ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 251 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 5001 - 5020 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5001 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | อว. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมนำเสนอรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น
๒๐,๘๙๑,๙๙๑,๙๐๐
บาท โดยให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยรับงบประมาณจัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการ จำนวน ๔ โครงการดังกล่าว
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าสิ่งก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ รวมถึงการดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศและคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการควรคำนึงถึงความเพียงพอของภาพรวมการผลิตแพทย์ในระดับประเทศและการกระจายแพทย์ที่ยังคงเป็นปัญหาในระบบสาธารณสุข
โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับแผนปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข
จัดทำแผนอัตรากำลังให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานอัตรากำลังคนด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ด้วย ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5002 | ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565 และเอกสารประกอบ | สช. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๕
และเอกสารประกอบ ซึ่งได้ปรับปรุงตามข้อแนะนำของสภาผู้แทนราษฎร
ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ
และให้รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อทราบอีกครั้งหนึ่ง
แล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5003 | รายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ปช. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5004 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๗,๕๗๘,๓๓๒,๖๐๐ บาท จำแนกเป็น งบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๗,๓๕๒,๒๓๖,๘๐๐ บาท
และงบประมาณของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา จำนวน ๒๒๖,๐๙๕,๘๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5005 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป (สภากาชาดไทย) | กช. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สภากาชาดไทยนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการศูนย์วัฒนธรรมและการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อ
สภากาชาดไทย เพื่อความมั่นคงทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ วงเงิน ๒,๒๕๓,๕๕๐,๐๐๐ บาท และโครงการเสริมสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อ
สถานเสาวภา สภากาชาดไทย เพื่อความมั่นคงทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ
จำนวน ๒,๒๑๖,๙๐๐,๐๐๐
บาท และค่าใช้จ่ายบริหารโครงการ จำนวน ๘๖,๖๔๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๔,๕๕๗,๐๙๐,๐๐๐ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา ๒๖
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สภากาชาดไทยรับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมีการจัดทำแผนการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์ของสถานที่และเครื่องมือเครื่องจักรที่ดำเนินการผลิตในปัจจุบัน
ณ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ถนนพระราม ๔
ภายหลังจากมีการย้ายการผลิตไปยังศูนย์นวัตกรรมและการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อแล้ว
และการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง ควรเพิ่มเติมประเด็นความเสี่ยงในกรณีที่การก่อสร้างมีความล่าช้าไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการได้
และแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงจากระบวนการผลิตวัคซีน
ยาชีววัตถุและปราศจากเชื้อที่อาจมีปัญหารั่วไหลของสารเคมีเกิดขึ้น
โดยจัดทำแผนการป้องกันและรับมือกับการปนเปื้อนและรั่วไหลของสารเคมีและกำหนดผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5006 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พื้นที่โซน C | กค. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐
พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ พื้นที่โซน C ของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง
กำกับดูแลให้ ธพส. เร่งรัดการก่อสร้างโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งร่วมกับกรมธนารักษ์ในการประสานส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่โครงการฯ
เพื่อส่งเสริมการจัดระบบศูนย์ราชการและรับรองความต้องการใช้ประโยชน์พื้นที่เป็นสำนักงานของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างคุ้มค่า
ทั้งทางการเงินและเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.อนุมัติให้กระทรวงการคลังนำรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ พื้นที่โซน C เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารให้กับ ธพส. เป็นเวลา ๓๐ ปี
และปรับปรุงอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗ ของอัตราค่าเช่าเดิมทุก ๓ ปี รวม ๓๐ ปี
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๙๘,๙๓๑,๒๙๓,๙๘๒ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา ๒๖
