ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1928 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38541 - 38560 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38541 | ขออนุมัติและสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนโรคปากและเท้าเปื่อย | กษ | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติโครงการเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนโรคปากและเท้าเปื่อย ปี พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2555 (รวม 3 ปี) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยงบประมาณสำหรับดำเนินโครงการ ฯ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) พิจารณาขอแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ต่อคณะกรรมา ธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 หรือปรับแผนการ ปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกรมปศุสัตว์มาดำเนินงาน ตามความจำเป็น โดยให้ขอตกลงกับสำนักงบประมาณเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ประกาศใช้แล้วต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำโครง การนี้เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะ ที่ 2) อีกทางหนึ่งด้วย 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้มีการศึกษาและประมาณการข้อมูลความต้องการวัคซีน โรคปากและเท้าเปื่อยในช่วง 10 ปีข้างหน้า ที่อาจเพิ่มขึ้นมากกว่าในปัจจุบันที่มีความต้องการปีละ 46 ล้านโด๊ส โดยคำนึงถึงโอกาสในการขยายตัวของปริมาณฝูงสัตว์ตามการขยายตัวของตลาดสินค้าปศุสัตว์ และผลกระทบจาก การเปิดตลาดตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน รวมทั้งศึกษาและนำเสนอทางเลือกในการลงทุนผลิตวัคซีนที่มี ความเป็นไปได้ทางเทคนิคในการผลิตวัคซีน และมีความคุ้มค่าจากการลงทุนระยะยาว ตลอดจนศึกษาแนวทางการ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารโรงงานผลิตวัคซีนโรคปากและเท้าเปื่อย เพื่อให้มีศักยภาพในการรองรับภารกิจใน ปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมดูแลไม่ให้เกิดการลักลอบนำเข้าฝูงปศุสัตว์ที่ผิด กฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด และดำเนินมาตรการป้องกันการระบาดโรคสัตว์ควบคู่กับการให้วัค ซีนอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณดำเนินการ ด้วยว่า การเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนโรคปากและเท้าเปื่อยตามโครงการ ฯ ควรให้ความสำคัญกับการนำวัคซีนไปใช้ แก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นลำดับต้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ดัง กล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
38542 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการขนส่งทางอากาศที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองถูกปิดล้อม | คค | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติงบประมาณสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนใน การช่วยเหลือเยียวยาผู้โดยสารตกค้างในช่วงที่มีการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ภายใต้ กรอบวัตถุประสงค์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 (เรื่อง ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และขออนุมัติงบประมาณเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่าง ประเทศที่ประสบปัญหาจากเหตุการณ์ปิดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ) วงเงินทั้งสิ้น 8,096,025 บาท ดังนี้ 1.1 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ วงเงิน 2,292,500 บาท 1.2 บริษัท ขนส่ง จำกัด วงเงิน 1,100,000 บาท 1.3 บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด วงเงิน 796,899 บาท 1.4 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด วงเงิน 820,000 บาท 1.5 ท่าอากาศยานอู่ตะเภา วงเงิน 542,426 บาท 1.6 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค วงเงิน 2,544,200 บาท 2. ให้กระทรวงคมนาคมเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน 1,912,970,000 บาท ตามนัยมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป สำหรับค่า ใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตกค้างในส่วนของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ นอกเหนือจาก ที่ได้อนุมัติแล้วข้างต้นให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและเป็นไปตามตามขั้นตอนของกฎ หมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38543 | โครงการแก้ไขปัญหาความขาดแคลนน้ำในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทส | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติดำเนินงานแก้ไขปัญหาความขาดแคลนน้ำในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ที่จำเป็นเร่งด่วนต้องให้ความช่วยเหลืออีก 12 แห่ง ตามแนวทางปฏิบัติงานโครงการสำรวจและพัฒนาแหล่ง น้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนระบบน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และมอบหมาย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นผู้ดำเนินการ 2. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 16,620,000 บาท ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาความ ขาดแคลนน้ำในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จำเป็นเร่งด่วนต้องให้ความช่วยเหลืออีก 12 แห่ง |
