ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 739 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 14761 - 14780 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14761 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ โดยที่ยังมีผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จำนวนมากที่ได้มาลงทะเบียนเพื่อขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามมาตรการฟื้นฟูกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว จึงให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเร่งรัดการพิจารณาการสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในแต่ละรายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งให้พิจารณาทบทวนผลการพิจารณาสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ในรายที่ในปัจจุบันมีศักยภาพและความพร้อมที่จะฟื้นฟูกิจการเพิ่มมากขึ้นแล้วด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมการป้องกันอุทกภัย โดยดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมก่อนเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ดังนี้ ๒.๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น เร่งดำเนินการตรวจสอบแล้วปรับปรุงสภาพและขุดลอกคูคลอง ทางระบายน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อใช้เป็นแหล่งรองรับน้ำ/เป็นทางระบายน้ำได้อย่างคล่องตัวต่อไป ๒.๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันการศึกษา เป็นต้น พิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาเส้นทางคมนาคมกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยไม่ทำให้เส้นทางคมนาคมนั้น ๆ ได้รับความเสียหายหรือเกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้สัญจรในเส้นทางคมนาคมดังกล่าว ทั้งนี้ ให้พิจารณาแนวทางต่าง ๆ อย่างรอบด้าน เช่น การใช้เครื่องมือขุดเจาะลอดใต้เส้นทางเพื่อวางท่อระบายน้ำจากพื้นที่ประสบอุทกภัยไปสู่พื้นที่รับน้ำหรือไหลลงสู่ทะเลต่อไปได้ เป็นต้น ๒.๒ โดยที่มีรถบางประเภทที่ได้รับการดัดแปลง/ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์เฉพาะและอาจมีรูปแบบและน้ำหนักรถ/น้ำหนักบรรทุกเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่น รถกู้ภัย รถพยาบาลฉุกเฉินขององค์กรเอกชน เป็นต้น จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้แล้วเสร็จ และเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แล้วให้รายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14762 | การให้ความช่วยเหลือด้านที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยแก่ประชาชนผู้ยากไร้่ | นร04 | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑) รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑ โดยได้มีการจัดหาที่ดิน จัดคนเข้าทำประโยชน์ รวมทั้งจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับผู้ยากไร้ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ นั้น เห็นควรให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น เร่งรัดการพิจารณาจัดสรรที่ดินทำกินหรือจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยในส่วนของการจัดหาที่อยู่อาศัยให้พิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือให้ประชาชนสามารถซื้อบ้านในราคาถูกได้ เช่น บ้านสำเร็จรูป (Knockdown) การนำบ้านเก่ามาแลกบ้านใหม่ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14763 | ขอความเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อก่อสร้างโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รวม 4 โครงการ (ขอความเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บางส่วน เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอู อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) | กษ | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๔๙ ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอู อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตาม ตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยให้เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอู อันเนื่องมจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ให้เป็นไปตามแผนงาน โดยไม่ดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม หรือส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ รวมทั้งคืนพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ภายหลังการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14764 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เพื่อทำเหมืองแร่ ของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเชีย จำกัด (มหาชน) บริษัท ภูมิใจไทยซีเมนต์ จำกัด และบริษัท น่ำเฮงศิลา จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี (3 เรื่อง) [ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ และ 1 เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ เพื่อจัดตั้งสถานที่เพื่อการเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ และเพื่อปลูกสร้างอาคารเกี่ยวกับการทำเหมือง หรือจัดตั้งสถานที่เพื่อการแต่งแร่นอกเขตเหมืองแร่ของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเชีย จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี] | อก | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันให้บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ และ ๑ เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ ตามคำขอประทานบัตรที่ ๒๓-๒๗/๒๕๕๓ เพื่อจัดตั้งสถานที่เพื่อการเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ ที่จังหวัดสระบุรี ตามคำขอที่ ๑/๒๕๕๓ และเพื่อปลูกสร้างอาคารเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่หรือจัดตั้งสถานที่เพื่อการแต่งแร่นอกเขตเหมืองแร่ ตามคำขอที่ ๒/๒๕๕๔ จำนวน ๕ แปลง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ และวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น การปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และการดำเนินการตามพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กำกับ และติดตามการดำเนินการของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14765 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เพื่อทำเหมืองแร่ ของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเชีย จำกัด (มหาชน) บริษัท ภูมิใจไทยซีเมนต์ จำกัด