ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1851 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 37001 - 37020 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37001 | ปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 1 และการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | พณ | 19/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลสรุปการแก้ปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบ
ที่ 1 และการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว แห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2553 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการออกหนังสือรับรองเกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบที่ 1 ออกไปจน ถึงวันที่ 15 มกราคม 2553 และขยายระยะเวลาการทำสัญญาประกันรายได้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกไปเป็นสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2553 สำหรับเกษตรกรที่ตกสำรวจซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเกษตร กรและผ่านการประชาคมผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2552/53 รอบที่ 1 ที่ไม่สามารถออกหนังสือรับรองเกษตรกรผู้ ปลูกข้าว รอบที่ 1 ได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมทั้งเกษตรกรที่ได้มีการแก้ไขข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ที่ตกสำรวจให้ถือวันทำประชาคมเป็นวันทำสัญญา และเกษตรกรที่ได้แก้ไขข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้ใช้วันที่ออกใบ รับรองเกษตรกรที่กรมส่งเสริมการเกษตรออกให้ครั้งแรก ไม่ใช้วันที่ปรับปรุงข้อมูลเป็นวันทำสัญญา ส่วนเกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร และไม่ได้ทำประชาคม ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกร 2. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบปริมาณรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ต่อครัวเรือน เท่ากับ ปริมาณประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ฯ รอบที่ 1 คือ ข้าวเปลือกปทุมธานี 1 และข้าวเปลือกเจ้าพันธุ์ที่ทางราช การรับรอง โดยมีปริมาณประกันรายได้ครัวเรือนละ 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียวปริมาณประกันรายได้ครัวเรือนละ 16 ตัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37002 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 19/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดสินค้า จำนวน 38 รายการ และบริการ จำนวน 1 รายการ รวม 39
รายการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 15 มกรา คม 2553 เป็นสินค้าและบริการควบคุมในปี พ.ศ. 2553 ยกเว้นสินค้า 1 รายการ คือ ก๊าซธรรมชาติ (NGV) ตามที่ กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2552 ที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 9/2552 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและ บริการ พ.ศ. 2542 ต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37003 | การรักษาราชการและการปฏิบัติราชการแทน | นร | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 330/
2551 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2551 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 53/2552 ลงวันที่ 19 กุมภา พันธ์ 2552 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายก รัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีนั้น โดยที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ขอลาออกจาก ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2553 ดังนั้น ในระหว่างที่ยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งแทน ให้เสนอ งานในส่วนที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจตามคำสั่งดังกล่าวต่อ นายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37004 | การดำเนินการตามแผนพัฒนาการเมือง | นร | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 4 กันยายน
2550 อนุมัติให้ใช้แผนพัฒนาการเมืองและให้สภาพัฒนาการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการ เมือง พ.ศ. .... เป็นองค์กรหลักในการดำเนินการตามแผนพัฒนาการเมือง และให้กระทรวง กรม องค์กร และหน่วย งานของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ในแผน ฯ ดำเนินการตามกลยุทธ์ของแผนพัฒนาการเมือง ต่อมาได้มี การตราพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดให้สภาพัฒนาการเมืองมีอำนาจหน้าที่ติดตาม สอดส่องและประสานงานกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคประชา สังคม และองค์การต่างประเทศ หรือระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการนำแผน ฯ ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผล สัมฤทธิ์อย่างเคร่งครัด จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37005 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... | กค | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการ
แปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้นิติบุคคลเฉพาะกิจมีอำนาจรับสิน ทรัพย์ไว้เป็นหลักประกันเพื่อประโยชน์ในการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ และเพิ่มเติมให้มีการจัดตั้งนิติบุคคล เฉพาะกิจในรูปแบบของทรัสต์ตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ ต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องและเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาธุรกรรมการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ที่สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37006 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลดและนำของเสียมาใช้ประโยชน์ พ.ศ. .... | ทส | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลดและนำของเสียมาใช้ประโยชน์ พ.ศ. .... ตาม
ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายไปพิจารณารวมกับ ร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง โดยให้ เชิญผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37007 | โครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สธ | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้ย้าย เปลี่ยนแปลง นักศึกษา จำนวน 10 ราย ซึ่งไม่ผ่านหลักสูตรพยาบาลศาสตรบันฑิตหลักสูตร 4 ปี มาศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงสาธารณสุขศาสตร์ (สาธารณสุขชุมชน) หลักสูตร 2 ปี แทน 1.2 ให้นักศึกษาทั้ง 10 ราย ยังคงได้รับสิทธิในการบรรจุเข้ารับราชการหลังสำเร็จการศึกษาเหมือนเดิม 1.3 ให้ใช้งบประมาณจากโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่ม เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาค ใต้ เพื่อเป็นค่าอุดหนุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาทั้ง 10 ราย ที่ย้ายมาศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้น สูงสาธารณสุขศาสตร์ (สาธารณสุขชุมชน) 2. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ที่ เห็นควรเร่งหาแนวทางและวิธีการเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษามีผลการเรียนเป็นไปตามเกณฑ์ที่สถาบันการศึกษากำหนด เพื่อลดการสูญเสียงบประมาณ และให้ได้บุคลากรที่มีคุณภาพ และจัดให้มีระบบการแนะแนวทางที่จะพัฒนานักศึกษา ด้านทักษะการเรียนและการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมทั้งให้ความสำคัญ กับการเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาเพื่อสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และออกไปประกอบอาชีพในพื้นที่ได้ นอก จากนี้ ให้วางแผนบริหารจัดการตำแหน่งว่างที่มีอยู่เพื่อบรรจุและแต่งตั้งนักศึกษาในโครงการ ฯ ภายหลังจากที่สำเร็จ การศึกษาเป็นการเฉพาะ โดยให้คำนึงถึงพื้นที่ที่มีปัญหาขาดแคลนอัตรากำลังหรือพื้นที่ที่เป็นภูมิลำเนาของนักศึกษา เป็นลำดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
37008 | แผนแม่บทอุตสาหกรรมอาหาร พ.ศ. 2553 - 2557 | อก | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ 1.1 แผนแม่บทอุตสาหกรรมอาหาร พ.ศ. 2553-2557 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรม อาหารของไทยมีทิศทาง เป้าหมายที่ชัดเจน และมีแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารอย่างเป็นระบบ และเป็น องค์รวมที่สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก และการพัฒนาประเทศที่เปลี่ยนแปลง ตามสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถกำหนด แนวนโยบายด้านอุตสาหกรรมอาหารเชิงบูรณาการร่วมกัน เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิต และเพิ่มขีดความ สามารถในการส่งออกสินค้าอาหารของไทย รวมถึงผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศจะมีความเชื่อมั่นในคุณภาพและ ความปลอดภัยของสินค้าอาหารไทย ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายส่วนแบ่งการตลาดของไทยในทุกสินค้า อาหารได้อย่างเป็นรูปธรรม 1.2 มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plans) โดยผ่านกลไกคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ ในการจัด ลำดับความสำคัญของโครงการที่จะดำเนินในระยะเวลา 5 ปี พร้อมงบประมาณที่ใช้ รวมทั้งเป็นผู้ติดตามประเมินผล 1.3 ให้สำนักงบประมาณใช้กรอบของแผนแม่บท ฯ ในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนที่เกี่ยว ข้องกับอุตสาหกรรมอาหารของแต่ละกระทรวงต่อไป 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอต่อคณะกรรมการอาหารแห่งชาติพิจารณาภายในเดือนมีนาคม 2553 3. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒน ธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เกี่ยวกับการ การพิจารณาสร้าง niche สำหรับสินค้าอาหารบางรายการเพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการพัฒนาอุตสาหกรรม อาหารประเภทนั้น ๆ อย่างเป็นระบบ และกำหนดระยะเวลาในการดำเนินงาน เป้าหมาย และตัวชี้วัดของแต่ละยุทธ ศาสตร์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนสามารถติดตามประเมินผลสำเร็จของแผน รวมทั้งควรปรับปรุงแผนให้มีความบูรณา การและสอดคล้องกันระหว่างหน่วยปฏิบัติเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดตั้งงบประมาณ นอกจากนี้ ควรกำหนดแนว ทางการผลักดันการสร้างคุณค่าสินค้าอาหาร โดยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสาขาการผลิต ทั้งสาขาอุตสาหกรรม เกษตรและบริการ อย่างชัดเจนเพื่อให้เกิดการพัฒนาตลอดห่วงโซ่อาหาร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วเสนอคณะ รัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง สำหรับการเสนอของบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ให้กระทรวงอุตสาหกรรม ประสานสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการไปพลางก่อนได้ โดยไม่ต้องรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการอาหาร แห่งชาติ |
||||||||||||||||||||||||||||||
