ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1859 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 37161 - 37180 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37161 | สรุปผลการหารือปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... | นร | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบสรุปผลการหารือปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานผู้แทนการค้าไทยเสนอ ซึ่งได้พิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ประเภทของธุรกิจที่ต้องขออนุญาต การจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการรายเล็กดั้งเดิม (โชห่วย) อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาอุทธรณ์ และสัญญาประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่งที่ไม่เป็นธรรม เป็นต้น สำหรับประเด็นข้อหารือกรณีสำนักงานผู้แทน การค้าไทยกำหนดให้มีคณะกรรมการกลางชุดเดียวในการดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัติ ฯ ในขณะที่กระทรวง พาณิชย์เสนอร่างที่ให้มีคณะกรรมการกลางและคณะกรรมการประจำจังหวัด นั้น ควรเห็นให้มีคณะกรรมการกลาง เพียงคณะเดียว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน 2. ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... ฉบับของสำนักงานผู้แทนการ ค้าไทย และฉบับของกระทรวงพาณิชย์ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมเป็นฉบับเดียว โดย ให้แก้ไขปรับปรุงตามมติคณะรัฐมนตรีในข้อ 1 และรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภค กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับ ขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายควรอยู่บนหลักความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และให้มีมาตรการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ ค้าปลีกหรือค้าส่งรายย่อยภายในชุมชนดั้งเดิมให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น รวมทั้งระยะเวลาในการเปิด บริการไว้ให้ชัดเจน เพื่อให้การประกอบอาชีพของประชาชนในชุมชนที่เกี่ยวกับการค้าขายเครื่องอุปโภคบริโภคจะได้ มีโอกาสในการแบ่งสัดส่วนในทางการตลาด นอกจากนี้ ควรมีมาตรการที่เคร่งครัดในการป้องกันการทุ่มตลาดของ ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง และการควบคุมการขยายตัวทางธุรกิจการค้าปลีกหรือค้าส่งให้มีความเหมาะสม กับสภาพชุมชนในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนกำหนดสถานที่ตั้งให้เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดซึ่งนำไปสู่ ปัญหามลพิษทางอากาศและเสียง และการสิ้นเปลืองพลังงาน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
37162 | ยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง และมลพิษหมอกควัน | มท | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การ
เผาในที่โล่ง และมลพิษหมอกควัน ตามมติคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2552 สรุปสาระสำคัญของยุทธศาสตร์ ฯ ได้ดังนี้ 1. วัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์ ฯ 1.1 เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ในการป้องกัน ลด และแก้ไขปัญหา รวมทั้งผลกระทบต่อ ระบบเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม จากการเกิดไฟป่า การเผาในที่โล่ง และมลพิษหมอกควัน 1.2 เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทุกภาคส่วนในสังคมให้เกิดความรู้ และตระหนักถึงผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้มีความยั่งยืน 1.3 เพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง และมลพิษหมอกควันให้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น 2. แนวทางและมาตรการ แบ่งเป็น มาตรการระยะเร่งด่วน (ปี พ.ศ. 2552) มาตรการระยะปานกลาง (ปี พ.ศ. 2553-2554) และมาตรการระยะยาว (ปี พ.ศ. 2555-2559) ในการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหา ไฟป่า การเผาในที่โล่ง และมลพิษหมอกควัน แบ่งเป็น 2 ด้าน คือ ด้านไฟป่า การเผาในที่โล่ง และด้านหมอกควัน
|
||||||||||||||||||||||||
37163 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (นายกฤษณพงศ์ กีรติกร) | วท | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกฤษณพงศ์ กีรติกร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหาร
สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร แทนศาสตราจารย์ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ที่ขอลาออกจากตำแหน่ง ตามที่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (22 ธันวาคม 2552) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
37164 | การดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตดินแดง เขตราชเทวี เขตวัฒนา เขตคลองเตย เขตปทุมวัน และเขตสาทร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | คค | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอข้อพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตดินแดง เขตราชเทวี เขตวัฒนา เขตคลองเตย เขตปทุมวัน และเขตสาทร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงบประมาณ และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37165 | การติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เรื่อง โครงการศูนย์การเรียนสำหรับเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล) | ศธ | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการติดตามการดำเนินโครงการศูนย์การ
เรียนสำหรับเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล ครั้งที่ 3 ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2552 สรุปได้ดังนี้ ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 (เดือนมิถุนายน-กันยายน 2552) ได้จัดตั้งศูนย์การเรียน 17 ศูนย์การเรียน สามารถให้ บริการทางการศึกษาแก่เด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาลเฉลี่ยประมาณเดือนละ 1,100 คน โดยงบประมาณที่ ใช้จ่ายได้เจียดจ่ายจากงบประมาณจากกิจกรรมโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมของสำนักงานคณะกรรมการการ ศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 4,573,386 บาท ใช้ไปแล้วจำนวน 4,515,682.23 บาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 : 2553) เฉพาะค่าจ้างครูปฏิบัติการสอนในศูนย์การเรียนเดิม 17 ศูนย์ และศูนย์การเรียนใหม่ 12 ศูนย์การเรียน รวมเป็น 29 ศูนย์การเรียน
|
||||||||||||||||||||||||
37166 | การจำหน่ายมันสำปะหลังเส้นในสต็อกของรัฐบาลในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) (ปี 2552/53) | พณ | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานอนุกรรมการด้านการตลาดมัน
ปะหลังเสนอมติคณะอนุกรรมการด้านการตลาดมันสำปะหลัง ซึ่งให้ชะลอการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเส้น แบบเสนอส่วนต่างราคา (Basis) โดยใช้กลไกตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) ไว้ก่อน เนื่อง จากเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 2552/53 ซึ่งเกษตรกรเริ่ม ขุดหัวมันสดออกสู่ตลาด จึงจำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลังภายในประเทศให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม ขึ้นจากการจำหน่ายผลผลิตตามฤดูกาล
|
||||||||||||||||||||||||
37167 | องค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี 2553 | กต | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการคงองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ
การศึกษาไทย-อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี พ.ศ. 2553 ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 1. นายมนัสพาสน์ ชูโต ประธานกรรมการ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน 2. อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ หรือผู้แทน กรรมการ 3. ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการ กรรมการ พัฒนาระหว่างประเทศหรือผู้แทน 4. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ กรรมการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรรมการ 6. ผู้แทนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรรมการ 7. นายกสมาคมฟุลไบรท์ไทย กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
37168 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (จำนวน 9 คน 1. นายวีระ กาญจนะรังสิตา ฯลฯ) | ศธ | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษา (ก.ค.ศ.) จำนวน 9 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (22 ธันวาคม 2552) เป็นต้น ดังนี้ 1. นายวีระ กาญจนะรังสิตา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา 2. นายนิราศ สร่างนิทร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานบุคคล 3. รองศาสตราจารย์ธงทอง จันทรางศุ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย 4. รองศาสตราจารย์สุขุม เฉลยทรัพย์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารการจัดการ ภาครัฐ 5. นายอัชพร จารุจินดา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารองค์กร 6. นางมลิวัลย์ ธรรมแสง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาพิเศษ 7. ศาสตราจารย์ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจหรือ ด้านเศรษฐศาสตร์ 8. นายพลสัณห์ โพธิ์ศรีทอง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผลิตและพัฒนาครู 9. นายอำรุง จันทวานิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือด้านการบริหารจัดการความรู้หรือด้านการวิจัย และประเมินผล
|
||||||||||||||||||||||||
37169 | แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (จำนวน 7 ราย 1. นายธวัช สุนทราจารย์ ฯลฯ) | สธ | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ในคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี มีมติ (22 ธันวาคม 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายธวัช สุนทราจารย์ ประธานกรรมการ 2. นางประเสริฐศรี มังกรศักดิ์สิทธิ์ กรรมการผู้แทนชุมชน 3. นายณัฐชัย ลีฬหาศิลป์ กรรมการผู้แทนชุมชน 4. นายประสิทธิ์ บุญญบาล กรรมการผู้แทนชุมชน 5. นายดาบส เคี่ยมสมุทร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6. นายธีระชัย บุญอารีย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7. นายกิตติพันธ์ จำปาทิพย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||