และบริษัท น่ำเฮงศิลา จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี (3 เรื่อง) (ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ภูมิใจไทยซีเมนต์ จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี) | อก | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันให้บริษัท ภูมิใจไทยซีเมนต์ จำกัด ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์) ที่จังหวัดสระบุรี ตามคำขอประทานบัตรที่ ๒๐-๒๔/๒๕๕๔ จำนวน ๕ แปลง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ และวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น การปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และการดำเนินการตามพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กำกับ และติดตามการดำเนินการของบริษัท ภูมิใจไทยซีเมนต์ จำกัด ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14766 | ขอความเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อก่อสร้างโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รวม 4 โครงการ (ขอความเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง บางส่วน เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา) | กษ | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๑,๓๘๐ ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยให้เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ให้เป็นไปตามแผนงาน โดยไม่ดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม หรือส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และคืนพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ภายหลังการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14767 | รายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร01 | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ประธาน กขร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภารกิจของ กขร. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) สอดส่องดูแล และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าของรัฐ (๒) ให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ (๓) เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกา และการออกกฎกระทรวง หรือระเบียบของคณะรัฐมนตรี (๔) พิจารณาและให้ความเห็นเรื่องร้องเรียนตามมาตรา ๑๓ ของประชาชนที่มีต่อหน่วยงานของรัฐ (๕) พิจารณาวินิจฉัยเรื่องอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ (๖) เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ (๗) ความร่วมมือกับต่างประเทศในด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ (๘) ติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ ๒. ข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาและการดำเนินงานในปี ๒๕๖๑ เช่น การส่งเสริมให้ทุกหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามประกาศของ กขร. การศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารของราชการที่สมควรจัดทำเป็นประกาศ กขร. ตามมาตรา ๙ (๘) เพิ่มเติม การเพิ่มช่องทางการร้องเรียน/อุทธรณ์ให้สามารถดำเนินการผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ การปรับปรุงแผนการดำเนินการเสริมสร้างและทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการให้มีผลสัมฤทธิ์มากขึ้น และการศึกษา รวบรวม กฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรี เพื่อปรับปรุงให้ทันสมัย ไม่ซ้ำซ้อน และเหมาะสมมากขึ้น เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14768 | งบการเงินประจำปี 2560 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานงบการเงินประจำปี ๒๕๖๐ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับงบการเงินประจำปี ๒๕๖๐ ทั้งในส่วนของงบการเงินรวมของ กฟผ. และบริษัทย่อย และงบการเงินเฉพาะกิจการของ กฟผ. โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ทำการตรวจสอบและรับรองงบดังกล่าวแล้วเห็นว่า งบดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน และดำเนินการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14769 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2561 | ดศ | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดยที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาในประเด็นสำคัญ ๆ ดังนี้
๑. เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ โครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย การพิจารณาให้ความเห็นต่องบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ แผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ และแนวทางการนำสายสื่อสารโทรคมนาคมลงใต้ดินตามนโยบายของรัฐบาล ๒. เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการภายใต้พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การบริหารกิจการดาวเทียมสื่อสารของประเทศไทย และการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และความคืบหน้าโครงการเน็ตประชารัฐ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ๓. เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การประชุมหารือระหว่างคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติกับกรุงเทพมหานคร บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานนำสายสื่อสารลงดินในเขตกรุงเทพมหานคร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14770 | การบริหารจัดการยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามโครงการพิเศษ | สธ | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการดำเนินการในการบริหารจัดการยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามโครงการพิเศษในปีงบประมาณ ๒๕๖๒ เช่นเดียวกับการจัดหาในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการจัดหายา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ผ่านเครือข่ายหน่วยบริการโรงพยาบาลราชวิถีต่อเนื่องอย่างน้อย ๒ ปี หรือจนกว่าจะมีข้อกฎหมายหรือนโยบายเปลี่ยนแปลง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการดำเนินการจัดหาฯ สำหรับในการจัดหาฯ หากมีรายการตามบัญชีนวัตกรรมไทย ก็ควรที่จะพิจารณารายการตามที่กำหนดไว้ในบัญชีนวัตกรรมเป็นลำดับแรกก่อน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การออกกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดหายา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ในระบบประกันสุขภาพแล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14771 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี พ.