ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1855 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 37081 - 37100 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37081 | รายงานการเงินของเงินทุนหมุนเวียนยางพาราประจำปี 2551 | กษ | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอรายงานการรับและการใช้จ่ายเงิน
ของเงินทุนหมุนเวียนยางพาราประจำปี พ.ศ. 2551 ของกรมวิชาการเกษตร เงินทุนหมุนเวียนยางพารา และให้ เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ดังนี้ 1. รายงานแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 222,380,927.04 บาท มีสินทรัพย์ไม่หมุน เวียนรวม 18,926,640.42 บาท มีสินทรัพย์รวม 241,307,567.46 บาท มีหนี้สินหมุนเวียนรวม 264,942.65 บาท มีสินทรัพย์สุทธิ 241,042,624.81 บาท 2. รายงานแสดงผลการดำเนินงาน มีรายได้จากการดำเนินรวม 84,887,789.47 บาท มีค่าใช้จ่าย จากการดำเนินงานรวม 39,563,044.32 บาท มีรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ 45,347,305.15 บาท 3. รายงานการรับ-จ่ายเงิน มีรายรับรวม 85,070,114.22 บาท มีรายจ่ายรวม 43,567,397.02 บาท มีเงินคงเหลือ ณ วันปลายงวด 219,694,179.38 บาท
|
||||||||||||||||||||||||
37082 | รายงานเงินรายได้ที่ไม่ต้องนำเงินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | กษ | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอรายงานการเงินรายได้ที่ไม่ต้องนำ
เงินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของกรมชลประทานและสำนักงานจัดรูปที่ดินกลาง และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ดังนี้ 1. ประเภทเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน ประกอบด้วย 1.1 รายงานแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 1,483,370,534.40 บาท มีสินทรัพย์ ไม่หมุนเวียนรวม 764,625,331.21 บาท มีสินทรัพย์รวม 2,247,995,865.61 บาท มีหนี้สินหมุนเวียนรวม 16,312,204.19 บาท มีหนี้สินรวม 16,312,204.19 บาท มีสินทรัพย์สุทธิรวม 2,247,995,865.61 บาท 1.2 รายงานแสดงผลการดำเนินงาน มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 460,939,074.68 บาท มี ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวม 255,171,483.42 บาท มีรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายจากการดำนินงาน 205,767,591.26 บาท มีรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสุทธิรวม 205,782,235.68 บาท 1.3 รายงานการรับ-จ่ายเงิน มีรายรับรวม 460,753,511.35 บาท รายจ่ายรวม 226,263,692 บาท มีเงินคงเหลือหลังหักภาระผูกพัน 234,489,819.35 บาท มีเงินคงเหลือทั้งสิ้น 1,464,339,794.05 บาท 2. ประเภทกองทุนจัดรูปที่ดิน ประกอบด้วย 2.1 รายงานแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 483,708,972.73 บาท มีสินทรัพย์ไม่ หมุนเวียนรวม 2,057,047.40 บาท มีสินทรัพย์รวม 485,766,020.13 บาท มีหนี้สินหมุนเวียน 1,043,142.35 บาท มีสินทรัพย์สุทธิรวม 467,865,676.84 บาท 2.2 รายงานแสดงผลการดำเนินงาน มีรายได้จากการดำเนินงาน 185,232,608.28 บาท มีค่า ใช้จ่ายจากการดำเนินงาน 101,316,026.01 บาท มีรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ 83,916,582.27 บาท 2.3 รายงานการรับ-จ่ายเงิน มีรายรับรวม 196,015,285.56 บาท รายจ่าย 217,039,533.91 บาท มีเงินคงเหลือ ณ วันปลายงวดรวม 189,835,513.78 บาท 3. ประเภทเงินนอกงบประมาณ ประกอบด้วย 3.1 รายงานแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 94,482,023.54 บาท มีสินทรัพย์ไม่ หมุนเวียน 13,106,623.07 บาท มีสินทรัพย์ 107,588,646.61 บาท มีหนี้สินหมุนเวียน 94,482,023.54 บาท มีสินทรัพย์สุทธิ 13,106,623.07 บาท 3.2 รายงานแสดงผลการดำเนินงาน มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวม 1,703,412.92 บาท มี รายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสุทธิรวม 1,703,415.92 บาท 3.3 รายงานการรับ-จ่ายเงิน มีรายรับ 333,880,464.22 บาท มีรายจ่าย 281,041,203.66 บาท มีเงินคงเหลือทั้งสิ้นรวม 94,482,023.54 บาท 4. ประเภทเงินทดรองราชการ ประกอบด้วย 4.1 รายงานแสดงฐานะการเงิน รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 8,500,000 บาท 4.2 รายงานการรัย-จ่ายเงิน มีรายรับ 117,853,200.55 บาท มีรายจ่าย 109,338,147.96 บาท มีเงินคงเหลือทั้งสิ้น 8,395,276 บาท
|
||||||||||||||||||||||||
37083 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งมาใช้ในราชการ (จำนวน 2 คัน) | พณ | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