37170 | เป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2553 | กค | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2553 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
การคลังเสนอ ดังนี้ 1. กำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2553 ไว้ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาส ระหว่างร้อยละ 0.5-3.0 ต่อปี 2. กำหนดให้มีการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นประจำทุก ไตรมาส และเมื่อมีเหตุจำเป็นอื่นใดตามที่ทั้งสองหน่วยงานจะเห็นสมควรเพื่อติดตามความเคลื่อนไหว และเพื่อให้ บรรลุเป้าหมายของนโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเป็นกลไกประสานงานร่วมกันเพื่อบูรณาการ นโยบายการคลังและนโยบายการเงินในการบริหารจัดการเศรษฐกิจ 3. กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายการเงินชี้แจงเมื่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานออกนอกเป้าหมาย โดยให้ ชี้แจงถึงสาเหตุ แนวทางแก้ไขและระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะกลับเข้าสู่ช่วงที่กำหนดไว้โดยเร็ว รวม ทั้งรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเป็นระยะตามสมควร 4. กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการเงินตกลงร่วมกันเพื่อแก้ ไขเป้าหมายของนโยบายการเงิน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||
37171 | การรับซื้อข้าวเปลือกอายุสั้นตามโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 | พณ | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับแก้ไขการรับซื้อข้าวเปลือกอายุสั้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3
พฤศจิกายน 2552 ที่กำหนดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รับซื้อข้าว เปลือกเจ้า 10% ตันละ 8,189 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 7,789 บาท เป็น "ให้ อคส. และ อ.ต.ก. รับ ซื้อข้าวเปลือกอายุสั้นตามโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 โดยปรับราคาลดลงจากเกณฑ์ กลางอ้างอิงข้าวเปลือกเจ้า ณ ความชื้นไม่เกิน 15% ตามที่คณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการ ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวประกาศ เพื่อใช้ในแต่ละช่วงเวลา โดยข้าวเปลือกเจ้าชนิด 10% มีราคาปรับลด ลงตันละ 200 บาท และข้าวเปลือกเจ้าชนิด 25% มีราคาปรับลดลง ตันละ 600 บาท" ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
37172 | การรับซื้อข้าวเปลือกตามโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 | พณ | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการดำเนินโครงการแทรกแซง
ตลาดรับซื้อข้าวเปลือกมีวัตถุประสงค์เพื่อจะรับซื้อข้าวเปลือกในช่วงที่ราคาข้าวเปลือกมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเพื่อพยุง ราคาไม่ให้เกษตรกรเดือดร้อน โดยให้เกษตรกรจำหน่ายข้าวเปลือกได้ตามเกณฑ์กลางอ้างอิงที่ประกาศทุก 15 วัน แต่ปัจจุบันราคาตลาดสูงกว่าราคาเกณฑ์อ้างอิง จึงเห็นควรระงับการแทรกแซงการรับซื้อข้าวเปลือกในช่วงนี้เฉพาะ ชนิดข้าวที่ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกันรายได้เพื่อให้การซื้อขายข้าวเปลือกเป็นไปตามกลไกตลาด
|
||||||||||||||||||||||||
37173 | มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือคนพิการ | กค | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือคนพิการและอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น รัษฎากร ฉบับที่ 428 (พ.ศ. 2548) กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับ เงินได้เท่าจำนวนเงินที่บริจาคให้แก่กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นรัษฎากร ในกรณีดังต่อไปนี้ 1.2.1 ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินได้ของนายจ้างหรือ เจ้าของสถานประกอบการซึ่งรับคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพชีวิตคนพิการเข้าทำงานเป็นจำนวนร้อยละร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการ 1.2.2 ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินได้ของผู้จัดให้มีอุป กรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ บริการขนส่ง หรือบริการสาธารณะอื่น ให้คนพิการใช้ประโยชน์ได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นจำนวนร้อยละ ร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการ 2. ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดดำเนินการออกกฎกระทรวงกำหนดจำนวนที่นายจ้างหรือเจ้าของสถาน ประกอบการ และหน่วยงานของรัฐจะต้องรับคนพิการเข้าทำงานตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพ ชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37174 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ พ.