ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1858 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 37141 - 37160 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37141 | รายงานผลการปฎิบัติการรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร | นร | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม
2552 ซึ่งให้เสนอรายงานผลการปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ระหว่างวัน ที่ 15-25 ตุลาคม 2552 ไปยังสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37142 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 28 ธันวา
คม 2552 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณารายงานผลการปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่เขตดุสิต กรุงเทพ มหานคร ระหว่างวันที่ 15-25 ตุลาคม 2552 และร่างพระราชบัญญัติที่เห็นควรให้เร่งพิจารณาให้เสร็จภายใน สมัยประชุมสามัญทั่วไป ปีที่ 3 นี้
|
||||||||||||||||||||||||
37143 | ข้อมูลรายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีครบรอบ 1 ปี | นร | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการชี้แจงข้อมูลรายงานแสดงผลการดำเนิน
การของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่หนึ่ง (30 ธันวาคม 2551-30 ธันวาคม 2552) ต่อรัฐสภา ซึ่งจะมีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ ทั่วไป พ.ศ. 2553 ในวันที่ 21 มกราคม 2553 โดยให้ทุกกระทรวงส่งข้อมูลไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนถึงกำหนดเปิดประชุมรัฐสภา ฯ เพื่อจะได้ประมวลข้อมูลในภาพรวม โดยสรุป เฉพาะผลการดำเนินการของกระทรวงที่สำคัญและโดดเด่น ปัญหาอุปสรรค พร้อมทั้งงานสำคัญที่จะดำเนินการใน ปีต่อไปไม่เกิน 2 หน้ากระดาษ A4 จัดส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีภายในวันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม 2553 |
||||||||||||||||||||||||
37144 | การเร่งรัดการชำระเงินค่าใช้จ่ายในการรับฝากสินค้า | นร | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับไปเร่งรัดการดำเนินการขององค์การคลังสินค้า (อคส.)
เพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการเจ้าของโกดังสินค้าที่ อคส. เช่าพื้นที่สำหรับเก็บสินค้าที่เป็นผลิตผล ทางการเกษตรให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
37145 | รายงานผลการจัดงาน OTOP CITY | นร | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการจัดงาน OTOP CITY ครั้งที่ 6 ปี 2552 โดยมีกรมพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานภายใต้ชื่องาน "OTOP CITY 2009 ศักดิ์ศรีแห่งภูมิ ปัญญาไทย" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-27 ธันวาคม 2552 ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งตลอดการ จัดงานทั้ง 9 วัน ได้รับความสำเร็จและการตอบรับจากประชาชนผู้เข้าร่วมชมงาน และผู้ประกอบการ OTOP โดยมี ผู้เข้าเยี่ยมชมงานและซื้อสินค้าประมาณ 1,168,000 คน มียอดจำหน่ายสินค้ารวมทั้งสิ้นประมาณ 1,260 ล้าน บาท และจากการสำรวจความพึงพอใจต่อการจัดงาน พบว่าประชาชนผู้เข้าชมงานมีความพอใจในระดับมากถึงมาก ที่สุด คิดเป็นร้อยละ 80.20 ส่วนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมออกร้านมีความพึงพอใจในระดับมากถึงมากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 82.56 โดยประชาชนและผู้ประกอบการได้แสดงความคิดเห็นว่ารัฐบาลควรจะจัดงานนี้ขึ้นอีกในช่วงเดือน มีนาคมถึงเดือนเมษายน 2553 เพราะเป็นช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนมาเที่ยวชมและซื้อ สินค้าเป็นจำนวนมาก 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ 2.1 การจัดงาน OTOP CITY ในแต่ละครั้ง ควรประชาสัมพันธ์การจัดงานให้ทราบโดยทั่วกันล่วงหน้า แต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะเกษตรกร ผู้ผลิตสินค้าที่จะเข้าร่วมงานจะได้วางแผนการผลิตและจัดเตรียมสินค้าได้อย่างเพียง พอต่อความต้องการของผู้บริโภค 2.2 ในการเช่าพื้นที่จากภาคเอกชนในการจัดงานแสดงสินค้า นิทรรศการ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ของ หน่วยงานภาครัฐในแต่ละปีควรมีการประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีแผนการจัดงานและเช่าใช้พื้นที่แห่งเดียว กันเพื่อประโยชน์ในการเจรจาต่อรองกับผู้ให้เช่า ซึ่งจะช่วยให้ได้รับการลดหย่อนอัตราราคาค่าเช่าพื้นที่ได้ |
||||||||||||||||||||||||
