ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1879 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 37561 - 37580 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37561 | รายงานประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี 2547 - 2550 | สม | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอรายงานประเมินสถาน
การณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี 2547-2550 โดยสาระสำคัญของรายงานดังกล่าวประกอบด้วย 1. หลักการ แนวคิด และมาตรฐานสิทธิมนุษยชน 2. บริบททางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมระหว่างปี 2547-2550 3. สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในช่วงปี 2547-2550 4. การประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย 5. ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
37562 | รายงานผลการสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นกรรมการมรดกโลกของราชอาณาจักรไทย ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ในฐานะรองประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกและหัวหน้าคณะผู้แทนไทย | ทส | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการเลือกตั้งกรรมการมรดกโลก (World Heritage Committee) วาระปี ค.ศ. 2009 -2013 ในวันที่ 26 ตุลาคม 2552 แทนตำแหน่งที่ว่างจำนวน 12 ที่นั่ง สรุปได้ดังนี้ 1.1 ที่นั่งสำรอง จำนวน 1 ที่นั่ง สำหรับกลุ่มประเทศที่ไม่มีแหล่งมรดกโลก คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1.2 ที่นั่งสำรอง จำนวน 1 ที่นั่ง สำหรับกลุ่มประเทศที่ไม่เคยเป็นกรรมการมรดกโลก ประเทศที่ได้รับ เลือก คือ สหพันธรัฐรัสเซีย 1.3 การเลือกตั้งทั่วไป (General Election) สำหรับที่นั่งอีก 10 ที่นั่ง ที่มีประเทศที่ลงคะแนนเลือกตั้ง และเป็นบัตรดี 140 คะแนน ซึ่งประเทศที่ได้รับการเลือกตั้งต้องได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง คือ 71 คะแนน มีประเทศที่ได้ รับการเลือกตั้ง 5 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ (104 คะแนน) กัมพูชา (83 คะแนน) ไทย (82 คะแนน) แอฟริกาใต้ (78 คะแนน) และฝรั่งเศส (73 คะแนน) และได้มีการลงคะแนนรอบที่ 2 อีก 5 ที่นั่ง ซึ่งประเทศที่ได้รับเลือกเรียง ลำดับตามคะแนนที่ได้รับสูงสุด คือ เอธิโอเปีย (69 คะแนน) เม็กซิโก (56 คะแนน) เอสโตเนีย (55 คะแนน) อิรัก (52 คะแนน) และ มาลี (46 คะแนน) 2. เห็นชอบในหลักการสำหรับค่าใช้จ่ายที่เหลือจากการจัดกิจกรรมรณรงค์ขอเสียงสนับสนุนในการสมัคร เป็นกรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกของราชอาณาจักรไทยที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่ เกี่ยวข้องกับกิจการมรดกโลกต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37563 | การใช้สิทธิประกันของเกษตรกรตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2552/53 | พณ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์วิธีการดำเนินการโครงการประกันรายได้เกษตรกร
ผู้ปลูกมันสำปะหลังและเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2552/53 ในส่วนของระยะเวลาใช้สิทธิประกัน จากเดิม เกษตรกรใช้สิทธิการประกันได้หลังจากวันทำสัญญา 45 วัน แต่ไม่เกิน 6 เดือนนับถัดจากวันทำสัญญาและต้องไม่ เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 เป็นเกษตรกรใช้สิทธิการประกันได้ทันทีนับถัดจากวันทำสัญญา และต้องไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 และให้ใช้เป็นแนวทางเดียวกันกับการใช้สิทธิของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีการผลิต 2552/53 ให้ใช้สิทธิได้ทันทีเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ให้ระยะเวลาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบก่อนจ่ายเงินได้ไม่เกิน 15 วัน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการ นโยบายมันสำปะหลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