ศ. .... | พม | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎ หมายว่าด้วยส่งเสริมวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานศาลยุติธรรม ที่เห็นควรกำหนดให้โทษพักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควร แต่ไม่ เกินสามปี รวมทั้งกำหนดให้ผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตสามารถขอรับใบอนุญาตอีกได้เมื่อพ้นห้าปีนับแต่วันถูกสั่งเพิก ถอนใบอนุญาต ส่วนร่างมาตรา 13 ในร่างพระราชบัญญัติ ฯ ควรกำหนดให้ชัดเจนโดยจำกัดเฉพาะบุคคลที่กระทำ การใดเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อหรือเข้าใจว่าตนมีอำนาจหน้าที่ในฐานะนักสังคมสงเคราะห์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่า นั้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้ แทนราษฎรพิจารณาต่อไป และให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการกำหนดให้ มีองค์กรอิสระในรูปแบบสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์และเป็นองค์กรนิติบุคคลที่ทำหน้าที่บริหารจัดการที่ยังต้องได้ รับการสนับสนุนเงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดินเป็นหลักและเงินรายได้จากสมาชิก กับมีหน่วยงานสำนักงาน ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการและสนับสนุนการดำเนินงาน ในระยะเริ่มต้น จึงควรพิจารณาประมาณค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการบริหารจัดการเพื่อประกอบการพิจารณาของ คณะรัฐมนตรีต่อไปได้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37175 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการศึกษาให้แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย โดยองค์กรเอกชน ในศูนย์การศึกษาคนต่างด้าว พ.ศ. .... | นร | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอผลการพิจารณาเกี่ยวกับประเด็น
ข้อกฎหมายและแนวทางการดำเนินนโยบายเกี่ยวกับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการศึกษาให้แก่ บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย โดยองค์กรเอกชน ในศูนย์การศึกษาคนต่างด้าว พ.ศ. .... และให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนี้ 1. ออกกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิของบุคคลหรือองค์กรเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 2. ในการจัดตั้งคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหลายส่วนราชการ อาจแต่งตั้งโดยคำสั่งสำนัก นายกรัฐมนตรี หรือระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้ 3. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปประสานกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับยุทธศาสตร์แก้ ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองทั้งระบบ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำของสำนักงานสภาความมั่นแห่งชาติ เพื่อให้กรอบ ทิศทาง นโยบาย และระบบการบริหารจัดการด้านการศึกษาและการสาธารณสุขของผู้หลบหนีเข้าเมืองมีความ ชัดเจนมากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
37176 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และวงเงินรายจ่ายโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 รายการส่วนที่จะใช้แหล่งเงินจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 รายการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน | ทก | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติและเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ 1.1 อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 105,910,000 บาท ให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของเจ้า หน้าที่วิชาการ 8,900 คน 1.2 เห็นชอบในหลักการให้ใช้จ่ายจากเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 รายการ เพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน (โครงการต้นกล้าอาชีพ) ของสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 436,100,000 บาท ตามมติคณะกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงาน เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน และให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป 2. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่เห็นสมควรให้ สำนักงานสถิติแห่งชาติประสานและบูรณาการการจัดทำสำมะโนประชากรและเคหะร่วมกันกับกรมการปกครอง ไป พิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37177 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา พ.ศ. .... | พณ | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการ ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจ สอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้ตัดความในร่างข้อ 4 ที่กำหนดให้ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีใดที่กำหนดไว้แล้ว หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบ นี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ออก โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1.1 กำหนดนิยามคำว่า "ทรัพย์สินทางปัญญา" หมายความว่าลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการ ค้า แบบผังภูมิของวงจรรวม สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ และความลับทางการค้า 1.2 กำหนดบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวม 30 ฉบับ 1.3 กำหนดหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวม 22 หน่วยงาน มีอำนาจหน้าที่ประสานการดำเนินการในลักษณะบูรณาการ เพื่อการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สิน ทางปัญญา 1.4 ให้มีคณะกรรมการบริหารกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เรียกโดยย่อว่า "คป.