ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 873 จากทั้งหมด 6236 หน้า แสดงรายการที่ 17441 - 17460 จากข้อมูลทั้งหมด 124707 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 17441 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกับประเทศกัมพูชา | ยธ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกับประเทศกัมพูชา โดยสนับสนุนงบประมาณให้แก่หน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของกัมพูชา (National Authority for Combating Drugs-NACD) จำนวน ๓๘,๐๑๑,๔๐๐ บาท สำหรับการก่อสร้างศูนย์บำบัดและฝึกอาชีพสำหรับผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติ ณ อำเภอสตึงฮาว จังหวัดพระสีหนุ รวมถึงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานด้านการบำบัดรักษาให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา ๑.๒ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่ NACD จำนวน ๓๘,๐๑๑,๔๐๐ บาท สำหรับดำเนินโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกับประเทศกัมพูชาให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ๑.๓ ให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติจ่ายเงินงบประมาณของโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกับประเทศกัมพูชา เพื่อนำไปสนับสนุน NACD ดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ๒. ในขั้นตอนการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17442 | ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมที่จะมีการรับรองในที่ประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๕ เป็นการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ (ASEAN Plan of Action on Energy Cooperation 2016-2025 : APAEC) ในส่วนของเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด และการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ๑.๒ ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน+๓ (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ ๑๔ เป็นการแสดงถึงความร่วมมือระหว่างอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนานโยบายด้านน้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติและแนวทางการสำรองน้ำมันในอาเซียน ๑.๓ ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๑๑ เป็นการแสดงถึงความร่วมมือระหว่างอาเซียน ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การพัฒนาด้านเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือกเพื่อผลิตไฟฟ้า เป็นต้น ๑.๔ ร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนกับทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ เป็นการแสดงถึงความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับทบวงพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศในการให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และการดำเนินการตาม APAEC พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ ในส่วนของการพัฒนาพลังงานทดแทน และพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการมีบันทึกความตกลงเพื่อให้เกิดความร่วมมือกันในระยะยาวและสอดคล้องกับแผน APAEC พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ รวมทั้งพิจารณาให้มีการประชุมระหว่างอาเซียนและทบวงพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศผ่านการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ๒ ปีครั้ง และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านพลังงานเป็นประจำทุกปี ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมทั้ง ๔ ฉบับดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงพลังงานได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17443 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี | กต | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินการตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๗๕ (ค.ศ. ๒๐๑๗) เกี่ยวกับมาตรการลงโทษสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) โดยเป็นการยกระดับและเพิ่มการลงโทษมากขึ้นโดยเพิ่มเติมรายชื่อบุคคล องค์กร เรือ และสิ่งของที่ถูกกำหนด ขยายมาตรการทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมการห้ามนำเข้าสิ่งทอและการส่งออกทรัพยากรพลังงาน รวมทั้งเน้นย้ำมาตรการเกี่ยวกับการตรวจค้นเรือในทะเลหลวง ห้ามการอนุญาตการทำงานเพิ่มเติม และห้ามเปิดกิจการร่วมค้าหรือร่วมทุนกับองค์กรหรือบุคคลของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีโดยให้ปิดกิจการดังกล่าวที่มีอยู่ ๑.๒ มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น ดำเนินการดังต่อไปนี้ ๑.๒.๑ ถือปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๑.๒.๒ มอบหมายกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการตามวรรค ๔-๕ วรรค ๑๓-๑๖ และวรรค ๑๘ ของข้อมติฯ ที่ ๒๓๗๕ (ค.ศ. ๒๐๑๗) และมาตรการตามข้อมติฯ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสาระสำคัญของวรรคดังกล่าว ๑.๒.๓ มอบหมายกระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการตามวรรค ๑๗ ของข้อมติฯ ที่ ๒๓๗๕ (ค.ศ. ๒๐๑๗) และมาตรการตามข้อมติฯ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสาระสำคัญของวรรคดังกล่าว ๑.๒.๔ มอบหมายสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติกำหนดแนวทางการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อเรือที่มีความเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงมาตรการตามวรรค ๗-๑๒ และวรรค ๒๒ โดยเป็นไปตามกฎหมายภายในของไทย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามข้อมติ UNSC ซึ่งมีสาระสำคัญส่วนหนึ่งเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจต่อการดำเนินการต่อเรือข้างต้นตามพันธกรณีระหว่างประเทศจากข้อมติฯ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๒.๕ ปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือให้ทันสมัยตามข้อมูลเว็ปไซต์ของสหประชาชาติ (https://www.un.org/sc/suborg/en/sanctions/1718) ทั้งนี้ สหประชาชาติ (United Nations : UN) จะปรับปรุงรายชื่อบุคคล องค์กร และเรือที่ถูกมาตรการลงโทษภายใต้หัวข้อ “Sanctions List Materials” เป็นระยะ และจะกำหนดรายการสิ่งของภายใต้หัวข้อ “Prohibited Items” ในภายหลัง ๑.