ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1921 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38401 - 38420 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38401 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นรายการค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย | มท | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ
พ.ศ. 2552 เพื่อเป็นค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกรม การปกครอง (ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน) จำนวน 15,698 คน รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 282,060,000 บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
38402 | นางสาวปริศนา อุดมรัตน์ ขอต่ออายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพระพุทธบาทและป่าพุแค เพื่อทำเหมืองแร่หินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ตามประทานบัตรที่ 19918/13774 และที่ 19919/13773 ท้องที่จังหวัดสระบุรี | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบผ่อนผันให้นางสาวปริศนา อุดมรัตน์ เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพระพุทธ บาทและป่าพุแค เพื่อทำเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ตามประทานบัตร ที่ 19918/13774 เลขที่ 19919/13773 ท้องที่จังหวัดสระบุรี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ผู้ขออนุญาตปฏิบัติตามเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาต รวมทั้งดำเนินการตาม เงื่อนไขเพิ่มเติม ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 อย่างเคร่งครัด ไปดำเนิน การต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
38403 | ขออนุมัติเช่ารถประจำตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย | มท | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยเช่ารถประจำตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ตรวจ
ราชการกระทรวงมหาดไทย จำนวน 76 คัน ในวงเงินรวม 178,752,000 บาท และอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้าม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2557 โดยค่าเช่ารถประจำตำแหน่งที่จะใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 2,979,200 บาท ให้กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผน การใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ส่วนค่าเช่ารถประจำตำแหน่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 35,750,400 บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณรายจ่าย ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้งบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เป็นลำดับแรกก่อน และค่าเช่ารถประจำตำแหน่งในส่วนที่เหลือ จำนวน 140,022,400 บาท ให้สำนักงานปลัด กระทรวงมหาดไทยขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่จะต้องใช้ในแต่ละปีต่อไป รวม ทั้งให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจำหน่ายรถประจำตำแหน่งที่มีอยู่เดิม และนำเงินรายได้ส่งคลังต่อไป ตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการเช่ารถประจำตำแหน่งดังกล่าว หากกระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นควรปรับลดระยะ เวลาการเช่าลงเป็น 3 ปี หรือ 4 ปี เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการที่จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ตรวจราช การกระทรวงได้มีรถยนต์ใหม่ไว้ใช้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องมีอัตราค่าเช่าไม่เกินอัตราที่กระทรวง การคลังกำหนดไว้ในระยะเวลา 5 ปี ก็ให้ดำเนินการได้ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลง ในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
38404 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ) | วช | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เช่ารถยนต์ส่วนกลาง
จำนวน 4 คัน เป็นเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2555) โดยค่าเช่าของเดือนสิงหาคม-กันยายน 2552 จำนวน 96,000 บาท ให้ วช. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 หากไม่เพียงพอให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการสนับสนุน งบประมาณเพิ่มเติมตามความจำเป็น ส่วนค่าเช่ารถยนต์ส่วนที่เหลือให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2554-พ.ศ. 2555 ตามความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีต่อไป โดยให้ วช. ดำเนินการจำหน่าย รถนั่งส่วนกลางและรถโดยสาร 12 ที่นั่งที่มีอยู่เดิม และนำเงินส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบต่อไป ตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
38405 | ขอความเห็นชอบแนวทางการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 11 และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดนไทย - มาเลเซีย ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 | กต | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเกี่ยวกับแนวทางการประชุมคณะกรรมาธิ การร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 11 และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การ พัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 เป็นการทบทวนสถานะความสัมพันธ์และ ความร่วมมือระหว่างไทย-มาเลเซีย ในด้านต่าง ๆ และเป็นการเตรียมการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับมาเล เซียในหลายปีนี้ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายด้านการต่างประเทศที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา โดยหลังจากการประชุม จะมีแถลงการณ์ที่ไม่มีการลงนาม จึงไม่จำเป็นขอความเห็นชอบต่อรัฐสภา 2. เห็นชอบแนวทางการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 11 และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 โดยยึดหลักการหารือตามกรอบความตกลงและแนวนโยบายที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซียได้เห็นชอบ ร่วมกันแล้ว