ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 13 หน้า แสดงรายการที่ 121 - 140 จากข้อมูลทั้งหมด 250 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
121 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 24 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564-31 มีนาคม 2566) | นร.04 | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๔ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๖) สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก ๘ ด้าน ได้แก่
การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความมั่นคง
ความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย
การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งของฐานราก การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม
การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ และ (๒) นโยบายเร่งด่วน ๖ เรื่อง ได้แก่
การปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม การยกระดับศักยภาพแรงงาน การเตรียมคนไทยเข้าสู่ศตวรรษที่ ๒๑
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
122 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2566 | กค. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๑ ปี ๒๕๖๖ ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การประเมินภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๖ โดยเศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราร้อยละ ๒.๕ และร้อยละ ๒.๙ ในปี ๒๕๖๖
และ ๒๕๖๗ ตามลำดับ และอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ของประเทศเศรษฐกิจยังสูงกว่ากรอบเป้าหมาย
ส่วนเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยขยายตัวที่ร้อยละ ๓.๖ และ ๓.๘ ในปี ๒๕๖๖
และ ๒๕๖๗ ตามลำดับ การบริโภคของภาคเอกชน ปี ๒๕๖๖ มีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ ๔.๐
และมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทย ปี ๒๕๖๖ มีแนวโน้มหดตัวลงเล็กน้อย
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๒.๙ และ ๒.๔ ในปี ๒๕๖๖ และ ๒๕๖๗
ตามลำดับ ๒. ภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในระดับผ่อนคลาย โดยตึงตัวขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น
ส่วนค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ ๓๓.๙๓ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งแข็งค่าขึ้นจากไตรมาสก่อน ๓. การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๖ กนง.
มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากร้อยละ ๑.๒๕ เป็นร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี
และจากร้อยละ ๑.๕๐ เป็นร้อยละ ๑.๗๕ ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
123 | แนวทางส่งเสริมการนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากการเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตสุรา ตามมติคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy:BCG Model) ครั้งที่ 2/2565 | กค. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางส่งเสริมการนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากการเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตสุรา
ตามมติคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว
(Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕
เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
การจัดทำมาตรฐานการผลิตเอานอลเพื่อให้การอนุญาตนำเอทานอลแปลงสภาพหรือบริสุทธิ์ไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอื่น
(๒) การจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ผลิตเอทานอลและผู้ใช้เอทานอล
โดยกำหนดรายละเอียดของปริมาณเอทานอลที่ต้องส่งมอบและระยะเวลาอย่างชัดเจน
เพื่อเป็นกลไกการจัดซื้อและจัดหาเอทานอลล่วงหน้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ
(๓) การแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดปริมาณการซื้อขายเอทานอลจากผู้ผลิตในประเทศล่วงหน้า
และกำหนดปริมาณการนำเข้าเอทานอลที่จะได้รับสิทธิอากรขาเข้าพิเศษจากการนำเข้าเอทานอลเพื่อนำมาใช้ในการผลิตเอทิลีนชีวภาพ
(๔) การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและผู้ผลิตเอทานอลในประเทศให้สามารถผลิตเอทานอลที่มีคุณภาพและมาตรฐาน
และ (๕) การออกกฎหมายและแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น
การอนุญาตให้ผู้รับใบอนุญาตผลิตสุรากลั่นชนิดเอทานอลสามารถนำเอาเอทานอลไปจำหน่ายให้กับอุตสาหกรรมอื่น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
124 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทยด้วยการวิจัยและนวัตกรรม ของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทยด้วยการวิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | สว. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทยด้วยการวิจัยและนวัตกรรม
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทยด้วยการวิจัยและนวัตกรรม
วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมติเห็นชอบในหลักการของรายงานการพิจารณาศึกษา
และได้มีการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ข้อเสนอเชิงนโยบาย อาทิ ควรประกาศกำหนดให้การพัฒนาสมุนไพรเป็นวาระแห่งชาติ ควรส่งเสริมให้พัฒนาความรู้
สมรรถนะและทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม
รวมถึงด้านภูมิปัญญาไทย
ควรกำหนดนโยบายแห่งรัฐในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น
