ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 13 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 250 จากข้อมูลทั้งหมด 250 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
241 | การนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก | ทส. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบเอกสารการนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
และเห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญามรดกโลกลงนามในเอกสารนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. การนำเสนอพื้นที่เพื่อการขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในครั้งต่อ
ๆ ไป
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำผลการศึกษาที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
เกี่ยวกับความคุ้มค่าหรือประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
รวมทั้งให้จัดทำข้อมูลการคาดการณ์ผลกระทบจากการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของหน่วยงานต่าง
ๆ ในพื้นที่แหล่งมรกดกโลกที่อาจเกิดขึ้น (การสร้างถนน ทางรถไฟ
หรือระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เป็นต้น) เพื่อเสนอเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันด้วย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
242 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน (ASEAN Labour Ministers' Meeting: ALMM) ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และขอความเห็นชอบต่อการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 27 และร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 12 | รง. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบ
เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน
[ASEAN Labour Ministers’ Meeting (ALMM)] ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ ตุลาคม
๒๕๖๕ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประกอบด้วย (๑)
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียน [Senior Labour Officials’
Meeting (SLOM)] ครั้งที่ ๑๘ (๒)
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียนบวกสาม [Senior Labour Officials’
Meeting+3 (SLOM+3) ครั้งที่ ๒๐ (๓) ALMM ครั้งที่
๒๗ และ (๔) การประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม [ASEAN Plus Three Labour
Ministers’ Meeting (ALMM+3)] ครั้งที่ ๑๒ ๑.๒
เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของ ALMM
ครั้งที่ ๒๗ และร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม [ASEAN Plus Three Labour
Ministers’ Meeting (ALMM+3)] ครั้งที่ ๑๒
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสารดังกล่าว
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
เป็นเอกสารแสดงความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนในการขับเคลื่อนถ้อยแถลงร่วมระดับรัฐมนตรี
เพื่อตอบสนองต่อการฟื้นฟูด้านแรงงานภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการทำงาน การเป็นสถานประกอบการที่ปลอดภัยและมีการคุ้มครองทางสังคมที่ครอบคลุม
และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
เป็นเอกสารแสดงการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนบวกสาม ได้แก่ จีน
ญี่ปุ่น เกาหลี เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาฝีมือแรงงาน
และความสามารถในการปรับตัวของแรงงานในอนาคตของงานภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ และโครงการความร่วมมือต่าง ๆ ของประเทศบวกสาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
243 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน ในการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน บริเวณตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เพื่อขยายพื้นที่สำหรับการดำเนินการจัดการเรียนการสอนของสถาบันวิทยาลัยชุมชน วิทยาลัยชุมชนปัตตานี | อว. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐
วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม
๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ ในการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน
เนื้อที่จำนวน ๑.๐๘ ไร่ บริเวณตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
เพื่อขยายพื้นที่สำหรับการดำเนินการจัดการเรียนการสอนของสถาบันวิทยาลัยชุมชน
วิทยาลัยชุมชนปัตตานี ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สถาบันวิทยาลัยชุมชน วิทยาลัยชุมชนปัตตานี)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
เช่น
ควรพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากกิจกรรมการก่อสร้างอาคารและคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อพื้นที่โดยรอบ
โดยเฉพาะพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณข้างเคียง ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งการดำเนินการตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งฯ พ.ศ. ๒๕๕๖
ค่าใช้จ่ายในการปลูกและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทนไม้น้อยกว่า ๒๐ เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์
ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งฯ พ.ศ. ๒๕๖๖
ให้สถาบันวิทยาลัยชุมชนพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม แล้วแต่กรณี วิทยาลัยชุมชนปัตตานีควรมีแนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพนิเวศของป่าชายเลนที่อยู่โดยรอบร่วมกับนักศึกษาและชุมชนในบริเวณใกล้เคียงในระยะต่อไป
เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
244 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้ท่อนและไม้แปรรูปเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องมีหนังสือรับรอง และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้ไม้ท่อนและไม้แปรรูปเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องมีหนังสือรับรอง
และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง
ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการในการนำเข้าไม้ท่อนและไม้แปรรูปตามบัญชีท้ายร่างประกาศฯ
รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์จากไม้ดังกล่าวผ่านด่านศุลกากรในเขตจังหวัดกาญจนบุรี
จังหวัดตาก และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
และยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๙๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องการนำไม้และไม้แปรรูป
รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้เข้ามาในราชอาณาจักร
ตามแนวชายแดนจังหวัดตาก และจังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรขอความอนุเคราะห์กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมป่าไม้และกรมศุลกากร เพื่อพิจารณากำหนดรหัสสถิติใหม่โดยหลักเกณฑ์การกำหนดรหัสสถิติสินค้าที่ต้องมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสินค้านั้น
ๆ ว่ายังคงมีการค้าอยู่ในปัจจุบันหรือไม่มากน้อยเพียงใด และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการอ้างบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ
เห็นสมควรอ้างถึงเพียงมาตรา ๕(๑) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าฯ
และตัดการอ้างถึงมาตรา ๕ (๖) ออก
เนื่องจากมิได้เป็นการกำหนดมาตรการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้า
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
245 | การพิจารณากำหนด “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” | มท. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้วันที่ ๒๑ มกราคมของทุกปี เป็น
“วันความปลอดภัยของผู้ใช้ทางถนน” ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ
และให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการเข้มงวดกวดขันปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและจราจรโดยเคร่งครัด
รวมทั้งประสานหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้รถใช้ถนน
โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะการข้ามถนนทั้งที่มีและไม่มีทางม้าลายที่ถูกต้องและปลอดภัยให้แก่เยาวชน
ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ในการดำเนินมาตรการ/จัดกิจกรรมต่าง ๆ เนื่องใน “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน”
(วันที่ ๒๑ มกราคมของทุกปี) และ “วันโลกรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน”
(วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี) ให้เหมาะสม สอดคล้อง
เป็นไปในแนวทางเดียวกันและมีความต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกในด้านความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน
ซึ่งจะนำไปสู่การลดอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
246 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 | สม. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒
ของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้รวบรวมผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า
การกำหนดรายละเอียดในกฎหมายลำดับรองให้แตกต่างหรือนอกเหนือไปจากบทบัญญัติในกฎหมายแม่บทที่ให้อำนาจในการตรากฎหมายลำดับรองไว้ไม่อาจกระทำได้
ดังนั้น การที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายลำดับรอง
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒
และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น
การเพิ่มเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรม กำหนดให้มีคณะกรรมการชุมชน
หรือคณะกรรมการที่ปรึกษาพื้นที่คุ้มครอง
หรือการแก้ไขระยะเวลาในการดำเนินโครงการให้เกินกว่ายี่สิบปีเป็นการดำเนินการที่เกินจากขอบวัตถุประสงค์ของกฎหมายแม่บทที่ให้อำนาจไว้
ซึ่งไม่อาจกระทำได้สำหรับกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้ดำเนินการแล้ว
ทั้งในรูปแบบการจัดประชุมและผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและจะดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ต่อไป
รวมทั้งการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทั้งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒
และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒
ได้กำหนดให้ต้องประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทุก ๕ ปี นับแต่กฎหมายมีผลใช้บังคับ
ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ๓ ปี
จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะนำไปประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายได้
ซึ่งจะประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายต่อไปเมื่อถึงระยะเวลาการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
247 | ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าภายใต้แผนงาน The Programme for COVID-19 Crisis Response Emergency Support จากรัฐบาลญี่ปุ่น | กต. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่าง Agent Agreement between Thailand international Cooperation
Agency (TICA) and Japan International Cooperation System (JICS) for Procurement
Services under Japanese Grant Assistance for the Programme for COVID 19 Crisis
Response Emergency Support FY2022 และอนุมัติให้อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ ลงนามในร่าง Agent Agreement ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด (หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนมาก
ที่ อส ๐๐๐๖/๑๗๘๓๐ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) เช่น
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรงบประมาณ แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบวาระว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่าง Agent Agreement between
Thailand international Cooperation Agency (TICA) and Japan International
Cooperation System (JICS) for Procurement Services under Japanese Grant
Assistance for the Programme for COVID 19 Crisis Response Emergency Support
FY2022 ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
248 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2565 | ทส. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๕
จำนวน ๒ เรื่อง ประกอบด้วย (๑) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกอน อำเภอเชียงกลาง
จังหวัดน่าน (กรมชลประทาน) โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน (กรมชลประทาน) และโครงการโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ
(ส่วนเพิ่ม) ระยะที่ ๑ (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต) และ (๒)
การกำหนดมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำผิวดิน โดยกรมควบคุมมลพิษได้จัดทำ (ร่าง)
ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง
กำหนดมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำผิวดิน พ.ศ. ....
ซึ่งได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชนแล้ว
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้รับรองรายงานการประชุมดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่
๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
249 | แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 | ทส. | 03/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี ๒๕๖๖
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจฯ โดยแผนเฉพาะกิจฯ
กำหนดขึ้นภายใต้กรอบ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม”
ประกอบด้วยแนวทางการดำเนินงาน ๗ แนวทาง ได้แก่ (๑) เร่งรัดการประชาสัมพันธ์เชิงรุก
และแจ้งเตือนล่วงหน้า ๗ วัน ทุกพื้นที่ (๒)
ยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นฝุ่นละออง”
และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง (๓) ยกระดับการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร (ชิงเก็บ
ลดเผา และระบบบริการการเผาในที่โล่ง) (๔) กำกับดูแลการดำเนินการในทุกระดับอย่างเข้มงวด
ติดตามผลการดำเนินการและประเมินสถานการณ์เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง (๕) ลดจุดความร้อน
ป้องกันและควบคุมการเกิดไฟในทุกพื้นที่และพัฒนาระบบพยากรณ์ความรุนแรงและอันตรายของไฟ
(๖) ผลักดันกลไกระหว่างประเทศ
เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกขวัญข้ามแดนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจัดทำ Roadmap และกำหนดเป้าหมายในการลดจำนวนจุดความร้อน/พื้นที่เผาไหม้ในภูมิภาคอาเซียน
และ (๗)
ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละออง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
250 | ร่างกฎกระทรวงการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา พ.ศ. .... | สธ. | 03/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำหรับยา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้มีการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
สังคม สิ่งแวดล้อม และอื่น ๆ ที่สำคัญ
หลังจากได้มีการออกประกาศฉบับนี้เรียบร้อยแล้ว
ควรจัดให้มีช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง
เพื่อแจ้งการดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้ไปยังผู้รับในสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาให้ทราบอย่างทั่วถึง
และให้ดำเนินการตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกฯ
โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนดรวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ
(www.info.go.th) ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|