ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 493 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 9841 - 9860 จากข้อมูลทั้งหมด 124252 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9841 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายชัยณรงค์ องอาจวาณิชย์) | คค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายชัยณรงค์
องอาจวาณิชย์ ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา
(ด้านสำรวจและออกแบบ) (วิศวกร โยธาทรงคุณวุฒิ) กรมทางหลวงชนบท ตั้งแต่วันที่
๒๙ เมษายน ๒๕๖๓ ๒. นายธงชัย พงษ์วิชัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางน้ำ (นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ)
สำนักงาน ปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่
๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ๓. นายสถาพร
อังคณาวรกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางอากาศ (นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่
๖ สิงหาคม ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
9842 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแควน้อยบำรุงแดนเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๖ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแควน้อยบำรุงแดน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำแควน้อย จากศูนย์กลางเขื่อนแควน้อย กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๘๗.๒๖๐
ในท้องที่ตำบลจอมทอง และตำบลปากโทก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน (๒)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานเขื่อนทดน้ำพญาแมน จากศูนย์กลางเขื่อนทดน้ำพญาแมน
กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
ไปทางเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์
จังหวัดพิษณุโลก ไปทางท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๔๗๗ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และ
(๓) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายมะขามสูง จากศูนย์กลางฝายมะขามสูง กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ไปทางเหนือน้ำ
ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๐๘๐ ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
ไปทางท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๑๒๐ ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก
จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก
ในท้องที่ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา
ในท้องที่ตำบลปราสาท และตำบลบึงเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก
ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง
ในท้องที่ตำบลดอนอะราง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ และตำบลสุขไพบูลย์
อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายของอ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
ถึงกิโลเมตรที่ ๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||
9843 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สม. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานอัยการสูงสุด
สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รวมพิจารณาร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ให้เป็นฉบับเดียว แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง |
|||||||||||||||||||||||||||
9844 | การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ภาษาต่างประเทศและการประชาสัมพันธ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ | สลค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เป็นภาษาต่างประเทศ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับไปประสานงานกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกรมประชาสัมพันธ์
ในการจัดทำสื่อเผยแพร่ผลงานและข่าวสารที่สำคัญของรัฐบาลเป็นภาษาต่างประเทศ
เพื่อใช้เป็นแหล่งข่าวที่ถูกต้อง ทันเหตุการณ์ น่าเชื่อถือ
และเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานและองค์กรระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยที่จะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไป
ทั้งนี้ ในการจัดทำสื่อดังกล่าวอาจพิจารณาขอความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ
ที่มีศักยภาพเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย
โดยให้เร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วภายใน ๖ เดือน ๒.
การประชาสัมพันธ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมในการจัดกิจกรรมให้คณะทูตานุทูตและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศประจำประเทศไทยได้ไปเยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในจังหวัดต่าง
ๆ
เพื่อเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างถูกต้อง
ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยด้วย ทั้งนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับดูแลและติดตามการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง
ๆ ให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้อย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
9845 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายสถาพร อังคณาวรกุล) | คค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายชัยณรงค์
องอาจวาณิชย์ ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา
(ด้านสำรวจและออกแบบ) (วิศวกร โยธาทรงคุณวุฒิ ) กรมทางหลวงชนบท ตั้งแต่วันที่
๒๙ เมษายน ๒๕๖๓ ๒. นายธงชัย พงษ์วิชัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางน้ำ (นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ)
สำนักงาน ปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่
๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓
๓. นายสถาพร
อังคณาวรกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางอากาศ (นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่
๖ สิงหาคม ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
9846 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล | สธ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายเชวง ไทยยิ่ง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
9847 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ) | กษ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๖ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแควน้อยบำรุงแดน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำแควน้อย จากศูนย์กลางเขื่อนแควน้อย กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๘๗.๒๖๐
ในท้องที่ตำบลจอมทอง และตำบลปากโทก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน (๒)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานเขื่อนทดน้ำพญาแมน จากศูนย์กลางเขื่อนทดน้ำพญาแมน
กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
ไปทางเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์
จังหวัดพิษณุโลก ไปทางท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๔๗๗ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และ
(๓) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายมะขามสูง จากศูนย์กลางฝายมะขามสูง กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ไปทางเหนือน้ำ
ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๐๘๐ ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
ไปทางท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๑๒๐ ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก
จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก
ในท้องที่ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา
ในท้องที่ตำบลปราสาท และตำบลบึงเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก
ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง
ในท้องที่ตำบลดอนอะราง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ และตำบลสุขไพบูลย์
อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายของอ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
ถึงกิโลเมตรที่ ๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||
9848 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๖ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแควน้อยบำรุงแดน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำแควน้อย จากศูนย์กลางเขื่อนแควน้อย กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๘๗.๒๖๐
ในท้องที่ตำบลจอมทอง และตำบลปากโทก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน (๒)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานเขื่อนทดน้ำพญาแมน จากศูนย์กลางเขื่อนทดน้ำพญาแมน
กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
ไปทางเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์
จังหวัดพิษณุโลก ไปทางท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๔๗๗ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และ
(๓) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายมะขามสูง จากศูนย์กลางฝายมะขามสูง กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ไปทางเหนือน้ำ
ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๐๘๐ ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
ไปทางท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๑๒๐ ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก
จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก
ในท้องที่ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา
ในท้องที่ตำบลปราสาท และตำบลบึงเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก
ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง
ในท้องที่ตำบลดอนอะราง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ และตำบลสุขไพบูลย์
อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายของอ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
ถึงกิโลเมตรที่ ๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||
9849 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๖ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแควน้อยบำรุงแดน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำแควน้อย จากศูนย์กลางเขื่อนแควน้อย กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๘๗.๒๖๐
ในท้องที่ตำบลจอมทอง และตำบลปากโทก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน (๒)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานเขื่อนทดน้ำพญาแมน จากศูนย์กลางเขื่อนทดน้ำพญาแมน
กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
ไปทางเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์
จังหวัดพิษณุโลก ไปทางท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๔๗๗ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และ
(๓) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายมะขามสูง จากศูนย์กลางฝายมะขามสูง กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ไปทางเหนือน้ำ
ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๐๘๐ ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
ไปทางท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๑๒๐ ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก
จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก
ในท้องที่ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา
ในท้องที่ตำบลปราสาท และตำบลบึงเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก
ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง
ในท้องที่ตำบลดอนอะราง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ และตำบลสุขไพบูลย์
อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายของอ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
ถึงกิโลเมตรที่ ๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||
9850 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า
เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบอาชีพขับรถรับจ้างซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) โดยยังคงหลักการการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากรถรับจ้าง
จึงเห็นควรทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้ขยายอายุรถรับจ้างที่อยู่ในระบบปัจจุบัน จาก ๙ ปี
เป็น ๑๒ ปี ตามหลักการของร่างกฎกระทรวงฯ ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยมีข้อคิดเห็นว่ารถรับจ้างที่มีอายุมากกว่า
๙ ปี จะต้องถูกตรวจสภาพปีละ ๔ ครั้ง ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามหลักการเดิมที่กระทรวงคมนาคมเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ กันยายน ๒๕๖๓ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
9851 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายปริญญา แสงสุวรรณ) | คค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปริญญา แสงสุวรรณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านควบคุมการก่อสร้าง)
(วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมทางหลวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
9852 | ขอความร่วมมือในการตอบกระทู้ถาม | สผ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้คณะรัฐมนตรีถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ (เรื่อง
ขอความร่วมมือในการตอบกระทู้ถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร) โดยเคร่งครัด
และแจ้งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
9853 | ขออนุมัติกรอบการเจรจาและข้อเสนอของไทยเพื่อจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ในประเทศไทย | สธ. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการเจรจาต่อรองเพื่อจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่
(ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Disease) ในประเทศไทย และกำหนดกรอบการเจรจาต่อรองในการดำเนินงานและกรอบวงเงินงบประมาณสนับสนุนของศูนย์ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การกำหนดกรอบการดำเนินงานและกรอบวงเงินงบประมาณสนับสนุนในกระบวนการเจรจาต่อรอง
ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับและภาระผูกพันด้านงบประมาณที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรก ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ
ไป เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐและประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า
และภาระทางการคลังและงบประมาณเท่าที่จำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||
9854 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563) | นร. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๔
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๕
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
9855 | ร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีด้านเยาวชนของอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือของเยาวชนสำหรับประชาคมอาเซียนที่สอดคล้องและตอบสนอง (Draft Joint Statement of ASEAN Youth Ministers on Enhancing Youth Cooperation for a Cohesive and Responsive ASEAN Community) | พม. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีด้านเยาวชนของอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือของเยาวชนสำหรับประชาคมอาเซียนที่สอดคล้องและตอบสนอง