เป็นต้น (๒) ข้อเสนอเกี่ยวกับการขับเคลื่อนเชิงบูรณาการ อาทิ ด้านการจัดการวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ควรพัฒนาสายพันธุ์พืชสมุนไพรและปัจจัยที่เกี่ยวกับการปลูกการเก็บเกี่ยว
การเตรียมวัตถุดิบก่อนส่งเข้ากระบวนการแปรรูป ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการเพื่อส่งเสริมให้วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สมุนไพรมีคุณค่า
ด้านการวิจัยและจัดการข้อมูลการใช้สมุนไพรในคน
ควรแต่งตั้งคณะกรรมการวิชาการและวิจัยสมุนไพรและสนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอ
และระเบียบวิธีวิจัยในคนที่เกี่ยวข้องกับการใช้สมุนไพร
ควรแต่งตั้งคณะกรรมการวิชาการเงินและวิจัยสมุนไพรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการบูรณาการและความเข้าใจระหว่างแพทย์แผนตะวันออกและตะวันตกโดยให้เข้าใจหลักการการวิจัย
การจัดการข้อมูล การตัดสินใจนำมาใช้อย่างเหมาะสมในสถานการณ์ที่ต่างกัน
ควรจัดข้อมูลให้เป็นระบบและนำไปสู่หลักสูตรการเรียนรู้ของแพทย์และบุคลากรด้านสุขภาพ
และด้านกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ มาตรฐานอาหารและยา สิทธิบัตร/สิทธิประโยชน์
การคุ้มครองผู้บริโภค การตลาดและการประชาสัมพันธ์ เป็นต้น และ (๓)
กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีข้อเสนแนะเพิ่มเติม เช่น
ควรมีขั้นตอนในการพิจารณา จัดลำดับ
และคัดเลือกปัญหาที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนการผลิตสมุนไพรวิจัยและนวัตกรรม
และการนำไปใช้ประโยชน์มากที่สุด ควรให้ความสำคัญในการพัฒนาแนวทางการส่งเสริมเพื่อลดอุปสรรคและสร้างโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐเอกชนและสถาบันการศึกษา
ให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
125 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 | กค. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
126 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี 2565 | อก. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว และเห็นว่างบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานและกระแสเงินสด
สำหรับปี สิ้นสุดวันเดียวกัน ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานการเงิน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
127 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเพิ่มมูลค่าสมุนไพรด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง/เวชสำอาง ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การเพิ่มมูลค่าสมุนไพรด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง/เวชสำอาง
ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์เป็นหน่วยงานบริหารจัดการทุนด้านการแพทย์และสุขภาพ
มีการจัดสรรทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมสารสกัดสมุนไพรและเวชสำอางสมุนไพร
เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็น Hub ของ Herbal
Extracts สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
ส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรเครื่องสำอาง/เวชสำอางแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม
และมีโครงการที่ดำเนินการวิจัยการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรเครื่องสำอาง/เวชสำอางที่พร้อมถ่ายทอดในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม
และกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมผู้ประกอบการสมุนไพร
และได้จัดทำทะเบียนข้อมูลผู้ผลิตสมุนไพร และผู้ผลิตผติตภัณฑ์สมุนไพร
และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนดำเนินการให้คำปรึกษาและการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรด้านต่าง
ๆ ทั้งในด้านคุณภาพการผลิตในการจัดการ และการตลาด ความร่วมมือกันของผู้ประกอบการ
กับภาคธุรกิจ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้แจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
128 | สรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ 2 | ทส. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ ๒ และกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
ระหว่างวันที่ ๗-๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ณ นครมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ซึ่งมีเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม
โดยผลการประชุมต่าง ๆ ประกอบด้วย (๑) การประชุมระดับสูง ซึ่งที่ประชุมฯ
แสดงถึงความกังวลต่อความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
(๒) การประชุมระดับเจ้าหน้าที่ ที่ประชุมฯ ให้การรับรอง (ร่าง)
กรอบงานความหลากหลายทางชีวภาพของโลก หลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ (แบบไม่มีการลงนาม)
โดยเปลี่ยนชื่อกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออล และที่ประชุมฯ
ขอให้ภาคีเตรียมจัดทำรายงานแห่งชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพและจัดส่งให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ
ต่อไป และ (๓) กิจกรรมคู่ขนานและการดำเนินงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในระหว่างการประชุมฯ เช่น
การหารือทวิภาคีระหว่างเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกับประเทศอื่น ๆ เช่น การหารือกับ State secretary แห่งเยอรมัน และผู้แทนกระทรวงสิ่งแวดล้อม
คุ้มครองธรรมชาติ ความปลอดภัยทางปรมาณูและคุ้มครองผู้บริโภคในโอกาสการขยายการสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนานโยบายด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
129 | ผลการพิจารณากรณีการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมาตรา 169 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยของกระทรวงพลังงาน | นร.05 | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณากรณีการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามมาตรา ๑๖๙ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ของกระทรวงพลังงาน
ตามที่คณะกรรมการเลือกตั้งมีมติเห็นชอบให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากราคาไฟฟ้าซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ในลักษณะการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๖ โดยแบ่งเป็นการให้ส่วนลดแบบขั้นบันไดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน
๓๐๐ หน่วยต่อเดือน และเป็นการลดค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ จำนวน ๑๕๐
บาทต่อราย ซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน ๕๐๐
หน่วยต่อเดือน ภายในกรอบวงเงิน ๑๐,๔๖๔ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
130 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 8/2566 | นร.11 สศช | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๘/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน (๑ กุมภาพันธ์-๓๐ เมษายน ๒๕๖๖)
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ เช่น
กรณีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ หน่วยงานที่ดำเนินโครงการแล้วเสร็จ
ควรเร่งดำเนินการคืนวงเงินเหลือจ่าย
โดยควรตรวจสอบความถูกต้องของการเบิกจ่ายให้ครบถ้วน
ก่อนจัดส่งรายงานผลสำเร็จของโครงการให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) โดยเร็ว ตามข้อ
๒๑ และ ๒๒ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
โครงการของส่วนราชการที่มีสถานะอยู่ระหว่างดำเนินการที่มีความก้าวหน้าการเบิกจ่ายน้อย
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนที่ได้รับอนุมัติขยายเวลาแล้ว
และควรรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการติดตามและบริหารงานโครงการ
เป็นต้น ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้อีก หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน
๓ เดือนนับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
131 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 2/2566 | นร.11 สศช | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๖
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖ รับทราบรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ราย ๓ เดือน
ครั้งที่ ๑๒ (๑ กุมภาพันธ์-๓๐เมษายน ๒๕๖๖) พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานภาครัฐรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ไปพิจารณาดำเนินการต่าง
ๆ เช่น การเสนอโครงการ ควรพิจารณาขอบเขตและแนวทางการดำเนินโครงการอย่างรอบคอบ
การดำเนินโครงการ
ควรพิจารณาทบทวนกรอบการดำเนินงานหรือกิจกรรมควบคู่กับระยะเวลาการดำเนินงานและแผนการบริหารจัดการความเสี่ยง
การติดตามและประเมินผลโครงการ ควรให้ความสำคัญกับการติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลการดำเนินงาน
รวมถึงให้ความร่วมมือในการจัดส่งข้อมูลของโครงการข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน
ไปปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามข้อเสนอแนะและความเห็นของคณกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
กฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
132 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2566 | นร.11 สศช | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๗/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ค่ารักษาพยาบาลแก่กลุ่มผู้ไร้สิทธิการรักษาพยาบาลของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ จากเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ เป็นเดือนกันยายน ๒๕๖๖ และเพิ่มจำนวนกลุ่มเป้าหมายของโครงการ
อนุมัติให้จังหวัด เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
เร่งปรับปรุงรายละเอียดของโครงการในระบบ eMENSCR ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และอยู่ระหว่างดำเนินการให้เร่งรัดการดำเนินงานและต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขในกรณีที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ไม่สามารถดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินโครงการโดยใช้จ่ายจากแหล่งอื่นต่อไป
และอนุมัติการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ เรื่อง
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๖
และเรื่องผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๖
ในส่วนของการขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ของกระทรวงมหาดไทย จากเดิมเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ เป็นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๖ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้อีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน ๓
เดือนนับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม
๒๕๖๖ เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย
และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
133 | รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก | สกพอ. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
มีสาระสำคัญเพื่อร่วมผลักดันพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกให้เกิดขึ้นและเป็นศูนย์กลางในด้านการท่องเที่ยว
ธุรกิจ การบิน และโลจิสติกส์ที่มีศักยภาพสูงและแข่งขันในภูมิภาคเอเชีย ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เช่น ควรพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ควรที่ สกพอ.