รวมถึงผลการประชุมจากกลไกและแผนงานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและมาเล เซียเป็นสำคัญ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38406 | ขอความเห็นชอบแนวทางการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 6 | กต | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเกี่ยวกับแนวทางการประชุมคณะกรรมาธิ การร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 เป็นการทบทวนสถานะความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทย -กัมพูชา ในด้านต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายด้านการต่างประเทศที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาไม่เกี่ยวกับเรื่อง เขตแดน ซึ่งมีกลไกการเจรจาต่างหากที่ได้รับความเห็นชอบกรอบการเจรจาจากรัฐสภาอยู่แล้ว ไม่มีการลงนาม ทั้งนี้ หากมีการลงนามบันทึกการประชุมก็จะมีถ้อยคำในท้ายบันทึกการประชุมว่า "This Agreed Minutes serves a record of discussion of the two sides and is sigend subject to confirmation through diplomatic channels that the two sides'' respectives internal legal procedures required have been completed." 2. เห็นชอบแนวทางการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 โดยยึดหลัก แนวทางการหารือตามกรอบความตกลง แนวนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา และแนวทางความร่วมมือที่รัฐบาล ไทยและรัฐบาลกัมพูชาเห็นชอบร่วมกันแล้ว ตลอดจนผลการประชุมของกลไกความร่วมมือและแผนงานความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและกัมพูชาเป็นสำคัญ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ดำเนินการ ต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38407 | ขอความเห็นชอบให้กรมประมงเป็น Competent Authority ในการรับรองสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการทำประมงที่ไม่ใช่ IUU Fishing ส่งไปยังประชาคมยุโรป | กษ | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรมประมงเป็นหน่วยงาน Competent Authority ในการรับรองสัตว์น้ำและ
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการทำประมงที่ไม่ใช่ IUU Fishing ส่งไปยังประชาคมยุโรป เพื่อมีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตาม ระเบียบสหภาพยุโรปฉบับที่ 1005/2008 ลงวันที่ 29 กันยายน 2551 เพื่อแจ้งต่อสหภาพยุโรปอย่างเป็นทาง การภายในเดือนกรกฎาคม 2552 ต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ |
||||||||||||||||||||||||
38408 | นโยบายการขอคืนที่ดินราชพัสดุ 1 ล้านไร่ เพื่อนำมาให้เกษตรกรเช่าทำการเกษตร | กค | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ มาตรการและเงื่อนไข ตลอดจนกำกับดูแล ในการนำที่ดินราชพัสดุ 1 ล้านไร่ มาจัดให้เกษตรกรเช่าทำการเกษตรตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายและระเบียบ กำหนด โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการเอง 2. แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (กำกับดูแลงานกรม ธนารักษ์) เป็นประธานกรรมการ และรองอธิบดีกรมธนารักษ์ (ด้านที่ราชพัสดุ) เป็นกรรมการและเลขานุการ ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ มาตรการและเงื่อนไขในการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เช่น มาตรการขอ คืนที่ดินจากหน่วยราชการ การแบ่งโซนพืชอาหารและพลังงาน การกำหนดคุณสมบัติเกษตรกรที่เข้าร่วมโครง การ เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ รูปแบบและการบริหารจัดการอย่างครบถ้วน เป็นต้น เพื่อนำที่ดินราชพัสดุ มาจัดให้เช่าทำการเกษตรและเป็นแนวทางให้จังหวัดนำไปใช้ปฏิบัติ 3. แต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ และธนารักษ์ พื้นที่ เป็นกรรมการและเลขานุการ ทำหน้าที่ในการนำที่ดินราชพัสดุมาจัดให้เช่าทำการเกษตรตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการอำนวยการกำหนด |
||||||||||||||||||||||||
38409 | ขยายระยะเวลาการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ในกิจการประมงที่อยู่นอกระบบผ่อนผัน | นร | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการบริหารแรงงาน ต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเสนอ ดังนี้ 1.1 ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 ที่ให้ความเห็นชอบเรื่องการจดทะเบียน แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชาที่อยู่นอกระบบผ่อนผัน ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ 1.2 ขยายระยะเวลาการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัม พูชาเฉพาะในกิจการประมงที่ได้ประกาศไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 จากวันที่ 30 กรกฎาคม 2552 ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2552 โดยไม่รวมบุตรและผู้ติดตาม อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการ ชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับสิ้นสุดไม่เกินวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 สำหรับขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงาน ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดิม 2. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติมว่ากรณีบุตรและผู้ติดตามแรง งานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชาที่อยู่นอกระบบและอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการ ชั่วคราวนั้น มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับไปนำเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาให้ สอดคล้องกับนโยบายด้านความมั่นคง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
38410 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลสองพี่น้อง ตำบลสลุย ตำบลหงษ์เจริญ ตำบลรับร่อ ตำบลคุริง ตำบลท่าข้าม ตำบลทรัพย์อนันต์ ตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ และตำบลเขาไชยราช ตำบลดอนยาง ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลทะเลทรัพย์ ตำบลบางสน ตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลสองพี่น้อง ตำบลสลุย
ตำบลหงษ์เจริญ ตำบลรับร่อ ตำบลคุริง ตำบลท่าข้าม ตำบลทรัพย์อนันต์ ตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ และตำบล เขาไชยราช ตำบลดอนยาง ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลทะเลทรัพย์ ตำบลบางสน ตำบลสะพลี อำเภอ ปะทิว จังหวัดชุมพร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอท่าแซะ และอำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2531 ที่สำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38411 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศ จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคือ กำหนดเขตพื้นที่และ มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมโดยครอบคลุมพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ให้เป็นเขตควบคุม มลพิษ เขตผังเมืองรวม และเขตอนุรักษ์ โดยแบ่งพื้นที่การใช้บังคับออกเป็น 2 บริเวณคือ พื้นที่บนแผ่นดินใหญ่รวมพื้น ที่เกาะ และพื้นที่ส่วนที่เป็นทะเล โดยกำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบ กิจการบางประเภทที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อ การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์ รวมทั้งกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวด ล้อมเบื้องต้น (IEE) 2. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เป็นเขตควบคุมอาคารตามพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระ ราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2534 โดยแบ่งพื้นที่เพื่อการบังคับใช้มาตรการ ออกเป็น 9 บริเวณ โดยกำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบกิจการบาง ประเภทที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยน แปลงของระบบนิเวศน์ รวมทั้งกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE)
|
||||||||||||||||||||||||
38412 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณการจ้างเหมาก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสุรินทร์ ขนาด 14 บัลลังก์ 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ | ศย | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างอาคารที่
ทำการศาลจังหวัดสุรินทร์ ขนาด 14 บังลังก์ 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากปี พ.ศ. 2551 -พ.ศ. 2553 เป็นปี พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
38413 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 15
กรกฎาคม 2552 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการศึกษา สำรวจ ออกแบบโครงการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 รวมทั้งให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการสำรวจและพัฒนา แหล่งน้ำบาดาลตามที่ได้เสนอของบประมาณภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP 2) รอบที่ 2 โดยกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถปรับปรุงรายละเอียดให้เหมาะสม และให้เสนอขอแปรญัตติงบประมาณ ปี พ.ศ. 2553 2. ที่ประชุมมีมติเรื่อง การโอนกิจการบางอย่างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในส่วนที่เกี่ยวกับ ระบบ ดังนี้ 2.1 จัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศการบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภคในภาพรวมของประเทศโดย มีกรมทรัพยากรน้ำเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ 2.2 จัดทำแผนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในภาพรวมของประเทศทั้งระบบ ได้แก่ การสำรวจออกแบบ ก่อสร้าง การปรับปรุงซ่อมแซม ดูแล และบำรุงรักษา รวมทั้งการบริหารจัดการ โดยให้กรม ทรัพยากรน้ำเสนอของบประมาณดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2.3 ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ท้องถิ่นในการจัดหาแหล่งน้ำในพื้นที่หา น้ำยาก โดยพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลและจัดทำระบบประปาหมู่บ้าน 2.4 ให้ฝ่ายเลขานุการ ฯ เสนอเรื่องขอทบทวนการถ่ายโอนภารกิจที่เกี่ยวกับการก่อสร้างและปรับปรุง ซ่อมแซมระบบประปาให้คณะกรรมการกระจายอำนาจ ฯ พิจารณา ในกรณีที่ อปท. ไม่สามารถดำเนินการได้หรือ ดำเนินการได้แต่ไม่มีประสิทธิภาพ ให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการแทน
|
||||||||||||||||||||||||
38414 | แต่งตั้งกรรมการผู้แทนองค์กรสาธารณประโยชน์ในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ (จำนวน 8 ราย 1. นางอาภรณ์ สายเชื้อฯ) | พม | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้แทนองค์กรสาธารณประโยชน์ในคณะกรรมการส่งเสริมการ
จัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ จำนวน 8 คน ตามนัยมาตรา 7(5) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. 2546 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ตามที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (28 กรกฎาคม 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นางอาภรณ์ สายเชื้อ 2. นายอนุสรณ์ คุณานุสรณ์ 3. นายไพโรจน์ สุวรรณจันทร์ดี 4. นายเพื่อม พิทักษ์ 5. นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ 6. นายณัฐพัชร์ อินทุภูติ 7. นายสมพร เทพสิทธา 8. นางธิดา ศรีไพพรรณ
|
||||||||||||||||||||||||
38415 | การเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุม AWG-LCA ครั้งที่ 7 และ AWG-KP ครั้งที่ 9 (Bangkok Climate Change Talks 2009) | ทส | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบให้ประเทศไทย โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้า ภาพร่วมในการจัดประชุม AWG-LCA ครั้งที่ 7 และ AWG-KP ครั้งที่ 9 (Bangkok Climate Change Talks 2009) ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 28 กันยายน-9 ตุลาคม 2552 โดยนายก รัฐมนตรีเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมในวันแรก 2. อนุมัติวงเงินงบประมาณ จำนวน 5,000,000 บาท จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุมดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