เพื่อเช่ารถยนต์ประเภทรถประจำตำแหน่งอธิบดี และรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 2 คัน วงเงินทั้งสิ้น 2,318,800 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ส่วน รายละเอียดเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ 1. รถประจำตำแหน่งอธิบดี จำนวน 1 คัน เป็นเงินทั้งสิ้น 1,332,800 บาท เบิกจ่ายจากงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา จำนวนเงิน 392,000 บาท ส่วนที่เหลือจำนวน เงิน 940,800 บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2555 2. รถประจำตำแหน่งรองอธิบดี จำนวน 1 คัน เป็นเงินทั้งสิ้น 986,000 บาท เบิกจ่ายงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา จำนวนเงิน 290,000 บาท ส่วนที่เหลือจำนวน เงิน 696,000 บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2555
|
||||||||||||||||||||||||
37084 | การจัดงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพในปี พ.ศ. 2555 เนื่องในโอกาสที่ครบ 150 ปี วันประสูติ และครบ 50 ปี ที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมสหประชาชาติ (UNESCO) ถวายพระเกียรติให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก | มท | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. ให้จัดงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในปี พ.ศ. 2555 เนื่องในโอกาสที่ครบ 150 ปี วันประสูติ และครบ 50 ปี ที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมสหประชา ชาติ (UNESCO) ถวายพระเกียรติให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกในนามรัฐบาล และแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ จัดงาน ฯ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ 2. ปรับเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการจัดงาน ฯ เพื่อให้มีบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้มีความรู้และเชี่ยว ชาญในด้านที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ที่ทราบถึงพระประวัติของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นอย่างดีร่วมเป็นคณะกรรมการ จำนวน 3 ราย ดังนี้ 2.1 ท่านผู้หญิงบุตรี วีรไวทยะ เป็นกรรมการ 2.2 พลตรี ม.ร.ว. ศุภวัฒย์ เกษมศรี เป็นกรรมการ 2.3 เลขานุการมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (พันเอก ม.ล. กุลชาติ ดิศกุล) เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (จากเดิมเป็นกรรมการ ขอปรับเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ)
|
||||||||||||||||||||||||
37085 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 6 | วท | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีว่าด้วย
ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 6 (The Sixth Ministerial Meeting in coopera tion on Science and Technology between Thailand and Viet Nam) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2552 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งผลการประชุม ฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินโครงการความร่วมมือทางด้าน วิทยาศาสตร์และโครงการความร่วมมือในอนาคต จำนวน 6 สาขา ได้แก่ สาขามาตรวิทยา (Metrology) สาขาเทค โนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) สาขาเทคโนโลยีโลหะและวัสดุ (Metal and Material Technology) สาขาอิเล็กทรอ นิกส์และคอมพิวเตอร์ (Electronics and Computer) สาขาการสำรวจระยะไกล เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (Remote Sensing, Geo-informatics and Space Technology) และสาขาพลังงานทางเลือก (Alternative Energy) รวมทั้งโครงการความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จำนวน 3 สาขา ได้แก่ สาขาความปลอดภัยด้านอาหาร สาขา การคาดการณ์ในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และสาขาการใช้ประโยชน์ในทางสันติ
|
||||||||||||||||||||||||
37086 | ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2552 (1 ตุลาคม 2551 - 30 กันยายน 2552) | สช | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติเสนอผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (1 ตุลาคม 2551 -30 กันยายน 2552) สรุปได้ดังนี้ 1. ความครอบคลุมในระบบหลักประกันสุขภาพ ประชาชนมีหลักประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นครอบคลุมประชา ชนผู้มีสิทธิ จำนวน 62.36 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 99.47 ของประชากรทั้งประเทศ (62.69 ล้านคน) โดยมีประชา กรลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 47.56 ล้านคน ในส่วนของการใช้บริการทางการแพทย์ เฉพาะผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประกอบด้วย การใช้บริการผู้ป่วยนอก จำนวน 140.88 ล้าน ครั้ง/39.02 ล้านคน และผู้ป่วยใน จำนวน 5.20 ล้านคน/21.17 ล้านวัน สำหรับการแพทย์แผนไทย มีผู้รับบริการ ทั้งสิ้น 306,755 คน/689,292 ครั้ง การใช้บริการตติยภูมิเฉพาะด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในด้านผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ มีผู้มารับบริการ VCT สะสม (คลินิกให้คำปรึกษาและตรวจเลือด) 335,362 ราย ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการมีผู้พิการในระบบหลักประกันสุขภาพ 567,703 ราย ด้านการสร้างเสริม สุขภาพและป้องกันโรค มีการให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่กลุ่มโรคเรื้อรัง 1,355,180 ราย และด้านการใช้บริการผู้ ป่วยโรคเฉพาะ โรคเลือดออกง่าย มีผู้รับบริการมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 449.03 2. การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข มีหน่วยบริการที่ได้รับการรับรองคุณภาพตาม มาตรฐาน Hospital Accreditation (HA) ในขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 และขั้นรับรองคุณภาพ HA 963 แห่ง มีเรื่องร้องเรียน ผ่านช่องทางโทรศัพท์สายด่วน สปสช. 1330 ณ เดือนมิถุนายน 2552 จำนวน 105 เรื่อง 3. การคุ้มครองสิทธิ การให้บริการประชาชนเพื่อช่วยเหลือผู้มีสิทธิและผู้ให้บริการในระบบหลักประกัน สุขภาพถ้วนหน้า มีการให้บริการทั้งสิ้น 783,487 เรื่อง และในด้านการชดเชยความเสียหายกรณีผู้รับบริการได้รับ ความเสียหายจากการใช้บริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า มีผู้ได้รับความเสียหายได้รับการ ชดเชย จำนวน 660 ราย เป็นเงิน 73.22 ล้านบาท 4. การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคี มีศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน 102 ศูนย์ ใน 76 จังหวัด เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี 337 กลุ่ม เครือข่ายผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง (ชมรมเพื่อนโรคไต) 26 ชมรม และเครือข่ายศูนย์ส่งเสริมมิตรภาพบำบัด เป็นต้น 5. การบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้เบิกจ่ายงบกองทุน ฯ ทั้งสิ้น 71,785.70 ล้านบาท 6. โครงการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้มีการพัฒนาโครงการที่เอื้อประโยชน์แก่ประชา ชนในการเข้าใช้บริการได้สะดวก รวดเร็ว ใกล้บ้าน 7. ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข พบว่า สถานะการเบิกจ่ายเงินกองทุนไม่เป็นปัจจุบัน การโอนเงิน งบประมาณกองทุนในแต่ละงวดล่าช้า การดำเนินงานกองทุนตำบลมีแนวทางปฏิบัติที่ไม่ชัดเจน รวมทั้งการจัดทำ สัญญากับหน่วยบริการไม่เป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
37087 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 3/2552 | นร | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ (รชต.) ครั้งที่ 3/2552 ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรม การและเลขานุการคณะกรรมการ รชต. เสนอ โดยที่ประชุม ฯ ได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ 1. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการจัดทำแผนไทยเข้มแข็ง 5 ดาว และเสนอคณะกรรมการ รชต. พิจารณาในการประชุมคราวต่อไป 2. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เร่งรัดการสร้าง ความชัดเจนของแผนการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะการพัฒนาสะพานเศรษฐกิจ (Landbridge) เชื่อมโยงฝั่งทะเลอัน ดามันและอ่าวไทยบริเวณสงขลา-สตูล และพิจารณาความเหมาะสมของโครงการที่นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจ ด้วย 3. มอบหมายให้ สศช. ติดตามผลการดำเนินการและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อผู้ประกอบการในกรณี ที่ธนาคารของรัฐรับดำเนินการเรื่องสินเชื่อผ่อนปรนต่อจากธนาคารแห่งประเทศไทย 4. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและงบประมาณโครงการในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในส่วน ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข 5. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงแผนงานโครงการภายใต้แผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามผลการจัดทำประชาคม 696 หมู่บ้าน 6. เห็นชอบในหลักการโครงการและกรอบวงเงินงบประมาณสนับสนุนและส่งกำลังบำรุงสมาชิก อส. ใน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ การสร้างโรงนอนสำหรับสมาชิก อส. จำนวน 38 หลัง วงเงิน 159,600,000 บาท และการจัดหาเสื้อเกราะป้องกันกระสุน 1,977 ตัว วงเงิน 86,790,300 บาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยเสนอรายละ เอียดโครงการต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามขั้นตอน ต่อไป และให้กรมการปกครองและกระทรวงกลาโหมร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมและคุณสมบัติของเสื้อเกราะป้อง กันกระสุนที่จะจัดหาด้วย 7. เห็นชอบหลักการแนวคิดโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งฟาร์มในจังหวัดชายแดนภาคใต้ระยะเร่งด่วนโดยให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายละเอียดของโครงการ ฯ นำเสนอคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่ พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (อชต.) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอขออนุมัติงบประมาณจากแผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 ตามขั้นตอนต่อไป 8. เห็นชอบในหลักการการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมในการขับเคลื่อนแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาแหล่งเงินงบประมาณโดยหารือร่วมกับ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และจังหวัดชายแดนภาคใต้ 9. เห็นชอบในหลักการการพัฒนากายภาพ ของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยให้มหาวิทยา ลัยเสนอรายละเอียดของแผนพัฒนา ฯ รวมทั้งการพัฒนาหลักสูตรและบุคลากรในภาพรวม ผ่านกระทรวงเจ้าสังกัด แล้วส่งสำนักงบประมาณพิจารณากลั่นกรองโครงการและความเหมาะสมของวงเงินงบประมาณ เพื่อเสนอให้คณะอนุ กรรมการ อชต. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอขอรับงบประมาณจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ฯ ตามขั้น ตอนต่อไป 10. มอบหมายให้ ศอ.บต. มอบภารกิจโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับหมู่บ้านในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ (พนม.) ในพื้นที่ 12 อำเภอที่เหลือของจังหวัดสงขลา ให้ กอ.รมน. จังหวัดสงขลาดำเนินการแทน 11. มอบหมายให้สำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการด้าน การประชาสัมพันธ์การดำเนินงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้คณะกรรมการ รชต. เพื่อ เสนอนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37088 | รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง | นร | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ
คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีเรื่องร้องเรียนการทุจริตในโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง 2555 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้ 1. ควรมีการทบทวนการพิจารณาโครงการใหม่ทั้งหมด ทั้งรายการ สิ่งก่อสร้าง รายการครุภัณฑ์การ แพทย์ และรายการรถพยาบาลทั้งในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรมอื่น ๆ โดยเฉพาะกรม การแพทย์ รวมทั้งโครงการพัฒนาบุคลากรซึ่งจะต้องได้สัดส่วนเหมาะสมกัน ทั้งนี้ ควรดำเนินการโดยมุ่งคุณภาพ เพื่อให้เกิดการสร้างความเข้มแข็งของประเทศอย่างแท้จริง มิใช่ทำให้ประเทศชาติอ่อนแอลง และสร้างปัญหาใน ระยะยาว โดยปลัดกระทรวงต้องลงมาเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง มีหลักเกณฑ์และวิธีการอย่างสมเหตุสมผล โปร่ง ใส ใช้บุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขที่มีคุณภาพซึ่งมีอยู่มากช่วยกันทำ 2. ควรมีการสอบสวนข้าราชการประจำที่เกี่ยวข้องทั้งที่ยังรับราชการและเกษียณอายุราชการไปแล้วใน กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เข้าข่ายว่าเป็นความผิดที่ได้ทำมาเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป 3. ควรพิจารณาดำเนินการกับนักการเมืองที่เกี่ยวข้องตาม "กฎเหล็ก 9 ข้อ" ของนายกรัฐมนตรีที่แถลง ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2551 โดยเฉพาะในข้อ 2 ที่ "เน้นให้ยึดถือ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด" และข้อ 9 ที่ระบุว่า "ความรับผิดชอบทางการเมืองนั้นมี มาตรฐานที่สูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
|
||||||||||||||||||||||||
37089 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม) | คค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการท่าเรือ
แห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ 300,000 บาท รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตาม ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป และให้นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ลาออกจากการเป็นพนักงานก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
37090 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2553 | กค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2553 ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 21,897 โครงการ วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 5,493 โครงการ วงเงิน 52,728.64 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 16,404 โครงการ วงเงิน 146,617.71 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน 10,592 โครงการ วงเงิน 71,176.50 ล้านบาท 3.2 ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 5,812 โครงการ วงเงิน 75,441.21 ล้านบาท 3.3 มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 5,812 โครงการ วงเงิน 75,308.32 ล้านบาท 4. การดำเนินการ 4.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 736 โครงการ วงเงิน 48,968.31 ล้านบาท 4.2 เบิกจ่ายบางส่วนแล้ว (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 4,922 โครงการ วงเงิน 10,881.05 ล้านบาท 4.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 154 โครงการ วงเงิน 15,458.96 ล้านบาท 4.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 5,076 โครงการ วงเงิน 26,340.01 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
37091 | การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (จำนวน 24 คน 1. นายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ฯลฯ) | ทก | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
จำนวน 12 คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (5 มกราคม 2553) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. ด้านการเงิน ภาครัฐ นายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ภาคเอกชน นายจรัมพร โชติกเสถียร 2. ด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ภาครัฐ นายชัยณรงค์ โชไชย ภาคเอกชน นางเสาวณี สุวรรณชีพ 3. ด้านนิติศาสตร์ ภาครัฐ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ภาคเอกชน นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ 4. ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ภาครัฐ นายกำพล ศรธนะรัตน์ ภาคเอกชน นายสหัส ตรีทิพยบุตร 5. ด้านวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ ภาครัฐ นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ภาคเอกชน นายสุเทพ อุ่นเมตตาจิต 6. ด้านสังคมศาสตร์ ภาครัฐ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ภาคเอกชน นางสาววิลาวรรณ วนดุรงค์วรรณ
|
||||||||||||||||||||||||
37092 | การเลือกกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 | ศป | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้นายกู้เกียรติ สุนทรบุระ เป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ
ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
37093 | การประกาศให้ปี 2553 เป็นปีแห่งการสร้างสรรค์ และให้วันที่ 26 เมษายน เป็นวันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ | พณ | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. การกำหนดให้วันที่ 26 เมษายนของทุกปีเป็นวันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ เพื่อให้คนไทยตระหนัก ถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศให้สามารถพึ่งพาตนเองและแข่ง ขันในเวทีโลกได้นั้น เนื่องจากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization หรือ WIPO) ได้กำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World IP Day) จึงเป็นวันสากลที่ประเทศสมาชิก รับทราบและถือปฏิบัติเช่นเดียวกัน ดังนั้น การกำหนดให้วันที่ 26 เมษายนของทุกปีเป็นวันทรัพย์สินทางปัญญา แห่งชาติอีกจะเป็นการดำเนินการซ้ำซ้อน ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สามารถขอความร่วมมือและประสานกับหน่วยงาน ต่าง ๆ เพื่อจัดกิจกรรมในวันดังกล่าวได้อยู่แล้ว 2. การกำหนดให้ปี 2553 เป็นปีแห่งการสร้างสรรค์ของไทย (Creative Thailand Year) นั้น เนื่องจากได้ มีการประกาศคำมั่นสัญญาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 12 ข้อ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2552 และคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวัน ที่ 15 กันยายน 2552 รับทราบพันธสัญญาของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดังนั้น ควรมุ่ง เน้นดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศคำมั่นสัญญา ฯ และพันธสัญญา ฯ ดังกล่าวก่อน หากยังมีความจำเป็นที่จะ ต้องกำหนดให้ปี 2553 เป็นปีแห่งการสร้างสรรค์ของไทย ก็ให้กระทรวงพาณิชย์นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง 3. การกำหนดให้ปีใดมีความสำคัญเพื่อรณรงค์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ให้ทุกหน่วยงานรับไปพิจารณากำหนด ตามความจำเป็นและเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||
37094 | ขอความเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D) | มท | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคใช้เงินกู้ระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D)
กับธนาคารที่มีเงื่อนไขเหมาะสมที่สุด เพื่อสำรองไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเสริมสภาพคล่องในกรณีมีความ จำเป็นเร่งด่วน เป็นระยะเวลา 1 ปี (มกราคม-ธันวาคม 2553) ในวงเงิน 4,500 ล้านบาท ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
|
||||||||||||||||||||||||
37095 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปี 2552 | กษ | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 61,955,713 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปี 2552 โดยจ่าย ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าในกรณีเกิดภัยพิบัติครั้งต่อ ไป ให้กรมส่งเสริมการเกษตรและจังหวัดพื้นที่ประสบภัยเร่งรัดการดำเนินการสำรวจความเสียหายและขั้นตอนการ ดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณอย่างเร่งด่วน ไม่ควรปล่อยให้เกินระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้สอดคล้อง กับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 และสามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันกับสถานการณ์และความต้องการของ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ไปดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
37096 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายเงินทดแทน | รง | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่าย เงินทดแทน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอ คณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างประกาศ ฯ มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ 1.1 กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาลบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในกรณีการเข้ารับการ รักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐให้จ่ายได้เต็มจำนวน และกรณีที่เข้ารับการรักษาพยาบาลจากสถานพยาบาล เอกชนให้จ่ายได้ไม่เกิน 45,000 บาท 1.2 กรณีที่ค่ารักษาพยาบาลจากสถานพยาบาลเอกชนไม่เพียงพอ ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาล เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นเพิ่มอีกได้ไม่เกิน 65,000 บาท แต่หากค่ารักษาพยาบาลที่นายจ้างจ่ายเพิ่มนั้น ไม่ เพียงพอสามารถจ่ายเพิ่มได้อีกเมื่อรวมค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 200,000 บาท และหากค่ารักษา พยาบาลไม่เพียงพอให้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงแต่รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 300,000 บาท 1.3 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน โดยกำหนดค่าใช้จ่ายใน กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพไม่เกิน 20,000 บาท รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพอีกไม่เกิน 20,000 บาท 1.4 กำหนดให้จ่ายค่าทำศพเป็นเงินจำนวน 3 เท่าของค่าจ้างรายเดือนเดือนสุดท้าย แต่ต้องไม่น้อย กว่า 100 เท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวันตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน 1.5 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจ่ายค่าทดแทนรายเดือน ในกรณีที่ลูกจ้างไม่สามารถ ทำงานติดต่อกันได้ กรณีสูญเสียอวัยวะบางส่วน กรณีทุพพลภาพ และกรณีถึงแก่ความตายหรือสูญหาย 2. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม "ในกรณีที่ ลูกจ้างได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลหรือเงินอื่นใดในลักษณะทำนองเดียวกับค่าทดแทนจากบริษัทประกันภัยแล้วลูก จ้างไม่มีสิทธิได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทดแทนตามประกาศนี้ เว้นแต่ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทดแทนดัง กล่าวที่ได้รับนั้นต่ำกว่าสิทธิที่ได้รับตามประกาศนี้ ก็ให้มีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทดแทนเฉพาะส่วนที่ ขาดอยู่จากสิทธิ" รวมทั้งข้อพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกรณีการจ่ายเงินทดแทนระหว่างภาคเอก ชนและรัฐวิสาหกิจ โดยภาคเอกชนดำเนินการโดยกองทุน ส่วนรัฐวิสาหกิจไม่มีการจัดตั้งกองทุนเงินทดแทน แต่จะ ใช้งบประมาณแผ่นดินที่ได้รับจัดสรรมาดำเนินการซึ่งอาจต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
37097 | ขออนุมัติให้ข้าราชการได้รับสิทธิได้รับรถประจำตำแหน่งหรือรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง | นร | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ ก.พ.
กำหนดเงื่อนไขการแต่งตั้งให้ได้รับสิทธิประโยชน์อื่นตามที่ได้รับอยู่เดิมให้ได้รับสิทธิได้รับรถประจำตำแหน่งหรือรับ เงินค่าตอบแทนเหมาจ่าย แทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง เฉพาะกรณีเป็นการแต่งตั้งจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่ง ประเภทบริหารเดิม และได้มีการมอบหมายจากหัวหน้าส่วนราชการให้รับผิดชอบงานด้านการบริหารที่มีอำนาจใน การบังคับบัญชาด้วย โดยให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||
37098 | การลงนามบันทึกความเข้าใจอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการสอบสวนอุบัติภัยทางน้ำและการสอบสวนความปลอดภัยจากอุบัติการณ์ทางน้ำ | คค | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ 1.1 อนุมัติการลงนามบันทึกความเข้าใจอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการสอบสวนอุบัติภัยทางน้ำ และการสอบสวนความปลอดภัยจากอุบัติการณ์ทางน้ำ 1.2 อนุมัติให้หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการขนส่งอาเซียน (STOM Leader) ของประเทศไทย หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจ ฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้า ใจที่มิใช่สาระสำคัญ ให้หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสดังกล่าวหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง 1.3 มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่หัวหน้า คณะเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการขนส่งอาเซียน (ST0M Leader) ของประเทศไทย หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายสำหรับการ ลงนามดังกล่าว 2. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า ร่างบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ไม่น่าจะเป็นหนังสือสัญญาที่จะหรืออาจจะเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิ อธิปไตย หรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทาง เศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุนหรืองบประมาณของประเทศ อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น หากส่วนราชการเจ้าของเรื่องสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ต้องออกพระราชบัญญัติตามมาตรา 190 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ไปพิจารณาดำเนิน การด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
37099 | การพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2553 | รง | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2552 โดยปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ จำนวน 71 จังหวัด รวมกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 และให้กระทรวงแรงงานส่งประกาศ ฯ ไปสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่ กระทรวงแรงงานเสนอ 2. ในส่วนของจังหวัดที่ยังไม่ได้รับการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ รวม 5 จังหวัด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน สุโขทัย เชียงราย เพชรบูรณ์ และอุทัยธานี นั้น กระทรวงแรงงานควรรับไปพิจารณาทบทวนตามขั้นตอนต่อไปอีกครั้งหนึ่งด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
37100 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรมทุกประเภท พ.ศ. .... | นร | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ....
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอและตรวจพิจารณาแล้ว ในแบบที่ 2 คือ ยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบ ธุรกิจโรงแรม ปีละ 80 บาท ต่อห้องพัก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ทั้งนี้ เฉพาะโรง แรมที่ได้รับอนุญาตก่อนวันที่ 1 มกราคม 2553 และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....