37009 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเพื่อให้คนพิการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสารสำหรับคนพิการทุกประเภทตลอดจนบริการสื่อสาธารณะจากหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐ พ.ศ. .... | ทก | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเพื่อให้คนพิการเข้า ถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทค โนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสารสำหรับคนพิการทุกประเภทตลอดจนบริการสื่อสาธารณะจากหน่วย งานของรัฐหรือเอกชนที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อให้คนพิการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ฯ ทั้งนี้ เพื่อให้คนพิการมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเพื่อพัฒนาความรู้และ คุณภาพความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันที่ดีขึ้นในสังคมปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อให้ทันกับกระแสสังคมโลกที่มีการเปลี่ยน แปลงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างรวดเร็ว ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษา ธิการ และสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เกี่ยวกับบัญชีรายการอุปกรณ์สำหรับให้ยืมตาม ร่างกฎกระทรวง ฯ กับบัญชีแนบท้ายกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้คนพิการมีสิทธิได้รับสิ่งอำนวย ความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา พ.ศ. 2550 ที่ออกโดยกระทรวงศึกษาธิการมีราย การอุปกรณ์สำหรับการให้ยืมส่วนใหญ่เป็นชนิดเดียวกันจึงควรกำหนดวิธีการให้ยืมไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกัน ส่วน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในบัญชีสำหรับให้เปล่าบางโปรแกรมมีราคาค่อนข้างสูง ควรมีวิธีการในการจัดสรรให้ ได้อย่างทั่วถึงและเหมาะสม รวมทั้งควรกำหนดเครื่องมือหรืออุปกรณ์ช่วยในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งอยู่ในบัญชี สำหรับให้ยืมและบัญชีสำหรับให้เปล่าให้ชัดเจน เช่น คีย์บอร์ดพิเศษ เมาส์ชนิดพิเศษ เป็นต้น และให้รับข้อสังเกต ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการกำหนดให้การรับรองมาตรฐานสากลหรือมาตรฐานอื่นใดที่เทียบ เท่ามาตรฐานสากลโดยคณะอนุกรรมการ ให้รัฐมนตรีออกเป็นประกาศ และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกฎกระทรวง ส่วนข้อกำหนดเกี่ยวกับองค์ประกอบ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม การดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง ของคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร ฯ ควรให้คณะกรรมการเป็น ผู้กำหนดเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายแม่บท ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37010 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงแรงงานรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่
ต้องเพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงานกรณีเกษียณอายุของลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ ตามร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37011 | การให้สัตยาบันสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญาของภูมิภาคอาเซียน | อส | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบให้ส่งสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญาของภูมิภาคอาเซียนให้ คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา และให้เสนอรัฐสภาพิจารณาต่อไป 2. เห็นชอบให้ส่งร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้ว เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบสนธิสัญญา ฯ แล้ว โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระ สำคัญคือ 2.1 แก้ไขเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจดำเนินการตามคำร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศและวิธี การดำเนินการให้ความร่วมมือกับต่างประเทศในเรื่องทางอาญาเกี่ยวกับผู้ประสานงานกลาง 2.2 แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ และวิธีการดำเนินการให้ครอบคลุมถึงการอายัดทรัพย์สิน เพื่อประโยชน์ ในการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งเพิ่มมาตรการในการอายัดหรือยึดทรัพย์สินในกรณีที่ได้รับคำร้องขอจากต่าง ประเทศให้อายัดหรือยึดทรัพย์สินดังกล่าว โดยศาลต่างประเทศยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้อายัดหรือยึดทรัพย์ สินนั้น 2.3 เพิ่มมาตรการให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ 2.4 แก้ไขเพิ่มเติมในกรณีการริบหรือยึดทรัพย์สินให้ครอบคลุมการอายัดทรัพย์สินและการบังคับชำระ เงินแทนการริบทรัพย์สินตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลต่างประเทศ 3. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สัตยาบันสนธิสัญญา ฯ เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบสนธิ สัญญา ฯ และร่างพระราชบัญญัติ ฯ ได้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37012 | ของบกลางสนับสนุนโครงการขึ้นทะเบียนและสำรวจผลผลิตต่อไร่ของเกษตรกรที่จะเข้าร่วมประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | กษ | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการขึ้นทะเบียนและสำรวจผลผลิตต่อไร่ของเกษตรกร ที่จะเข้าร่วมประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 48,375,900 บาท จำแนกตามส่วนราชการดังนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 31,444,000 บาท สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จำนวน 15,141,900 บาท และกรมการข้าว จำนวน 1,790,000 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบการจัดเก็บข้อมูลให้สามารถเชื่อมโยงกับระบบข้อมูลของธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินการ และลดระยะเวลาในการจัดทำสัญญา กับเกษตรกร รวมทั้งปรับปรุงระบบการบันทึกและส่งผ่านข้อมูลในระดับตำบล อำเภอ และระดับประเทศซึ่งยังมี ความคลาดเคลื่อนสูง ไปดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37013 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 เพิ่มเติม | กห | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพิ่มเติม จากสำนักงบ
ประมาณ จำนวน 160 ล้านบาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของหน่วย บัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ตามพระราชบัณฑูรของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎ ราชกุมาร องค์ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37014 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2553 | นร | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบในหลักการตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ใน
การประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2553 ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ รศก. เสนอ สรุปได้ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 1/2553 2. มอบหมายให้กระทรวงแรงงานพิจารณาระบบค่าจ้างขั้นต่ำ รวมทั้งค่าจ้างแรงงานของประเทศไทยให้ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย โดยคำนึงถึงการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและผลกระทบ ด้านรายได้ของแรงงาน 3. มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดำเนินการจัดทำยุทธ ศาสตร์การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว 4. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ ฯ จัดทำรายละเอียดตัวชี้วัดที่เป็นจุดอ่อนของประเทศ และจัดส่งหน่วย งานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการ ฯ ต่อไป 5. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนชั้นนำของต่างประเทศ เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและนักธุรกิจต่างประเทศต่อประเทศไทยด้วย 6. เห็นชอบในหลักการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ในรูป แบบ PPP Gross Cost 7. ให้คณะกรรมการตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 รับความเห็นของคณะกรรมการ รศก. ซึ่งได้แก่ การพิจารณาความเหมาะสมของแนว ทางการโอนกรรมสิทธิ์ระบบรถไฟฟ้าให้ภาครัฐ การคัดเลือกข้อเสนอเอกชนผู้สนใจเข้าร่วมลงทุน และการกำหนด เงื่อนไขการประเมินผลการให้บริการและการดำเนินงานตามสัญญาไปประกอบการพิจารณาจัดทำร่างประกาศเชิญ ชวนและขอบเขตการดำเนินการ 8. รับทราบประมาณการกรอบวงเงินลงทุนค่างานระบบรถไฟฟ้า และขบวนรถไฟฟ้า จำนวน 13,243 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประกอบการพิจารณาในขั้นการคัดเลือกเอกชนของคณะกรรมการตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติ ฯ 9. เห็นชอบในหลักการการปรับเพิ่มวงเงินค่าจ้างที่ปรึกษาระบบรถไฟฟ้า วงเงิน 382 ล้านบาท และให้ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกระทรวงคมนาคม พิจารณาความเหมาะสมของกรอบวงเงินดังกล่าว ก่อน ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป 10. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย รับความเห็นของคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2552 ไปดำเนิน การอย่างเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37015 | เอกสารสำคัญที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่เมืองดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | กต | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างเอกสารในระหว่าง
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13-14 มกราคม 2553 ที่เมืองดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้แก่ ร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะทำงานระดับสูงของอาเซียนว่าด้วยความ เชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน และร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฉบับทบทวนว่าด้วยการจัดตั้งมูลนิธิอาเซียน รวม 2 ฉบับ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสาร ฯ ดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผล ประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา อีก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37016 | ขออนุมัติยุบเลิกทุนหมุนเวียน | กค | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้ยุบเลิกทุนหมุนเวียน จำนวน 4 ทุน ประกอบด้วย เงินทุนหมุนเวียนฝึกอาชีพเด็กและเยาวชนใน สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก กองทุนเพื่อลดผลกระทบจากนโยบายสุราเสรีของรัฐ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อซื้อขายอาวุธ ปืนผ่อนส่งให้แก่ข้าราชการตำรวจ และเงินทุนหมุนเวียนผลิตป้ายจราจร และให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และส่วนราชการเจ้าของทุนหมุนเวียนดำเนินการขั้นตอนการยุบเลิกทุนหมุนเวียนตามนัยหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค 0414/ว 10 ลงวันที่ 19 มกราคม 2548 ต่อไป 2. ให้กรมการจัดหางานพิจารณาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่ บ้าน พร้อมทั้งพิจารณานำเงินกองทุน ฯ ส่วนที่เกินความจำเป็นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ภายใน 90 วัน หลังจาก วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติในเรื่องดังกล่าว 3. ให้กรมทางหลวงพิจารณาทบทวนสถานภาพของเงินทุนหมุนเวียนค่าเครื่องจักรกล และศึกษาความเป็น ไปได้ในการจัดตั้งหน่วยงานภายในกรมทางหลวงเป็นหน่วยงานบริการรูปแบบพิเศษ (SDU) พร้อมทั้งเร่งหาข้อสรุป จากผลการศึกษาดังกล่าวเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของเงินทุน ฯ เป็นหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (SDU) ให้ แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 และให้รายงานความคืบหน้าให้กระทรวงการคลังทราบเป็นระยะ ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37017 | รายงานผลการประเมินการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2551 | กค | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการประเมินการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2551 2. เห็นชอบให้กระทรวงเจ้าสังกัดดำเนินการ ดังนี้ 2.1 กำกับดูแลให้รัฐวิสาหกิจมีการจัดทำงบการเงินตามมาตรฐานบัญชีที่ยอมรับให้เป็นปัจจุบัน 2.2 กำกับดูแลให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดำเนินการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมี ประสบการณ์เหมาะสมเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด โดยเร็วอย่างช้าไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ผู้บริหารเดิมพ้นจาก ตำแหน่ง 2.3 ทบทวนบทบาท ภารกิจ และความจำเป็นในการมีอยู่ของรัฐวิสาหกิจในสังกัด และนำเสนอต่อ คณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ภายใน 3 เดือน สำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีผลการประเมินต่ำติดต่อ กันหลายปี ให้นำเสนอแผนปรับบทบาทหรือแผนพลิกฟื้นต่อ กนร. เพื่อพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป 2.4 ติดตามการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจตามแนวทางการปรับปรุงองค์กรตามประเด็นปัญหาที่ได้ จากการประเมินผล ฯ เพื่อให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจนำผลการประเมินดังกล่าวไปใช้ในการพัฒนาและยกระดับ การบริหารจัดการองค์กรให้เป็นมาตรฐานต่อไป 3. ให้กำหนดเป็นหลักการว่าไม่ควรมีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจทั้งคณะ ยกเว้นเป็นการ ดำเนินการตามกฎหมายหรือข้อบังคับที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ เพื่อให้คณะกรรมการสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อ เนื่อง เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล และสอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37018 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเฉพาะกรณีตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเฉพาะกรณีตามกฎ หมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้นำซากสัตว์ ออกนอกราชอาณาจักร สำหรับซากสัตว์ประเภทหนังโค และหนังกระบือ และยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ นำเข้าซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร สำหรับซากสัตว์ประเภทไขมันสุกรแข็ง (Back Fat) ไส้แกะ และไส้สุกร ที่นำเข้าในราชอาณาจักร สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารเพื่อการส่งออกจำหน่ายนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า ในการยกเว้นค่าธรรม เนียมใบอนุญาตให้นำไขมันสุกรแข็ง ไส้แกะ และไส้สุกรเข้ามาในราชอาณาจักร สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการ ผลิตอาหารเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักร จะต้องมีมาตรการรองรับเพื่อควบคุมให้มีการส่งออก ไปนอกราชอาณาจักรทั้งหมด โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการและเกษตรกรภายในประเทศ ไปพิจารณาดำเนิน การด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37019 | ขอความเห็นชอบการเปิดสถานกงสุลประจำสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน [นายเอียร์กาเชฟ ซาฟาร์ โซบิโรวิช (Mr. Ergashev Zafar Sobirovich)] | กต | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานกงสุลประจำสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน และแต่งตั้งนายเอียร์กาเชฟ
ซาฟาร์ โซบิโรวิช (Mr. Ergashev Zafar Sobirovich) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำสาธารณรัฐอุซเบกิ สถานคนแรก เพื่อปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมและขยายผลประโยชน์ของประเทศไทยในสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ตามที่ กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37020 | งบการเงินและรายงานรายรับและรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2551 ของกรมการข้าว | กษ | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนองบการเงินและรายงานรายรับ
และรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของกรมการข้าว ดังนี้ 1. รายงานแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 และ 30 กันยายน 2551 มีสินทรัพย์ หมุนเวียนรวม 835,029,631.59 บาท มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนรวม 80,701,611.72 บาท มีสินทรัพย์รวม 915,731,243.31 บาท มีหนี้สินหมุนเวียน 49,950 บาท มีหนี้สินไม่หมุนเวียน 416,399.20 บาท รวมหนี้ สิน 446,349.20 บาท รวมสินทรัพย์สุทธิ 915,264,894.11 บาท 2. รายงานแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 และ 30 กันยายน 2551 มีรายได้ จากการดำเนินงานรวม 3,367,797,360.51 บาท มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน 2,615,545,061.45 บาท มีรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสุทธิรวม 752,252,299.06 บาท 3. ประเภทเงินรายได้จากการดำเนินงาน รายงานการรับ-จ่ายเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยา ยน 2551 มีรายรับรวม 6,580,662.30 บาท มีเงินคงเหลือหลังหักภาระผูกพันรวม 6,580,662.30 บาท มีเงินคงเหลือทั้งสิ้น 6,580,662.30 บาท
|
.....