37564 | แผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทยสำหรับขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก Clean Technology Fund (CTF) ของธนาคารโลก | กค | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการของแผนการลงทุน (Investment Plan) เพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอน ต่ำของประเทศไทย เพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก Clean Technology Fund (CTF) ของธนาคารโลก และ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป 2. และเมื่อแผนการลงทุน ฯ ได้รับการอนุมัติจากกองทุน CTF แล้ว ให้กระทรวงการคลังประสานกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำรายละเอียดโครงการต่าง ๆ ที่บรรจุอยู่ในแผนการลงทุน ฯ และนำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาเพื่อเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37565 | กรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2553 | กค | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติกรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ซึ่งประกอบด้วยวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน กรอบวงเงินกู้ กรอบต้นทุนและระยะเวลาในการกู้เงิน กรอบ ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง กรอบระยะเวลาในการเบิกจ่ายเงินกู้ และกรอบในการกำกับติดตามและการตรวจสอบการ ใช้จ่ายเงิน โดยมีโครงการที่ต้องนำเสนอกรอบการเจรจากู้เงิน ฯ รวม 6 โครงการ และเสนอรัฐสภาเพื่อให้ความเห็น ชอบกรอบการเจรจากู้เงินดังกล่าว ดังนี้ 1.1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ 1.2 โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 7 คัน (น้ำหนักกดเพลา 20 ตัน) 1.3 โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า จำนวน 308 คัน 1.4 โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 7 คัน (น้ำหนักกดเพลา 15 ตัน) 1.5 โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 13 คัน (น้ำหนักกดเพลา 20 ตัน) 1.6 โครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยุคที่ 3 2. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอสัญญา เงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้องให้รัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37566 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2553 ครั้งที่ 1 | กค | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 ที่มีวงเงิน ดำเนินการสุทธิเพิ่มขึ้น 50,819.83 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 1,637,896.68 ล้านบาท เป็น 1,688,716.51 ล้าน บาท 2. อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 1 3. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข ตลอดจนรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้ง ได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 1 แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถ ดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ 4. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง 5. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 ของ รัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นการปรับปรุงแผนงาน ย่อย จำนวน 2 แผน ได้แก่ 5.1 แผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ วงเงินเดิม 288,531.92 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 49,124.27 ล้านบาท วงเงินหลังการปรับปรุง 337,656.19 ล้านบาท โดยการปรับเพิ่มวงเงินดังกล่าว ประกอบด้วยการกู้เงินใหม่ในแผนเงินกู้เพื่อลงทุน จำนวน 819.04 ล้านบาท แผนเงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและ อื่น ๆ จำนวน 41.565 ล้านบาท และการบริหารและจัดการหนี้เดิมอีก จำนวน 6,740.23 ล้านบาท 5.2 แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ วงเงินเดิม 118,662.30 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 1,695.56 ล้าน บาท วงเงินหลังการปรับปรุ ง 120,357.86 ล้านบาท เนื่องจากการประปานครหลวงได้ขอบรรจุเพิ่มโครงการใน แผน ฯ จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 วงเงินกู้ 1,695.56 ล้านบาท ที่กำหนดจะกู้เงินจาก JICA แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังไม่ได้รับการพิจารณาจากรัฐสภา จึงไม่สามารถลงนาม ในสัญญาเงินกู้ได้ทันตามที่กำหนดไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จึงต้องเลื่อนการดำเนินการมาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
|
||||||||||||||||||||||||
37567 | โครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกปี 2552/53 | พณ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองเงินจ่าย
ค่ารับซื้อข้าวเปลือก ในวงเงิน 20,000 ล้านบาท ตามโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 ไป พลางก่อนในระหว่างองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ยังอยู่ระหว่างกระบวน การกู้ยืมเงินและยังไม่ได้รับเงินกู้ยืม ทั้งนี้ เมื่อ อคส. และ อ.ต.ก. ได้กู้ยืมเงินตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2552 ได้แล้ว ก็ให้ส่งคืนเงินให้แก่ ธ.ก.ส. ในส่วนที่ได้สำรองจ่ายไปก่อนแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
37568 | การกู้เงินสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 | พณ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) กู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการแทรกแซงรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 ในวงเงิน ไม่เกินกว่า 13,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
37569 | ขออนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้สำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอ
ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 (เรื่อง ขออนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้สำหรับโครงการลงทุนภาย ใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555) ในส่วนของการกำหนดให้เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้รับการ อนุมัติการจัดสรรวงเงินอุดหนุนตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นแล้ว ให้ อปท. ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 โดยให้ อปท. จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินผ่านกรมส่งเสริมการปก ครองส่วนท้องถิ่น โดยให้แก้ไขเป็น "เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการอนุมัติการจัดสรรวงเงินอุดหนุนตาม หลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ให้องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ต่อไป"
|
||||||||||||||||||||||||
37570 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการศึกษาให้แก่บุคคล ที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย โดยองค์กรเอกชนในศูนย์การศึกษาคนต่างด้าว พ.ศ. .... | ศธ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับเรื่อง ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการ ศึกษาให้แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย โดยองค์กรเอกชน ในศูนย์การศึกษา คนต่างด้าว พ.ศ. .... ไปพิจารณาในข้อกฎหมายและแนวทางที่จะทำให้การดำเนินนโยบายในเรื่องนี้บรรลุวัตถุ ประสงค์ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งภายใน 2 สัปดาห์ 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่าง ประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดการศึกษาให้แก่บุคคลดัง กล่าวต้องไม่มีการพิจารณาให้สถานภาพการเป็นคนไทย และมีการกำหนดและบังคับใช้มาตรการอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน ควรเพิ่มเติมกรอบแนวทางการ จัดหลักสูตรให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาของกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องส่งกลับโดยสมควร กำหนดหลักสูตรที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจ การสร้างทัศนคติที่ดี ไม่เกิดความรู้สึกเกลียดชังเป็น ปฏิปักษ์ต่อสังคมและประเทศไทย และตระหนักถึงความช่วยเหลือคนไทยและรัฐบาลไทยในเรื่องต่าง ๆ อย่าง เหมาะสม รวมทั้งควรเป็นหลักสูตรที่มุ่งการเรียนรู้เพื่อให้สามารถพึ่งตนเอง และเป็นการเตรียมความพร้อม สำหรับการเดินทางกลับประเทศต้นทางในระยะต่อไป ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37571 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่อง การให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ (Tsunami) | ตช | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2548 [เรื่อง สรุปผลการ
ให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ (Tsunami)] ข้อ 2.1 เป็นดังนี้ "2.1 การดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติ การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบจัดพื้นที่สุสานผู้ประสบภัยสึนามิ ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา รวมทั้งรับผิดชอบดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและชันสูตรพลิกศพผู้ประสบภัย ให้เป็นไปตามกฎหมาย ในกรณีจำเป็นหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการตรวจพิสูจน์บุคคลสูญหายและศพ นิรนาม สามารถประสานการปฏิบัติกับกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลสูงสุดได้ทั้งให้พัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงรำลึกด้วย" ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอ |
||||||||||||||||||||||||
37572 | โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ (ในส่วนของผู้ประกันตน) | รง | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ 1.1 รับทราบผลการจ่าย "เช็คช่วยชาติ" ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม-25 กันยายน 2552 และการนำเงิน ส่งคืนคลังสำหรับ "เช็คช่วยชาติ" รอบที่ 1-5 ซึ่งได้จ่าย "เช็คช่วยชาติ" รวม 7,875,563 ฉบับ จากจำนวนทั้งหมด 7,993,060 ฉบับ โดยสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัดได้ขอรับเงินคืน "เช็คช่วยชาติ" รอบที่ 1-5 (ครบ 90 วัน) จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 117,497 ฉบับ เพื่อนำเงินส่งคืนคลัง จำนวน 234,994,000 บาท ทั้งนี้ มีผู้ประกันตนได้ยื่นแบบขอรับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพต่อสำนักงาน ฯ แล้ว แต่ตกค้างยังไม่ได้รับเงินช่วย เหลือค่าครองชีพภายในกำหนด จำนวน 2,025 คน 1.2 อนุมัติหลักการให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท ที่ได้ยื่นแบบขอรับเงินช่วย เหลือค่าครองชีพต่อสำนักงานประกันสังคมแล้วให้ได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพ ประชาชนและบุคลากรภาครัฐ 1.3 อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคมจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิดังกล่าว โดย วิธีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ประกันตนโดยตรงต่อไป 2. ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โครงการการช่วยเหลือค่า ครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้สำนักงานประกันสังคมกันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อม ปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
37573 | การขยายเวลาการจัดทำทะเบียนประวัติ การตรวจสุขภาพ และการขออนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติ พม่า ลาว และกัมพูชาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 และการจดทะเบียนผ่อนผันให้บุตรของแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว | รง | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการขยายเวลาการจัดทำทะเบียนประวัติ การตรวจสุขภาพ และการขออนุญาตทำงานแรง งานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติ พม่า ลาว และกัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 และการจดทะเบียนผ่อนผันให้บุตรของแรงงานต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 และ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ โดยในการจดทะเบียนผ่อนผันให้บุตรของแรงงานต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวนั้น เฉพาะ ผู้มีอายุไม่เกิน 15 ปี เท่านั้น 2. เห็นชอบให้แก้ไขระยะเวลาดำเนินการในการจดทะเบียนผ่อนผันให้บุตรของแรงงานต่างด้าว อยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ซึ่งกำหนดให้กรมการปกครองดำเนินการรับรายงานตัว ถ่ายรูป พิมพ์ลายนิ้วมือ กำหนดเลขประจำตัว 13 หลัก และออกเอกสารรับรองรายการทะเบียนประวัติ (ท.ร. 38/1) หรือบัตรประจำ ตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ให้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 90 วัน หลังจากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เป็น ให้กรมการปกครองเร่งรัดดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 45 วัน ตามที่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงแรงงานเสนอเพิ่มเติม โดยให้กระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยว กับการจดทะเบียนบุตรแรงงานต่างด้าว ซึ่งในทางปฏิบัติอาจเกิดข้อจำกัดในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล สมควร ต้องพิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบเข้ามาสวมตัวเป็นบุตรของแรงงานดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37574 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่น ดิน สรุปได้ดังนี้ 1.1 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 มีหน่วยรับตรวจในความรับผิดชอบตรวจสอบจำนวน 71,787 หน่วย และมีหน่วยรับตรวจที่ตรวจเสร็จและออกรายงานจำนวน 6,265 หน่วย โดยลักษณะงานตรวจสอบ ได้แก่ การตรวจ สอบเงินทั่วไป การตรวจสอบงบการเงิน การตรวจสอบเงินอุดหนุน การตรวจสอบการจัดเก็บรายได้ การตรวจสอบ การจัดซื้อจัดจ้าง การตรวจสอบสืบสวน และการตรวจสอบการดำเนินงาน 1.2 ตรวจสอบเงินงบประมาณแผ่นดิน มูลค่างานตามสัญญาซื้อจ้าง จำนวน 58,927.40 ล้านบาท ตรวจสอบเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินรัฐวิสาหกิจ กองทุนและเงินทุน หน่วยงานอิสระ/องค์กรมหาชน และ หน่วยงานอื่น ๆ มีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 8,127,928.43 ล้านบาท (ไม่รวบงบสอบทาน) ประมาณการมูลค่า ความเสียหาย/ค่าเสียโอกาส เป็นตัวเงินรวมทั้งสิ้น 68,192.90 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินงบประมาณที่เรียกเก็บ คืนหรือรายได้ที่จัดเก็บเพิ่ม จำนวน 4,106.33 ล้านบาท และประมาณการมูลค่าความเสียหายที่รัฐสูญเสียงบโดย ไม่ประหยัดหรือสูญเสียรายได้ จำนวน 64,086.57 ล้านบาท 2. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำผลการตรวจสอบไปปฏิบัติ หรือดำเนินการ ปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยในส่วนที่เกี่ยวกับราชการส่วนท้องถิ่น ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับและ ติดตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างใกล้ ชิดและต่อเนื่องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
37575 | การจัดซื้อที่ดินและอาคารเพื่อสร้างวัดสังฆปทีป แคว้นเวลส์ ณ สหราชอาณาจักร | พศ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในอาคารและที่ดินที่จะใช้ตั้งวัดสังฆปทีป แคว้นเวลส์ ณ สห ราชอาณาจักร ประกอบด้วย อาคารซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้น 3 ห้องนอน เนื้อที่ 3/4 เอเคอร์ (1 ไร่ 3 งาน 50 ตารางวา) และอนุมัติให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยทำสัญญารับโอนกรรมสิทธิ์ในอาคารและที่ดิน ดังกล่าว ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ 2. ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดส่งต้นฉบับเอกสารสิทธิให้กระทรวงการคลัง พร้อมกับสำรวจ รายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในที่ดินที่รับโอนกรรมสิทธิ์มาส่งขึ้นทะเบียนต่อกระทรวงการคลังตามแบบทะเบียนอสัง หาริมทรัพย์ของรัฐบาลไทยในต่างประเทศเพื่อรับขึ้นทะเบียนที่ดินและอาคารดังกล่าวตามความเห็นของกระทรวงการ คลัง |
||||||||||||||||||||||||
37576 | มติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552 | นร | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดดำเนินการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตาม
มติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552 ที่มีมติอนุมัติเกี่ยวกับการระบายผลิต ภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งในส่วนที่เป็นแป้งมันและมันสำปะหลังเส้น โดยเร็ว ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ป ศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการนโยบายมันสำปะหลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์นำรายละเอียดของมติ คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีทราบในการประชุมครั้งต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
37577 | ขอความเห็นชอบในการรับรองร่างผลการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น | กต | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 1.1 เห็นชอบร่างปฏิญญาโตเกียว ซึ่งในระหว่างการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 6- 7 พฤศจิกายน 2552 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จะมีการรับรองปฏิญญาโตเกียว ซึ่งถือว่าเป็นเอกสารผลการ ประชุมของการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ซึ่งมีหัวข้อหลักคือ "การจัดตั้งหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาใหม่เพื่ออนาคต ที่รุ่งเรืองร่วมกัน" (Establishment of a New Partnership for the Common Flourishing Future) โดยได้กำหนดวิสัย ทัศน์ในอนาคตและระบุประเด็นที่จะให้ความสำคัญ รวมทั้งระบุถึงกลไกการจัดการประชุมภายใต้กรอบความร่วมมือ ดังกล่าว พร้อมภาคผนวกซึ่งระบุรายละเอียดการนำเจตจำนงต่าง ๆ ภายใต้ปริญญาโตเกียวไปปฏิบัติเป็นรูปธรรม โดยเน้นการให้ความช่วยเหลือหรือส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานในแต่ละประเด็นที่ปรากฎในร่างปฏิญญา ฯ ดัง กล่าว และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีรับรองเอกสารดังกล่าว 1.2 หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปปรับปรุงข้อความในร่าง Tokyo Declaration of the First Summit Meeting between Japan and the Mekong Region countries และร่าง Japan-Mekong Action Plan [36] (annex) ที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ยกร่างดังกล่าวขึ้น ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37578 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการประสานความร่วมมือระหว่างคณะรัฐมนตรีกับสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | นร | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานผลการประชุมคณะกรรมการประสาน
ความร่วมมือระหว่างคณะรัฐมนตรีกับสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวัน ที่ 30 กันยายน 2552 โดยที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ฯ รวมทั้งแนวทาง การขอความเห็นจาภสภาที่ปรึกษา ฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการนำเสนอแผนแม่บท ในเรื่องต่าง ๆ ต่อคณะรัฐมนตรี สรุปได้ดังนี้ 1. แนวทางและวิธีปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ฯ กับสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับการนำเสนอความเห็นและ ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ โดยกรณีความเห็นและข้อเสนอแนะที่มิใช่กรณีเร่งด่วน มอบให้สำนักเลขาธิการคณะ รัฐมนตรีนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีไปตามขั้นตอนปกติ ส่วนกรณีความเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นกรณีเร่งด่วน มอบ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปหารือสำนักงานสภาที่ปรึกษา ฯ เพื่อให้ได้กรอบหรือหลักเกณฑ์การพิจารณาที่ ชัดเจนว่าเรื่องที่เป็นกรณีเร่งด่วนควรเป็นเรื่องประเภทใด โดยเบื้องต้นควรกำหนดว่าเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน (HOT ISSUE) ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสภาที่ปรึกษา ฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นร่วมกันว่าเป็นเรื่องด่วน ทีต้องรีบนำเสนอคณะรัฐมนตรี 2. การขอความเห็นจากสภาที่ปรึกษา ฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีกรณีการนำเสนอ แผนแม่บทในเรื่องต่าง ๆ ต่อคณะรัฐมนตรี โดยกรณีแผนแม่บทที่มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายดำเนินการเฉพาะพื้น ที่ หรือเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายของแต่ละหน่วยงานหรือตามนโยบายของรัฐบาล ให้ถามความเห็น เฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องขอความเห็นจากสภาที่ปรึกษา ฯ สำหรับกรณีแผนแม่บทที่มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายดำเนินการซึ่งมีผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม กระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือกระทบต่อสิทธิหรือวิถีชีวิตของภาคประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ ให้ขอความเห็นจากสภาที่ ปรึกษา ฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชา ติ พ.ศ. 2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2547 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการ ประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||
37579 | ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย | ยธ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ
ร่างกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย และส่งความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ฯ ให้ประธานรัฐ สภาในฐานะผู้รักษาการตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวใช้ประกอบการพิจารณาต่อไป ดังนี้ 1. ควรกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย และการเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้ชัด เจน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2. การใช้เอกสารในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของภาคประชาชน ควรกระทำได้โดยง่าย สะดวก และ รวดเร็ว โดยกำหนดให้ใช้เลขประจำตัวประชาชนสิบสามหลัก และแบบฟอร์มลงลายมือชื่อเป็นหลัก โดยอาจแนบ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนประกอบด้วยก็ได้ 3. เห็นด้วยกับการตัดช่องทางการเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยการจัดการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ออก และควรที่จะใช้ประโยชน์จากองค์กรที่มีอยู่ให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด การเพิ่มช่องทางดังกล่าวจะเป็นการเพิ่ม ค่าใช้จ่ายแก่รัฐมากขึ้น 