ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 186 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 3701 - 3720 จากข้อมูลทั้งหมด 124248 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3701 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 | พน. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3702 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ. 2560 | สธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก
พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3703 | รายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยมีดุลการรับ/จ่ายเงิน (รายรับของประเทศหักด้วยรายจ่ายของประเทศ)
สูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ ๔๒,๕๐๖.๕๓ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังมีข้อสังเกตว่า ด้านรายรับ
ประเภทรายได้แผ่นดิน รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการปรับโครงสร้าง เศรษฐกิจ ภาคการผลิต
ภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว ภาคการแพทย์ และภาคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์เพื่อยกระดับการให้บริการบนฐานนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้านรายจ่าย รัฐบาลควรยกระดับการบริหารจัดการภาครัฐ โดยนำระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการสาธารณะให้มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรมและทันต่อสถานการณ์
รวมถึงการพัฒนากฎหมายและกฎระเบียบให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอต่อรัฐสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
3704 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 | กค. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๑ และพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. ๒๕๖๐
ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3705 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง (พระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในทางแพ่งเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิควบคุมดูแลเด็ก พ.ศ. 2555) | พม. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในทางแพ่งเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิควบคุมดูแลเด็ก
พ.ศ. ๒๕๕๕ ออกไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ครบกำหนดตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ จนถึงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3706 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) | กค. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.
๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3707 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 และที่ออกตามพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด พ.ศ. 2561 | ยธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ และพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด
พ.ศ. ๒๕๖๑ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ รวม ๑๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑.
กฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความในพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๖ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑
กฎกระทรวงระบุตำแหน่งพนักงานอื่นเพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถานพินิจ ๑.๒
กฎกระทรวงการแต่งตั้งและถอดถอนผู้ช่วยพนักงานคุมประพฤติ ๑.๓
กฎกระทรวงการออกใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกอบรม
หรือสถานแนะนำทางจิต ๑.๔
ระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่อื่นของสถานพินิจ ๑.๕
ระเบียบการแยกเด็กหรือเยาวชนในสถานที่อื่นนอกจากที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๖
ระเบียบกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกและอบรม
หรือสถานแนะนำทางจิตเกี่ยวกับเด็กได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ ๒.
กฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความในพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด
พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๖ ฉบับ ดังนี้ ๒.๑
ระเบียบกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งเจ้าพนักงานพินิจซึ่งผ่านการฝึกอบรมตามมาตรา ๑๙ ๒.๒ ระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานในสถานที่ควบคุม
การปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานพินิจแนวทางการปฏิบัติตัวของเด็กและเยาวชนแต่ละประเภท ๒.๓
ระเบียบการดูแล แก้ไขบำบัดฟื้นฟู และพัฒนานิสัยเด็กและเยาวชนให้กลับตนเป็นคนดี ๒.๔
ระเบียบการจัดกลุ่มเด็กและเยาวชนให้เหมาะสมในแต่ละประเภท
การควบคุมดูแลแก้ไขบำบัดฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัยเด็กและเยาวชน
และการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ๒.๕
ประกาศกำหนดอาณาบริเวณภายนอกรอบสถานที่ควบคุมซึ่งเป็นที่สาธารณะเป็นเขตปลอดภัย
พร้อมแสดงแผนที่ของอาณาบริเวณดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
3708 | รายงานประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2562-2565) | ยธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) แผนสิทธิมนุษยชนฯ เป็นเครื่องมือ กลไก และมาตรการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการส่งเสริม
ปกป้อง คุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้กับประชาชน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำและขับเคลื่อนแผนดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
โดยแผนสิทธิมนุษยชนฯ ประกอบด้วย โครงการ/กิจกรรม จำนวน ๒,๔๐๙ โครงการ มีโครงการที่ทำเสร็จ
จำนวน ๑,๘๓๗ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๗๖.๒๖
และมีผลการดำเนินการในภาพรวม โดยมอบหมายกระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ)
รับผิดชอบกำหนดแนวทาง วิธีการ รายงานผล และแบบรายงาน ทั้งนี้
เมื่อสิ้นสุดวาระการบังคับใช้แผนฯ กระทรวงยุติธรรมจึงได้รวบรวมข้อมูล
และจัดทำรายงานประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนฯ
เพื่อแสดงถึงพัฒนาการความก้าวหน้า ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องภายใต้หลักการคุ้มครองสิทธิทางวัฒนธรรม
ส่งเสริมศักยภาพกลุ่มชาติพันธุ์และสร้างความเสมอภาคบนความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา ดำเนินการผลักดัน
(ร่าง) พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย
โดยอีกหลายกลุ่มไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิบางประการ เช่น การกำหนดสถานะของบุคคล
การมีสิทธิอาศัยและใช้ประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งมีการทับซ้อนกับพื้นที่อนุรักษ์หรือพื้นที่ที่อยู่ในการดูแลของทางราชการที่ไม่สามารถอนุญาตให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ตามกฎหมาย
และการขาดโอกาสการเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน เป็นต้น ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัดในภาพรวม
อาทิ ดัชนีเสรีภาพ (Freedom in the world) พร้อมทั้งกำหนดค่าเป้าหมายของตัวชี้วัดแต่ละด้านให้ชัดเจน
เพื่อให้การติดตามประเมินผลสามารถสะท้อนความก้าวหน้าและผลสำเร็จในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนในภาพรวมของประเทศอย่างแท้จริง
วิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับสนธิสัญญา/อนุสัญญาระหว่างประเทศ
ปฏิญญาสากลด้านสิทธิมนุษยชน หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่เกี่ยวข้องกับด้านสิทธิมนุษยชน และมีกลไกติดตามผลการดำเนินงานเป็นระยะอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า
(Early warning) ในกรณีที่พบความเสี่ยงหรือปัญหาจากการดำเนินงาน
และหาแนวทางลดความเสี่ยงหรือแก้ไขได้ทันสถานการณ์
เพื่อให้การพัฒนางานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
3709 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในกฎหมายที่กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบ | สธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง จำนวน ๑๑๑ ฉบับ ออกไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ หรือตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ แล้วแต่กรณี ซึ่งออกตามความในกฎหมาย
ดังต่อไปนี้ ๑.๑
พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๒
พระราชบัญญัติวิชาชีพกายภาพบำบัด พ.ศ. ๒๕๔๗ ๑.๓
พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๑
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๔
พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๕
พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๖
พระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๗
พระราชบัญญัติระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๘
พระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๙
ประมวลกฎหมายยาเสพติด ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดออกกฎหมายลำดับรองตามประมวลกฎหมายยาเสพติดให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว
เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||
3710 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | พม. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
จำนวน ๑ ฉบับ ได้แก่ ระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการดำเนินการขององค์กรด้านคนพิการหรือองค์กรอื่นใดที่ให้บริการแก่คนพิการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3711 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 | อก. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่
พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ จำนวน ๑๑ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดเขตควบคุมแร่
การทำเหมือง และการประกอบธุรกิจแร่ ๒. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดชนิดแร่
สภาพ
และปริมาณแร่ที่ต้องแจ้งการนำเข้ามาในราชอาณาจักรหรือเขตไหล่ทวีปหรือการส่งออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตไหล่ทวีป ๓. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การลดหย่อนหรือยกเว้นการเรียกเก็บเงินบำรุงพิเศษ ๔. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการให้ความคุ้มครองแก่คนงานและความปลอดภัยแก่บุคคลภายนอก ๕. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมเฝ้าระวังผลกระทบจากการทำเหมือง ๖. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำหนดความเข้มข้นของน้ำเกลือใต้ดิน ๗. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำหนดชนิดของสสารชนิดใหม่ที่เกิดจากการแต่งแร่ ๘. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประมูลและการยกเลิกการประมูล
ตลอดถึงการให้ผลประโยชน์ตอบแทน ๙. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมการขนแร่และการจัดเก็บแร่ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ๑๐. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำหนดมาตรฐาน
และวิธีการควบคุมการปล่อยมลพิษหรือสิ่งอื่นใดที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการทำเหมือง
การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรม
|
|||||||||||||||||||||
3712 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎอื่นใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติโคนมและผลิตภัณฑ์นม พ.ศ. 2551) | กษ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามมาตรา
๑๐ (๕) แห่งพระราชบัญญัติโคนมและผลิตภัณฑ์นม พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3713 | ขอขยายระยะเวลาการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 และพระราชบัญญัติป่าชุมชุน พ.ศ. 2562 | ทส. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๗ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ และพระราชบัญญัติป่าชุมชุน
พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ รวม ๘ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑.
กฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ จำนวน ๑ ฉบับ
ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดคู่มือคนงาน
ผู้รับจ้างหรือผู้แทนของผู้รับใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตมีใบคู่มือสำหรับทำการตามที่ได้รับอนุญาต
พ.ศ. .... ๒.
กฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙
จำนวน ๑ ฉบับ ได้แก่ ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยการกำหนดค่าทดแทนสำหรับบุคคลที่ได้เสียสิทธิหรือเสื่อมประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. .... ๓. กฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าชุมชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๖ ฉบับ ได้แก่ ๓.๑
ร่างพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ พ.ศ. .... ๓.๒
ร่างกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่อื่นใดที่มีคุณค่าทางธรรมชาติ หรือคุณค่าอื่นอันควรแก่การอนุรักษ์หรือรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นเขตป่าอนุรักษ์
พ.ศ. .... ๓.๓ ร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตการใช้ประโยชน์จากไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่าชุมชน
พ.ศ. .... ๓.๔
ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยหลักเกณฑ์การกำหนดเงินค่าปรับที่ได้รับตามพระราชบัญญัตินี้อันเกิดจากการกระทำความผิดในป่าชุมชน
พ.ศ. .... ๓.๕
ร่างระเบียบกรมป่าไม้ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
การดำเนินการแก่ทรัพย์สินที่ตกเป็นของแผ่นดิน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
3714 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2514 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | อก. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติโรงงาน
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกไปอีก ๑
ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3715 | ขอความเห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ รอบปี ค.ศ. 2023-2029 (Country Programme Framework: CPF) | อว. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
(International Atomic Energy Agency :
IAEA) รอบปี ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๙ (Country Programme Framework : CPF) (ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๒) และมอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในกรอบความร่วมมือฯ
ดังกล่าว โดยร่างกรอบความร่วมมือฯ
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยกับ IAEA
ในด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีซึ่งครอบคลุมทุกสาขา
เช่น ด้านการเกษตร โภชนาการ การแพทย์ อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม
การวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
รอบปี ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๙
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ
รวมทั้งความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ที่เห็นว่าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติควรให้ความสำคัญกับการจัดทำชุดความรู้ด้านความปลอดภัยจากการใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีเพื่อประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนได้รับทราบในวงกว้าง
รวมถึงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นของประเทศไทยในการพึ่งพาเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีในสาขาต่าง
ๆ การดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยจะต้องครอบคลุมการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ ในประเด็นการขาดแคลนน้ำ
น้ำท่วม และคุณภาพน้ำ ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว
รวมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าใจภายใต้บริบทของประเทศไทยด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
3716 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 | อว. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.
ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา
วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พ.ศ. .... ๒. ร่างระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมว่าด้วยมาตรฐานการวิจัยทั่วไป พ.ศ. .... ๓. ร่างระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมว่าด้วยการให้รางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมและการประกาศเกียรติคุณ
พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
3717 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือ แม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 8 | กต. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือ
แม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๘ ต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ทั้ง ๓ ฉบับ ได้แก่ ๑) ร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๘ ๒) ร่างแผนดำเนินการ ๕ ปี กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๗)
และ ๓) ร่างข้อริเริ่มร่วมเรื่องการพัฒนาระเบียงนวัตกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ซึ่งการให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์ฯ ทั้ง ๓ ฉบับ จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างรอบด้าน
สอดคล้องกับผลประโยชน์ของไทยและตอบโจทย์การพัฒนาในบริบทความท้าทายปัจจุบันของอนุภูมิภาคฯ
อาทิ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และปัญหาความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๘ ตามที่ประเทศสมาชิกมีฉันทามติ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างแผนดำเนินการ
๕ ปี กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๗)
และร่างข้อริเริ่มร่วมเรื่องการพัฒนาระเบียงนวัตกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
หากประธานร่วมพิจารณาแล้วเสนอให้มีการรับรองเอกสารข้างต้นในระดับรัฐมนตรี
เนื่องจากคาดว่า ไม่น่าจะสามารถจัดการประชุมผู้นำฯ ร่วมกันได้ในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ดี หากประธานร่วมสามารถจัดการประชุมผู้นำฯ ได้ในอนาคตอันใกล้
ขอให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองเอกสารข้างต้นในการประชุมผู้นำฯ
ตามที่ประเทศสมาชิกมีฉันทามติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๘ จำนวน ๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยซน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||
3718 | ขอขยายระยะเวลาในการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558) | มท. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามมาตรา
๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. ๒๕๕๘ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗
พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3719 | ขยายระยะเวลาในการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) | มท. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นซอบให้ขยายระยะเวลาในการออกกฎหมายลำดับรองซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3720 | ขอขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 | ยธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความในมาตรา
๓๑ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๒๗ รวม ๒ ฉบับ ที่เห็นว่า กระทรวงยุติธรรมมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรองเพียง
๒ ฉบับ (จาก ๑๐ ฉบับ) ได้แก่ ๑)
ประกาศกระทรวงกำหนดการจำแนกประเภทหรือชั้นของเรือนจำ ซึ่งต้องออกตามความในมาตรา ๓๑
แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และ ๒) กฎกระทรวงกำหนดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการโอนนักโทษ
ซึ่งต้องออกตามความในมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๒๗ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ตามความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
|