ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 496 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 9901 - 9920 จากข้อมูลทั้งหมด 124254 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9901 | รายงานการเกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเพลิงไหม้ ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ท่อคู่ขนานเส้นที่ 2 บนบก | พน. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเพลิงไหม้
ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ท่อคู่ขนานเส้นที่ ๒
บนบก ซึ่งเป็นการรายงานข้อเท็จจริงและสถานการณ์ปัจจุบันของเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเพลิงไหม้
ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ท่อคู่ขนานเส้นที่ ๒
บนบก เนื่องจากก๊าซธรรมชาติยังคงเป็นเชื้อเพลิงหลักของประเทศไทยในการผลิตไฟฟ้า
รวมถึงใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม
อีกทั้งเป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9902 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ | ปช. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
รวม ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการจัดทำระบบฐานข้อมูล (๒) ด้านกระบวนการจัดทำขอและการจัดสรรงบประมาณ
(๓) ด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ (๔) ด้านการติดตามและประเมินผล และ (๕) ด้านการแจ้งเบาะแส
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะฯ
ดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
หากมีการโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้
หน่วยรับงบประมาณต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ตามข้อ ๑๑
ของหลักเกณฑ์ว่าด้วยการใช้งบประมาณรายจ่าย
การโอนเงินจัดสรรหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร พ.ศ. ๒๕๖๒
ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9903 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 25/2563 และครั้งที่ 26/2563 | นร.11 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่พิจารณาอนุมัติโครงการ
รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
และวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ของมหาวิทยาลัยมหิดล จังหวัดตรัง จังหวัดปราจีนบุรี
และจังหวัดกระบี่ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติมว่า
ขอแก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๐๖/(คกง.) ๓๗๑ ลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ หน้า ๑๓ ข้อ ๓.๔.๔ ให้ถูกต้อง
จากเดิมความว่า “๒) มอบหมายให้กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ
และดำเนินการ ดังนี้” เป็น “๒)
มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ
และดำเนินการ ดังนี้” ๒.
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด และ (๒)
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงข้อมูลของโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
และเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของแหล่งเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการ
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9904 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดปราจีนบุรี จากเดิม ๑๑ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๓) เป็น ๑๓ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๕) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการเดิม จำนวน ๙,๐๗๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เช่น (๑) ควรให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ที่ยังมีปัญหาเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนะแนวการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นกับพื้นที่
และควรทำการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ทราบความเป็นมาและความสำคัญของโครงการฯ
เพื่อสร้างการรับรู้ การยอมรับและความต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ (๒)
ควรดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนปฏิบัติการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
และ (๓) ควรเร่งรัดการดำเนินงานให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์จากการดำเนินโครงการฯ
ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9905 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | พณ. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านข้าง
อย่างสูงสุด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
เป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกระทรวงพาณิชย์ที่สามารถดำเนินการได้
โดยไม่ต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9906 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการให้สารสนเทศด้านน้ำของแม่น้ำล้านช้างตลอดทั้งปีโดยประเทศจีน แก่ประเทศสมาชิกคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำ ของกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง และร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการแบ่งปันสารสนเทศความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำของแม่โขง - ล้านช้าง | นร.14 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการให้สารสนเทศด้านน้ำของแม่น้ำล้านช้างตลอดทั้งปีโดยประเทศจีนแก่ประเทศสมาชิกคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำ
(Joint Working Group on Water Resources : JWG) ของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