37146 | ขออนุมัติทำลายกระเทียมคงเหลือจากการจำหน่าย ปี 2550/51 ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน | มท | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติทำลายกระเทียมคงเหลือของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามโครงการแก้ไขปัญหากระเทียม ปี 2550/ 51 ที่ฝ่อและเน่าเสีย ตามปริมาณที่คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับ จังหวัดแม่ฮ่องสอนเสนอ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับการขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น ให้กระทรวงมหาดไทยเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการ ว่าด้วยการพัสดุต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็น ควรกำหนดวิธีการทำลายกระเทียมเสนอคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ในฐานะ คณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อพิจารณาอนุมัติวิธีการทำลายที่เหมาะสม และความ เห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนแจ้งให้เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมลดพื้นที่ปลูกกระเทียม โดยปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่มีสัญญาข้อตกลงซื้อขายทดแทน เช่น มันฝรั่งพันธุ์โรงงาน ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด และถั่วเหลือง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย รวมทั้ง คชก. และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า หากจะมีการแทรกแซงสินค้าเกษตรในลักษณะเดียวกับกระเทียม อีก ควรหาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีที่ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าเกษตรที่ซื้อมาได้ครบจำนวนแล้วต้องนำมาทำลาย ก่อให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37147 | การขอผ่อนผันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี | ยธ | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ 1.1 ขยายระยะเวลาการจัดซื้ออาหารสด (ปลา สัตว์น้ำ เนื้อสัตว์ พืชผัก) และวัสดุสำหรับปรุงอาหาร ด้วยวิธีการเดิมออกไปอีก 3 เดือน (วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2553) ของกรมราชทัณฑ์ 1.2 ขยายระยะเวลาการทดลองนำร่องการซื้อ-ขายผลไม้ ระหว่างกรมราชทัณฑ์กับกรมส่งเสริมการ เกษตร ออกไปอีก 3 เดือน (วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2553) โดยเพิ่มพื้นที่จังหวัดนำร่องให้ครอบคลุมทั่วทั้ง ประเทศ กำหนดให้เกษตรกรสามารถจัดส่งผลไม้ข้ามพื้นที่และข้ามจังหวัดได้ อีกทั้งยังขยายประเภทผลไม้ให้ครอบ คลุมถึงพืชอื่นที่รับประทานแทนผลไม้ได้ เช่น แห้ว มันแกว ข้าวโพด อ้อย มันเทศ เผือก และถั่วลิสง เป็นต้น รวมถึง ประชาสัมพันธ์เพิ่มจำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการศึกษาผลลัพธ์และผลกระทบ ที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ 2. ส่วนการขอยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 22 วรรคสอง นั้น ให้กระทรวงยุติธรรมรับไปเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุต่อ ไป |
||||||||||||||||||||||||
37148 | ขออนุมัติรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 32,927,400 บาท (เพื่อรับรองกฎระเบียบ IUU ของสหภาพยุโรป) | กษ | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็น
เงินจำนวนทั้งสิ้น 32,927,400 บาท ให้แก่กรมประมง สำหรับการดำเนินการจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรองรับกฎระเบียบ IUU (lllegal, Unreported and Unregulated) ของสหภาพยุโรป ซึ่งกำหนดให้ประเทศหรือรัฐเจ้าของธงเรือประมง ที่จะส่งสินค้าสัตว์น้ำที่จับจากทะเลไปยังประชาคมยุโรปต้องออกใบรับรองการจับสัตว์น้ำ (Catch Certificate) เพื่อ ยืนยันว่าสัตว์น้ำนั้นไม่ได้มาจากการทำประมง IUU โดยสินค้าประมงที่ส่งออกไปยังประชาคมยุโรปต้องแนบเอกสาร ใบรับรองการจับสัตว์น้ำประกอบการส่งออกด้วย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
37149 | คำร้องขอให้ทางการแคนาดาส่งตัวนาย Michael Joseph Charles Karas เป็นผู้ร้ายข้ามแดน | อส | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติในหลักการว่า ในกรณีที่รัฐบาลไทยมีความจำเป็นที่จะต้องให้คำรับรองเกี่ยวกับโทษประหารชีวิต ตามมาตรา 29 ของพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ตามคำร้องขอของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ดังเช่นใน กรณีคำร้องขอของรัฐบาลแคนาดาให้รัฐบาลไทยมีคำรับรอง ฯ ตามที่ทางการไทยได้มีคำร้องขอให้ส่งตัวนาย Karas เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงยุติธรรมร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนิน การตามคำขอ ในฐานะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รักษา การตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 โดยให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือรับรองดังกล่าวใน นามของรัฐบาลไทย ผ่านทางช่องทางการทูตไปยังประเทศผู้รับคำร้องขอ ฯ ว่า "รัฐบาลไทยจะดำเนินการโดยทุกวิถี ทางภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่มีผลใช้บังคับ เพื่อมิให้บุคคลที่ประเทศไทยได้ร้องขอให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ต้องได้รับโทษประหารชีวิต และหากศาลลงโทษประหารชีวิต รัฐบาลไทยจะดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษให้ บุคคลดังกล่าว" 2. กรณีประเทศผู้รับคำร้องขอให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเห็นว่า คำรับรองดังกล่าวไม่เพียงพอและปฏิเสธ การส่งบุคคลที่ร้องขอเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่ประเทศไทย เห็นควรให้สำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะผู้ประสานงาน กลางตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มีคำร้องให้ประเทศผู้รับคำร้องขอ ฯ พิจารณาดำเนินคดีตาม กฎหมายของประเทศผู้รับคำร้องขอ ฯ ต่อบุคคลที่ถูกร้องขอให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนหากไม่มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37150 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 | พณ | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในช่วงการประชุม สุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคม 2552 ณ จังหวัดเพชรบุรี สรุปได้ดังนี้ 1.1 การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ที่ประชุม ฯ ได้พิจารณาประเด็นการมีผลบังคับใช้ของความ ตกลงด้านเศรษฐกิจอาเซียน ได้แก่ ความตกลงการค้าสินคาอาเซียน (ACIA) ความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน (ACIA) รวมทั้งข้อผูกพันการปิดตลาดการค้าบริการ ชุดที่ 7 ภายใต้ความตกลงการค้าบริการของอาเซียน (AFAS) และได้หารือเรื่องทิศทางการจัดทำ FTA ของอาเซียนในกรอบอาเซียน +3 และอาเซียน +6 1.2 การประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้มีการ พิจารณาแผนติดตามการดำเนินงานไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Scorecard) ซึ่งจากการวัดผล (1 มกรา คม 2551-30 กันยายน 2552) อาเซียนดำเนินงานตามแผนได้ร้อยละ 72.38 การประชุมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กับภาคเอกชนอาเซียน ได้มีการหารือร่วมกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนและสมาพันธ์ยานยนต์อาเซียน โดยมีวัตถุ ประสงค์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน การประชุมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรี เศรษฐกิจอาเซียน-อินเดียอย่างไม่เป็นทางการ และการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น รวมทั้ง การหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับรัฐมนตรีการค้า 5 ประเทศ (ฟิลิปปินส์ เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น อินเดีย) 2. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับภารกิจในแต่ละมาตรการไปพิจารณาดำเนินการ และให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องแจ้งความคืบหน้าและผลการดำเนินการให้กระทรวงพาณิชย์ทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37151 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. .... | นร | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาทั้งการประกันคุณภาพภาย ในและการประกันคุณภาพภายนอก ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิ การเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
37152 | โครงการ "2553 ปีแห่งความปลอดภัย" | คค | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอโครงการ "2553 ปีแห่งความปลอดภัย" โดยสาระ
สำคัญของโครงการ ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินงาน ได้แก่ การมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการตามยุทธศาสตร์ "คมนาคมปลอดภัย สังคมไทยเป็นสุข" โดยจัดทำแผนงาน โครงการ มาตรการ และ กิจกรรมรองรับทั้งในเรื่องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Engineering) การเข้มงวด กวดขัน และบังคับใช้กฎหมายอย่าง จริงจัง (Enforcement) และรณรงค์ให้คนมีวินัยในเรื่องการจราจรและการเดินทาง (Education) 2. แผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยในระบบขนส่งและการรองรับการเดินทางของประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2553 ได้แก่ การนำแผนแม่บทความปลอดภัยของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น แผนแม่ทบทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2552-2555 ของกระทรวงมหาดไทย แผนปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย และแผนรักษาความปลอดภัยของ หน่วยงานในสังกัด แผนแม่บทและแผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยในการคมนาคมทางน้ำ และแผนรักษาความ ปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ เป็นต้น มาใช้เป็นกรอบในการจัดทำและบูรณาการการปฏิบัติกับทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องและมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ประกอบด้วย 2 แผนหลัก ได้แก่ แผนอำนวยความสะดวก มั่น คง และปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 และแผนปฏิบัติการด้านความปลอด ภัยในระบบขนส่ง ปี 2553 3. การบูรณาการแผนงานด้านความปลอดภัยกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การเร่งรัดดำเนินการจัด ทำบันทึกความตกลงร่วมกันระหว่างกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่น การ แก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับถนน การกำหนดให้มีหลักสูตรภาคบังคับเพื่อเสริมสร้างวินัยจราจรในสถานศึกษา การกำหนดให้ผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะปลอดจากแอลกอฮอล์ เป็นต้น เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37153 | การปรับค่าผ่านทางหลวงสัมปทาน ตอนดินแดง-ดอนเมือง | นร | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่บริษัท Walter Bau
Aktiengesellschaft (in liquidation) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ไม่ได้ ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อตกลงในบันทึกข้อตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 31 ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง-ดอนเมือง ฉบับที่ 3/2550 ข้อ 6 ซึ่งระบุว่า หากมีคดีข้อพิพาทซึ่งผู้รับ สัมปทานได้ยื่นฟ้องต่อศาล หรือได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการไว้แล้ว ก่อนการทำบันทึกข้อตกลงฉบับ ดังกล่าว ผู้รับสัมปทานจะต้องถอนฟ้องหรือถอนข้อพิพาทที่เสนอต่ออนุญาโตตุลาการดังกล่าวให้หมดสิ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ให้ถูกต้องชัดเจน รวมทั้งให้พิจารณาความจำเป็นในการทำหนังสือทักท้วงต่อ การปรับขึ้นค่าผ่านทางหลวงสัมปทาน ตอนดินแดง-ดอนเมือง ไปยังบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) โดยเร็วต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
37154 | ปัญหาการยกเลิกเที่ยวบินภายในประเทศ | นร | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เสนอเกี่ยว
กับกรณีที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะดำเนินการยกเลิกเที่ยวบินภายในประเทศหลายเส้นทาง ทำให้ ประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจที่ใช้บริการของบริษัท การบินไทย ฯ วิตกกังวลว่าหากต้องไปใช้บริการของสายการ บินต้นทุนต่ำ (low cost) อาจประสบปัญหาที่เคยเกิดขึ้นหลายประการ เช่น การยกเลิกเที่ยวบิน ความไม่แน่นอน ของกำหนดเวลาเดินทาง นอกจากนี้ การยกเลิกเที่ยวบินดังกล่าวอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์ กร ต่อธุรกิจท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จึงเห็นควรมอบให้กระทรวงคมนาคมรับ ไปประสานกับบริษัท การบินไทย ฯ เพื่อพิจารณาทบทวนการดำเนินการเรื่องนี้ให้เหมาะสมต่อไป และรายงาน ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
37155 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. .... | พม | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. .... ที่ปรับปรุงแก้ไขจากร่างของสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ ฯ ที่แก้ไขปรับปรุงมีดังนี้ 1.1 ร่างมาตรา 6 แก้ไขเป็น "ให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการมีอำนาจหน้าที่และรับผิดชอบในการ สงเคราะห์และควบคุมคนขอทานตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งเสนอนโยบายแผนงานและมาตรการในการควบคุม สงเคราะห์ และคุ้มครองสวัสดิภาพของผู้ซึ่งขอทาน และแนวทางการจัดการกับผู้หาประโยชน์จากผู้ซึ่งขอทานโดยมิ ชอบด้วยกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี" (ตัดอำนาจในการกำกับ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลเกี่ยวกับการสง เคราะเห์และการควบคุมการขอทานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ออก) 1.2 เพิ่มเติมร่างมาตรา 7 กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งตัวผู้ขอทานและเป็นคนชราภาพ หรือคน วิกลจริต พิการ หรือเป็นคนมีโรค ซึ่งไม่สามารถประกอบอาชีพและไม่มีทางเลี้ยงชีพและไม่มีญาติมิตรอุปการะ ไป ยังสถานสงเคราะห์ 1.3 เพิ่มเติมร่างมาตรา 8 กำหนดให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนด เงื่อนไข หรือวางระเบียบเกี่ยวกับการแสดงหรือการละเล่นของวณิพกหรือนักแสดงสาธารณะ 2. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ ไขปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติ ฯ ควรพิจารณาทั้งระบบ เช่น ชื่อร่างพระราชบัญญัติ "ควบคุมการขอทาน" อาจเป็น การสะท้อนสภาพปัญหาของสังคมไทยที่น่าจะไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่แท้จริงของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งมุ่งประสงค์จะคุ้มครองสวัสดิการผู้ด้อยโอกาส สงเคราะห์คนชรา ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพให้มีคุณภาพ ชีวิตที่ดีและพึ่งตนเองได้ และพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับวณิพกหรือนักแสดงสาธารณะที่มีหน้าที่ต้องแจ้ง ต่อพนักงานท้องถิ่นในกรณีที่จะเล่น หรือแสดงในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และข้อสังเกตกระทรวง แรงงาน สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ เกี่ยวกับบทบัญญัติให้อำนาจอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ของกฎหมาย เช่น มาตรา 9 ซึ่งกำหนดให้มีอำนาจในการควบคุมผู้ที่ถูกส่งตัวมาที่สถานสงเคราะห์ และสั่งให้ทำ การงานในสถานสงเคราะห์หรือสถานที่อื่นได้ นั้น ควรกำหนดให้มีการตรากฎหมายลำดับรองเพื่อกำหนดหลัก เกณฑ์การใช้อำนาจและหน้าที่ความรับผิดชอบของส่วนราชการไว้ในบทบัญญัติดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ควรเพิ่ม เติมเนื้อหาในส่วนของหน้าที่ของ อปท. ตามที่กำหนดในแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ไว้ในร่างกฎหมายนี้ด้วย ไปประกอบการพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
37156 | ร่างพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. .... | นร | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ขอถอนร่างพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว เพื่อนำกลับไป พิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
37157 | ขออนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงิน สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถาน การณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเบื้องต้นจำนวน 300,000,000 บาท ก่อน โดยให้สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่าย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวทางในการให้ความช่วยเหลือ ดังกล่าว และกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนจะต้องใช้จ่ายเงินเพิ่มเติมอีก ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขอทำ ความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อเบิกจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใน กรอบวงเงินอีกไม่เกิน 100,000,000 บาท ตามความจำเป็นในการปฏิบัติงานต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ 2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีประสานการดำเนินการในเรื่องการให้ความช่วยเหลือเกี่ยว กับทุนการศึกษาแก่บุตรของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อย และ การปราบปรามยาเสพติดทั่วประเทศที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมี ความต่อเนื่องร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
37158 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 โครงการปรับปรุงซ่อมแซมและต่อเติมอาคารสำนักงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (อาคารสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาและสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) | กร | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระ
ราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการปรับปรุงซ่อมแซมและต่อเติมอาคารสำนักงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (อาคารสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาและสำนักงาน กปร.) ภายในวงเงิน 400 ล้านบาท โดยให้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2555 โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เบิกจ่ายจากงบ กลาง รายการค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในวงเงิน 160 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 240 ล้านบาท ให้ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-พ.ศ. 2555 โดยให้สำนักงาน กปร. เสนอขอตั้งงบประมาณรองรับ ให้ครบค่างานต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
