกี่ยวกับกิจการด้านความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติ
และกิจกรรมด้านพลังงานใดที่ต้องห้ามตามประกาศนี้
ถ้าได้รับอนุญาตก่อนวันประกาศนี้ให้ใช้บังคับในการดำเนินการต่อไป และการต่ออายุใบอนุญาตให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
โดยให้อนุญาตตามที่พื้นที่ที่ได้อนุญาตไว้เดิม ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรมีกระบวนการหารือกับภาคธุรกิจและภาคประชาชนในพื้นที่
เพื่อสร้างความเข้าใจและการรับรู้ร่วมกัน ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซักซ้อมความเข้าใจกับหน่วยงานในสังกัด
ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายให้ชัดเจนถึงอำนาจและหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ
กำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
และสร้างการรับรู้ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึงทั้งประชาชน ชุมชน และภาคเอกชนที่ประกอบการด้านท่องเที่ยวและประมงในพื้นที่ให้เข้าใจแนวทางปฏิบัติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
227 | การแต่งตั้งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสำหรับวาระระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 - 31 ธันวาคม 2567 | กต. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการแต่งตั้งศาสตราจารย์กิตติคุณ
ดร. อมรา พงศาพิชญ์
ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
สำหรับวาระระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
โดยให้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งการแต่งตั้งศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. อมรา
พงศาพิชญ์
ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
สำหรับวาระระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
ให้เลขาธิการอาเซียนและประเทศสมาชิกอาเซียนทราบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
228 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบกิจการเกี่ยวกับสินค้าเกษตร พ.ศ. .... | กษ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบกิจการเกี่ยวกับสินค้าเกษตร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบแทนใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต
ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ
และผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน และการต่ออายุใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก
หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับเฉพาะกรณีบุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ประกอบกิจการดังกล่าว
รวมทั้งกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับประกอบกิจการเกี่ยวกับสินค้าเกษตร
เพื่อให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และลดภาระของผู้ประกอบกิจการสินค้าเกษตร
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่า หากไม่ประสงค์จะจัดเก็บค่าธรรมเนียมใบแทนใบอนุญาตตามมาตรา
๒๐ และค่าธรรมเนียมใบแทนใบอนุญาตตามมาตรา ๓๓ อีกต่อไป
ควรพิจารณายกเลิกค่าธรรมเนียมดังกล่าวในพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑
ในโอกาสต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
229 | รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2564 และรายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ประจำปี 2564 | นร.11 สศช | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำปี ๒๕๖๔ และรายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ประจำปี ๒๕๖๔
สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี ๒๕๖๔
ได้แก่ ผลการประเมินความก้าวหน้าตามเป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และประเด็นการท้าทายและการดำเนินการในระยะต่อไป
เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และ (๒) รายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ
ประจำปี ๒๕๖๔ เช่น การบรรลุเป้าหมายของการปฏิรูปประเทศเทียบกับปี ๒๕๖๕
มีเป้าหมายที่มีความเสี่ยงหรืออยู่ในขั้นวิกฤตในการบรรลุเป้าหมายในปี ๒๕๖๕ รวม ๙
เป้าหมาย เช่น ด้านกฎหมาย และสถานะความคืบหน้าในการดำเนินงานตามกิจกรรม Big Rock จำนวนทั้งสิ้น ๖๒ กิจกรรม
ดำเนินการได้ตามแผน ๕๓ กิจกรรม และดำเนินการได้ล่าช้ากว่าแผน จำนวน ๖ กิจกรรม
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
230 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา
เห็นว่าควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ โดยแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำชื่อของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กให้มีความถูกต้องและครบถ้วน
รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเผยแพร่หรือประชาสัมพันธ์การประกาศใช้กฎหมาย
การเร่งพัฒนาพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก
การเร่งรัดการออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกและอบรม
หรือสถานแนะนำทางจิตเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด
การแยกเด็กอายุที่ไม่เกินสิบแปดปีกับเด็กที่อายุเกินสิบแปดปีออกจากกันในสถานฝึกและอบรม
กระบวนการฟื้นฟูจิตใจให้แก่เด็กที่กระทำความผิดโดยนำภาคประชาสังคม ชุมชน
และครอบครัวมาร่วมในกระบวนการด้วย การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
การส่งเสริมและสนับสนุนในการควบคุมเด็กให้ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
การจัดให้มีคณะกรรมการของท้องถิ่นในการให้คำปรึกษาฟื้นฟูจิตใจรวมทั้งป้องกันเด็กในการกระทำความผิด
การจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือสร้างกลไกในการขับเคลื่อนการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม
หน่วยงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก และภาคประชาสังคม ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
231 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในประมวลกฎหมายยาเสพติดและพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 รวม 3 ฉบับ | ยธ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในประมวลกฎหมายยาเสพติดและพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการตรวจสอบทรัพย์สินและการแจ้งสิทธิ
การยื่นคำร้องขอผ่อนผัน การยึดหรืออายัด การประเมินราคาทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดไว้
และการขอรับทรัพย์สินคืนและการคืนทรัพย์สิน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินและการแจ้งสิทธิ
การยื่นคำร้องขอผ่อนผัน การยึดหรืออายัด
การประเมินราคาทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดไว้
และการขอรับทรัพย์สินคืนและการคืนทรัพย์สิน
เพื่อประโยชน์ในการใช้อ้างอิงและบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอยู่ในฉบับเดียวกันอย่างเป็นระบบ ๑.๒
ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการเพื่อประโยชน์ในการบำบัดรักษาของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการดำเนินการกับบุคคลผู้มีพฤติการณ์อันควรสงสัยว่ากระทำความผิดฐานเสพ
หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดเพื่อเสพ และกำหนดตำแหน่งหรือระดับของเจ้าพนักงาน
ป.ป.ส.
หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจที่จะมีหน้าที่และอำนาจดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ๑.๓
ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการการขออนุมัติ การอนุมัติ และการรายงาน การแจ้งข้อหาในความผิดฐานสมคบ
และสนับสนุนช่วยเหลือตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๖๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุมัติ
การอนุมัติ และการรายงาน ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ รวม
๓ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม
และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น กรณีร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๒ การตรวจสอบหรือทดสอบ
หรือเก็บปัสสาวะ ในร่างข้อ ๘ (๑) ควรเพิ่มความว่า กรณีมีความเร่งด่วน
ให้ดำเนินการเท่าที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ควรแก้ไขข้อความในร่างข้อ
๓ ของร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๓
เพื่อมิให้ขัดกับแนวทางปฏิบัติในการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ
สำหรับร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ กรณีร่างข้อ ๓๕
เกี่ยวกับการอายัดสิทธิเรียกร้องซึ่งบุคคลภายนอกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหาย
ควรกำหนดให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ เห็นว่า การตรวจสอบทรัพย์สินตามกฎกระทรวงนี้
ขอให้หน่วยงานที่รับคำขอความร่วมมือจากเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
ยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอื่นใดซึ่งกำหนดไว้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนั้น
ๆ และร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๓ เห็นว่า
หากศาลใช้ดุลยพินิจอนุญาตให้ออกหมายจับในมาตรา ๑๒๕ หรือมาตรา ๑๒๗ แล้ว
ไม่ควรจะต้องขออนุมัติทางเลขาธิการ ป.ป.ส. อีก
เนื่องจากการออกหมายจับดังกล่าวเป็นการใช้ดุลยพินิจของผู้พิพากษาแล้ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
232 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2555) | มท. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมปากพนัก
จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๕๕
เพื่อปรับปรุงข้อห้ามการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับโรงงานในที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย
และที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
รวมทั้งเพิ่มเติมข้อกำหนดเกี่ยวกับที่ว่างตามแนวขนานริมเขตของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
๔๐๑๓ ช่วงนครศรีธรรมราช-ปากพนัง และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๑๓ (ตอนเลี่ยงเมือง)
ในที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย และที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
ตลอดจนปรับปรุงบัญชีท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้เหมาะกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรใช้เนื้อความเดิมตามข้อ
๑๓ วรรคสี่
แห่งกฎกระทรวงดังกล่าวเนื่องจากมีความเหมาะสมกับทางหลวงแผ่นดินสายดังกล่าว ควรคำนึงถึงกฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้องการใช้ที่ดินด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย ประเภทหรือชนิดของโรงงานในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยส่วนใหญ่เป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คำนึงถึงจำนวนสถานประกอบกิจการต่อพื้นที่
ให้โรงงานลำดับที่ ๕๐ โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม
ถ่านหินหรือลิกไนต์อย่างหนึ่งอย่างใด เฉพาะ (๔)
การผสมผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมเข้าด้วยกันหรือการผสมผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมกับวัสดุอื่นแต่ไม่รวมถึงการผสมผลิตภัณฑ์จากก๊าซธรรมชาติกับวัสดุอื่นไว้ท้ายประกาศกระทรวงดังกล่าว
กรมโยธาธิการและผังเมืองควรให้เจ้าพนักงานควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินตามข้อกำหนด
และให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๑ ที่ระบุถึง “บัญชีท้ายกฎกระทรวง”
เป็น “บัญชีท้ายประกาศ” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
233 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 - 2580 | ศธ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
(ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ
ปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๘๐ และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามยุทธศาสตร์ นำ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการฯ ไปใช้เป็นกรอบแนวทางการบริหารเชิงนโยบายให้เป็นเอกภาพ และมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศในภาพรวมอย่างเป็นระบบ
เพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์ประเทศไทย ๔.๐ ยุทธศาสตร์ มาตรการ ที่กำหนดขึ้น และให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
เป็นหน่วยงานประสานหลักและให้อำนาจ (authority) ในการติดตามและสั่งการ เพื่อให้หน่วยงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องดำเนินงานให้เหมาะสม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เช่น ควรเร่งพัฒนากลไกการบริหารจัดการการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษที่ชัดเจน
และตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าสู่การปฏิบัติในระบบงานวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคส่วนต่าง
ๆ ของประเทศต่อไปให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณแบบบูรณาการ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
234 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565) | ปสส. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และวันศุกร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
235 | การขยายระยะเวลาของการใช้แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ พ.ศ. 2560 - 2564 | ทส. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่
พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ มีผลใช้ได้จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
เพื่อให้การบริหารจัดการแร่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนป้องกันผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและระบบเศรษฐกิจที่เกิดจากการสะดุดหยุดลงของการบริหารจัดการแร่ของประเทศ
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่
ฉบับที่ ๒ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าระยะเวลาของแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ฉบับต่อไปควรกำหนดให้ชัดเจนว่าให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
รวมทั้งกำหนดแผนการทำงานในการจัดทำแผนแม่บทให้ชัดเจน
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีกในการจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ฉบับต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