(Mekong-Lancang Cooperation : MLC) รวมทั้งร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการแบ่งปันสารสนเทศความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำของแม่โขง-ล้านช้าง
และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
และร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
และตอบสนองความจำเป็นในการบรรเทาอุทกภัยและภัยพิบัติของประเทศบนแม่น้ำโขง
โดยคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำของฝ่ายจีนตกลงที่จะส่งข้อมูลด้านอุทกวิทยาของแม่น้ำล้านช้างตลอดปีให้กับคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำของประเทศสมาชิกอีก
๕ ประเทศ ดำเนินการโดยยึดหลักความร่วมมือฉันท์มิตร ประโยชน์ร่วมกัน การไว้ใจซึ่งกันและกัน
และความเสมอภาคกัน
โดยฝ่ายจีนตกลงที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดหาข้อมูลด้านอุทกวิทยา รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งเกิดจากการจัดส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่คณะทำงานร่วมฯ
ส่วนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์มการแบ่งปันข้อมูลความร่วมมือทรัพยากรน้ำแม่โขง-ล้านช้าง
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
หรือร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับข้อมูลอุทกวิทยาสำหรับแม่น้ำโขงซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประเมินสถานการณ์และป้องกันภัยพิบัติต่าง
ๆ ที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนบริเวณแม่น้ำโขง
จึงควรพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะผลักดันให้มีการหารือในเรื่องนี้ระหว่างการประชุม MLC
ระดับรัฐมนตรี เพื่อยกระดับความร่วมมือให้มีสถานะเป็นสนธิสัญญา
ซึ่งหากมีการละเมิดพันธกรณีตามสนธิสัญญา ก็จะมีความรับผิดของรัฐ (State
Responsibility) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9907 | แนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ พ.ศ. 2563-2565 | นร.10 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เพื่อเป็นกรอบแนวทางสำคัญให้บุคลากรภาครัฐ ส่วนราชการ
และหน่วยงานภาครัฐนำไปดำเนินการด้านการพัฒนาบุคลากรภาครัฐให้เป็นทิศทางเดียวกัน โดยมีสาระสำคัญครอบคลุม
๓ ประเด็น ได้แก่ (๑)
ระบบนิเวศในการทำงานส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
(๒) พัฒนากรอบทักษะ เพื่อการทำงานในยุคดิจิทัลและศตวรรษที่ ๒๑
และการสร้างนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อการขับเคลื่อนภารกิจตามแผนการปฏิรูปประเทศ
แผนยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนการพัฒนาระบบราชการในอนาคต และ (๓)
ปลูกฝังบุคลากรภาครัฐให้มีกรอบความคิดในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง การมุ่งเน้นประโยชน์ส่วนรวมและทำงานบนหลักคุณธรรม
ประยุกต์หลักสากลอย่างเหมาะสม
และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในบริบทที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ.ร. และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
เช่น (๑) ควรพิจารณาจัดการพัฒนาที่เป็นส่วนกลางร่วมด้วย
เนื่องจากการมอบแนวทางให้แต่ละส่วนงานดำเนินการเองนั้น
อาจดำเนินการได้ไม่ครบถ้วนถูกต้องและไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน (๒) ควรพิจารณาบูรณาการหรือผสานแนวทางการดำเนินงานตามแนวทางพัฒนาบุคลากรภาครัฐฯ
ร่วมกับแนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ (พ.ศ.
๒๕๖๑-๒๕๖๕) (๓) ควรจัดทำคำอธิบายและคำนิยามของตัวชี้วัดส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐ
หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินผล
รวมทั้งเครื่องมือการวัดผลที่สะท้อนการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดได้อย่างชัดเจน และ (๓)
แต่ละหน่วยงานควรเชื่อมโยงการประเมินผลการเรียนรู้และพัฒนาตนเองของบุคลากรกับระบบประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปี
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. สำหรับภาระงบประมาณที่เกิดจากการดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐฯ
ให้หน่วยงานภาครัฐจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประกอบการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9908 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 13/2563 | นร.04 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) สถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
ความคืบหน้าการพัฒนาและผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 (๓)
การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามแนวชายแดน (๔) ความคืบหน้าการดำเนินมาตการผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมาย
และ (๕)
การพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(คราวที่ ๗) (๖) การขอเพิ่มจำนวนที่นั่งสำหรับผู้ชมกีฬา (๗) การใช้ Smart
Band สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
และ (๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9909 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ครั้งที่ 1/2563 | นร15 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (คณะกรรมการ ป.ย.ป.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓
ซึ่งที่ประชุมได้มีมติพิจารณาแนวทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ
ได้แก่ (๑) เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) (๒)
เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกคณะกรรมการ ๕ คณะ และ (๓)
เห็นชอบในหลักการในการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ย.ป.
และประสานสำนักงาน ป.ย.ป. ต่อไป ตามที่สำนักงาน ป.ย.ป. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน
ป.ย.ป.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เช่น
การเชื่อมโยงบูรณาการข้อมูลเรื่องร้องทุกข์จำเป็นต้องมีหน่วยงานหลักเป็นเจ้าภาพกำหนดแพลตฟอร์มกลางที่หน่วยงานจำเป็นต้องใช้ร่วมกันได้
รวมทั้งควรกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์
และควรให้แต่ละหน่วยงานสนับสนุนกลุ่มกำลังคนคุณภาพรุ่นใหม่ เช่น นักเรียนทุนรัฐบาล
ข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง (HIPPs) และนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่
(นปร.) เข้าร่วมกลุ่มขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการปฏิรูปประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงาน
ป.ย.ป. พิจารณาปรับปรุงแบบการรายงานข้อมูลผลการปฏิบัติงานและผลสัมฤทธิ์ของทุกส่วนราชการ
โดยจำแนกตามแต่ละด้านของยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) และให้มีรายละเอียดที่ครบถ้วน
ชัดเจน และเป็นรูปธรรม เช่น เป้าหมาย แนวทาง/วิธีการ สถานที่ งบประมาณ ระยะเวลา
และกลุ่มผู้ได้รับประโยชน์ แล้วแจ้งให้ทุกส่วนราชการรายงานผลการปฏิบัติงานตามรูปแบบดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
และให้สำนักงาน ป.ย.ป. รวบรวมผลการปฏิบัติงานในภาพรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีทราบทุก ๆ
๓ เดือน รวมทั้งให้สำนักงาน ป.ย.ป.
เผยแพร่ข้อมูลผลการปฏิบัติงานดังกล่าวและสร้างการรับรู้แก่สาธารณชนให้ถูกต้องและทั่วถึงด้วย ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาปรับปรุงแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับการรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์จากประชาชนของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าใช้งานได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องสามารถประสานและเชื่อมโยงเพื่อนำข้อมูลการร้องเรียน/ร้องทุกข์ดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม
๒๕๖๓ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9910 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ๒.
เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๗) และร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด
ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๓.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9911 | ประกาศ เรื่อง ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ กรุงเทพมหานคร ประกาศ ข้อกำหนด และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง | นร.05 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศ
เรื่อง ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร
ประกาศ ข้อกำหนด และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เวลา ๑๒.๐๐ น. เป็นต้นไป
และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๔๘ ง
วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ แล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9912 | รัฐบาลสาธารณรัฐฝรั่งเศสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย (นายตีแยรี มาตู) | กต. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายตีแยรี มาตู (Mr.Thierry Mathou)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายฌาก ลาปูฌ (Mr.
Jacques Lapouge) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9913 | ผลการเจรจากับสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร กรณีการจัดทำตารางข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลกของสหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร อันเป็นผลเนื่องมาจากการออกจากสมาชิกภาพสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) | พณ. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหภาพยุโรป
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยน (Exchange of Letter) ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหราชอาณาจักร
รวม ๒ ฉบับ โดยร่างความตกลงฯ
เป็นการจัดสรรปริมาณโควตาของสินค้าโควตาภาษีที่สหภาพยุโรปจัดสรรให้แก่ไทย
ภายหลังระยะเวลาเปลี่ยนผ่านการออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร
ซึ่งแต่เดิมการจัดสรรปริมาณโควตาของสหภาพยุโรปได้รวมสัดส่วนของสหราชอาณาจักรอยู่ด้วย
ตารางการจัดสรรสัดส่วนใหม่นี้จะไม่รวมถึงปริมาณโควตาของสหราชอาณาจักร
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
เป็นการจัดสรรปริมาณโควตาของสินค้าโควตาภาษีที่สหราชอาณาจักรจัดสรรให้แก่ไทยภายหลังระยะเวลาเปลี่ยนผ่านการออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร
โดยมีปริมาณโควตาเท่ากับสัดส่วนที่เหลือจากการจัดสรรของสหภาพยุโรป
และไทยตกลงจะถอนการคัดค้านตารางข้อผูกพันของสหราชอาณาจักรทั้งหมดอย่างเป็นทางการด้วยวิธีแจ้งเป็นจดหมายถึงสำนักเลขาธิการองค์การการค้าโลก
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒.
อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือผู้แทนลงนามย่อกำกับในร่างความตกลงฯ
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงฯ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒
ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓.
อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ
และหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ภายหลังจากที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือผู้แทนลงนามในร่างความตกลงฯ
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแจ้งสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรว่าไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนภายในสำหรับการมีผลใช้บังคับร่างความตกลงระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหภาพยุโรป
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยน (Exchange of Letter) ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหราชอาณาจักร
รวม ๒ ฉบับ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9914 | ขออนุมัติเพิ่มจำนวนกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑. ให้คณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๕ คน (นับรวมประธานกรรมการ กรรมการ
และผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
จำนวน ๑๑ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมติ (๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ดังนี้ ๒.๑ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ ๒.๒
นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร กรรมการ ๒.๓
นายดนุชา พิชยนันท์ กรรมการ ๒.๔
นายศักดิ์ เสกขุนทด กรรมการ ๒.๕
เรืออากาศโท กมลนัย ชัยเฉนียน กรรมการ ๒.๖
นายนิกร สุศิริวัฒนนนท์ กรรมการ ๒.๗
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ กรรมการ ๒.๘
นายเชวง ไทยยิ่ง กรรมการ ๒.๙
พลตำรวจตรี วิวัฒน์ ชัยสังฆะ กรรมการ ๒.๑๐
นายพนิต ธีรภาพวงศ์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9915 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๕ คน (นับรวมประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
และผู้จัดการซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘
ที่แก้ไขเพิ่มเติม และแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
จำนวน ๓ คน แทนรองประธานกรรมการและกรรมการเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ทั้งนี้
ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายทองเปลว กองจันทร์
รองประธานกรรมการ ๒. นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง กรรมการ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๓. นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ กรรมการ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9916 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเสข วรรณเมธี ) | กต. | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง สับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายเสข วรรณเมธี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักเบลเยียม ๒. นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทย
ประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ๓. นายชาตรี อรรจนานันท์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ๔. นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการกงสุล ๕. นางสาวภัทรัตน์
หงษ์ทอง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ๖. นางอุรีรัชต์ เจริญโต ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9917 | ร่างกฎกระทรวงการแก้ไขอาคารที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญ หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | มท. | 20/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการแก้ไขอาคารที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ
ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญ
หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแก้ไขระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับอัคคีภัยของอาคารเก่าที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ชีวิต ร่างกาย
หรือทรัพย์สินหรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัยหรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อการใช้สอยอาคารมากยิ่งขึ้นและมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9918 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 [แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522] | มท. | 20/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๔๓)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามและกำหนดระยะห่างจากเขตที่ดินของสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นเป็นอาคาร
รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามและกำหนดระยะห่างจากเขตที่ดินของสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นเป็นอาคาร
รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์บางประการเพื่อให้ห้องแถว ตึกแถว
หรือบ้านแถวซึ่งมีสภาพทรุดโทรมสามารถดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคารเพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ทดแทนอาคารเดิมได้
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9919 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 20/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอ้นุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา รวมทั้งสีประจำสาขาวิชาดังกล่าวเพิ่มขึ้น
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9920 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยลำพอก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กษ. | 20/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยเสนง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยเสนง
จากศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลเฉนียง
และตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๒๔.๓๐๐
ในท้องที่ตำบลคอโค และตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยลำพอก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยลำพอก
จากศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำห้วยลำพอก กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลยาง
และตำบลกุดหวาย อำเภอศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๒๖.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลเกาะแก้ว และตำบลสำโรงทาบ อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|