||||||||||||||||||||||||||||||
38544 | การกำหนดประเภทหรือลักษณะงานที่ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจ้างคนต่างด้าว | รง | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงแรงงานรับเรื่อง การกำหนดประเภทหรือลักษณะงานที่ให้เรียกเก็บค่าธรรม
เนียมการจ้างคนต่างด้าว ไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง โดยให้พิจารณาแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ให้เหมาะสม ครบถ้วน ไม่เพิ่มภาระด้านต้นทุนแก่ผู้ประกอบการ และไม่ซ้ำซ้อนกับการควบคุมแรงงานต่างด้าวที่ดำเนินการได้โดย มาตรการอื่น ๆ อยู่แล้ว รวมถึงผลการบังคับใช้ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38545 | ยุทธศาสตร์ทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ | พณ | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการยุทธศาสตร์ด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่มีวิสัยทัศน์ให้เศรษฐกิจไทยอยู่บนพื้นฐาน การสร้างสรรค์ (creative economy) สามารถพึ่งพาตนเองและแข่งขันได้ในเวทีโลกภายในปี พ.ศ. 2555 ประกอบ ด้วยยุทธศาสตร์สร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา ยุทธศาสตร์ทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์ ยุทธศาสตร์การคุ้ม ครองทรัพย์สินทางปัญญา ยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ยุทธศาสตร์ การปลูกจิตสำนึกและการศึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา และยุทธศาสตร์ด้านการเงิน และมอบหมายให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามมติคณะกรรมการนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์ สินทางปัญญา ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นาย อลงกรณ์ พลบุตร) รองประธานคณะกรรมการ ฯ เสนอ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยที่เห็นควรปรับเพิ่มรายชื่อหน่วยงานใน ประเด็นยุทธศาสตร์ ฯ โดยเพิ่มกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการต่างประเทศในรายชื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับยุทธศาสตร์สร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา กลยุทธข้อ 1.3 พัฒนาฐานข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาทั้งของ ไทยและต่างประเทศ รวมทั้งฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นและทรัพยากรทางชีวภาพเพื่อให้นักวิจัย นักประดิษฐ์ ทั้ง ของรัฐและเอกชนเข้าถึงได้ และบรรจุกระทรวงการต่างประเทศในรายชื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับยุทธศาสตร์ สร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา กลยุทธข้อ 1.4 ส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศในการพัฒนาและผลิตสินค้า และบริการที่ไทยมีศักยภาพบนพื้นฐานการสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ควรมีกลยุทธ์การสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ ผู้สร้างผลงานอย่างชัดเจนโดยกำหนดว่าผู้สร้างผลงานภายใต้หน่วยงานราชการหรือองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาห กิจต้องมีสิทธิที่จะได้รับการจัดสรรผลประโยชน์อันพึงได้ และรณรงค์และประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความตระหนัก ในเรื่องดังกล่าว และควรกำหนดแผนการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ที่ชัดเจนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจ และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแผนงบประมาณและแผนการบริหารกำลังคน โดย การเตรียมความพร้อมในด้านกำลังคน ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาการสร้างองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญให้กับ บุคลากรด้านทรัพย์สินทางปัญญาขององค์กรต่าง ๆ ให้เกิดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง และ ในยุทธศาสตร์สร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา ควรเพิ่มบทบาทของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการสนับสนุนให้มี การสร้างทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นแหล่งวิชาการใหญ่ที่สุดที่มีโอกาสสร้างและใช้ ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาในรูปแบบต่าง ๆ ไปพิจารณาต่อไป 3. สำหรับการปรับปรุงกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกับสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาโดยตรงเกี่ยวกับการกำหนดความรับผิดของผู้ครอบครองและเจ้าหน้าที่หรือผู้ให้เช่าพื้นที่ เพื่อ ให้การดำเนินการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรม ยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||