236 | การกำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | นร.03 | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ประธานกรรมการเฉพาะเรื่อง กรรมการเฉพาะเรื่อง และประธานอนุกรรมการ
และอนุกรรมการตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค
พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) เสนอ ทั้งนี้
ให้ได้รับเบี้ยประชุมนับแต่วันที่คณะะรัฐมนตรีเห็นชอบเป็นต้นไป
ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้สำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า
หรือประโยชน์ที่จะได้รับเพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในระยะยาว
ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
237 | มติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 และครั้งที่ 1/2565 | พน. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๔
มกราคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงพลังงาน
ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ เพื่อสนับสนุนแนวทางดังกล่าวด้วย เช่น
การกำหนดกลไกการกำกับดูแลและตรวจสอบติดตามการดำเนินงานตามมาตรการต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้อง
การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานของกิจการยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็ง
การส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาดเพื่อนำมาใช้กับยานยนต์ไฟฟ้า
การสนับสนุนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อให้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน
และการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษาเพื่อให้มีบุคลากรที่เหมาะสมและเพียงพอรองรับอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนตามนโยบาย
30@30 เป็นต้น ๒.
ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เช่น ให้กรมสรรพาสมิต กระทรวงการคลัง
ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่าย งบกลาง
รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒
พิจารณาเสนอแนะแนวทางการจัดหาแหล่งงบประมาณที่เหมาะสม
รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศในแต่ละปี
รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนการปรับตัวทางธุรกิจ การพัฒนาทักษะ
และการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีของผู้ประกอบการและแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓.
ในส่วนของกรอบวงเงินในการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ขอใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับการจัดหาแหล่งงบประมาณในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๘ ในวงเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาความเหมาะสมของแหล่งเงินและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
238 | (ร่าง) แผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2563 – 2567 (ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1) | พน. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่ได้เห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่
๑/๒๕๖๓ (ครั้งที่ ๑๕๐) เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓
ในส่วนของแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/๗๘๓
ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) ที่กระทรวงพลังงานควรคำนึงถึงกรอบและวินัยการใช้จ่ายเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการใช้จ่ายเพื่อชดเชยให้กับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
และควรเร่งดำเนินการศึกษาและกำหนดมาตรการในระยะยาวในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของประเทศให้เป็นไปตามกลไกตลาดและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบในทุกมิติ และให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
พิจารณาจัดทำแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็นกรอบนโยบาย
เนื่องจากมาตรา ๑๔(๓) แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒
ได้กำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีหน้าที่ในการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกองทุน
และกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และสอดคล้องกับนโยบายการบริหารกองทุนตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดแล้ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
239 | การขอขยายระยะเวลาการดำเนินการศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราว (The Temporary Data Collection Centre : TDCC) ของทางการเมียนมา และการได้มาซึ่งเอกสารประจำตัวของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 | รง. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการดำเนินการศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราว
(The Temporary Data
Collection Centre : TDCC) ของทางการเมียนมา ณ จังหวัดสมุทรสาคร
ออกไปอีก ๑ ปี และการดำเนินการให้ได้มาซึ่งหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางของคนต่างด้าว
๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการจัดหางาน
และกรมการกงสุล หารือร่วมกันในโอกาสแรก
ในการมอบอำนาจการตรวจลงตราให้สอดคล้องกับขอบเขตการดำเนินการของศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล
(Certificate of identity
: CI) ของทางการเมียนมา และควรมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดสมุทรสาครและหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เพื่อกำกับติดตาม
และตรวจสอบการดำเนินการของศูนย์ TDCC ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งและเงื่อนไขที่ทางการไทยกำหนด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
240 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564 - 2570 | อว. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟู
จัดการการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพและวัฒนธรรม การสร้างคุณค่า (Value Chain) จากทรัพยากรชีวภาพและวัฒนธรรม
และการสร้างความสามารถในการพึ่งตนเอง ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการขับเคลื่อนกิจการเกี่ยวกับเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน
และเศรษฐกิจสีเขียว ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นกับการส่งเสริมกิจการสมุนไพรไทยทั้งระบบ
ตั้งแต่การเพาะปลูก การแปรรูป การวิจัยและพัฒนา (R & D)
และการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการแพทย์ สุขภาพ
และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของกิจการ โดยอาจเน้นการขับเคลื่อนกิจการเกี่ยวกับ BCG โดยตรงก่อน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมเป็นหน่วยงานในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ เพิ่มเติมด้วย ๔.
มอบหมายให้สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีติดตามผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ อย่างต่อเนื่อง
และรายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย |