ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1878 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 37541 - 37560 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37541 | ร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการดำเนินการของหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย พ.ศ. .... | อก | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง หลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการดำเนินการของหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ โดยร่างประกาศ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการของหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อยที่มี ต่อสมาชิกชาวไร่อ้อย โรงงาน และนายทะเบียน 2. กำหนดให้สมาชิกภาพของหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อยสิ้นสุดลงกรณีไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดใน ร่างข้อ 4
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37542 | การแก้ไขข้อคลาดเคลื่อนในมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 สำหรับโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแก้ไขข้อคลาดเคลื่อนในหนังสือ กค. ด่วนที่สุด ที่ กค 0421.3/12415 ลงวันที่
28 กรกฎาคม 2552 เรื่อง การเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 สำหรับโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในส่วนของข้อ 4.2 และข้อ 5.1 |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37543 | ขอเพิ่มรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กำกับดูแลงานด้านความมั่นคงเป็นรองประธานกรรมการ ในคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายสากล | นร | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้
1. ยกเลิกคณะกรรมการประสานการปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (รปภ.) 2. เพิ่มรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กำกับดูแลงานด้านความมั่นคง เป็นรองประธาน กรรมการ ในคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายสากล (นอก.)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37544 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง นโยบายและมาตรการรับมือผลกระทบจากวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจโลก | สสป | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37545 | การแต่งตั้งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (พลอากาศตรี ภักดิวรรธน์ วชิรพัลลภ) | คค | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งพลอากาศตรี ภักดิวรรธน์ วชิรพัลลภ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการสถาบัน
การบินพลเรือน โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ 190,000 บาท พร้อมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ตามที่ กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้น ไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37546 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | นร | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอรายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราช
การและรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับนโยบายและภาพรวมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิ สภา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37547 | รายงานการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 5/2552 | นร | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วย
รัฐมนตรี ครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมรับทราบเกี่ยวกับการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม รวมถึงปัญหาและอุปสรรคในการแก้ ไขปัญหายาเสพติดในเรือนจำ โดยได้ตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม ดังนี้ 1.1 กรมราชทัณฑ์ควรเพิ่มการให้ความสำคัญและแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ โดยตัดระบบเครือข่ายทั้งภาย ในภายนอกเรือนจำโดยสกัดกั้นและตัดการติดต่อระหว่างผู้ต้องขังและผู้ที่เป็นเครือข่ายออกจากกัน ซึ่งจะต้องดำเนิน การอย่างเด็ดขาดและจริงจัง 1.2 ควรมีการตรวจสอบควบคุมการซื้อขายและเสพยาเสพติดในสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งมั่วสุมของ กลุ่มเยาวชน 1.3 ให้มีหน่วยงานทำงานประสานเชื่อมโยงกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสามารถรับ ทราบพัฒนาการของยาเสพติดได้อย่างทันท่วงที 1.4 ควรมีการจำแนกและจัดทำสถิติของผู้ต้องหาคดียาเสพติดว่าเป็นประเภท ผู้ค้าและผู้เสพ หรือผู้ ค้าอย่างเดียว 1.5 ควรมีการจำแนกผู้ติดยาเสพติดตามลักษณะของสารเสพติด เพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาที่ ถูกต้องต่อไป 2. ที่ประชุมรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดโทษประหารชีวิตในประเทศไทย โดยให้กรรมการผู้ช่วย รัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ (นายพนิช วิกิตเศรษฐ์) จัดประชุมหารือร่วมกับกระทรวงยุติธรรมเพื่อ พิจารณาแนวทางในการให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าวกับประเทศต่าง ๆ ต่อไป 3. ที่ประชุมกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 6/2552 ในวันที่ 30 ตุลาคม 2552 ณ กระทรวงวัฒนธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37548 | งบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนองบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและ
ส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองแล้ว ดังนี้ 1. งบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 และ 2550 2. งบรายได้ค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และสำหรับงวดสี่เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 3. งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของทุน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และสำหรับงวดสี่ เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 4. งบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และสำหรับงวดสี่เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 5. หมายเหตุประกอบงบการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และสำหรับงวดสี่เดือนสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2550
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37549 | โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบจำหน่าย | มท | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินงานตามโครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบ จำหน่าย (คปจ.) (Distribution System Efficiency Improvement Project) ระยะเวลาดำเนินการ ปี พ.ศ. 2552 -2553 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของระบบจำหน่ายให้สามารถรองรับความต้อง การใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการก่อสร้างเสริมระบบจำหน่ายสายย่อย รวมทั้งปรับปรุงระบบจำหน่าย และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทรุดโทรมหรือเสื่อมสภาพในพื้นที่บริการของ กฟภ. ทั่วประเทศ วงเงินลงทุน 12,690 ล้าน บาท (โดยใช้เงินกู้ในประเทศ 9,510 ล้านบาท และเงินรายได้ กฟภ. 3,180 ล้านบาท) ตามที่กระทรวงมหาด ไทยเสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทย (กฟภ.) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการกำกับกิจ การพลังงาน และประธานกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ที่ให้ กฟภ. สรุปรายงานผลการดำเนินงานทราบเป็น ระยะ ๆ และในการดำเนินโครงการ คปจ. ควรมีการวางแผนป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่อาจเกิดขึ้น ในช่วงการก่อสร้างโครงการเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเนื่องจากประมาณการผลตอบแทนทางการ เงินสุทธิ (NPV) ของโครงการติดลบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ กฟภ. ในอนาคต จึงเห็นควร ให้ กฟภ. พิจารณามาตรการรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงินที่เหมาะสมกับภาระเงินกู้ รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการดำเนินงาน และการเบิกจ่ายงบลงทุนของโครงการให้เป็นไปตามแผน การดำเนินงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37550 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ | กษ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานดำเนินการโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัด อุตรดิตถ์ แผนการดำเนินงานโครงการ 9 ปี (พ.ศ. 2553-2561) กรอบวงเงินของโครงการ 10,500 ล้านบาท ตาม ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยงบประมาณรายจ่ายการดำเนินงานโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 เพื่อดำเนินการไปพลางก่อน และเสนอของบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สำนัก งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการดำเนินการ ตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมการก่อสร้างโครงการดัง กล่าว ตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 ให้ความเห็นไว้ และนำไปปรับปรุง การดำเนินการโครงการตลอดจนให้มีการดำเนินการตามกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ตามความเห็น ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาห กรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย มีการศึกษาผลกระทบ จากการดำเนินโครงการ ดำเนินการชดเชยค่าที่ดินที่เหมาะสมเป็นธรรม และกำหนดกระบวนการติดตามประเมินผล หลังสิ้นสุดโครงการ รวมทั้งจัดทำเกณฑ์การจัดสรรน้ำในระบบลุ่มน้ำและสร้างความเข้าใจให้กลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อไม่ให้เกิด ข้อขัดข้องแย้งกันในกรณีที่มีน้ำต้นทุนน้อยกว่าปกติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37551 | การลงนามร่าง BIMSTEC Convention on Combating International Terrorism, Transnational Organized Crime and Illicit Drug Trafficking | นร | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างอนุสัญญา BIMSTEC Convention on Cooperation in Combating