๒.๖ ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องพึงระวังและดำเนินการให้เป็นไปตามข้อมติฯ ๑.๒.๗ แจ้งการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อ UN ต่อไป และหากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว ขอให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17444 | ขอความเห็นชอบการร่วมรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงว่าด้วยการทบทวนการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับโลกแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ | กต | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงว่าด้วยการทบทวนการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับโลกแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ (Political Declaration on the Global Plan of Action to Combat Trafficking in Persons) เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกของสหประชาชาติในการส่งเสริม การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้บุคคลเสี่ยงต่อการตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งการดูแล การช่วยเหลือ การเยียวยาและพักฟื้นผู้เสียหายและผู้รอดชีวิต ตลอดจนการเพิ่มความเข้มแข็งระหว่างรัฐภาคีร่วมกันผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การเสริมสร้างขีดความสามารถและความช่วยเหลือด้านเทคนิคในการป้องกันการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบ และการจัดการฝึกอบรมบุคลากรด้านมนุษยธรรม โดยจะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมระดับสูงว่าด้วยการทบทวนการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับโลกแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ครั้งที่ ๒ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17445 | เรื่องเกี่ยวข้องกับงานพระบรมศพที่เห็นสมควรนำเสนอคณะรัฐมนตรี (การดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร) | นร01 | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นหยุดราชการเพียงวันเดียว เนื่องจากในวันพุธที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันออกพระเมรุมาศก่อนวันถวายพระเพลิง และวันศุกร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันต่อเนื่อง คณะกรรมการฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คณะกรรมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร คณะกรรมการจัดขบวนพระบรมราชอิสริยยศ และคณะกรรมการฝ่ายจัดพิธีการ ได้วางแผนรองรับครอบคลุมในด้านต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ปฏิบัตินั้น เนื่องจากการปฏิบัติงานในพิธีช่วงก่อนและหลังวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นการปฏิบัติราชการ จึงให้หน่วยงานเจ้าสังกัดพิจารณาผ่อนผัน หากจะต้องใช้เวลาราชการเพื่อการเดินทาง และเตรียมการตามสมควร ๑.๒ ขยายเวลาการไว้ทุกข์ของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเดิมเคยมีประกาศกำหนดระยะเวลา ๑ ปี โดยขยายจากวันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๐ ไปจนถึงวันศุกร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ อันเป็นวันเก็บพระบรมอัฐิ รวมเวลา ๑๕ วัน ๑.๓ ให้สถานที่ราชการ สถานศึกษา สถานที่ทำการของรัฐ ทั้งในและต่างประเทศลดธงครึ่งเสา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงวันศุกร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ รวมเวลา ๑๕ วัน ๑.๔ ให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ออกทุกข์ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ๑.๕ ให้เริ่มเก็บผ้าระบาย ป้ายส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ตามสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๑.๖ ให้ประธานกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือและซักซ้อมทำความเข้าใจสถานบันเทิง และสถานีโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ งดหรือลดกิจกรรมบันเทิงในเดือนตุลาคมตามช่วงเวลาที่เหมาะสม ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรีในการเสนอเรื่องนี้)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17446 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2560 (ครั้งที่ 13) | พน | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานว่า การดำเนินการภายใต้ร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวไปยังมาเลเซียผ่านระบบส่งไฟฟ้าของไทย (LTM-PIP) เป็นการดำเนินการเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านไฟฟ้าตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวผ่านระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อนำส่งต่อไปยังมาเลเซียในปริมาณที่จำกัดไม่เกิน ๑๐๐ เมกะวัตต์ และมีอายุสัญญาเป็นเวลา ๒ ปี (นับจากวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑) โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบส่งไฟฟ้าที่มีอยู่เดิม กระทรวงพลังงานจึงไม่จำเป็นต้องลงทุนในระบบสายส่งไฟฟ้าเพิ่มเติม ประกอบกับการดำเนินการดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าและการใช้ไฟฟ้าของประชาชนในประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าในภาคใต้ นั้น ปัจจุบันกระทรวงพลังงานยังไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในพื้นที่เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ จึงได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยดำเนินการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้เป็นการชั่วคราว ๒. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ (ครั้งที่ ๑๓) เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) ร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวไปยังมาเลเซียผ่านระบบส่งไฟฟ้าของไทย (LTM-PIP) (๒) แนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ (๓) การเปิดเสรีธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) (๔) มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้านพลังงาน และ (๕) อัตราค่าไฟฟ้าชั่วคราวสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ประโยชน์ของระบบส่งของไทยตามโครงการ LTM-PIP ควรมีการพิจารณาส่งคืนผลประโยชน์ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในประเทศด้วย รวมทั้งในการดำเนินการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ควรมีการประเมินผลการดำเนินงาน ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในระยะที่ ๑ ก่อน เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการวางแผนส่งเสริมการแข่งขันในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. สำหรับกรณีการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ให้กระทรวงพลังงานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยดำเนินการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas : LNG) ด้วยวิธีการประมูลที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ภายใต้การแข่งขันอย่างเสรี โดยเปิดโอกาสให้ผู้ผลิต LNG ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สามารถเข้าร่วมการประมูลได้ เพื่อให้ต้นทุนการจัดหา LNG ดังกล่าวอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17447 | การบริหารจัดการยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามโครงการพิเศษ ปีงบประมาณ 2561 | สธ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางในการจัดการเกี่ยวกับการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ตามโครงการพิเศษ สำหรับปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำแผน ให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อจัดทำแผนการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์จำเป็นตามโครงการพิเศษ สำหรับปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ๑.๒ การจัดซื้อ ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติโอนเงินให้หน่วยบริการใดหน่วยบริการหนึ่งของกระทรวงสาธารณสุข และให้กระทรวงสาธารณสุขมอบหมายให้หน่วยบริการดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์จำเป็นตามโครงการพิเศษ สำหรับปีงบประมาณ ๒๕๖๑ จากองค์การเภสัชกรรม ๑.๓ การกำหนดระเบียบเพื่อรองรับการดำเนินการจัดซื้อ ให้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกระทรวงการคลังพิจารณากำหนด กฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ หรือแนวทาง ให้สอดคล้องกับการดำเนินการจัดซื้อให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17448 | มาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน | อก | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน และให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานดำเนินการ ๑.๒ อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มียอดขายขนาดเล็กและประสบปัญหาทางการเงินก่อนเป็นอันดับแรก รวมทั้งควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการในระยะแรกอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงมาตรการฯ ในระยะต่อ ๆ ไป ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอขอปรับแก้ไขรายละเอียดของโครงการส่งเสริมความรู้ให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ภายใต้มาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับ SMEs ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากมีรายละเอียดเนื้อหาบางส่วนที่อาจก่อให้เกิดความสับสนและความเข้าใจผิดในการตีความได้ โดยปรับปรุงรายละเอียดข้อ ๔.๓.๓ การทำธุรกรรม FX Options เป็นดังนี้ ผู้ประกอบการ SMEs สามารถใช้คูปองเพื่อการซื้อ FX Options ซึ่งเป็นการซื้อสิทธิ์ที่จะซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศ (ห้ามใช้เพื่อการขาย FX Options) โดยสามารถซื้อได้เฉพาะ FX Options ขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ไม่มีความซับซ้อน (Plain Vanilla Options) และสามารถใช้สิทธิ์เมื่อใดก็ได้ในช่วงเวลาที่กำหนด (American Options)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17449 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม | กห | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๐๑๓,๐๘๗,๐๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการซ่อมปรับปรุงถนนเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๑๒๙ เส้นทาง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบก) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17450 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง | กค | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๑ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ วงเงินชดเชยรวมทั้งสิ้น ๔๐๙.๐๕๗ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง ดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยรัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดา จำนวน ๘๐๐ คันต่อวัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงิน จำนวน ๓๒๒.๕๕๗ ล้านบาท ๑.๒ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยรัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดหารถไฟชั้น ๓ เชิงสังคม จำนวน ๑๕๒ ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น ๓ ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์ จำนวน ๘ ขบวนต่อวัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงิน จำนวน ๘๖.๕๐๐ ล้านบาท ๒.ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานตามมาตรการฯ ที่เกิดขึ้นจริงโดยผ่านคณะกรรมการการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินตามมาตรการฯ รวมทั้งควรพิจารณาแนวทางการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการฯ ไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกับการให้ความช่วยเหลือลดภาระค่าใช้จ่ายเดินทางของประชาชนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกำหนดแผนบูรณาการระบบสวัสดิการของภาครัฐในรูปแบบต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้การจัดสวัสดิการของภาครัฐเป็นไปตามความจำเป็นและตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17451 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวชลิดา โชไชย และนายสิงคิ์ วิเศษพจนกิจ) | นร08 | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวชลิดา โชไชย ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ๒. นายสิงคิ์ วิเศษพจนกิจ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17452 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพลังงาน) (นายยงยุทธ จันทรโรทัย) | พน | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายยงยุทธ จันทรโรทัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17453 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) (นายกิตติศักดิ์ กลับดี และนางมยุรา กุสุมภ์) | สธ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายกิตติศักดิ์ กลับดี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ๒. นางมยุรา กุสุมภ์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17454 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (จำนวน 5 คน 1. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ ฯลฯ) | กค | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย รวม ๕ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสามปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ กันยายน ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ ประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ๒. นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ กรรมการ ๓. นายนพพร เทพสิทธา กรรมการ ๔. นายมาส ตันหยงมาศ กรรมการ ๕. นายกำธร ตติยกวี กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17455 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายจิรุตม์ วิศาลจิตร) | คค | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17456 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (จำนวน 7 ราย 1. นายไพศาล พืชมงคล ฯลฯ) | นร04 | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระจำนวน ๗ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้ลำดับที่ ๑-๖ มีผลตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป และลำดับที่ ๗ มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายไพศาล พืชมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๒. รองศาสตราจารย์ไชยา ยิ้มวิไล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๓. พลเอก รุ่งโรจน์ จำรัสโรมรัน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงกลาโหม วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๔. รองศาสตราจารย์ชวนี ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๕. พลตำรวจโท ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๖. นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๗. นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันที่ครบวาระ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17457 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (จำนวน 14 คน 1. นายวัลลภ พริ้งพงษ์ ฯลฯ) | มท | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง รวม ๑๔ คน แทนกรรมการอื่นเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๙ คน และแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่น รวม ๒ คน ลาออก รวมทั้งแทนผู้ที่ลาออกก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ กันยายน ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายวัลลภ พริ้งพงษ์ ประธานกรรมการ ๒. นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ กรรมการอื่น ๓. ศาสตราจารย์สุวัฒนา จิตตลดากร กรรมการอื่น ๔. นายบวร วงศ์สินอุดม กรรมการอื่น ๕. นายวันชัย หล่อวัฒนตระกูล กรรมการอื่น ๖. นายรอยล จิตรดอน กรรมการอื่น ๗. นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการอื่น ๘. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทีฆวุฒิ พุทธภิรมย์ กรรมการอื่น ๙. นายชัยชนะ มิตรพันธ์ กรรมการอื่น ๑๐. นายทองเปลว กองจันทร์ กรรมการอื่น ๑๑. นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต กรรมการอื่น ๑๒. รองศาสตราจารย์ชนินทร์ ทินนโชติ กรรมการอื่น ๑๓. พลเรือโท ณเดโช เกิดชูชื่น กรรมการอื่น ๑๔. นางศิริพร เหลืองนวล กรรมการอื่น ผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17458 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายสมชาย หาญหิรัญ) | นร04 | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายสมชาย หาญหิรัญ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17459 | รายงานผลการจัดงานสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติ "Digital Thailand Big Bang 2017" | ดศ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดงานสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติ “Digital Thailand Big Bang 2017” ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๔ กันยายน ๒๕๖๐ ณ อาคารชาเลนเจอร์ ๑-๒ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ภายใต้แนวคิด “Digital Transformation Thailand” เป็นงานที่รวบรวมผลงานและนวัตกรรมดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลจากทั่วโลกมาให้ความรู้และร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน สำหรับกิจกรรมภายในงาน เช่น นิทรรศการแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล การประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างบุคลากรของประเทศไทยและต่างประเทศ และการประกาศความร่วมมือด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลระดับนานาชาติ เป็นต้น ทั้งนี้ ผลการจัดงานสามารถสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนด้านดิจิทัลในประเทศไทย (Digital Transformation) ให้กับภาคประชาชนและสังคมมากกว่า ๒๐๐,๐๐๐ ราย จาก ๔๐ ประเทศทั่วโลก ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17460 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๔๑/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งดังกล่าวแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
