ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | แนวทางการเจรจาการค้าระหว่างประเทศของไทย | พณ | 23/06/2552 |
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบแนวทางการเจรจาการค้าระหว่างประเทศของไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2556 ตามที่ กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1.1 การเจรจาระดับภูมิภาค ให้ความสำคัญกับการเจรจาร่วมกับอาเซียนเป็นลำดับแรก คือ ASEAN AEC (AEC : ASEAN Economic Community) 10 ประเทศ ASEAN FTA (FTA : Free Trade Area) [ที่กำลังเจรจาอยู่ คืออาเซียน-อินเดีย (บริการและการลงทุน) อาเซียน-เกาหลี (การลงทุน) อาเซียนญี่ปุ่น (บริการและการลงทุน) อาเซียน-สหภาพยุโรป] และ ASEAN+X 1.2 การเจรจาระดับทวิภาคี ให้ความสำคัญกับการเจรจากับประเทศต่าง ๆ คือ 1.2.1 การเจรจากับประเทศใหม่ที่มีศักยภาพเป็นคู่ค้ากับไทย และ/หรือเป็นแหล่งทุน วัตถุดิบและ เทคโนโลยี ได้แก่ GCC Mercosur (GCC : Gulf Cooperation Council, Mercosur : Mercado Comun del Sur) และ ชิลี 1.2.2 การเจรจากับประเทศที่ค้างอยู่เฉพาะกับประเทศที่ประเมินแล้วว่าไทยจะได้รับประโยชน์โดย รวมจากการเจรจา คือ BIMSTEC (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Coopera tion) อินเดียและเปรู และประเทศที่ต้องเจรจาต่อคือ EFTA (European Free Trade Area) รวมทั้งออสเตรเลียและนิว ซีแลนด์ 1.2.3 เจรจากับประเทศที่มีศักยภาพแต่อาจยังไม่เหมาะสมที่จะใช้แนวทางการเจรจา FTA ให้นำรูป แบบการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าอื่น ๆ มาใช้ เช่น การทำสัญญาความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้า การเยือน ระดับสูง การพบปะของคณะนักธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งได้แก่ รัสเซียและแอฟริกาใต้ 1.3 การเจรจาระดับพหุภาคี เร่งผลักดันให้การเจรจารอบโดฮาสำเร็จโดยเร็ว และเพิ่มความสนใจการ ติดตามตรวจสอบไม่ให้ประเทศต่าง ๆ มีการใช้มาตรการกีดกันสินค้าและบริการของไทย 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่าปัจจุบันประเด็นด้านเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนมากขึ้น ในการเจรจาต้องคำนึงถึงปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์การเมือง ต่าง ๆ ที่มีผลกระทบนอกเหนือจากปัจจัยด้านการค้า อาทิ แรงงานย้ายถิ่น ปัญหาโลกร้อน พลังงาน สิ่งแวดล้อม ความยากจน และการลดช่องว่างความยากจน โดยนำปัจจัยเหล่านี้มาบูรณาการในการกำหนดนโยบายการเจรจา ด้วย และกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนของไทยในองค์การระหว่างประเทศด้านการค้าและการพัฒนา นอกเหนือจากองค์ การการค้าโลก อาทิ ธนาคารโลก UNCTAD ADB IOM ILO ICO (องค์การกาแฟระหว่างประเทศ) รวมถึงใช้ประโยชน์ จากการประชุมของคณะกรรมาธิการร่วม (Joint Commission-JC) และคณะกรรมาธิการร่วมด้านเศรษฐกิจ (Joint Economic Commission-JEC) ที่ไทยมีกับประเทศต่าง ๆ ในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ด้วย นอกจากนี้ มี ความเห็นเกี่ยวกับเป้าหมายในการเจรจาการค้าของไทย แนวทางการใช้ประโยชน์จากเวทีต่าง ๆ ลำดับความสำคัญ ของการเจรจาในระดับต่าง ๆ และการคัดเลือกคู่เจรจา FTA ในอนาคต รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้โอกาสของวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งประเทศพัฒนาแล้ว ได้ประกาศในเวทีต่าง ๆ เช่น การประชุมกลุ่ม G-20 ยืนยันในระบบการค้าเสรี และไม่สนับสนุนมาตรการปกป้อง การค้า ผลักดันให้มีการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม โดยการลดอุดหนุนการผลิตสินค้าเกษตรในประเทศพัฒนาแล้ว และ จริงจังในการดำเนินการเจรจารอบโดฮาให้ก้าวหน้า สำหรับการเจรจาการค้ากับตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูงควรมี กระบวนการเตรียมการเพื่อสร้างและเพิ่มศักยภาพของสินค้าและผู้ประกอบการไทยควบคู่กันไปด้วย ส่วนการใช้ ประโยชน์จากข้อตกลงด้านการค้า การบริการ และการลงทุน นั้น จะต้องประกอบด้วยปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การ เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและระบบอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจและการค้าที่มีประสิทธิ ภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....