4. ควรกำหนดให้สำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ตรวจสอบเรื่อง การทะเบียนราษฎรและตรวจสอบคุณสมบัติว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีหน้าที่ตรวจสอบสิทธิในการเลือกตั้งว่าไม่ตกเป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง รวมทั้งกำหนดระยะเวลาการตรวจ สอบไว้ในกฎหมายให้ชัดเจน 5. ควรกำหนดให้ประธานรัฐสภา จะต้องจัดส่งหนังสือยืนยันการเข้าชื่อเสนอกฎหมายไปยังประชาชน ที่มีรายชื่อเป็นผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไปยังภูมิลำเนาหรือที่อยู่ปัจจุบันที่แจ้งไว้ในเอกสารแสดงความจำนงที่จะเข้า ชื่อเสนอกฎหมายในตอนต้นเพื่อให้ประชาชนสามารถที่จะคัดค้านการเข้าชื่อเสนอกฎหมายหากตนเองมิได้เป็นผู้ ร่วมในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด 6. รัฐควรสนับสนุนข้อมูลความรู้และงบประมาณในการจัดทำร่างกฎหมายของภาคประชาชนและสนับ สนุนการประชาสัมพันธ์หรือเผยแพร่ร่างกฎหมายของประชาชน 7. ไม่ควรกำหนดบทลงโทษเนื่องจากเรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทาง การเมืองของประชาชนโดยตรงเป็นการใช้สิทธิของประชาชนซึ่งต้องมีการแสดงเอกสารหลักฐาน |
||||||||||||||||||||||||
37580 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การพัฒนาการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในยุคการค้าเสรี | สสป | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การพัฒนาการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในยุคการค้าเสรี" และรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความ เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะสรุปได้ดังนี้ 1. การผลิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 1.1 สร้างระบบเชื่อมโยงตลาดและพัฒนาตลาดกลางขององค์กรเกษตรกรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถใน การแข่งขัน และลดช่องว่างการตลาด รวมทั้งสร้างตลาดให้เกิดในชุมชน 1.2 ส่งเสริมให้มีการผลิตแบบเกษตรผสมผสานมากขึ้น ลดการผลิตเชิงเดี่ยว และใช้สารอินทรีย์ที่ผลิต เองในชุมชน 1.3 ส่งเสริมให้มีการศึกษา วิจัย และค้นคว้า รวมทั้งพัฒนาองค์ความรู้ด้านการพัฒนาการเกษตรด้วย ภูมิปัญญาท้องถิ่น 1.4 พัฒนาองค์ความรู้และขีดความสามารถของบุคลากรในภาคการเกษตรให้สามารถปรับตัวรองรับ ผลกระทบที่จะเกิดจากปัจจัยภายนอก 2. การเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตร 2.1 จัดให้มีมาตรการอำนวยความสะดวกให้เกิดการเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตร สร้างแรงจูงใจให้ผู้ บริโภค เน้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีภารกิจสำคัญในการสนับสนุนงบประมาณและโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรอย่างจริงจัง เพื่อลดปัญหาสินค้าล้น ตลาดและขาดตลาดบางช่วง 2.3 ส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนาขีดความสามารถในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร สามารถปรับตัวและ กำหนดทิศทางเพื่อรองรับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกประเทศ 3. การจัดการตลาด 3.1 จัดตั้งตลาดกลางเพื่อรวบรวม ประมูล และกระจายผลผลิตทางการเกษตรในแต่ละจังหวัด 3.2 จัดการระบบโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนการผลิตรวมและสนับสนุนระบบการขนส่งสินค้าให้ถึงมือผู้ ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ 3.3 ให้ตัวแทนสถาบันเกษตรกรมีบทบาทและส่วนร่วมในการเจรจาการค้าในทุกระดับ 4. มาตรการสนับสนุนของภาครัฐ 4.1 พัฒนาฐานข้อมูลและมีการวิเคราะห์ที่เป็นระบบให้ทันสถานการณ์ เพื่อกำหนดนโยบายและการ ตัดสินใจของเกษตรกร รวมทั้งส่งเสริมให้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยได้อย่างต่อเนื่อง 4.2 กำหนดมาตรการในการสร้างเสถียรภาพทางด้านรายได้ของเกษตรกร เพื่อทดแทนมาตรการใน การแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรโดยตรง 4.3 สร้างมาตรฐานสินค้าเกษตรภายในประเทศทัดเทียมมาตรฐานส่งออก 4.4 ดำเนินการจดทะเบียนเกษตรกรให้ทั่วถึง ถูกต้อง และเป็นธรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวาง นโยบายและวางแผนด้านการเกษตร 4.5 ปรับปรุงเงื่อนไขกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อรองรับการแก้ไขผลกระทบจากการทำข้อตกลงการค้าเสรี 4.6 กำหนดมาตรการตรวจสอบคุณภาพสินค้าและมาตรการจัดเก็บภาษีสินค้าเกษตรนำเข้าจากผู้นำ เข้าและผู้กระจายสินค้าในประเทศในรูปแบบภาษีท้องถิ่นและมาตรฐานความปลอดภัยของผู้บริโภค
|
.....