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5007 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน (ASEAN Labour Ministers' Meeting: ALMM) ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และขอความเห็นชอบต่อการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 27 และร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 12 | รง. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบ
เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน
[ASEAN Labour Ministers’ Meeting (ALMM)] ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ ตุลาคม
๒๕๖๕ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประกอบด้วย (๑)
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียน [Senior Labour Officials’
Meeting (SLOM)] ครั้งที่ ๑๘ (๒)
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียนบวกสาม [Senior Labour Officials’
Meeting+3 (SLOM+3) ครั้งที่ ๒๐ (๓) ALMM ครั้งที่
๒๗ และ (๔) การประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม [ASEAN Plus Three Labour
Ministers’ Meeting (ALMM+3)] ครั้งที่ ๑๒ ๑.๒
เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของ ALMM
ครั้งที่ ๒๗ และร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม [ASEAN Plus Three Labour
Ministers’ Meeting (ALMM+3)] ครั้งที่ ๑๒
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสารดังกล่าว
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
เป็นเอกสารแสดงความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนในการขับเคลื่อนถ้อยแถลงร่วมระดับรัฐมนตรี
เพื่อตอบสนองต่อการฟื้นฟูด้านแรงงานภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการทำงาน การเป็นสถานประกอบการที่ปลอดภัยและมีการคุ้มครองทางสังคมที่ครอบคลุม
และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
เป็นเอกสารแสดงการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนบวกสาม ได้แก่ จีน
ญี่ปุ่น เกาหลี เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาฝีมือแรงงาน
และความสามารถในการปรับตัวของแรงงานในอนาคตของงานภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ และโครงการความร่วมมือต่าง ๆ ของประเทศบวกสาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5008 | รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2564 | พม. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามมติคณะกรรมการผู้สูงอายุ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนในเชิงนโยบายต่อไป
โดยรายงานฯ มีสาระสำคัญ เช่น สถานการณ์ผู้สูงอายุของโลกและสถานการณ์ในประเทศไทย
สถานการณ์ผู้สูงอายุกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ปี ๒๕๖๔
การปรับตัวและการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้สูงอายุในช่วงโควิด-๑๙
การดำเนินงานด้านผู้สูงอายุในไทย งานวิจัยเพื่อสังคมผู้สูงอายุ
และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงคมนาคม ที่เห็นว่า
ในประเด็นข้อเสนอการมุ่งพัฒนาระบบบำนาญให้ครอบคลุมผู้สูงอายุอย่างถ้วนหน้า
รวมทั้งการปรับปรุงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เหมาะสมกับค่าครองชีพหรือภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
ควรคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในอนาคตอันเนื่องมาจากการปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและแนวทางเพื่อลดภาระผูกพันงบประมาณดังกล่าว
ให้ความสำคัญเรื่องการสูงวัยในถิ่นเดิม นอกเหนือจากการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาวะด้านร่างกายและจิตใจ
ควรมุ่งเน้นด้านระบบการบริหารจัดการ การดูแลและช่วยเหลือผู้สูงอายุ
และให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5009 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๕ โครงการ ๗ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๓,๘๓๔,๒๕๓,๔๐๐ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๒,๗๖๖,๘๕๐,๗๐๐ บาท และผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-พ.ศ. ๒๕๗๐ อีกจำนวน ๑๑,๐๖๗,๔๐๒,๗๐๐ บาท ตามนัยมาตรา
๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการและรายการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าสิ่งก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการและกำหนดรูปแบบรายการก่อสร้างให้มีความเหมาะสม
รวมถึงการดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5010 | ขออนุมัติเงินจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กก. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติเงินจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวม ๓,๙๔๖,๔๓๔,๘๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้านการท่องเที่ยว จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่
โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส ๕ วงเงิน ๒,๐๑๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
วงเงิน ๑,๙๓๐,๔๓๔,๘๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๑๓/๓๒๓๓ ลงวันที่ ๑๖ มกราคม
๒๕๖๖) ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการผลักดันการกระจายการท่องเที่ยวสู่เมืองรอง
และขยายฐานตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการเฉพาะ
โดยมุ่งเน้นการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปยังอุตสาหกรรมบริการที่มีมูลค่าสูง