38546 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. .... | กค | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยด่วน และให้แก้ไขเพิ่มเติมตามความเห็นตลอดจนข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างระเบียบ ฯ ควรยึดหลักการเดียวกันกับการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินโดยการตัดโอนและ เปลี่ยนแปลงงบประมาณที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกลั่นกรองและ บริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ก่อนการดำเนินโครงการ ทั้งนี้การโอนและเปลี่ยนแปลง งบประมาณข้ามหน่วยงานจะกระทำมิได้ 1.2 กรณีที่มีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการเห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนำ ส่งกระทรวงการคลัง ยกเว้นในกรณีโครงการที่ดำเนินการในพื้นที่พิเศษห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ การโอนเปลี่ยน แปลงโครงการ และการใช้เงินเหลือจ่าย ให้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดให้คณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่เศษ ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้มีอำนาจในการอนุมัติดำเนินการ 1.3 การวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโครงการที่ดำเนินการโดยสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ควรเป็นระบบที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อใช้ในการติดตามผลการดำเนินการ และการประเมิน ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง และกำหนดให้คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการ ฯ ราย งานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการ และการเบิกจ่ายลงทุนต่อคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการ ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ต่อไป 2. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลความคืบหน้าในการพิจารณากลั่นกรองโครงการภายใต้ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในรอบที่ 2 ว่าตามกรอบระยะเวลาการพิจารณาโครงการที่กำหนดให้ส่วนราช การและรัฐวิสาหกิจส่งข้อเสนอโครงการเพิ่มเติมและส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนพื้นฟูเศรษฐ กิจระยะที่ 2 พิจารณาภายในเดือนมิถุนายน 2552 นั้น เนื่องจากมีโครงการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่เสนอ ในรอบที่ 2 มาเป็นจำนวนมาก จึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณารายละเอียดแผนการดำเนินงาน แผนการใช้จ่าย เงินเพื่อคัดเลือกโครงการที่มีความพร้อม รวมถึงสอดคล้องกับวัตถุประสงค์โครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ดังนั้น จึงขอเลือนกำหนดการจัดส่งโครงการในรอบที่ 2 ที่จะเสนอให้คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ พิจารณา เป็นกลางเดือนกรกฎาคม 2552 และจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป 3. ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรับไปพิจารณาแนวทางการดำเนินงานโดยเฉพาะกระบวน การจัดหาพัสดุ การจ้างที่ปรึกษา และการทำสัญญาที่ต้องดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการ พัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในสัปดาห์ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
38547 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการ ในภูมิภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบ ร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1.1 กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการอนุมัติการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่หน่วยงานรัฐในกรณีมีความจำเป็นต้องได้รับจัด สรรเงินงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน 1.2 กำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานสำหรับรองนายกรัฐมนตรีแต่ละคน เพื่อเป็นผู้พิจารณากลั่น กรองความเหมาะสมและจำเป็นในการใช้จ่ายเงินของแผนงานและโครงการต่าง ๆ 2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ที่ เห็นว่า วงเงินงบประมาณที่กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการอนุมัติการจัดสรรเงินให้แก่หน่วยงานของ รัฐในวงเงินไม่เกินเก้าร้อยล้านบาทต่อปี จากเดิมไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท ควรต้องมีการพิจารณาวงเงินให้มีความ เหมาะสมตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสภาวะทางการเงินของประเทศ นอกจากนี้ งบประมาณที่ใช้ในภารกิจ กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรีควรมีความชัดเจนเพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน กันและสามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
38548 | ปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูนระหว่างอาเซียนกับแคนาดา | กต | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูนระหว่างอาเซียนกับแคนา
ดา (Joint Declaration on the ASEAN-Canada Enhanced Partnership) เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วม มือระหว่างกันให้ครอบคลุมความร่วมมือในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒน ธรรม รวมทั้งการพัฒนาและวิชาการ และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาร่วมที่มิใช่สาระสำคัญ และไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยมิต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาอีก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38549 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายรามอินทรา - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ในท้องที่เขตบางเขน เขตสายไหม และเขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | คค | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายราม
อินทรา-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ในท้องที่เขตบางเขน เขตสายไหม และเขตคลองสามวา กรุงเทพ มหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่เขตบางเขน เขตสายไหม และเขตคลอง สามวา กรุงเทพมหานคร ให้แก่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างทางพิเศษสายรามอินทรา-วงแหวน รอบนอก ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะ กรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38550 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือ
จากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่าง กฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดย ให้แก้ไขวันใช้บังคับร่างระเบียบฉบับนี้ เป็น "ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป" ตามข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระ สำคัญ ดังนี้ 1. กำหนดให้ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการประเภทอื่น และข้าราชการครูหรือบุคลากรทางการศึกษา ได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือนในอัตราเท่ากับอัตราเงินประจำตำแหน่งหรือเงินวิทยฐานะที่ได้รับเว้นแต่ข้าราชการ ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ ซึ่งเดิมเคยดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับ 7 ตามพระ ราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ข้าราชการซึ่งได้รับเงินประจำตำแหน่งระดับ 7 หรือตำแหน่ง ที่เทียบเท่าข้าราชการครูหรือบุคลากรทางการศึกษาซึ่งได้รับเงินวิทยฐานะชำนาญการ 2. กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งมีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทบริหาร และเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการ ได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือนในอัตราเท่ากับเงินประจำตำแหน่งประเภท บริหารหรือเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการที่สูงกว่าเพียงทางเดียว 3. กำหนดตำแหน่งของข้าราชการ ข้าราชการทหาร และข้าราชการตำรวจ ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำ ตำแหน่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 และองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราช การนั้นเห็นสมควรให้ตำแหน่งดังกล่าวมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนเป็นรายเดือนในอัตราเดือนละ 3,500 บาท โดย เสนอคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วได้รับค่าตอบแทนพิเศษเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ 3,500 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38551 | สัญลักษณ์ส่งเสริมคุณธรรมความดี "ช่อสะอาด" | ปช | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรม
การ ป.ป.ช.) รายงานผลการจัดประกวดสัญลักษณ์ส่งเสริมคุณธรรมความดีในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โดยผล งานชนะเลิศ คือ "ช่อสะอาด" ของนายกิตติบดี บัวหลวงงาม โดยสัญลักษณ์ "ช่อสะอาด" สื่อถึงการส่งเสริมคุณ ธรรมความดี มีแนวคิดมาจากช่อดอกไม้ซึ่งเป็นของขวัญที่นิยมมอบให้กันในวาระสำคัญ เป็นของขวัญอันยิ่งใหญ่ แด่ผู้ตั้งมั่น และดำรงตนในความซื่อสัตย์สุจริตด้วยการทำความดี ไม่โกง ไม่ทุจริตต่อตนเอง ผู้อื่น ชุมชน สังคม ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และประเทศชาติ โดยการรวบรวมมือทุกล้านมือที่ขาวใสสะอาดของคนทั้งแผ่น ดินทั้งในและนอกราชอาณาจักร ไม่จำกัดเพศ วัย เชื้อชาติ และศาสนาไว้เป็นหนึ่งเดียว ผูกด้วยโบว์สีธงชาติไทย แสดงถึงการรวมพลังทำความดี ทั้งนี้ ให้หน่วยงานภาครัฐนำสัญลักษณ์ส่งเสริมคุณธรรมความดี "ช่อสะอาด" ใช้ ในกิจกรรมการส่งเสริมคุณธรรมความดี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38552 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งมาใช้ในราชการ (จำนวน 1 คัน) | พณ | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ราย
การค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งอธิบดี จำนวน 1 คัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552-เมษายน 2555 (ปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2555) ในวงเงินทั้งสิ้น 1,411,200 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2552 เป็นเงิน 196,000 บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553- พ.ศ. 2555 เป็นเงิน 1,215,200 บาท ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ให้กรมการค้าภายใน พิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรแล้วเพื่อไปดำเนินการ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 -พ.ศ. 2555 ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38553 | รายงานการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว สำหรับรอบปี 2551 | พณ | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว สำหรับ