จะตรวจสอบข้อสัญญาอย่างรอบคอบและชัดเจน
โดยเฉพาะในระหว่างการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนนั้น ผู้ยื่นข้อเสนอโครงการฯ
ได้รับทราบปริมาณข้อโดยสาร ตลอดจนแผนการขยายท่าอากาศยานที่เกี่ยวข้อง หรือไม่
อย่างไร ควรเร่งกำกับติดตามความก้าวหน้าของโครงการที่สำคัญใน EEC Project List เช่น
โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และมาตรการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ
ของภาครัฐ จะต้องไม่ทำการให้รัฐสูญเสียรายได้ และประชาชนต้องได้รับผลประโยชน์ด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
134 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ และแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม | ยธ. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ร่วมให้การเห็นชอบร่างแถลงการณ์ฯ และรับรองแผนงานดังกล่าว โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์การเสริมสร้างความร่วมมือด้านงานยุติธรรมและกฎหมายระดับนโยบายของรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียนและญี่ปุ่น
โดยระบุเกี่ยวกับการรักษาและส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในภูมิภาค
รวมทั้งการระงับข้อพิพาทอย่างสันติ และแผนงานฯ มีสาระสำคัญเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ระดับนโยบายที่จะส่งเสริมการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
โดยกำหนดเป้าหมายและกิจกรรมที่เสนอให้มีการดำเนินการ เช่น
ระบุประเด็นด้านกฎหมายและงานยุติธรรมที่จะนำมาหารือร่วมกันระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นในระยะสั้นและระยะกลาง
โดยจัดการหารือร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านกฎหมายและญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด
ที่เห็นว่าควรเพิ่มประเด็นการส่งผู้ร้ายข้ามแดนในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ และแผนงานฯ เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ และแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านกฎหมาย
และงานยุติธรรม ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
135 | รายงานประจำปี 2565 ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา | กสศ. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๕ ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาประจำปี ๒๕๖๕
เช่น มาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจไทย การดำเนินโครงการเพื่อส่งเสริม พัฒนา
และช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ เช่น กลุ่มเด็กปฐมวัย
เด็กในระดับการศึกษาภาคบังคับ กลุ่มเยาวชนในระดับการศึกษาสูงกว่าภาคบังคับ
การดำเนินงานเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อพัฒนากลไกสำหรับการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่
ครอบคลุม ๑๒ จังหวัด ทั่วประเทศ และ (๒) รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน
มีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
136 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ พ.ศ. .... | ทส. | 30/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ
เพื่อประโยชน์แก่การอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น คำว่า “ทรัพยากรน้ำสาธารณะ” เป็นคำที่มีความหมายกว้าง
ควรระบุประเภทของแหล่งน้ำสาธารณะให้มีความชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานราชการทราบถึงผลกระทบต่ออำนาจหน้าที่ของหน่วยงานและสามารถปฏิบัติตามได้
ทั้งประชาชนจะได้รับทราบและปฏิบัติตามกฎหมายได้ ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีโทษทางอาญากับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
หากประกาศใช้บังคับแล้ว ควรสร้างการรับรู้กับประชาชนอย่างทั่วถึงต่อไป
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ที่เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีโทษทางอาญากับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
หากประกาศใช้บังคับแล้ว ควรสร้างการรับรู้กับประชาชนอย่างทั่วถึงต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
