ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 13 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 250 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
61 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับสูงว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกัน ในห้วงการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3 | คค. | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับสูงว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกัน
ในห้วงการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ ๓
และให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม
บูรณาการแนวทางการดำเนินงานและแสวงหาความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันของประเทศต่าง ๆ
ภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt
and Road Initiative : BRI) ส่งเสริมความมั่นคง ยืดหยุ่น และยั่งยืน
ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่ง การพัฒนาพลังงาน
การยกระดับการบริหารจัดการน้ำ
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสาร
การยกระดับความเชื่อมโยงด้านกฎ ระเบียบในระดับทวิภาคีและพหุภาคี
และการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระหว่างประเทศ
โดยไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายในระดับรัฐบาล รวมทั้งไม่มีการลงนาม
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงคนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรมีการวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
และสื่อสารผลลัพธ์ให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
62 | การลงนามความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกันและสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน | กษ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อร่างความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย
กับ สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน
และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์
เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย
กับ สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน
และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๙๐๗/๑๔๒ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๖)
ที่เห็นควรว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมในการดำเนินการหากร่างความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับ เช่น การออกกฎหมายลำดับรองที่จำเป็น
การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐ
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนทราบ
เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ภายใต้ร่างความตกลงดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการโดยด่วนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
63 | การลงนามพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยอาหาร ด้านการสัตวแพทย์ และการปกป้องพืช เพื่อการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้งจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน | กษ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยอาหารด้านการสัตวแพทย์
และการปกป้องพืช เพื่อการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้งจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม
(คาดว่าจะมีการลงนามพิธีสารฯ ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๖) โดยร่างพิธีสารฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้ง
ประกอบด้วย น้ำผึ้ง นมผึ้ง และเกสรผึ้ง ซึ่งจะเป็นการขยายตลาด
และสร้างโอกาสการลงทุนทางการค้า
ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ของไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการก่อนการลงนาม
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากผึ้งและระบบการบริหารจัดการ
รวมถึงกระบวนการตรวจสอบ การกักกัน ความปลอดภัยอาหาร และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์
ให้เป็นไปตามหลักการตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
64 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน) | สผผ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน ๙๗๐,๓๘๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
65 | การรับรองร่างถ้อยแถลงฮาลองสำหรับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคอาเซียนโดยการขับเคลื่อนขั้นตอนปฏิบัติล่วงหน้าในการจัดการภัยพิบัติ (Ha Long Ministerial Statement on the Strengthening of ASEAN Anticipatory Actions in Disaster Management) | มท. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงฮาลองสำหรับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคอาเซียนโดยการขับเคลื่อนขั้นตอนปฏิบัติล่วงหน้าในการจัดการภัยพิบัติ
(Ha Long Ministerial Statement on the
Strengthening of ASEAN Anticipatory Actions in Disaster Management) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงฯ
ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Ministerial
Meeting on Disaster Management : AMMDM) ครั้งที่ ๑๑ ในวันที่ ๑๒
ตุลาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองฮาลอง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยร่างถ้อยแถลงฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการผลักดันให้ทุกประเทศดำเนินการตามแผนงานความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๕ ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติล่วงหน้า
โดยสนับสนุนให้มีการดำเนินการใน ๓ ด้าน ได้แก่ (๑)
การปรับปรุงระบบการพยากรณ์และการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า (๒) การวางแผน การดำเนินงาน
และการส่งมอบขั้นตอนการปฏิบัติล่วงหน้า และ (๓) การวางแผนจัดเตรียมงบประมาณในการจัดการภัยพิบัติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
66 | เอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 23 | กต. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างแถลงการณ์โคลัมโบ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความยินดีต้อนรับซาอุดีอาระเบียเข้าเป็นประเทศคู่เจรจาลำดับที่
๑๑ และต้อนรับอินเดียเป็นสมาชิกใหม่ในกลุ่มผู้ประสานงานเฉพาะกิจ (TROIKA)
รวมถึงรับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงด้านสถาบันกับองค์การในระดับภูมิภาคต่าง
ๆ และองค์การสหประชาชาติ และร่างวิสัยทัศน์สมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ค.ศ. ๒๐๓๐
และสืบต่อไป
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ร่วมกันของประเทศสมาชิกที่จะเน้นย้ำความร่วมมือและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา
เช่น การเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์และทิศทางการดำเนินงาน
การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ กับประเทศคู่เจรจา และเสริมสร้างบทบาทของภาควิชาการและการวิจัย
เป็นต้น และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ทั้งสองฉบับดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทรับภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
67 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | อว. | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมนำเสนอรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๕ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๔,๐๓๒,๓๐๔,๙๐๐ บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณตามนัยมาตรา ๒๖
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณพ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยรับงบประมาณจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ จำนวน ๕
โครงการ ดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าสิ่งก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ รวมถึงการดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า และประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย
ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ และดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการมีการจัดทำแผนการบริหารจัดการโครงการที่ครอบคลุมแผนการบริหารจัดการกำลังคนที่คำนึงกำลังการผลิตและความต้องการในภาพรวมของประเทศ
แผนการบริหารความเสี่ยงของโครงการ การติดตามประเมินผล
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการประสานความร่วมมือและการบริหารจัดการทรัพยากร
การจัดบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
68 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (กรณีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย) วงเงิน 18,000 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | คค. | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔)
โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดตามความเหมาะสม
โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยจะดำเนินการกู้เงินภายหลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
สำหรับการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงิน
ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับเงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง (หนังสือกระทรวงการคลัง
ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๙๐๔/๑๑๓๒๔ ลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖) สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๙/๑๔๕๕๗ ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๖)
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๒๔/๔๗๘๔
ลงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖) เช่น
ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรของการรถไฟแห่งประเทศไทย
โดยเฉพาะการเร่งดำเนินการของบริษัท บริหารสินทรัพย์ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงคมนาคมกำกับ
ติดตาม
และเร่งรัดให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาองค์กรให้เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรมตามแผนที่กำหนดโดยเร็ว
การรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทยจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะว่าด้วยหลักเกณฑ์การบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ สมควรที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะได้เร่งการฟื้นฟูสถานะโดยเร็วด้วย
และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาใช้จ่ายจากเงินกู้ดังกล่าวตามจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เป็นภาระทางการเงินเกินความจำเป็น
และเร่งทำการตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการให้มากขึ้น
ทั้งทางด้านการขนส่งสินค้าและการโดยสารซึ่งรวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
69 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลตำรวจโท อภิรัต นิยมการ) | นร.04 | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พลตำรวจโท อภิรัต
นิยมการ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง [รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก พัชรวาท
วงษ์สุวรรณ)] โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓
ตุลาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
70 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี) | นร.04 | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ ตุลาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
71 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม | ศย. | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน ๓๕,๒๔๙,๓๓๕,๒๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
72 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในรายการค่าอยู่เวรรักษาการณ์ผู้คุมผู้ต้องขัง | ยธ. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๑๔๙,๕๗๑,๘๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรายการค่าอยู่เวรรักษาการณ์ผู้คุมผู้ต้องขัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
73 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสมหญิง บัวบุตร และนายคุณากร ปรีชาชนะชัย) | กษ. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นางสมหญิง บัวบุตร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(นายไชยา พรหมา) ๒. นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายไชยา
พรหมา)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
74 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสมบัติ อำนาคะ และนางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว) | กษ. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นายสมบัติ อำนาคะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอนุชา นาคาศัย) ๒. นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [ปฏิบัติหน้าที่ เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอนุชา นาคาศัย)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
75 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | กค. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่อาจปฏิบัติราชการได้
ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒
ราย ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ๒. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
76 | ขอให้คณะรัฐมนตรีส่งรายชื่อผู้แทนคณะรัฐมนตรีเพื่อเป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา | สว. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) เป็นผู้แทนคณะรัฐมนตรีเป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา
และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งรายชื่อดังกล่าวให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
77 | การบริจาคเงินอุดหนุนตามความสมัครใจให้แก่ศูนย์ทุ่นระเบิดภูมิภาคอาเซียน | กต. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้ไทยบริจาคเงินอุดหนุนสำหรับศูนย์ทุ่นระเบิดภูมิภาคอาเซียน
(ศูนย์ ARMAC) เป็นเวลา ๓ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวนปีงบประมาณละ ๑๐,๐๐๐
ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเบิกจ่ายเงินอุดหนุนดังกล่าว จากงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
78 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2566 เพื่อใช้ในโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี 2564 | กษ. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๖ ในวงเงิน ๑,๐๓๔,๙๘๒,๐๐๐ บาท (เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทอุดหนุนทั่วไป)
สำหรับเป็นเงินอุดหนุนเกษตรกรของโครงการส่งเสริมผลิตข้าวอินทรีย์ ปี ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๗/๑๖๙๘๒ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖)
เช่น ควรพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางในการส่งเสริมเกษตรกรให้เข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์
และสนับสนุนต่อยอดเกษตรกรที่ปัจจุบันทำนาข้าวอินทรีย์อยู่แล้วให้มีความสามารถในการรผลิตข้าวได้ตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
โดยการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ในการผลิตข้าวอินทรีย์ให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
การพัฒนาระบบ การตรวจสอบและรับรองมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ให้มีประสิทธิภาพ
รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคข้าวปลอดสารพิษ
รวมทั้งต้องกำกับติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ
ถูกต้องครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ตลอดจนจัดทำรายงานการติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับจากการดำเนินโครงการ
เพื่อให้มีข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการของภาครัฐที่เหมาะสม
และรายงานผลการดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อสิ้นสุดโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
79 | ขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติด้านสาธารณสุข | สธ. | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติด้านสาธารณสุข
มีกำหนดจะรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองทั้ง ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการป้องกัน
การเตรียมความพร้อม และการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ (๒)
ร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
และ (๓)
ร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการต่อสู้กับวัณโรค
ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ กันยายน ๒๕๖๖ ณ สำนักงานสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
และอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ สมัยที่
๗๘ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองทั้ง ๓ ฉบับ
โดยร่างปฏิญญาทางการเมืองทั้ง ๓ ฉบับ
เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองเพื่อบรรลุการป้องกัน การเตรียมความพร้อม
และการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
และการป้องกันและควบคุมการระบาดของวัณโรค
โดยมิได้มีถ้อยคำหรือบริบทที่มุ่งก่อให้เกิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และร่างปฏิญญาการเมืองดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือที่เกี่ยวกับองค์การระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทย
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติด้านสาธารณสุข
จำนวน ๓ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
80 | ขออนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | พม. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๙๙๘,๔๔๒,๐๐๐ บาท
สำหรับเป็นเงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดที่จะได้รับเงินต่อเนื่องในเดือนกันยายน
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(กรมกิจการเด็กและเยาวชน) และให้สำนักงบประมาณเร่งดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้ต่อไป
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษยเสนอ
|