37159 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 18/2552 | นร | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 18/2552 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2552 ซึ่งที่ ประชุมได้พิจารณาเรื่องสำคัญต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 การแก้ไขมติคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 17/2552 ในระเบียบวาระที่ 4.1 เรื่อง แนวทางการแก้ ไขปัญหาสัญญาสัมปทานระหว่างภาคเอกชน กับ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท. โทรคมนาคม 1.2 ความคืบหน้าในการฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อบังคับให้รัฐต้องปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอน ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 67 1.3 ร่างขอบเขตของงาน (Term of Reference : TOR) โครงการให้เอกชนเข้าดำเนินโครงการบัตร สมาชิกพิเศษ (บัตรอีลิทการ์ด) ของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด 2. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการ รศก. ดังนี้ 2.1 มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประสานกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหา การปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้ดำเนินการปรับปรุงร่างประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง "กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการ จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน อย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ" ให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2552 โดยแยกเรื่องการจัดตั้งองค์การอิสระตามรัฐธรรมนูญ ฯ ออกจากการจัดทำร่างประกาศดังกล่าวก่อน สำหรับการ จัดตั้งองค์กรอิสระดังกล่าวนั้น ควรพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสม และเมื่อได้ข้อยุติแล้วให้เร่งจัดทำกฎหมายเพื่อจัด ตั้งองค์การอิสระดังกล่าวต่อไป 2.2 มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำข้อมูลสถานะโครงการของภาคเอกชน ข้อเท็จจริงทั้งหมด เกี่ยวกับโครงการลงทุน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และแนวทางการดำเนินการ โดยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 18 ธันวา คม 2552 เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 22 ธันวาคม 2552 ต่อไป 2.3 มอบหมายกระทรวงพลังงานจัดทำข้อมูลสถานะโครงการของรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน ข้อเท็จจริง ทั้งหมดเกี่ยวกับโครงการลงทุน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และแนวทางการดำเนินการ โดยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 18 ธันวาคม 2552 เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 22 ธันวาคม 2552 ต่อไป 2.4 รับทราบการดำเนินการให้เอกชนเข้าดำเนินในโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) ของกระทรวงการคลัง และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป 2.5 เห็นชอบให้มีการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราช การหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. 2504 ตามความเห็นของคณะกรรมการ รศก. โดยให้ปรับผู้แทนสำนักงาน คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ปัจจุบันคือ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) ออกจากองค์ประกอบของคณะกรรม การตามระเบียบดังกล่าว และเพิ่มผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะ กรรมการ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับแก้ไขระเบียบดัวกล่าว และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ พิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37160 | ขอเพิกถอนพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรม (ประทานบัตรที่ 22883/15143) ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง | อก | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงอุตสาหกรรม
รับเรื่อง ขอเพิกถอนพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรม (ประทานบัตรที่ 22883/15143) ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ ผาแดงไปหารือร่วมกันก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรให้มีการควบคุมดูแลมิให้การทำเหมือง แร่มีผลกระทบต่ออาชีพและความเป็นอยู่ของชุมชนใกล้เคียง ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
.....