ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1872 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 37421 - 37440 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37421 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนตุลาคม 2552 | อก | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำ
เดือนตุลาคม 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตและการจำหน่ายคาดว่าจะขยายตัวตามคำสั่งซื้อที่มีเข้า มาอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี เนื่องจากการส่งออกในตลาดหลักเริ่มปรับตัวดีขึ้น ยกเว้นตลาดสหรัฐอเมริกา อย่างไร ก็ตามเครื่องนุ่งห่มสามารถขยายตัวได้อีกในตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากภาษีที่ลดลงเป็นร้อยละ 0 ตามข้อตกลง JTEPA และ AJCEP ซึ่งญี่ปุ่นเองต้องการที่จะลดการนำเข้าจากประเทศจีนเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องคุณภาพและการส่ง มอบ 2. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยแนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประมาณการว่าจะ ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 10 เนื่องจากการปรับลดลงของเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นเป็น หลักในตลาดส่งออกหลัก เช่น ตลาดอียู และญี่ปุ่น ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ประมาณการว่าจะ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของส่วนประกอบ HDD ชิ้นส่วน IC และเซมิคอนดักเตอร์เริ่มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการผลิต HDD ปรับตัวสูงมากกว่าช่วงเดียว กันของปีก่อน
|
|||||||||||||||||||||
37422 | รายงานการประชุม The International Conference on Green Industry in Asia (ระหว่างวันที่ 9 - 11 กันยายน 2552) | อก | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอรายงานการประชุม The International Conference
on Green Industry in Asia ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2552 ที่ประชุมได้พิจารณาแก้ไขร่างปฏิญญา มะนิลาพร้อมแผนปฏิบัติการโดยละเอียด ซึ่งสาระสำคัญส่วนใหญ่ของร่างปฏิญญา ฯ ยังคงเดิม แต่ได้ปรับถ้อยคำให้ เหมาะสมยิ่งขึ้น และเพิ่มเรื่องการรายงานและประเมินความคืบหน้าของการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ โดยที่ประชุมได้ รับรองร่างปฏิญญามะนิลาที่ได้แก้ไขเพื่อนำเสนอที่ประชุมระดับรัฐมนตรีพิจารณารับรองต่อไป 2. ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน 2552 ที่ประชุมได้รับรองปฏิญญามะนิลา ว่าด้วยอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเอเชีย และกรอบการดำเนินงานโดยไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายต่อ ประเทศที่ร่วมประกาศเจตนารมณ์ โดยได้เพิ่มเติมข้อความในกรอบการดำเนินงานให้มีการสื่อข้อมูลไปยังเลขาธิการ ที่ประชุมสุดยอดสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ณ กรุงนิวยอร์ก และการประชุมรัฐภาคีอนุ สัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ณ กรุงโคเปนเฮเกน พร้อมกันนี้ที่ประชุม ได้มีการประกาศถ้อยแถลงของรัฐมนตรีประเทศต่าง ๆ ที่กล่าวถึงนโยบายและแนวทางที่แต่ละประเทศดำเนินการอยู่ ส่วนใหญ่มีแนวทางการดำเนินงานที่สอดรับกับการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับ เปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทน และเห็นความจำเป็นที่ต้องเร่งให้มีการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมในประเทศไปสู่อุตสาห กรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีการประชุมทางวิชาการในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ สถานภาพของการ ใช้ทรัพยากรในภาคอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพในภูมิภาคเอเชียเส้นทางสู่อนาคตโอกาสใหม่ในเอเชีย การขับ เคลื่อนไปสู่กระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ การสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ บริการด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน และการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับอุตสาหกรรมสีเขียวในภูมิภาคเอเชีย
|
|||||||||||||||||||||
37423 | สรุปภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สาม และแนวโน้มปี 2552 - 2553 | นร | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานสรุป
ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 3/2552 และแนวโน้มปี พ.ศ. 2552-2553 ดังนี้ 1. ในไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจไทยหดตัวร้อยละ 2.8 (เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน) เป็นการหดตัว น้อยที่สุดหลังจากหดตัวร้อยละ 7.1 และ 4.9 ในไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี พ.ศ. 2552 รวม 9 เดือนแรกเศรษฐกิจ ไทยหดตัวร้อยละ 5.0 ทั้งนี้ เศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 โดยปรับผลของฤดูกาลออก แล้วขยายตัวร้อยละ 1.3 (% QoQ SA) นับเป็นการขยายตัว 2 ไตรมาสติดต่อกันต่อจากที่ขยายตัวร้อยละ 2.2 ใน ไตรมาสที่ 2 ประกอบกับดัชนีเศรษฐกิจรายเดือนอื่น ๆ ของปีนี้เริ่มปรับตัวเป็นบวก โดยเฉพาะการค้าส่งค้าปลีกที่ สะท้อนออกมาในรูปของภาษีมูลค่าเพิ่ม การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นโดยลำดับหลังจากที่ลดลงต่ำสุดเมื่อตอนต้นปี อัตรา การใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการลดลงของสินค้าคงเหลือของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไป สู่การเพิ่มรอบการทำงานเพื่อผลิตสินค้ารุ่นใหม่เพิ่มขึ้น 2. แนวโน้มเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2552-2553 โดยในไตรมาสที่ 4 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัว เป็นบวกในอัตราประมาณร้อยละ 2.7-3.2 จากการปรับตัวดีขึ้นของการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภคและการ ลงทุนภาครัฐ ซึ่งจะทำให้ทั้งปี พ.