ทป." มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย แผนแม่บท มาตรการและดำเนินการบริหารกฎหมาย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรเพิ่มเติมสำนักงานปลัดกระทรวง มหาดไทย กรมการปกครอง และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการละ เมิดทรัพย์สินทางปัญญา และให้เพิ่มปลัดกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทนเป็นกรรมการในคณะกรรมการ คป.ทป. และความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นควรเพิ่มเติมสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาเป็นหน่วยงานของ รัฐที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อให้ครอบคลุมหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการ เสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา และการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษาตามพระราชบัญญัติการ ศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการกำหนดให้กฎหมายว่าด้วย มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และ เพิ่มสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์ สินทางปัญญา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
37178 | ปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ | ทส | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ปี พ.ศ. 2553 เป็นปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย เพื่อเป็นการ ร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้ ปี ค.ศ. 2010 หรือ พ.ศ. 2553 เป็นปีสากลแห่ง ความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อกระตุ้นให้ประชากรทุกกลุ่มและทุกสาขาอาชีพตระหนักในคุณค่าความสำคัญของ ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน และเห็นชอบต่อแผนปฏิบัติการปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่ครอบคลุมการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างยั่งยืนทุกด้าน ตลอดจนเป็นจุดนำที่สนับสนุนการสร้างความรู้รักสามัคคีปรองดองให้แก่คนในชาติ โดยใช้กิจ กรรมการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นตัวเชื่อม และให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจัดสรรงบประมาณ ให้แก่หน่วยงานในสังกัดสามารถดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์เผยแพร่เพื่อสร้างความรู้และความตระหนักถึงความสำคัญของการอนุ รักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนให้ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ อยู่ในพื้นที่และมีความเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งความเห็นของสำนักงบ ประมาณ ที่ควรเร่งผลักดันและขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามนโยบายมาตรการ และแผน การอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2551-2555 และข้อสังเกตของเลขาธิ การคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการแบ่งปันผลประโยชน์ และการเข้าถึงทรัพยา กรทางชีวภาพของประชาชน การจัดเก็บข้อมูลและจดทะเบียนความหลากหลายทางชีวภาพชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในส่วนของสัตว์ชนิดต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37179 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) (การปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรปัจจัยการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย) | กค. | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรปัจจัยการผลิตเพื่อเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งร่างประกาศกระทรวง การคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) (การปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรปัจจัยการผลิต ฯ) ให้คณะกรรมการตรวจสอบ ร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
37180 | ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2552/53 | พณ | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2552/ 53 โดยให้ขยายเวลาการขึ้นทะเบียนเกษตรกร จากเดิมระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2552 พร้อมให้ขยายระยะเวลาการทำสัญญาประกันของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การ เกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นสิ้นสุดวันที่ 15 มกราคม 2553 ตามมติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2552 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง เสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการประกันรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2552/53 แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อไม่ต้องมีการขอขยายเวลาการดำเนินการอีก และไม่ให้ส่ง ผลกระทบต่อการดำเนินการประกันรายได้เกษตรกรในระยะยาวต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีการประกันราย ได้ของข้าวรอบที่ 2 ที่จะเริ่มในเดือนมกราคม 2553 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....