38416 | การพิจารณาเรื่องต่างๆ ตามระเบียบและมติคณะรัฐมนตรี ทั้งที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีและไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีของสำนักงานอัยการสูงสุด | นร | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ในประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย
เกี่ยวกับผู้มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติ อนุญาตหรือให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ตามระเบียบและมติคณะ รัฐมนตรี ของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยคณะกรรมการ ฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ขณะนี้ยังมิได้มีกฎหมายเกี่ยวกับวิธี ปฏิบัติของสำนักงานอัยการสูงสุดในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีความเป็นอิสระขึ้นใช้ บังคับ ดังนั้น การดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ จึงต้องนำขั้นตอนและวิธีการตามที่กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ มติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันอนุโลมไปปฏิบัติก่อนเท่าที่ไม่ขัดต่อความเป็นอิสระของสำนักงานอัยการสูง สุดในฐานะที่เป็นหน่วยธุรการขององค์กรอัยการ โดยการพิจารณาอนุมัติ อนุญาตหรือให้ความเห็นชอบเรื่องต่าง ๆ ตามระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมโดยให้คำนึงถึงความเป็นอิสระ ขององค์กร
|
||||||||||||||||||||||||
38417 | รายงานการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 2/2552 | นร | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
38418 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน) (นายสุนันท์ โพธิ์ทอง) | รง | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุนันท์ โพธิ์ทอง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน (นักวิชา
การแรงงาน 10 ชช.) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นวันที่มี คุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
38419 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (จำนวน 5 ราย 1. ศาสตราจารย์ คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ฯ) | ศธ | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหาร
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ชุดใหม่ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (28 กรกฎาคม 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. ศาสตราจารย์ คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ เป็นประธานกรรมการ 2. ศาสตราจารย์ ยงยุทธ ยุทธวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งมิใช่ ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ 3. ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ซี่งมิใช่ ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ 4. ศาสตราจารย์ สุรพล นิติไกรพจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากบัญชีรายชื่อ ที่ผู้ปกครองนักเรียนเสนอ 5. ศาสตราจารย์ ประสาท สืบค้า กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากบัญชีรายชื่อ ที่เจ้าหน้าที่โรงเรียนเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
38420 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "สิทธิ หน้าที่กับบทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ" | สสป | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "สิทธิหน้าที่ กับบทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ" ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้ 1.1 ข้อเสนอด้านกฎหมาย 1.1.1 กำหนดระยะเวลาการออกกฎหมายให้แน่ชัด โดยกฎหมายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นต้อง เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด 1.1.2 ให้ประชาชนมีบทบาทในกระบวนการบัญญัติกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ครอบ คลุมเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร การจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรคมนาคม การจัดการชลประทาน และเก็บข้อ มูลจากประชาชนที่ถูกผลกระทบก่อนที่จะเสนอร่างกฎหมายในเรื่องดังกล่าว 1.1.3 ควบคุมให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย 1.1.4 ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนของสังคมยอมรับกฎกติกาของสังคม หากมีปัญหาในการบังคับใช้ รัฐธรรมนูญ ให้ใช้วิธีออกเสียงประชามติ ไม่ยอมรับการล้มล้างรัฐธรรมนูญ 1.1.5 ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนต้องยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด 1.1.6 ส่งเสริมให้เกิดการยอมรับสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 1.2 ข้อเสนอแนะด้านสิทธิ หน้าที่และการมีส่วนร่วมของประชาชนในเชิงนโยบาย 1.2.1 ปรับท่าทีเพื่อส่งเสริมให้การใช้สิทธิ หน้าที่ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ พัฒนาประเทศเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ และภาครัฐควรให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศแก่ ประชาชนให้มากที่สุดและไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง 1.2.2 เสริมสร้างความสมานฉันท์ ความเป็นปึกแผ่น และความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน โดยให้ วัดและโรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการสร้างความสามัคคี ให้ผู้นำทางศาสนา ปราชญ์ชาวบ้าน ครู และหมอพื้นบ้าน เป็นต้น เป็นกลไกการเชื่อมประสานความสามัคคี และจัดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อย่าง เท่าเทียม 1.2.3 ยกระดับความรู้ความเข้าใจต่อประเด็นสิทธิ หน้าที่ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการพัฒนาประเทศโดยรัฐรับเป็นเจ้าภาพในการดำเนินงานและสนับสนุนให้มีบรรยากาศเอื้อต่อการเป็นสังคม แห่งการเรียนรู้ 1.2.4 ส่งเสริมให้เกิดการปฏิรูปกฎหมายที่มีเนื้อหาสาระที่เอื้อให้ประชาชนได้เข้ามามีสิทธิ หน้า ที่ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง 1.2.5 ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการจัดตั้งองค์กรจากภาคประชาชน 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 47 หน่วยงาน
|
.....