ศ. 2552 เศรษฐกิจไทยจะติดลบประมาณร้อยละ 3.0 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมเมื่อ ต้นปีว่าอาจติดลบถึงร้อยละ 4.0 ส่วนอัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ -0.9 และมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 22.3 พัน ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 8.8 ของ GDP สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. 2553 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0 -4.0 โดยมีการลงทุนภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นแรงผลักดันให้การบริโภคและการลงทุนของภาค เอกชนขยายตัวดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 2.5-3.5 และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง เป็นร้อยละ 5.3 ของ GDP
|
|||||||||||||||||||||
37424 | การเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร | นร | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ณ วันที่ 19
พฤศจิกายน 2552 และเห็นชอบเร่งรัดหน่วยงานดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรเสนอ ดังนี้ 1. หลักเกณฑ์การใช้สิทธิชดเชยของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ให้ใช้แนวทางเดียวกันกับการใช้สิทธิของเกษตร กรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ปี 2552/53 ที่กำหนดให้ใช้สิทธิได้ทันทีนับถัดจากวันทำสัญญา โดย ให้ระยะเวลาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบก่อนจ่ายเงินได้ไม่เกิน 15 วัน และ ให้สิ้นสุดการใช้สิทธิในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ยกเว้นภาคใต้สิ้นสุดเดือนพฤษภาคม 2553 2. ให้ ธ.ก.ส. เร่งดำเนินงานโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกรเพื่อรอการจำหน่าย ปีการ ผลิต 2552/53 ของ ธ.ก.ส. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 โดยเร็ว ซึ่งควรเริ่มดำเนินการให้ได้ ภายในเดือนพฤศจิกายน 2552 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอนการปฏิบัติ และกรอบระยะเวลาการ ดำเนินงานกรณีข้าวรอบ 2 เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติพิจารณาภายในเดือนพฤศจิกายน 2552 เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติในพื้นที่มีความพร้อมเมื่อถึงกำหนดเวลา 4. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่ง ขณะนี้ล่าช้ากว่ากำหนดการที่ได้ตั้งไว้ให้ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด 5. ให้กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รวมทั้งกรมพัฒนาที่ดินเร่งทบทวนข้อมูล ทบก. ทพศ. กับฐานข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ฐานข้อมูลด้านกายภาพของกรมพัฒนาที่ดิน และ ฐานข้อมูลที่ ธ.ก.ส. ใช้ทำสัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่เพาะปลูกที่แจ้งจดทะเบียนมากกว่าพื้นที่ที่มีอยู่จริง โดยควร มีระบบการเรียงลำดับข้อมูลตามประเภทของเอกสารสิทธิที่ใช้จดทะเบียน และลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน และ ทบทวนข้อมูลชนิดของพืช และปฏิทินการเพาะปลูกที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม อันเนื่องมาจากการใช้เครื่องจักร กลในการเก็บเกี่ยวมากขึ้น รูปแบบการผลิตที่เปลี่ยนจากการดำเป็นการหว่านในกรณีของข้าว รวมทั้งการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการปรับปรุงปฏิทินการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้นเพื่อให้การดำเนินการของโครงการในปี พ.ศ. 2553/54 มีความถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น 6. ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนพืชเศรษฐกิจที่มีพื้นที่ที่ มีความแตกต่างอย่างต่อเนื่อง และรายงานต่อคณะกรรมการประสาน ฯ ทุกสัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||
37425 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) (ระหว่างวันที่ 10 - 16 พฤศจิกายน 2552) | นร | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่คณะกรรมการอำนวยการกำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