ศ. 2560 ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) | ส.ส.ท | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ซึ่งเนื้อหาของรายงานฯ ประกอบด้วย ส่วนที่เป็นผลงานในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา (ปี ๒๕๕๑-๒๕๖๑) เช่น พัฒนาการและเส้นทางของ ส.ส.ท. ผลงานข่าวที่สร้างผลกระทบเชิงสังคม ผลงานแสดงถึงการยืนหยัดสร้างคุณค่าของสื่อสาธารณะ และผลงานในปี ๒๕๖๐ เช่น ผลงานการเป็นสื่อเพื่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในส่วนของข่าวเด่น ผลงานที่ได้รับเกียรติคุณและรางวัล ปี ๒๕๖๐ การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ส.ส.ท. ประจำปี ๒๕๖๐ การประเมินผลการดำเนินงาน ส.ส.ท. ประจำปี ๒๕๖๐ รวมทั้งรายงานของผู้สอบบัญชีสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินของ ส.ส.ท. แล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ ตามที่ ส.ส.ท. เสนอ ๒. การเสนอรายงานฯ ต่อคณะรัฐมนตรีในปีต่อ ๆ ไป ให้ ส.ส.ท. เร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14772 | รายงานผลการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศสร่วมกับคณะนายกรัฐมนตรีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศสร่วมกับคณะนายกรัฐมนตรี ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเยือนสหราชอาณาจักร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าพบหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ของสหราชอาณาจักร เช่น สภาผู้นำนักธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (Thai-UK Business Leadership Council : TUBLC) และได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างภาครัฐและเอกชนของไทย กับหน่วยงานและภาคธุรกิจของสหราชอาณาจักร รวม ๖ ฉบับ เช่น ความตกลงระหว่างกระทรวงพาณิชย์และ Tesco PLC โดย Tesco นำสินค้าจากเกษตรกร/SMEs ไทยมาร่วมพัฒนากับ Tesco Innovation Centre และนำมาส่งเสริมการจำหน่ายในต่างประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานและกล่าวเปิดงาน Showcasing Thailand Kitchen of the World และมอบประกาศนียบัตร Thai Select ให้แก่ร้านอาหารในสหราชอาณาจักร จำนวน ๒๙ ร้าน รวมทั้งได้พบปะกับหน่วยงานสำคัญ เช่น British Council เพื่อรับฟังข้อมูลการดำเนินการและโครงการเกี่ยวกับการส่งเสริมด้านเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) และแนวทางความร่วมมือซึ่งจะพิจารณานำจุดแข็งของสหราชอาณาจักรมาช่วยสนับสนุนในด้านที่ไทยต้องการ เป็นต้น ๒. การเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าร่วมการประชุมภาคธุรกิจไทยในสาธารณรัฐฝรั่งเศสกับนายกรัฐมนตรี และได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างภาครัฐและเอกชนของไทยกับหน่วยงานและภาคธุรกิจของสาธารณรัฐฝรั่งเศส รวม ๔ ฉบับ เช่น ความตกลงระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับหอการค้านานาชาติ และหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย เรื่อง ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนาผู้ประกอบการไทย และได้เป็นประธานมอบตราสัญลักษณ์ Thai Select ให้แก่ร้านอาหารในสาธารณรัฐฝรั่งเศส จำนวน ๑๒ ร้าน รวมทั้งได้พบปะกับหน่วยงานสำคัญ เช่น หอการค้านานาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส โดยมีแนวคิดหลัก คือ การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สนับสนุนการค้าเสรี และต่อต้านการใช้นโยบายปกป้อง เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14773 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 41 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2560 - 30 เมษายน 2561) | นร04 | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ครั้งที่ ๔๑ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐-๓๐ เมษายน ๒๕๖๑) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ การจัดกิจกรรมส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดอง การจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชน เรื่อง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างแผนการปฏิรูปประเทศ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนงาน/โครงการในระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ให้มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับร่างแผนการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๑ ด้าน ทั้งนี้ แผนการปฏิรูปประเทศได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๑ ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย (๑) ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยใช้มาตรการทางกฎหมายในการตรวจสอบเว็บไซต์ที่เข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมาย และการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) (๒) ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การจัดงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ การจัดโครงการตลาดประชารัฐ (๓) ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ การพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology : FinTech) ให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น และพัฒนาการให้บริการทางการเงินในระบบการเงินของไทยสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 (๔) การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เช่น โครงการ ๑ ตำบล ๑ นวัตกรรมเกษตร เป็นการต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (๕) ด้านการต่างประเทศ เช่น เร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ในภูมิภาคอาเซียนและขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (๖) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนให้ชุมชนมีการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น เครื่อง GPS แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม อุปกรณ์โทรมาตร และการใช้งานระบบสารสนเทศในการบริหารจัดการน้ำ และ (๗) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ โดยจัดตั้งกลุ่มขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ในสำนักงานปลัดกระทรวง และการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและการขออนุญาตจากทางราชการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14774 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมิถุนายน 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๑ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔๙ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14775 | ขอความเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อก่อสร้างโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รวม 4 โครงการ (ขอความเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว บางส่วน เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองขลุง จังหวัดจันทบุรี) | กษ | 07/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๘๕-๒-๐๖.