รวมทั้งพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว
และพิจารณากำหนดกลไกการขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายและบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์หรือผลประโยชน์ที่จะได้รับ
และการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เรื่อง การเสนอเรื่องด่วนต่อคณะรัฐมนตรี (ในการเสนอเรื่องนี้)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5011 | การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน | อก. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยชี้แจงว่า เนื่องจากไม่มีที่ราชพัสดุในบริเวณใกล้เคียงที่มีขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับดำเนินโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน
ประกอบกับผลการสำรวจความต้องการของนักลงทุนพบว่านักลงทุนมีความสนใจที่จะลงทุนในโครงการนี้มากยิ่งขึ้นหากสามารถได้รับกรรมสิทธิ์ในที่ดินของโครงการฯ
ด้วย ดังนั้น
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องซื้อที่ดินจากเอกชนเพื่อดำเนินโครงการนี้ ๒. เห็นชอบการลงทุนจัดซื้อที่ดินโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC)
ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลสำนักทอง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เนื้อที่ประมาณ ๑,๔๘๒ ไร่ วงเงิน ๒,๖๖๘ ล้านบาท และการลงทุนจัดซื้อที่ดินโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน
พื้นที่ตำบลมะเขือแจ้ ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เนื้อที่ประมาณ
๖๕๓ ไร่ และที่ดินถนนทางเข้าประมาณ ๒๕ ไร่ วงเงิน ๘๔๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง การะทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงให้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งโครงการ
โดยเน้นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความล่าช้าของโครงการ
ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนเป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนบนพื้นฐานความสมดุลของเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อม ในชั้นการออกแบบรายละเอียดเพื่อการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมในอนาคตควรคำนึงถึงความเชื่อมโยงโครงข่ายระบบการขนส่งทางถนนและเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
รวมทั้งศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย
ควรจัดทำแผนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในภาพรวม
ที่ครอบคลุมไปถึงประเด็นการมีแผนรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5012 | แนวทางการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) | กค. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบแนวทางการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท
อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน)
และเห็นชอบมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานเจ้าของเรื่องในการเสนอโครงการฯ
เป็นโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน เป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมในการลงทุนในโครงการฯ
ในสัดส่วนของรัฐบาลไทย การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับ Basic Agreement ซึ่งรวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐบาล
และแหล่งเงินหากมีความจำเป็นต้องชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5013 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง) | ลต. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำแนกเป็น
งบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน ๕,๕๕๗,๔๔๕,๙๐๐ บาท
และงบประมาณของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง จำนวน ๒๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5014 | มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้น | พน. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบการขอแก้ไขข้อเสนอของกระทรวงพลังงานตามหนังสือกระทรวงพลังงาน
ด่วนที่สุด ที่ พน ๐๖๐๕/๘๒ ลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๖ โดยขอตัดข้อ ๔.๒
ที่เสนอขอให้เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
วงเงิน ๓,๒๐๐ ล้านบาทออก
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์
พันธ์มีเชาว์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอเพิ่มเติม ๒. เห็นชอบในหลักการสำหรับมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้น
และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยกำกับและติดตามให้หน่วยงานในสังกัดที่มีอำนาจและหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๓. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญในเรื่องการเตรียมความพร้อมของโครงการ
วิธีดำเนินงาน เพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์ และเร่งศึกษาการกำหนดมาตรการระยะยาว
เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการ
เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ
ความพร้อม และความสามารถทางการเงินของภาครัฐ รวมถึงปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนถูกขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5015 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงาน ป.ป.ช.) | ปช. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๕,๗๓๕,๔๒๖,๖๐๐ บาท