(คชอ.) เสนอรายงานผลการประชุม คชอ. ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยที่เกิด ขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552 จนถึงปัจจุบันว่า จากอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีคลื่นลม และฝนตกหนักถึงหนัก มาก และเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยมีพื้นที่ประสบภัย 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ชุมพร ตรัง และสตูล รวม 99 อำเภอ 519 ตำบล 3,317 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 198,366 คน 721,441 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 20 คน บาดเจ็บ 12 ราย บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 17 หลัง เสียหายบางส่วน 1,941 หลัง ถนนเสียหาย 1,554 สาย สะพาน 153 แห่ง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมเบื้องต้นประมาณ 126,653 ไร่ เป็นต้น มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นอยู่ ระหว่างการสำรวจ 2. สำหรับการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดที่ประสบภัยได้ ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว นอกจากนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดทำแผนปฏิบัติการและงบ ประมาณ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2553-2555) ภายใต้แผนแม่บทการป้องกันและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม (ระยะ 5 ปี) ซึ่งกำหนดยุทธศาสตร์การป้องกันและช่วยเหลือไว้แล้ว โดยให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องที่มีบทบาทและภารกิจในแต่ละยุทธศาสตร์ติดตามสถานการณ์ จัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชน และหากพิจารณาเห็นว่าสถานการณ์รุนแรงและจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อบรร เทาความเดือดร้อนของประชาชน และฟื้นฟูสาธารณูปโภคให้กลับสู่สภาพการใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว ให้หน่วย งานต่าง ๆ สำรวจความเสียหายและเสนอแผนงาน/โครงการมายัง คชอ. ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 เพื่อ มอบหมายให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนงาน/โครงการ และงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยรับ ไปพิจารณากลั่นกรองตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
37426 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2552 | กค | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (ราย
โครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. จำนวนโครงการ 1.1 โครงการที่ได้รับอนุมัติ จำนวน 21,880 โครงการ 1.2 หน่วยงานป้อนรายละเอียด/สำนักงบประมาณพิจารณา จำนวน 14,001 โครงการ 1.3 จัดสรรเงินแล้ว จำนวน 6,419 โครงการ 1.4 ลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน 1,306 โครงการ 1.5 เสร็จสมบูรณ์ จำนวน 154 โครงการ 2. วงเงิน 2.1 วงเงินที่ได้รับอนุมัติ 199,960.60 ล้านบาท 2.2 วงเงินรอจัดสรร 129,154.29 ล้านบาท 2.3 วงเงินจัดสรรแล้วที่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญา 42,196.22 ล้านบาท 2.4 ลงนามในสัญญาแล้วอยู่ระหว่างดำเนินงาน โดยมีวงเงินตามสัญญา 12,830.62 ล้านบาท เบิก จ่ายแล้วบางส่วน 2,536.74 ล้านบาท 2.5 ดำเนินงานตามสัญญาและเบิกจ่ายเสร็จสมบูรณ์แล้ว 15,458.69 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
37427 | การจัดทำรายงานผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่หนึ่ง (30 ธันวาคม 2551 - 30 ธันวาคม 2552) | นร | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่คณะกรรมการติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอรูปแบบและ
เค้าโครงการจัดทำรายงานผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่หนึ่ง (30 ธันวาคม 2551-30 ธันวาคม 2552) โดยเค้าโครง การรายงานผลการดำเนินงาน ฯ ประกอบด้วย 6 ส่วน ได้แก่ 1. สถานการณ์การพัฒนาประเทศในช่วงปีแรกของรัฐบาล 2. กรอบการจัดสรรและใช้จ่ายงบประมาณในช่วงปีแรกของรัฐบาล 3. ผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายแห่งรัฐ 4. ผลการดำเนินการตามข้อเรียกร้องของประชาชนและองค์กรภาคประชาชน 5. บทส่งท้าย : การดำเนินงานของรัฐบาลในระยะต่อไป 6. ภาคผนวก
|
|||||||||||||||||||||
37428 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรี (MC) ขององค์การการค้าโลก (WTO) สมัยสามัญ ครั้งที่ 7 | พณ | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมรัฐมนตรี (Ministerial Conference : MC) ขององค์การการค้า โลก (WTO) สมัยสามัญ ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม 2552 ในการขยายเวลาการยกเว้น อากรศุลกากรเป็นการชั่วคราวสำหรับการค้าที่ส่งผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ต่อไปจนกว่าจะถึงการประชุม MC ครั้ง ที่ 8 และการขยายเวลาการยกเว้นการใช้ TRIPS non-violation complaint ออกไปจนกว่าจะถึงการประชุม MC ครั้งที่ 8 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศที่ว่า หากการดำเนินการอาจมีการ นำไปสู่การจัดทำเอกสารอื่นในภายหลัง ซึ่งอาจจะเข้าข่ายมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือไม่ นั้น จะต้องพิจารณาเนื้อหาและสาระของเอกสารดังกล่าวเป็นรายกรณี ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
