ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 256 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 5101 - 5120 จากข้อมูลทั้งหมด 124263 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5101 | โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3) | กค. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการโครงการบ้านล้านหลัง
ระยะที่ ๓ ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารอาคารสงเคราะห์)
รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรจัดทำแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการ
และติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(Non-Formming Loans : NPLs) รวมทั้งควรมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของกลุ่มลูกค้ารายย่อยไม่ให้ซ้ำซ้อนกับโครงการให้ความช่วยเหลืออื่นในลักษณะเดียวกันด้วย
ควรจัดลำดับความสำคัญให้กับประชาชนในกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน ๒๕,๐๐๐ บาท ต่อเดือน เป็นลำดับแรก
เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินโครงการในระยะที่ ๑-๒ ควรมีช่องทางการเข้าร่วมโครงการที่หลากหลายเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม
ไม่จำกัดเฉพาะช่องทางใดช่องทางหนึ่ง และควรบริหารจัดการความเสี่ยง
จัดทำฐานข้อมูลและติดตามผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่องแบบครบวงจร
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
สำหรับภาระงบประมาณในการชดเชยส่วนต่างระหว่างรายได้ดอกเบี้ยรับตามแผนวิสาหกิจของธนาคารอาคารสงเคราะห์กับรายได้ดอกเบี้ยรับจากโครงการบ้านล้านหลัง
ระยะที่ ๓ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ในการดำเนินโครงการสร้างที่อยู่อาศัยของประชาชนและการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของประชาชน
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
และสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับพื้นที่/ทำเลในการก่อสร้างที่เหมาะสม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ในเขตนอกเมืองของกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ
และพื้นที่ในเส้นทางที่มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งไว้แล้ว
เพื่อกระจายความเจริญและสร้างความเป็นชุมชนใหม่ ๆ
ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5102 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 ครั้งที่ 1 | กค. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ครั้งที่ ๑ ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๙
มกราคม ๒๕๖๖ ดังนี้ (๑) อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ครั้งที่ ๑ ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ ปรับเพิ่ม ๘๑,๒๔๒.๘๙ ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ปรับเพิ่ม ๘๒๕.๓๑
ล้านบาท รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานที่บรรจุกรอบวงเงินกู้ภายใต้แผนฯ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ เร่งรัดการดำเนินการตามแผนฯ ดังกล่าวด้วย
โดยกำหนดเป็นตัวชี้วัดในการประเมินหน่วยงานที่รับผิดชอบ
และให้มีกระบวนการพิจารณาตัวชี้วัดของการดำเนินโครงการที่สำคัญ อนุมัติการบรรจุโครงการพัฒนา
โครงการ และรายการเพิ่มในการปรับปรุงแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ครั้งที่ ๑ จำนวน
๑๙ โครงการ/รายการ และรับทราบการปรับปรุงแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ครั้งที่ ๑
ได้แก่ แผนการบริหารหนี้เดิม ปรับลด ๖,๒๘๒.๕๑ ล้านบาท และ (๒) อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่
การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจ เพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖
ปรับปรุงครั้งที่ ๑ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน
เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน
การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะและกระทรวงการคลังเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรกำกับ
ติดตาม
และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ควรมีแนวทางในการจัดหารายได้เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ที่ชัดเจน
เพื่อเสริมสร้างให้ฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีความเข้มแข็ง
สามารถบรรเทาผลกระทบของราคาพลังงานที่อาจมีความผันผวนมากขึ้นได้
โดยในระยะต่อไปเมื่อเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างเข้มแข็งและแรงกดดันต่อค่าครองชีพของประชาชนเริ่มคลี่คลายลงแล้ว
รัฐบาลควรพิจารณาทยอยลดการอุดหนุนราคาพลังงานเพื่อลดความเสี่ยงต่อฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและเสริมสร้างความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาว
รวมถึงยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคและผู้ผลิตปรับพฤติกรรมการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ
(energy efficiency)
และสอดคล้องกับการปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green economy) ของไทยในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5103 | ขออนุมัติจ่ายเงินค่าขนย้าย (ค่าที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ) เป็นกรณีพิเศษให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี | กษ. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้มีการจ่ายเงินค่าเยียวยาให้แก่เกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายห้วยหลวงหรือทายาทของบุคคลดังกล่าว
[ตามหนังสือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ด่วนที่สุด ที่ กษ ๐๓๐๗ (คกร)/๕๒๔๖ ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๕] สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร
๐๗๐๗/๓๑๗ ลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจ่ายเงินดังกล่าวให้ถูกต้อง
รอบคอบ
โดยคณะรัฐมนตรีไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงิน
เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล)
ที่เห็นชอบให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามแนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
โดยไม่ควรกำหนดให้คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามคำสั่งของฝ่ายบริหารทำงานปกติประจำ