จำแนกเป็นงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน
๕,๒๐๔,๕๖๕,๖๐๐
บาท และงบประมาณของกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน ๕๓๐,๘๖๑,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5016 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม [รายการค่าใช้จ่ายค้างชำระโครงการเน็ตประชารัฐ และโครงการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big Rock)] | ดศ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามขั้นตอน โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องตามความพร้อม ความจำเป็น
และความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ ให้สอดคล้องกับระยะเวลาตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ความครอบคลุมของแหล่งงบประมาณ ศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณในปีที่ผ่านมา
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ
ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
และตามขั้นตอนการพิจารณาเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และกระทรวงมหาดไทย พิจารณาหารือร่วมกันในประเด็นการทบทวนความเหมาะสมของจุดที่ตั้งโครงการฯ
และโครงการจัดให้มีสัญญาณระบบเคลื่อนที่และจัดให้มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในหมู่บ้าน
(USO Net)
กำหนดคุณภาพและระดับบริการของโครงการและโครงการ (USO Net)
ให้มีมาตรฐานการให้บริการใกล้เคียงกัน และพิจารณาความเหมาะสมของการถ่ายโอนกิจการในการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในหมู่บ้านให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5017 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน) | สผผ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน ๙๙๓,๒๐๙,๔๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5018 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงสาธารณสุข (โครงการศูนย์การแพทย์เพื่อตอบโต้โรคอุบัติใหม่แห่งชาติบำราศนราดูร) | สธ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุข
โดยกรมควบคุมโรคนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป
โครงการศูนย์การแพทย์เพื่อตอบโต้โรคอุบัติใหม่แห่งชาติบำราศนราดูร (National
Center for Emerging and Infectious Diseases : NCEID)
วงเงินทั้งสิ้น ๒,๒๒๙,๘๔๓,๐๐๐ บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๔๔๕,๙๖๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑,๗๘๓,๘๗๔,๔๐๐ บาท
ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๖๙ ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณารายละเอียดของกิจกรรมที่จะดำเนินการในแต่ละปี
พร้อมวงเงินในแต่ละกิจกรรมให้มีความชัดเจน ภายใต้แผนการดำเนินการของโครงการ รวมทั้งควรมีแผนความต้องการครุภัณฑ์เทคโนโลยีทางการแพทย์
ควรพิจารณาปรับปรุงอาคารที่มีอยู่เดิมและใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้เต็มศักยภาพก่อน
พิจารณาการใช้เงินนอกงบประมาณที่รวมรายได้หรือเงินอื่นใดที่หน่วยงานมีอยู่นำมาใช้จ่ายสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
นอกเหนือจากงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดิน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5019 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๓,๘๖๔,๗๙๕,๙๐๐บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5020 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2568 และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | ดศ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของประเทศ
ภายในกรอบวงเงิน ๑,๕๑๔,๖๑๗,๒๐๐ บาท และอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ดำเนินโครงการดังกล่าว ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๘
ในวงเงิน ๑,๕๑๔,๖๑๗,๒๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๕๓,๘๒๐,๓๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๖๘
โดยให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบการดำเนินโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของประเทศไทยให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ควรต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและปรับปรุงข้อมูลและเอกสารให้เป็นข้อมูลดิจิทัลตั้งแต่ต้นทาง
เพื่อให้มีความพร้อมที่จะเข้าสู่ระบบคลาวด์กลางได้อย่างครบถ้วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดเก็บข้อมูล ของหน่วยงานสาธารณสุขระดับปฐมภูมิหรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหลายแห่งยังขาดความพร้อมที่จะร่วมดำเนินการ
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดดำเนินความร่วมมือกับสถานพยาบาลต่าง
ๆ
นอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในการพัฒนาและเชื่อมโยงข้อมูลของสถานพยาบาลดังกล่าวเข้ากับระบบคลาวน์กลางด้านสาธารณสุขให้มีความสมบูรณ์ครบถ้วน
เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยเป็นไปอย่างถูกต้อง และลวดเร็วต่อไป ๔.
ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะหน่วยงานระดับปฐมภูมิ
และทุติยภูมิให้ความสำคัญกับการปฏิรูปกระบวนการและขั้นตอนการปฏิบัติงาน
รวมถึงการลดการใช้เอกสารให้เหลือน้อยที่สุดและปรับเป็นข้อมูลดิจิทัลแทน
เพื่อให้สอดคล้องกับระบบงานคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขต่อไป |