International Terrorism, Transnational Organized Crime and Illicit Drug Trafficking เพื่อให้สามารถลงนาม ได้ในการประชุมระดับรัฐมนตรี BIMSTEC ที่ประเทศพม่า โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างอนุสัญญา ฯ และในระยะต่อไปหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่าง อนุสัญญา ฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แล้ว ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ตามที่ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37552 | ร่างกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... | ศธ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้รวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดตั้งเป็นสถาบันการอาชีวศึกษาจำนวน 19 สถาบัน ตามแนวทางการแบ่งกลุ่มจังหวัด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติที่เห็นควรมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกำลังคนด้านช่างเทคนิคและช่างฝีมือให้มีคุณภาพและมีสมรรถนะ เพิ่มขึ้น และการขยายการผลิตกำลังคนไปถึงปริญญาตรีเชิงปฏิบัติการที่ต้องมีความร่วมมือจากภาคเอกชนหรือ สถานประกอบการอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37553 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ | ทส | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 4 พฤษภา คม 2552 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความ สำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นควรศึกษาและพัฒนาปรับปรุงกฎหมายด้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งระบบโดยบูรณาการเรื่องที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เช่น ทรัพยากรป่าไม้ การจัด การพื้นที่ชุ่มน้ำ การจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำ และการควบคุมมลพิษ เป็นต้น การสร้างความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ จากการขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต การติดตามประเมินผลการดำเนินการ ตามมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางการปรับปรุงเพิ่มเติม ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมทั้งมีมาตรการด้านการฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกบุกรุกทำลายทั้งระบบเพื่อให้เกิดการ ใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างยั่งยืนโดยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานระดับท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ และการ กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบตามมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ นอกจากนี้ ควรศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวด ล้อมกับความมั่นคงของรัฐ และความไม่มั่นคงของประชาชน ความขัดแย้งจากการแย่งชิงและการใช้สอยทรัพยากรสิ่ง แวดล้อมต่าง ๆ ในพื้นที่ในสภาวะของการมีทรัพยากรจำกัด ขาดแคลน และมีสภาพเสื่อมโทรมลง รวมถึงการรณรงค์ ให้ความรู้ ทำความเข้าใจ และสร้างจิตสำนึกของประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนในพื้นที่เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ในการฟื้นฟู เฝ้าระวัง มีการประเมินความรู้สึกและความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการดำเนินการตามมติดังกล่าว ไปพิจารณา หากสมควรปรับปรุงมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำประการใดให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37554 | รายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2010) | นร | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ 1.1 รับทราบรายงานผลการดำเนินการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ ของหน่วยงานต่าง ๆ และผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจในประเทศต่าง ๆ ของธนาคารโลก (Doing Business 2010) ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 12 จาก 183 ประเทศ 1.2 เห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ประสานการดำเนินการกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจให้เกิดผลสำเร็จต่อเนื่องต่อไป 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรให้สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ ในการอำนวยความสะดวกและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนที่ จะเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย และความเห็นของกระทรวงแรงงานที่เห็นควรปรับเปลี่ยนข้อความในรายงาน เอกสารแนบ 1 หน้า 3 ข้อ 3 ด้านการจ้างงาน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. เห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลัก โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติเข้าไปร่วมศึกษาวิเคราะห์เรื่องตัวชี้วัดที่มีผลต่อการจัดอันดับ และประสานการดำเนินการกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างต่อเนื่องต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37555 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบอาเซียนเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ (Memorandum of Understanding on ASEAN Co-operation in Agriculture and Forest Products Promotion Scheme) | กษ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบอาเซียนเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมสินค้า เกษตรและป่าไม้ (Memorandum of Understanding on ASEAN Co-operation in Agriculture and Forest Pro ducts Promotion Scheme) โดยวัตถุประสงค์หลักของบันทึกความเข้าใจ ฯ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มอำนาจ การต่อรองในเรื่องการค้าผลิตภัณฑ์เกษตรและป่าไม้ของอาเซียนในตลาดโลก รวมถึงความพยายามขยายตลาด สินค้า พัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร เป็นฐานสำหรับการประสานงานระหว่างสมาชิกอย่างใกล้ ชิด