37429 | ปัญหาการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2552/53 | พณ | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 1.1 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการเร่งรัดออกหนังสือรับรองผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ที่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรและผ่านการทำประชาคมแล้ว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือรับรองผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่ คงเหลืออยู่ ให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552 และให้ผ่อนผันการออกหนังสือรับรองผลการขึ้นทะเบียน เกษตรกรที่ปลูกข้าวอายุสั้น (ต่ำกว่า 100 วัน) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่รับรองเข้าร่วมโครงการ ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี (รอบที่ 1) ปีการผลิต 2552/53 เฉพาะครั้งนี้เท่านั้น โดยใช้เกณฑ์ราคา ประกันและเกณฑ์กลางอ้างอิงเช่นเดียวกับข้าวเปลือกเจ้าที่รัฐบาลได้กำหนดไว้แล้ว รวมทั้งให้จัดตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อดำเนินการตรวจสอบเอกสารการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เกี่ยวกับพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรเพาะปลูก และแก้ ไขให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงของพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรได้ทำการเพาะปลูกจริง และดำเนินการสำรวจเกษตรกรผู้ปลูก ข้าวที่ตกสำรวจการเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ และให้ใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการ ฯ ได้ หากเกษตรกรที่ตกสำรวจ ยังมีข้าวเปลือกอยู่ในมือ (มีข้าวเปลือกอยู่ในยุ้งฉางของตนเอง หรือมีข้าวอยู่ในแปลงของตนเอง) และเป็นของตนเอง อย่างแท้จริง 1.2 ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบว่า เกษตรกรที่ได้จำหน่าย ข้าวเปลือกไปก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2552 และได้รับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและทำประชาคมแล้ว หากเกษตรกรดัง กล่าวไม่ได้ใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ให้สามารถใช้สิทธิตามโครงการประกันราย ได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 2552/53 ได้ 2. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เสนอเพิ่มเติมว่า ในการดำเนินการออก หนังสือรับรองผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เสนอให้จัดตั้งคณะทำงานพิเศษเฉพาะเพื่อดำเนินการ นั้น ในทางปฏิบัติขอให้หน่วยงาน ต่าง ๆ ที่รับผิดชอบในแต่ละด้าน เช่ น การตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารการขึ้นทะเบียนพันธุ์ข้าวที่เกษตรกร เพาะปลูกจริง และเกษตรกรที่ตกสำรวจการเข้าร่วมโครงการ เป็นต้น จัดบุคลากรเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 3. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. รับไปประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจให้ ถูกต้องตรงกันและดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ให้เกษตรกรที่ได้ทำสัญญากับ ธ.ก.ส. เรียบ ร้อยแล้วขอใช้สิทธิประกันรายได้ได้ทันที ให้สอดคล้องกับความประสงค์ของเกษตรกร ทั้งในส่วนของเกษตรกรที่ได้ จัดทำสัญญากับ ธ.ก.ส. ไว้แล้ว และเกษตรกรรายใหม่ที่กำลังจะทำสัญญา
|
|||||||||||||||||||||
37430 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2552 | กค | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้
สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินการตามแผน การบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 กระทรวงการคลังสามารถ ดำเนินการตามแผน ฯ ประกอบด้วย การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐบาล การบริหารและจัดการเงิน กู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF การบริหารและจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ การก่อหนี้จากต่างประเทศ และการบริหารหนี้ต่างประเทศ ได้ทั้งสิ้น 1,125,798.37 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 81.84 ของแผน ฯ และเมื่อรวมกับการกู้เงินและบริหารหนี้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินการกู้เงินและ บริหารหนี้ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะจำนวน 129,412.90 ล้านบาท แล้ว กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจ ได้กู้เงินและบริหารหนี้รวม 1,255,211.27 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินใหม่ จำนวน 859,425.68 ล้านบาท และ การบริหารหนี้จำนวน 395,785.59 ล้านบาท ในส่วนของผลสำเร็จของโครงการเงินกู้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ประเมินผลโครงการเงินกู้จากต่างประเทศที่ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ของกรมทางหลวง และโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ราชบุรี ชุดที่ 1-3 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
37431 | รายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ประจำปีงบประมาณ 2552 | กค | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู
และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป โดยสาระสำคัญของรายงานมีดังนี้ 1. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินตามพระราชกำหนด ฯ เป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 80,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.1 กู้เงินเพื่อสมทบเป็นเงินคงคลัง จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-2 ร้อยละ 3 ต่อปี ปีที่ 3 ร้อยละ 4 ต่อปี และปีที่ 4-5 ร้อยละ 5 ต่อปี 1.2 กู้เงินเพื่อแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 30,000 ล้านบาท จากสถาบันการเงิน 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพ ฯ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อายุ 2 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราต่ำ สุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดา (FDR) เฉลี่ย 4 