๔ ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองขลุง จังหวัดจันทบุรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยให้เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองขลุง จังหวัดจันทบุรี ให้เป็นไปตามแผนงาน โดยไม่ดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม หรือส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และคืนพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ภายหลังการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14776 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 31/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทางรวมประมาณ ๓๒๓ กิโลเมตร วงเงินลงทุนรวม ๘๕,๓๔๕ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๗ ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอและตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑ ให้โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๖๐ (เรื่อง การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ) เพื่อให้การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการฯ มีความโปร่งใสและเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล ๑.๒ ปรับกรอบระยะเวลาในการเปิดให้บริการรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ จากเดิมที่แจ้งว่า จะเปิดให้บริการในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็น เปิดให้บริการในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในปัจจุบัน ๑.๓ ให้ รฟท. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขให้กระทรวงคมนาคมและ รฟท. ต้องดำเนินการให้เกิดความชัดเจนก่อนดำเนินโครงการฯ นี้ ใน ๔ ประเด็น ได้แก่ (๑) การจัดทำแนวทางพัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งในพื้นที่ที่ชัดเจน (๒) การจัดทำแผนบูรณาการเส้นทางการคมนาคมของประเทศ (๓) การจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่และแหล่งท่องเที่ยวที่ได้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากการดำเนินโครงการฯ และ (๔) การจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อม ๒. ให้กระทรวงคมนาคม รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม เช่น การจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่ระบุไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างเคร่งครัด การสร้างความเข้าใจและชี้แจงความจำเป็นของการดำเนินโครงการกับประชาชนในพื้นที่หรือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการฯ และการเร่งจัดหาขบวนรถไฟและตู้สินค้าให้เพียงพอและสอดคล้องกับความต้องการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่และแหล่งท่องเที่ยวตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยคำนึงถึงเป้าหมายและประเด็นในการพัฒนาจังหวัดตามแนวเส้นทางของโครงการฯ และจังหวัดใกล้เคียงตามแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) ที่คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแล้วเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์แผนพัฒนาพื้นที่และแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวให้ทราบโดยทั่วกันควบคู่ไปกับการส่งเสริมทางการตลาดและการพัฒนาคุณภาพของการให้บริการด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. เช่น พิจารณาทบทวนออกแบบสถานีของโครงการฯ ให้มีขนาดและรูปแบบที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารและสินค้าที่ได้ประมาณการไว้ เพื่อให้การใช้เงินลงทุนโครงการฯ อย่างมีประสิทธิภาพ ๕. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. สร้างการรับรู้และชี้แจงเหตุผลความจำเป็นของการดำเนินโครงการฯ กับประชาชนในพื้นที่ที่ดำเนินโครงการฯ หรือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการฯ ให้ถูกต้องและทั่วถึง เพื่อป้องกันปัญหาการร้องเรียน/คัดค้านต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการฯ ๖. สำหรับแนวทางการรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ โดยค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ค่าจ้างที่ปรึกษาสำรวจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเวนคืน และค่าจ้างที่ปรึกษาในการประกวดราคา วงเงินรวม ๑๐,๘๒๐ ล้านบาท ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้กับ รฟท. ส่วนค่าก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง วงเงินรวม ๗๔,๕๒๕ ล้านบาท ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ที่เหมาะสม และให้ รฟท. กู้ต่อ โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. ๗. ในส่วนของการประกวดราคาจ้างก่อสร้างเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. เสนอคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๖๐ (เรื่อง การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ) เพื่อพิจารณาวิธีการประกวดราคาโครงการฯ ที่เหมาะสม ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ๘. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนของโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๙. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. เร่งรัดการดำเนินโครงการพัฒนารถไฟทางคู่ ระยะที่ ๒ โดยให้จัดลำดับความสำคัญของการลงทุนพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ โดยคำนึงถึงภาระงบประมาณ ความสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศ และศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้การลงทุนของภาครัฐมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งนำไปสู่เป้าหมายการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางและขนส่งสินค้าจากการพึ่งพาถนนเป็นหลักไปใช้การขนส่งทางรางที่มีต้นทุนต่ำกว่าต่อไป ๑๐. ในการจัดหาขบวนรถไฟสำหรับโครงการฯ นี้ (และโครงการอื่น ๆ ด้วย) ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมในการจัดหา โดยให้ผู้ประกอบการในประเทศที่มีศักยภาพเป็นผู้ดำเนินการแทนการจัดหาจากต่างประเทศทั้งหมด ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความเหมาะสม คุ้มค่า ประโยชน์ที่ได้รับ และการลดภาระงบประมาณด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14777 | การดำเนินงานเพื่อสนับสนุนงานจิตอาสา | นร | 31/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐสามารถตอบสนอง สนับสนุน และเชื่อมโยงกับการปฏิบัติงานของจิตอาสาในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และคล่องตัว จึงมีมติมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ และนายพศิน โกมลวิชญ์ ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนของรัฐบาลไปประจำที่กองอำนวยการจิตอาสา สำนักพระราชวัง เพื่อทำหน้าที่ประสานงานในเรื่องต่าง ๆ กับสำนักพระราชวัง แล้วแจ้งประสานไปยังส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือ สนับสนุนหรือดำเนินกิจการในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่ได้รับแจ้งประสานตามข้อ ๑ โดยเร็ว อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14778 | รายงานผลการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 5/2559 เรื่อง มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ) | นร12 | 31/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๑.๑ รับทราบรายงานผลการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และผลการคัดเลือกโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์เป็นองค์การมหาชนดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ ผลการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่เข้ารับการประเมิน ๓๗ แห่ง มี ๒๙ แห่ง ที่จัดอยู่ในระดับ “คุณภาพ” อยู่ในระดับ “มาตรฐาน” จำนวน ๕ แห่ง และอยู่ในระดับ “ต้องปรับปรุง” จำนวน ๓ แห่ง ส่วนองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะที่เข้ารับการประเมินมี ๑๕ แห่ง อยู่ในระดับ “คุณภาพ” จำนวน ๘ แห่ง อยู่ในระดับ “มาตรฐาน” จำนวน ๕ แห่ง และอยู่ในระดับ “ต้องปรับปรุง” จำนวน ๒ แห่ง ๑.๑.๒ ผลการคัดเลือกองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน เห็นชอบเกณฑ์การคัดเลือกองค์การมหาชนดีเด่นและคัดเลือกโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์เป็นองค์การมหาชนดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และเห็นควรเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนผันแปรแก่ผู้อำนวยการองค์การมหาชนเป็นแนวทางที่เป็นคำแนะนำในการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงให้เป็นคำแนะนำสำหรับคณะกรรมการขององค์การมหาชนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ๑.๒ เห็นชอบให้เพิ่มเติมเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนผันแปรของผู้อำนวยการองค์การมหาชน เป็นแนวทางที่เป็นคำแนะนำในการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ [ผลการดำเนินการตามมาตรา ๕/๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เรื่อง แนวทางการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน] และให้เป็นคำแนะนำสำหรับคณะกรรมการขององค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะด้วย โดยให้ได้รับเต็มตามจำนวนเมื่อมีผลการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชนอยู่ในระดับ “คุณภาพ” ขึ้นไป และให้เริ่มใช้ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การพิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนผันแปรของผู้อำนวยการองค์การมหาชนไม่ควรเกินกรอบวงเงินรวมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์การมหาชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. โดยคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน กำกับดูแลให้องค์การมหาชนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะนำแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานขององค์การมหาชนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง กรอบประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ) ไปปฏิบัติด้วย เพื่อให้เกิดการศึกษาและวิเคราะห์แนวทางการบริหารองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะที่เหมาะสมต่อไป รวมทั้งกำกับดูแลให้มีการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชนให้ครบถ้วนทุกแห่งอย่างเคร่งครัดโดยพิจารณาถึงความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมินอย่างต่อเนื่องด้วย ๔. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผลการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชนประจำปีเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนและเพื่อให้เป็นกลไกหนึ่งในการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานขององค์การมหาชนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14779 | รายงานประจำปีคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2560 | ยธ | 31/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธาน กพยช. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์กระบวนการยุติธรรมตลอด ๓ ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙) กลุ่มคดีอาญาในภาพรวมมีปริมาณคดีอาญาที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดียาเสพติดที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนกลุ่มคดีแพ่งมีคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นเพิ่มมากขึ้น ๒. ผลงานของ กพยช. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบด้วย การดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ การพิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและการบริหารงานยุติธรรมแก่คณะรัฐมนตรี การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการภายใต้ กพยช. และการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนภารกิจของ กพยช.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14780 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว | 31/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ โดยมีข้อสังเกตว่า มีข้อคลาดเคลื่อนในการบันทึกบัญชีกรณีการรับเงินบริจาค ทำให้เกิดผลกระทบกับหนี้สินไม่หมุนเวียน โดยรายการเจ้าหนี้เงินโอนและรายการอุดหนุนระยะยาวต่ำไป และรายได้จากเงินนอกงบประมาณและรายได้จากการอุดหนุนและบริจาคสูงไป ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|