รอบปี พ.ศ. 2551 สรุปได้ดังนี้ 1. การอนุญาตและการออกหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ในปี พ.ศ. 2551 มีผู้ได้ รับอนุญาตและหนังสือรับรองทั้งสิ้น 521 ราย แยกเป็นธุรกิจที่ได้รับอนุญาต 268 ราย และได้รับหนังสือรับรอง 253 ราย โดยประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ 2. การติดตามตรวจสอบการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ในรอบปี พ.ศ. 2551 ได้ติดตามตรวจสอบ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ จากการตรวจสอบพบว่า มีธุรกิจที่ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย 29 ราย ส่วนใหญ่เป็นการไม่แจ้งเลิกประกอบธุรกิจ/ย้ายสำนักงานภายในระยะเวลาที่ กำหนด โดยเป็นผู้ประกอบธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ และฝรั่งเศส
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38554 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง พ.ศ. .... | ศธ | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขา
วิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง พ.ศ. .... ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดย ร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาครุ ศาสตร์ สาขาวิชานิติศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชา ศิลปศาสตร์ 2. กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่ง เครื่องหมายประกอบครุยประจำตำแหน่ง นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และอธิการบดี 3. กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38555 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ในท้องที่ตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | อก | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณรัฐสมบัติของแผ่นดิน
สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ในท้องที่ตำบลตา สิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ เปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันซึ่งพลเมืองเลิกใช้ประโยชน์แล้ว ใน เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ในท้องที่ตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัด ระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38556 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดตำแหน่งพนักงานอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่น พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดตำแหน่งข้าราชการอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและเทียบตำแหน่งข้าราชการอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่นกับตำแหน่งข้าราชการอัยการ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | อส | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดตำแหน่งพนักงานอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 1.1 ยกเลิกกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ. 2498 ว่าด้วย การกำหนดตำแหน่งพนักงานอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่น รวมทั้งสิ้น 14 ฉบับ 1.2 แก้ไขเพิ่มเติมและปรับปรุงกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ. 2498 ว่าด้วยการกำหนดตำแหน่งพนักงานอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่น โดยนำตำแหน่งพนักงานอยการ ตามกฎกระทรวงดังกล่าวที่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบันมาปรับปรุงใหม่เป็นฉบับเดียว 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดตำแหน่งข้าราชการอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและเทียบตำแหน่งข้าราช การอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่นกับตำแหน่งข้าราชการอัยการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 2.1 ยกเลิกกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2521 ว่าด้วยการกำหนดตำแหน่งข้าราชการอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและการเทียบตำแหน่งข้าราชการอัย การที่เรียกชื่ออย่างอื่นกับตำแหน่งข้าราชการอัยการ รวมทั้งสิ้น 11 ฉบับ 2.2 แก้ไขเพิ่มเติมและปรับปรุงกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราช การฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2521 ว่าด้วยการกำหนดตำแหน่งข้าราชการอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและการเทียบ ตำแหน่งข้าราชการอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่นกับตำแหน่งข้าราชการอัยการโดยนำตำแหน่งพนักงานอัยการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งเทียบตำแหน่งข้าราชการอัยการตามที่กำหนดไว้ไปรวมเป็นฉบับ เดียวกัน และเพิ่มตำแหน่งข้าราชการอัยการที่เรียกชื่ออย่างอื่นบางตำแหน่งเพื่อให้สอดคล้องกับการแบ่งส่วน ราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด |
||||||||||||||||||||||||||||||
38557 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงมหาดไทย) (นายประทีป เจริญพร) | มท | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายประทีป เจริญพร ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ
(เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช.) ศูนย์ส่งเสริมประสิทธิภาพกรมที่ดิน กรมที่ดิน กระทรวงมหาด ไทย ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38558 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงิน และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ 5 ชั้น โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง | สธ | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ 5 ชั้น โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง
จากวงเงินเดิม 209,300,000 บาท เป็น 230,000,000 บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2552 เป็นปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2554 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้สำนักงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวน 41,860,000 บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 20,924,000 บาท และงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 72,800,000 บาท ที่ได้จัดสรรให้แล้ว และกรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้กัน เงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีแล้ว ส่วนที่เหลือจำนวน 94,416,000 บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2554 รองรับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38559 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการพัฒนาและคุ้มครองระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทย | สสป | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการ พัฒนาและคุ้มครองระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอ สรุปได้ดังนี้ 1.1 จัดตั้งกองทุนรัฐร่วมเอกชนเพื่อการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมเป้าหมาย จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ในการพัฒนาเทคโนโลยีและหน่วยบ่มเพาะเทคโนโลยี เร่งสร้างนวัตกรรมรุ่นใหม่ ๆ และจัดตั้งศูนย์ขยายนวัตกรรม ต้นแบบเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 1.2 จัดตั้งสำนักงานอนุญาตเพื่อทำหน้าที่บริการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา โดยให้ความสำคัญกับ การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาแก่มหาวิทยาลัย การแบ่งปันผลประโยชน์ รวมทั้งสร้างความร่วมมือระหว่างมหา วิทยาลัยและภาคอุตสาหกรรมเพื่อนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีไปพัฒนาหรือต่อยอดในเชิงอุตสาหกรรม 1.3 สร้างกลไกภายในทั้งด้านกฎหมายและการบริหารจัดการที่เข้มแข็ง โปร่งใสก่อนการรับรองพันธ กรณีระหว่างประเทศ รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาคและกำหนดจุดยืนร่วมกันในการจัดการความ หลากหลายทางชีวภาพ 1.4 เร่งพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านทรัพย์สินทางปัญญาภายในประเทศ โดยศึกษาความเหมาะสมใน การจัดตั้ง "องค์การมหาชน" ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลระบบทรัพย์สินทางปัญญาระดับชาติ ซึ่งคงรูปแบบการทำ งานแบบราชการ หากแต่เป็นหน่วยงานที่สร้างรายได้เหนือรายจ่ายสามารถเลี้ยงและพัฒนาตัวเองได้ มีการทำงาน และบริการเป็นเอกชน ซึ่งจะมีความคล่องตัว รวดเร็ว เน้นคุณภาพการให้บริการและสามารถใช้ประโยชน์ทรัพยากร และบุคคลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 1.5 ประเทศไทยควรเสนอตัวเป็นประเทศเจ้าภาพในการตั้งศูนย์กลางนานาชาติทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกันในภูมิภาคอาเซียนในลักษณะและรูปแบบการดำเนินงานเดียวกับ OHIM โดยแต่ละประเทศที่มีความชำนาญ ในเรื่องเฉพาะด้านใดก็ให้เป็นตัวแทนจัดตั้งศูนย์กลาง ณ ประเทศนั้น สำหรับประเทศไทยซึ่งมีศักยภาพ มีฐานองค์ ความรู้ และมีฐานทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้น ระยะเริ่มแรกจึงควรขอเป็นเจ้าภาพจัดตั้งองค์กร ร่วมระบบทรัพย์สินทางปัญญาระดับภูมิภาคด้าน "สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ และการคุ้มครองพันธุ์พืช" เพื่อเป็นการ ยกระดับงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาในภูมิภาคและรองรับต่อการเกิดประชาคมอาเซียน (Asean Community) ใน อนาคต 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเทค โนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณ สุข และกระทรวงอุตสาหกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38560 | โครงการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด | พน | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการร่วมทุนระหว่างการ
ไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้านครหลวง ในการดำเนินโครงการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าและน้ำเย็นภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยการพิจารณาสัดส่วนในการถือหุ้นของการไฟฟ้า นครหลวง ในบริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด ขณะนี้ผู้ถือหุ้นทั้ง 3 อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องดัง กล่าว ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะรายงานผลการเจรจาให้ทราบในโอกาสต่อไป
|
.....