ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 498 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 9941 - 9960 จากข้อมูลทั้งหมด 124252 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9941 | ขออนุมัติท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย ครั้งที่ 4 และการปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย | พณ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย
ครั้งที่ ๔ และหากในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ ดังกล่าว มีผลให้มีการตกลงในเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น
ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่าย
โดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นใหม่ ให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมสามารถดำเนินการได้และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
รวมทั้งเห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย
(Memorandum of Understanding on Extension of Trade and Economic
Cooperation Between the Ministry of Economic Development of the Russian
Federation and the Ministry of Commerce of the Kingdom of Thailand) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีของไทยในด้านต่าง ๆ อาทิ
การส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน การขยายความร่วมมือในระดับพหุภาคีและภูมิภาค
และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ส่วนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจ
การส่งเสริมกิจกรรมระหว่างภาคธุรกิจ
การพิจารณาแนวทางเพิ่มมูลค่าการค้าและลดอุปสรรคทางการค้า
ตลอดจนการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสองประเทศ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรเน้นย้ำการหารือในสี่ประเด็นหลัก
คือ (๑) การเร่งรัดการอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน
โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญของไทยที่มีศักยภาพในตลาดรัสเซีย อาทิ
สินค้าประมงและปศุสัตว์ (๒)
การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้แก่กลุ่ม SMEs
ของทั้งสองฝ่าย เพื่อเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจ
รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกโดยเฉพาะด้านกฎระเบียบ (๓)
การส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวระหว่างกันที่สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ (New
Normal) และ (๔) การเพิ่มโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือด้านอื่น ๆ
ที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ อาทิ การพัฒนาพลังงานทดแทน
และการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งอาจขยายไปสู่การพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคอุบัติใหม่ร่วมกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9942 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 (ครั้งที่ 150) | พน. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและเห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ (ครั้งที่
๑๕๐) เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓
ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติในเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้รับรองมติการประชุมเรียบร้อยแล้ว
จำนวน ๑๐ เรื่อง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พิจารณา จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑)
ร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (Alternative
Energy Development Plan 2018 : AEDP2018) (๒)
ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ ฉบับปรับปรุงครั้งที่ ๑ (Power
Development Plan : PDP2018 Rev.1) (๓) ร่างแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.
๒๕๖๑-๒๕๘๐ (Energy Efficiency Plan : EEP2018) (๔) ร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐
(Gas Plan 2018) (๕)
แผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗ ซี่งเป็นแผนระดับ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ๑.๒ รับทราบ
จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) แนวทางการส่งเสริมพื้นที่ติดตั้งสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า
(EV Charging Station Mapping) (๒)
การศึกษาอัตราค่าไฟฟ้าและการจัดการระบบจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า
(๓) โครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (ERC
Sandbox) (๔)
การกำหนดอัตราส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และ (๕)
ขอปรับปรุงหลักการและรายละเอียดโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ๒. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
ควรให้กระทรวงพลังงานจัดทำแผนแบบบูรณาการให้เป็นแผนพัฒนาด้านพลังงานของประเทศไทย
๑ แผน รวมทั้งกำหนดเป้าหมายในช่วงระยะ
๕ ปี ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
และนำผลการพิจารณาทบทวนแผนดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติภายใน
๖ เดือน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถบูรณาการแผนด้านพลังงานต่าง
ๆ ให้เป็นเอกภาพและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นแผนเดียว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9943 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 จำนวน 4 ฉบับ | พณ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก
พ.ศ. ๒๕๐๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๒๒ จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน
และเงื่อนไขในการปฏิบัติของผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอรับอนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
และเงื่อนไขในการปฏิบัติของผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า พ.ศ. .... (๓)
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอรับอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
และเงื่อนไขในการปฏิบัติของผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า พ.ศ. .... และ (๔)
ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอรับอนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอรับอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
เพื่อยกระดับการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ตลอดจนยกเว้นค่าธรรมเนียมคำร้องขอและค่าแบบพิมพ์คำร้องขอเพื่อรองรับระบบอิเล็กทรอนิกส์
รวมทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เช่น ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซี่งสินค้ามาตรฐานและเงื่อนไขในการปฏิบัติของผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน
พ.ศ. .... ข้อ ๓ วรรคท้าย กรณียกเว้นคุณสมบัติของผู้ยื่นจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน
ในข้อ ๓ (๑) (๒) และ (๓) หากยกเว้นให้ผู้ประกอบการ SME เช่นเดียวกับวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคมจะเป็นประโยชน์อย่างมาก
ซึ่งจะมีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และมีขนาดแตกต่างกันตามจำนวนรายได้และจำนวนการจ้างงานตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.
๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อคิดเห็น
ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมบางประการของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9944 | (ร่าง) แผนขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ พ.ศ. 2562 - 2565 | ศธ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ
พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ ประกอบด้วย ๕ กลยุทธ์ ได้แก่ (๑)
เร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญและประโยชน์ของการนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ
(๒) จัดทำต้นแบบการผลิตและพัฒนากำลังคนตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (๓) เสริมสร้างความร่วมมือและความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ
(๔)
เชื่อมโยงคุณวุฒิในสาขาอาชีพที่จำเป็นสำหรับการพัฒนากำลังคนของประเทศไทยกับประเทศอาเซียนและระดับสากล
และ (๕) จัดทำ ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน
ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงาน ก.พ.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ เช่น
ควรเพิ่มสาขาอาชีพต้นแบบที่มีความจำเป็นและจัดทำต้นแบบการผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีความชัดเจน
ควรติดตามประเมินผลการดำเนินการเพื่อให้สามารถปรับแนวทางการผลิตและพัฒนากำลังคนได้อย่างเหมาะสมกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป
ควรสร้างความรู้ความเข้าใจกับหน่วยงานต่าง ๆ
เพื่อให้เกิดการบูรณาการในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งกำหนดเป้าประสงค์และตัวชี้วัดที่สะท้อนให้เห็นผลสัมฤทธิ์ในภาพรวมทั้งระบบ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งนำแผนขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ
พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ ไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เพื่อให้สามารถยกระดับคุณภาพการศึกษาและพัฒนากำลังคนคุณภาพของประเทศได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9945 | รัฐบาลราชอาณาจักรโมร็อกโกเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโกประจำประเทศไทย (นายอับดุรเราะฮีม เราะห์ฮาลี) | กต. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายอับดุรเราะฮีม
เราะห์ฮาลี (Mr. Abderrahim Rahhaly)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโกประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอับเดลอิละส์ เอล ฮูสนี (Mr. Adbelilah
El Housni) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9946 | ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งคำสั่ง ข้อกำหนด และประกาศที่เกี่ยวข้อง | นร 05 | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ เรื่อง
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งคำสั่ง
ข้อกำหนด และประกาศที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๑.
เห็นชอบประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ลงวันที่
๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. รับทราบคำสั่ง
ข้อกำหนด และประกาศ รวม ๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๒.๑ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๖/๒๕๖๓ เรื่อง
แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงานหัวหน้าผู้รับผิดชอบ
และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ลงวันที่ ๑๕
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.๒ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.๓ ประกาศตามมาตรา ๑๑
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๓ ๓.
เห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีกำหนดให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามข้อ ๑
มีระยะเวลาการใช้บังคับเป็นเวลา ๓๐ วัน
และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9947 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร.07 | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒-๓๐
กันยายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) การโอนงบประมาณรายจ่ายงบกลางระหว่างรายการ
การโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการระหว่างหน่วยรับงบประมาณ และ (๓)
การโอนงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
และให้รายงานต่อรัฐสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9948 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายนิยม สองแก้ว และนายไพโรจน์ โชติกเสถียร) | รง. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายนิยม สองแก้ว ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9949 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์) | ยธ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. พันตำรวจโท ประวุธ
วงศ์สีนิล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางจิรภา สินธุนาวา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9950 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธนวัชร นิติกาญจนา) | ยธ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายธนวัชร นิติกาญจนา
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9951 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายประมณฑ์ สถาพรนานนท์) | คค. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายประมณฑ์ สถาพรนานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านสำรวจและออกแบบ) (วิศวกรโยธาเชี่ยวชาญ)
กรมทางหลวงให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา
(ด้านสำรวจและออกแบบ) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
ตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9952 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางอัญชลี ศรีอำไพ) | กค. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางอัญชลี ศรีอำไพ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกองบัญชีภาครัฐ
กรมบัญชีกลาง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบบัญชี (นักบัญชีทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9953 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางสาวอังคณา ใจกิจสุวรรณ) | พม. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวอังคณา
ใจกิจสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวสราญภัทร
อนุมัติราชกิจ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ๓. นางสาวแรมรุ้ง
วรวัธ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางจินตนา จันทร์บำรุง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9954 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า | พณ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า
จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมจะดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปีในวันที่
๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยให้ มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑. พลตำรวจตรี
รัฐวิทย์ แสนทวีสุข ผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ๒. นายจักกพงศ์ ณ
บางช้าง ผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ๓. นายเทียนชัย
ปิ่นวิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ๔. นายศุทรา
ปริยวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ๕. นายสมศักดิ์ พณิชยกุล ผู้ทรงคุณวุฒิ
(ภาคเอกชน) ๖. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคราชการ) ๗.นางสาวอรวรรณ พนัสพัฒนา ผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคราชการ) ๘. นายพิเศษ จียาศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ๙. นายชัยปิติ ม่วงกูล ผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ๑๐. นายวัชระ เปียแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิ
(ภาคเอกชน) ๑๑. นายชัยณรงค์
โชไชย ผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ๑๒. นายพินัย ณ นคร ผู้ทรงคุณวุฒิ
(ภาคราชการ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9955 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายมนัสวี ศรีโสดาพล และ นายชัยณรงค์ กีรติยุตวงศ์) | กต. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายมนัสวี ศรีโสดาพล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน
สหรัฐอเมริกา ๒. นายชัยณรงค์ กีรติยุตวงศ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9956 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกันยายน 2563 | นร.11 | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนกันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น
การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ และการพิจารณาแผนระดับที่สามตามนัยของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ รวมทั้งได้เสนอแนะประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
คือ รายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทยเพิ่มขึ้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9957 | ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งคำสั่ง ข้อกำหนด และประกาศที่เกี่ยวข้อง | นร.08 | 16/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร
ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. รับทราบคำสั่ง
ข้อกำหนด และประกาศ รวม ๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒.๑ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๖/๒๕๖๓ เรื่อง
แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.๒ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.๓ ประกาศตามมาตรา ๑๑
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๓ ๓. เห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีกำหนดให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามข้อ
๑ มีระยะเวลาการใช้บังคับเป็นเวลา ๓๐ วัน
และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแหงชาติดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9958 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการจากผู้แทนสถาบันหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการผังเมืองในคณะกรรมการผังเมือง | มท. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการจากผู้แทนสถาบันหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการผังเมือง
จำนวน ๑๓ คน ตามมาตรา ๘๐ (๓) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.
ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๙ คน ๑.๑
นายปรีชา รณรงค์ ๑.๒
นายสมชัย ศรีวิบูลย์ ๑.๓
นายโอฬาร ศักยโรจน์กุล ๑.๔
นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ ๑.๕
นายพิชัย อุทัยเชฏฐ์ ๑.๖
นายชยพล ธิติศักดิ์ ๑.๗
นายสุรเจตส์ บุญญาอรุณเนตร ๑.๘
นายสด แดงเอียด ๑.๙
นายสรวิศ ธานีโต ๒.
ผู้แทนสถาบันหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการผังเมือง จำนวน ๔ คน ๑.๑ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ๑.๒
นายวัฒนา เชาวสกู ๑.๓
นางพรศิริ มโนหาญ ๑.๔
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9959 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเพทาย หมุดธรรม และนายภูมี ศรีสุวรรณ) | พน. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายเพทาย หมุดธรรม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายภูมี ศรีสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9960 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สภาแพทย์แผนไทยเป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของสภาการแพทย์แผนไทยซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รวมพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้กับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกัน
ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|