137 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการศูนย์คุณธรรม (ศาสตราจารย์สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล) | วธ. | 23/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ศาสตราจารย์สุรศักดิ์
ลิขสิทธิ์วัฒนกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการศูนย์คุณธรรม
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระเหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
138 | มติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2565 | พน. | 16/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๕ เรื่อง การพิจารณาให้สิทธิตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
ประเภทรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ และเสนอคณะรัฐมนตรีทบทวนมติเมื่อวันที่ ๑๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ได้แก่
กำหนดให้กรณีนำเข้ารถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน ๑๐ คน ประเภท BEV
ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน ๒ ล้านบาท และมีขนาดความจุแบตเตอรี่ตั้งแต่ ๑๐ กิโลวัตต์ชั่วโมง
(kWh) ขึ้นไป
ต้องผลิตรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน ๑๐ คน หรือรถยนต์กระบะ
ประเภท BEV รุ่นใดก็ได้ เพื่อชดเชยการนำเข้า
และกรณีนำเข้ารถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน ๑๐ คน ประเภท BEV ที่มีราคาขายปลีกแนะนำมากกว่า ๒ ล้านบาท แต่ไม่เกิน ๗ ล้านบาท
และมีขนาดความจุแบตเตอรี่ตั้งแต่ ๓๐ kWh ขึ้นไป
ซึ่งกำหนดให้ต้องผลิตชดเชยรุ่นใดรุ่นหนึ่งที่ได้นำเข้า
หากมีกรณีผู้ขอรับสิทธิได้นำเข้ารถยนต์รุ่นที่ได้รับสิทธิและผลิตชดเชยรุ่นเดียวกับรถยนต์ที่ได้นำเข้าและได้รับสิทธิ์
แม้จะมีเลขซีรีส์ที่ต่างกัน ถือเป็นการผลิตชดเชยรถยนต์รุ่นเดียวกับรถยนต์ที่ได้รับสิทธิ
ตามที่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
139 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 16/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยกำหนดให้พัสดุส่งเสริมดิจิทัลตามบัญชีบริการดิจิทัลเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการดิจิทัลของประเทศไทยของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
เป็นพัสดุประเภทที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุดังกล่าวโดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจงหรือวิธีคัดเลือก
แล้วแต่กรณี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
140 | การรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองสำหรับการประชุมระดับสูงว่าด้วยการทบทวนครึ่งวาระของกรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ค.ศ. 2015-2030 | มท. | 16/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อร่างปฏิญญาทางการเมืองสำหรับการประชุมระดับสูงว่าด้วยการทบทวนครึ่งวาระของกรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๓๐ และอนุมัติให้ นายสุริยา
จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก หรือผู้แทน
ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้รับรองร่างปฏิญญาดังกล่าว
โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นและการเร่งรัดการดำเนินการตามพันธกิจ
๔ ประการ (Priorities for Action) ของกรอเซนได ประกอบด้วย พันธกิจที่ ๑ เข้าใจความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
พันธกิจที่ ๒ เสริมสร้างศักยภาพในการบริหารและจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
พันธกิจที่ ๓ ลงทุนในด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
เพื่อให้พร้อมรับมือและฟื้นคืนกลับได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และพันธกิจที่
๔ พัฒนาศักยภาพในการเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ
ตลอดจนการฟื้นสภาพและซ่อมสร้างที่ดีกว่าเดิมในช่วงของการบูรณาการฟื้นฟูภายหลังเหตุภัยพิบัติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองสำหรับการประชุมระดับสูงว่าด้วยการทบทวนครึ่งวาระของกรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๓๐ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|