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุง เทพ ฯ กรุงไทย ฯ กสิกรไทย ฯ และไทยพาณิชย์ ฯ บวกส่วนเพิ่ม (Spread) ร้อยละ 0.75 0.78 0.79 และ 0.83 ตามลำดับ 2. ผลที่ได้รับจากการกู้เงินภายใต้พระราชกำหนด ฯ ทำให้รัฐบาลมีระดับเงินคงคลังที่เพียงพอต่อการรองรับ ธุรกรรมการใช้จ่ายของรัฐบาล รวมทั้งสามารถจัดสรรเป็นเงินเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและ นำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสิน เชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ซึ่งเป็นการช่วยสนับสนุนโครงการสินเชื่อ Fast Track ในการเร่งอนุมัติสินเชื่อให้บรรลุเป้า หมายทดแทนการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่ลดลง รวมทั้งช่วยเหลือด้านการเงินแก่ประชาชนรากหญ้าและผู้ ประกอบการ SMEs ในภาคการเกษตร การท่องเที่ยว การส่งออก และอสังหาริมทรัพย์
|
|||||||||||||||||||||
37432 | เสนอรายชื่อบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน | นร | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกา
ยน 2552 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้เสนอรายชื่อบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ไปเพื่อสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นเรื่อง ด่วนตามลำดับต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
37433 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน
2552 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี จำนวน 4 ฉบับ และพิจารณาร่างระเบียบวาระ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2 ครั้งที่ 27 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2552 และ ครั้งที่ 28 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน 2552
|
|||||||||||||||||||||
37434 | ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญติที่เกี่ยวข้อง รวม 3 ฉบับ | นร | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน
2552 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 3 ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็น เรื่องด่วน ดังนี้ 1. ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
37435 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. .... | นร | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกา
ยน 2552 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุ ระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
37436 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการขอจัดการอาชีวศึกษา และการฝึกอบรมวิชาชีพของสถานประกอบการ พ.ศ. .... | ศธ | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการขอจัดการอาชีวศึกษาและ
การฝึกอบรมวิชาชีพของสถานประกอบการ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการยื่นคำขอดำเนินการการจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ 2. กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาพิจารณาคำขอและแจ้งผลการพิจารณาให้สถาน ประกอบการทราบภายในระยะเวลาที่กำหนด 3. กำหนดให้มีการติดตามและประเมินผลการจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ และการเพิก ถอนหนังสือรับรองการจัดการอาชีวศึกษา
|
|||||||||||||||||||||
37437 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... | มท | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติด
หรือตั้งป้ายตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ นำข้อกำหนดที่เกี่ยวกับป้ายหรือ สิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายมาประมวลไว้ด้วยกัน และปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงมหาด ไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
37438 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา (จำนวน 7 คน 1. นายบรรจบ ทองวิชิต ฯลฯ) | กษ | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพาน
ปลาชุดใหม่ จำนวน 7 คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (17 พฤศจิกายน 2552) เป็นต้นไป เนื่อง จากคณะกรรมการองค์การสะพานปลาชุดเดิมได้ครบวาระการดำรงตำแหน่งสองปีแล้ว เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2552 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ 1. นายบรรจบ ทองวิชิต ประธานกรรมการ 2. นางสมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ กรรมการอื่น 3. เรือตรี ปรีชา เพ็ชรวงศ์ กรรมการอื่น 4. นายอำนาจ โชติชัย กรรมการอื่น 5. นายสุรพล สุประดิษฐ์ กรรมการอื่น ผู้แทนกระทรวงการคลัง 6. นายวิรัติ ศักดิ์จิรพาพงษ์ กรรมการอื่น 7. นายกมล เลิศเดชเดชา กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||
37439 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) (นายเกษม พิฤทธิ์บูรณะ) | วท | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเกษม พิฤทธิ์บูรณะ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ และมีคำสั่ง ให้รักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
37440 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 23 ราย 1. นายชัยยงค์ สัจจิพานนท์ ฯลฯ) | กต | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรง
ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 23 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....