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
(หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๔๐๒.๕/๑๔๗๗๔ ลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕)
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เช่น
จะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าต่อการใช้งบประมาณและภาระทางการคลัง
โดยดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และกรมชลประทานควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์กลางในการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการชลประทานของรัฐในกรณีต่าง
ๆ มีการประชาสัมพันธ์หลักเกณฑ์กลางในการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการชลประทานของรัฐในกรณีต่าง
ๆ เช่น กรณีที่ดินมีเอกสารสิทธิ กรณีที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ
และกรมชลประทานควรตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รอบคอบและครบถ้วน เพื่อให้การจ่ายเงินค่าขนย้ายทำได้ในครั้งเดียว
และไม่เกิดปัญหาเช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ ที่ผ่านมา เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5104 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองลิเอจ ราชอาณาจักรเบลเยียม และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองลิเอจ ราชอาณาจักรเบลเยียม เป็นการถาวร (นายดีดีเอร์ โรแลง ชากแมงส์) | กต. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่ของ นายดีดีเอร์
โรแลง ชากแมงส์ (Mr. Didier Rolin Jacquemyns) กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองลิเอจ
ราชอาณาจักรเบลเยียม ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ เนื่องจากครบเกษียณอายุ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5105 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเซอร์เบีย ณ จังหวัดชลบุรี และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเซอร์เบีย ณ จังหวัดชลบุรี (นายอะเล็กซานดาร์ ราดูโลวิช) | กต. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเซอร์เบีย
ณ จังหวัดชลบุรี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5106 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ประจำกรุงเทพมหานคร และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ ณ กรุงเทพมหานคร คนใหม่ (นายชำนาญ มาร์คเซียน วีรวรรณ) | กต. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายชำนาญ วีรวรรณ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ประจำกรุงเทพมหานคร
ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ เนื่องจากเกษียณอายุ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5107 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองลียง สาธารณรัฐฝรั่งเศส (นายฟาบริส รอเฌ มาร์แซล ลอมบาร์โด-ดูว์โว) | กต. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ เคานต์ เฟรเดริค เดอ กาเนย์ (Count Frederic de Ganay)
กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองลียอง สาธารณรัฐฝรั่งเศส
ซึ่งประสงค์ที่จะยุติการปฏิบัติหน้าที่และขอลาออกจากตำแหน่ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่
๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๒
๒. พิจารณาอนุมัติแต่งตั้ง นายฟาบริส
รอเฌ มาร์แซล ลอมบาร์โด-ดูว์โว (Mr. Fabrice Roger Marcel
Duveau usage Lombardo-Duveau) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองลียง สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม
๘ จังหวัด ในแคว้นโรนาลป์ ได้แก่ จังหวัดแอ็ง จังหวัดอาร์แด็ช จังหวัดโดรม จังหวัดอีแซร์
จังหวัดลัวร์ จังหวัดโรน จังหวัดซาวัว และจังหวัดโอต-ซาวัว สืบแทน เคานต์ เฟรเดริคฯ
และปรับชื่อเรียกกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองลียอง เป็น กงสุลกิตติมศักดิ์ ณ
เมืองเลียง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5108 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายอิทธิพล ช่างกลึงดี และนายทัศพันธ์ พงษ์เภตรา) | นร.01 | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5109 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำจังหวัดภูเก็ต และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ณ จังหวัดภูเก็ต คนใหม่ (นายศศิศศ์ ถาวรว่องวงศ์) | กต. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่กงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำจังหวัดภูเก็ตของ
นางจิรัฐา ถาวรว่องวงศ์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๓
เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง
๒. พิจารณาอนุมัติแต่งตั้ง นายศศิศศ์ ถาวรว่องวงศ์ ให้ดำรงตำแหน่ง
กงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ณ จังหวัดภูเก็ต
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา และระนอง สืบแทน นางจิรัฐา
ถาวรว่องวงศ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5110 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน) | นร.09 | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5111 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร) | ศธ. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
แทนประธานกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5112 | ความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะ | มท. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5113 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรียประจำประเทศไทย (นายซะอัด มะอานดี) | กต. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายซะอัด มะอานดี (Mr. Saad Maandi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นายนัศริดดีน รีมูช (Mr.
Nasreddine Rimouche ) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5114 | รัฐบาลสาธารณรัฐคิวบาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐคิวบาประจำประเทศไทย (นายเปโดร ปาโบล ซาน ฮอร์เฮ โรดริเกซ) | กต. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายเปโดร ปาโบล ซาน ฮอร์เฮ โรดริเกซ (Mr. Pedro
Pablo San Jorge Rodriguez) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐคิวบาประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเอกตอร์ กอนเด อัลเมย์ดา (Mr.