(Draft Joint Statement of ASEAN Youth Ministers on Enhancing Youth
Cooperation for a Cohesive and Responsive ASEAN Community) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในการประชุมผู้นำเยาวชนอาเซียน (The ASEAN Youth Leaders’ Conference
in line with the 37th ASEAN Summit) ในวันที่ ๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video conference) โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาเยาวชนอาเซียน
และส่งเสริมเยาวชนอาเซียนให้พร้อมรับอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป
รวมถึงเน้นย้ำถ้อยแถลงของเยาวชนอาเซียน ปี ๒๐๒๐
และมุ่งเน้นการพัฒนาและเตรียมความพร้อมสำหรับเยาวชนผ่านการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
9856 | ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการทหารผ่านศึกระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับประเทศสมาชิกสหประชาชาติ 22 ประเทศที่ส่งกองกำลังสนับสนุนการปฏิบัติการของกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี | กห. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการทหารผ่านศึกระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับประเทศสมาชิกสหประชาชาติ
๒๒
ประเทศที่ส่งกองกำลังสนับสนุนการปฏิบัติการของกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี (Joint
Communique on Cooperation for Veterans Affairs between the 22 UN Sending States
and the Republic of Korea) และให้เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐเกาหลีเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการลงนามระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการผู้รักชาติและทหารผ่านศึก
สาธารณรัฐเกาหลี กับผู้แทนจากประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ๒๒ ประเทศ
ในการประชุมสุดยอดระดับรัฐมนตรีว่าด้วยกิจการทหารผ่านศึก ๒๐๒๐ (Ministerial
Summit on Veterans Affairs 2020) ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๖๓ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ในโอกาสครบรอบ ๗๐ ปี การเริ่มต้นของสงครามเกาหลี
โดยมีสาระสำคัญเป็นการยืนยันถึงความร่วมมือที่ก้าวหน้าระหว่างกันในช่วงของสงครามเกาหลี
และให้คำมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีและประชาคมระหว่างประเทศ
รวมทั้งเห็นพ้องที่จะพัฒนาและสร้างความร่วมมือด้านกิจการทหารผ่านศึกระหว่างกันในรูปแบบต่าง
ๆ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
9857 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 24 [Joint Ministerial Statement of the Twenty-Fourth ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council] | พม. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๔ [Joint Ministerial Statement of the Twenty-Fourth
ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council] และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
ร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๔ [24th Meeting of the ASEAN Socio-Cultural
Community Council (ASCC) Council] ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนประเด็นสำคัญภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของเวียดนาม
ได้แก่ (๑) สันติภาพ ความมั่นคงและเสถียรภาพ (๒) ความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค
ความแน่นแฟ้น และการแสวงหาผลประโยชน์จากโอกาส (๓)
การส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียนและความตระหนักรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน (๔)
การยกระดับความเป็นหุ้นส่วนกับประชาคมโลกเพื่อสันติภาพ ความมั่นคง
และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอาเซียน และ (๕) การเพิ่มพูนขีดความสามารถและประสิทธิผลทางสถาบันของอาเซียน
รวมทั้งการรับรองเอกสารผลลัพธ์สำคัญภายใต้ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนเพื่อการพิจารณาในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๓๗ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
9858 | ผลการดำเนินงานโครงการทางพิเศษสายกะทู้ - ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง
จังหวัดภูเก็ต ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะเชื่อมโยงการเดินทางจากอำเภอกะทู้ไปยังหาดป่าตอง
และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนในพื้นที่ นักท่องเที่ยว
และส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยโครงการฯ
จะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๙ รวมทั้งสามารถใช้เป็นเส้นทางอพยพกรณีเกิดภัยพิบัติ
เช่น สึนามิ เป็นต้น สำหรับความคืบหน้าของโครงการฯ
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้จัดส่งรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการฯ
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ประชุมหารือเมื่อวันที่ ๒๒
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๒
โดยขอให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ให้มีความชัดเจน
เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนในการนำเสนอคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการของโครงการฯ
ต่อไป ซึ่งโครงการฯ จะต้องดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่ของกรมป่าไม้ จำนวน ๓ ป่า
ได้แก่ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิด เนื้อที่ ๖๐ ไร่ ๘๙ ตารางวา
พื้นที่ป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เนื้อที่ ๒๑ ไร่ ๑ งาน ๖๓ ตารางวา
และพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ เนื้อที่ ๒๗ ไร่ ๒ งาน ๙๕
ตารางวา ทั้งนี้
คาดว่าจะดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่ทั้งหมดแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
9859 | แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ และจังหวัดภูเก็ต | กก. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
จังหวัดกระบี่ และจังหวัดภูเก็ต
เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยว
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้คงอยู่
และมีความพร้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ประกอบด้วย (๑)
โครงการคลองท่อมเมืองสปา อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ (๒)
โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำผุดบางสวรรค์ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ
(๓) โครงการจัดการแข่งขันกีฬาเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กระบี่
และสุราษฎร์ธานี (Air Sea Land Southern Sports and Tourism Festival) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
9860 | ผลการดำเนินงานโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต
ระยะที่ ๑ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เพื่อเสริมสร้างศักยภาพระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง
สนับสนุนและรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน
(ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง และสตูล) โดยมีผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ได้แก่
(๑) การนำเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (๒) การตราพระราชกฤษฎีกาให้อำนาจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดภูเก็ต
และ (๓)
การจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|