และคงไว้ซึ่งการผลิตสินค้าเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีวัตถุดิบในการผลิตที่ยั่งยืน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป 2. มอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ ใน การประชุมรัฐมนตรีเกษตรและป่าไม้อาเซียน ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 7-12 พฤศจิกายน 2552 ณ ประเทศบรูไน ดารุสซาราม เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบบันทึกความเข้าใจ ฯ แล้ว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไข เอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้คณะผู้แทนไทยดำเนินการได้ โดยไม่ต้อง นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37556 | การดำเนินการโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ | ทส | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการศึกษาสำรวจเพื่อ ประเมินสภาพเชิงวิศวกรรม ความเสียหาย และมูลค่าของความเสียหายของสิ่งก่อสร้างภายใต้โครงการออกแบบ รวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ และนำผลการดำเนินการ ดังกล่าว ไปใช้เป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาเสนอความเห็นต่อรัฐสภาเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินโครง การออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการต่อไป ตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. อนุมัติค่าใช้จ่ายในการศึกษาสำรวจเพื่อประเมินความเสียหายดังกล่าว จำนวน 15 ล้านบาท จาก งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้กรมควบคุมมลพิษขอทำความตกลงในราย ละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการด้วย ดังนี้ การดำเนินการระบบบำบัดน้ำเสียตามโครงการ ฯ ต้องมีการวางระบบป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับระบบ นิเวศน์ จึงเห็นควรดำเนินการศึกษาสำรวจเพื่อประเมินผลกระทบทางด้านสุขภาพ (Health Impact Assessment : HIA) และการประเมินความเสียหายและมูลค่าของความเสียหายของสิ่งก่อสร้างภายใต้โครงการ ฯ ควรจำแนก ความเสียหายออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป และความเสียหายจากการ ถูกลักทรัพย์ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37557 | การสมัครเข้ารับการเลือกตั้งซ้ำในตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) | ทก | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ประเทศไทยสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหารของสหภาพโทร
คมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) อีกวาระหนึ่ง และมอบให้กระทรวงการ ต่างประเทศดำเนินการขอเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศในการสมัคร เข้ารับการเลือกตั้งของประเทศไทย ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการจัดทำเอกสารแผ่นพับประกอบการขอรับการสนับสนุน โดยชี้แจง วิสัยทัศน์ที่ไทยต้องการผลักดันให้สภาบริหาร ITU และผลการดำเนินงานด้านโทรคมนาคมของประเทศไทยที่ผ่าน มาในลักษณะที่กระชับและชัดเจน เพื่อประโยชน์ต่อการช่วยรณรงค์หาเสียงจากประเทศสมาชิก ITU ในตำแหน่งดัง กล่าว ตามความเห็นกระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37558 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีของโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย ครั้งที่ 5 | วท | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานสรุปผลการดำเนินงานโครง
การสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) ประจำปี พ.ศ. 2551 โดยผลการดำเนินโครงการ วมว. เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด คือ ดำเนินการจัดตั้งห้อง เรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย จำนวน 4 ห้อง มีจำนวนนักเรียนห้องละ 30 คน โดยมีมหาวิทยาลัยและโรงเรียนที่เข้าร่วมดำเนิน งานโครงการ วมว. จำนวน 4 แห่ง ซึ่งดำเนินการจัดทำหลักสูตรเฉพาะที่มีมาตรฐานเทียบเคียงได้กับหลักสูตร โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37559 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายไพโรจน์ วราชิต และนางบุญรัตน์ วราชิต) | สธ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่ง
ระดับ 10 จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 1. นายไพโรจน์ วราชิต ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2551 2. นางบุญรัตน์ วราชิต ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวช กรรม โรงพยาบาลบุรีรัมย์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2551
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37560 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางวิมลมาลย์ พงษ์ฤทธิ์ศักดา และนายเมธี จันท์จารุภรณ์) | สธ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่ง
ระดับ 10 จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 1. นางวิมลมาลย์ พงษ์ฤทธิ์ศักดา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขากุมาร เวชกรรม กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนคร ราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนัก งานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2551 2. นายเมธี จันท์จารุภรณ์ ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช. (ด้านกำลังคนสาธารณสุข) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2551
|
.....