Hector Conde Almeida) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5115 | รัฐบาลสาธารณรัฐซิมบับเวเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐซิมบับเวประจำประเทศไทย (นางคอนสตันซ์ เชมวายี) | กต. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางคอนสตันซ์ เชมวายี (Mrs. Constance Chemwayi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐซิมบับเวประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นายคัทเบิร์ต ชาคาทา (Mr.
Cuthbert Zhakata ) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5116 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พ.ศ. .... | กก. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
เรื่อง
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางอากาศ
ช่องทางบกและช่องทางน้ำ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)
ดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการตรวจลงตราและกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ออกตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง
พ.ศ. ๒๕๒๒
โดยกำหนดให้ใช้หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นเอกสารประกอบการอนุญาตเข้าเมืองและผู้ตรวจสอบหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตเข้าเมือง ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น
ควรมีการพิจารณาประสิทธิภาพการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตามร่างประกาศฯ เป็นระยะ
โดยคำนึงถึงภาระของภาคเอกชน การบริหารจัดการ และความสะดวกของผู้เดินทาง
พร้อมจัดทำรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามและทบทวนปรับแนวทางได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
รวมทั้งให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานด้วย ควรมีการกำหนดแนวทางและแผนการใช้จ่ายประโยชน์จากค่าธรรมเนียมให้มีความชัดเจน
เพื่อให้การใช้เงินค่าธรรมเนียมเกิดประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวสูงสุด
ควรเตรียมความพร้อมและดำเนินการทดสอบระบบการรับชำระเงินค่าธรรมเนียมและการเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5117 | สมาพันธรัฐสวิสขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สมาพันธรัฐสวิส ณ จังหวัดชลบุรี และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สมาพันธรัฐสวิส ณ จังหวัดชลบุรี (นางเอ็สเทอร์ เคาฟ์มันน์) | กต. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑.
เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สมาพันธรัฐสวิส ณ จังหวัดชลบุรี
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5118 | ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. .... | ยธ. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. ๒๕๖๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อขยายกำหนดเวลาในการมีผลใช้บังคับของมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔
และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวออกไป โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความจำเป็นในการตราพระราชกำหนดในเรื่องนี้ที่เข้าลักษณะเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ
ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ ตามมาตรา ๑๗๒
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชกำหนดดังกล่าวต่อไป
๓. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ที่เห็นควรเตรียมความพร้อมในการให้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อสาธารณชนและประชาชนระหว่างประเทศด้วยว่า
พระราชกำหนดฯ
ฉบับนี้มีผลเพื่อขยายกำหนดเวลาในการมีผลใช้บังคับเพียงบางมาตราออกไปก่อนเท่านั้น
(ได้แก่ มาตรา ๒๒ ถึงมาตรา ๒๕) ทั้งนี้ มาตรา ๒๒ ถึงมาตรา ๒๕
จะมีผลใช้บังคับในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
และไม่น่าจะมีการขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปอีก
และควรเร่งเตรียมการให้มีความพร้อมโดยมีแผนรองรับในการบังคับใช้กฎหมายสำหรับการปฏิบัติงานที่ชัดเจน
การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และอุปกรณ์ในการสนับสนุนการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งเร่งทำความเข้าใจกับภาคประชาชนเพื่อร่วมสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง
อันจะนำมาซึ่งการสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบและกระบวนการดำเนินงานของภาครัฐอย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5119 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (1. นายวิจารย์ สิมาฉายา ฯลฯ จำนวน 4 คน) | มท. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน
๔ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.
นายวิจารย์ สิมาฉายา (ผู้แทนสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย) ๒.
รองศาสตราจารย์พนิต ภู่จินดา (ผู้แทนสมาคมนักผังเมืองไทย) ๓.
นายวีระพงษ์ บุญญานุสนธิ์ (ด้านกฎหมายและการจัดรูปที่ดิน) ๔. รองศาสตราจารย์ชโยดม สรรพศรี (ด้านการวางแผนภาคและเมือง
การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและการจัดรูปที่ดิน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5120 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (1. นายประพันธ์ เทียนวิหาร ฯลฯ จำนวน 9 คน) | กษ. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรรมการอื่นในคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นายประพันธ์ เทียนวิหาร ผู้แทนเกษตรกร ๒. นายเด่นณรงค์ ธรรมมา ผู้แทนเกษตรกร ๓. นายบุญช่วย มหิวรรณ ผู้แทนเกษตรกร ๔. นายสมศักดิ์ ป้องปัญจมิตร ผู้แทนเกษตรกร ๕. นายตระกูล สว่างอารมย์ ผู้แทนเกษตรกร ๖. นายฉลองชาติ ยังปักษี ผู้แทนเกษตรกร ๗. นายปราณพงษ์ ติลภัทร ผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายธนู มีแสงเงิน ผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. นางวรรณนภา บุญสุข ผู้ทรงคุณวุฒิ
|