ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1728 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34541 - 34560 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34541 | สรุปประเด็นการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... รวม 4 ฉบับ ระหว่างวันที่ 23 - 25 พฤศจิกายน 2553 | นร | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอเอกสารสรุปประเด็นการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... รวม ๔ ฉบับ ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ได้แก่
๑. ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน ๗๑,๕๔๓ คน เป็นผู้เสนอ) ๒. ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๑๐๒ คน เป็นผู้เสนอ) ๓. ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (มาตรา ๙๓ - ๙๘) (คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ) ๔. ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (มาตรา ๑๙๐) (คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ)
|
||||||||||||||||||||||||
34542 | การขอใช้พื้นที่ของส่วนราชการบริเวณงานการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติทางเรือ และการจัดขบวนเรือประดับไฟ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวันที่ 5 ธันวาคม 2553 | มท | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า ได้กำหนดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ โดยกำหนดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติทางเรือและการจัดขบวนเรือประดับไฟ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณ ลำน้ำเจ้าพระยา บริเวณโรงพยาบาลศิริราช และได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดจุดพื้นเวทีกลาง และกำหนดท่าเทียบเรือรับส่งมวลชนลงเรือเพื่อร่วมงาน จำนวน ๑๔ จุด เพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชนที่มาร่วมงาน
|
||||||||||||||||||||||||
34543 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธ ศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ และคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ๑.๒ กำหนดให้จัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ๑.๓ กำหนดงบประมาณที่ใช้ในกิจการการพัฒนางานด้านวัคซีน ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับ องค์ประกอบของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เห็นควรเพิ่มสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นกรรมการด้วยและควรเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าวในเรื่องการประสานงานกับหน่วยงาน ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการใช้นโยบายพาณิชย์เชิงรุกเพื่อการผลิตและจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประเทศต่าง ๆ ที่มีศักยภาพเป็นประเทศคู่ค้าด้วย สำหรับการจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในกรมควบคุมโรค ไม่ถือเป็นส่วนราชการที่เป็นกอง หรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่ากอง ตามมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๕ และการบริหารราชการต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการแผ่นดินฯ จึงไม่อาจกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้ ไปประกอบการ พิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมควบคุมโรค) รับความเห็นของสำนักงบ ประมาณเกี่ยวกับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการบริหาร ให้สามารถนำเงินงบประมาณที่จัดสรรไว้ที่กรมควบคุม โรคและเงินที่ได้รับจากเงินนอกงบประมาณตามร่างข้อ ๒๐ และร่างข้อ ๒๑ มาใช้จ่ายได้โดยให้เบิกจ่ายในอัตรา ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
34544 | การจัดทำความตกลงโครงการกับองค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ | ทส | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำความตกลงโครงการ PPD 139/07 Rev.1 (M) การเสริมสร้างระบบข้อมูลด้านป่าไม้ ของชาติ “Strengthening of the National Forest Information System” และความตกลงโครงการ PD 470/07 Rev.1 (F) การพัฒนาและการดำเนินงานเรื่องเกณฑ์และตัวชี้วัดสำหรับการจัดการอย่างยั่งยืนของสวนป่าและป่า “Development and Implementation of Criteria and Indicators for Sustainable Management of Planted Forests and Community Forests” ๑.๒ ให้อธิบดีกรมป่าไม้เป็นผู้ลงนามในความตกลงโครงการทั้งสองฉบับดังกล่าว เมื่อคณะรัฐมนตรี เห็นชอบแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) เพื่อให้อธิบดีกรมป่าไม้เป็น ผู้แทนรัฐบาลลงนามในความตกลงโครงการดังกล่าวต่อไป ๒. สำหรับการขอยกเว้นอากรนำเข้าและภาษีอื่น ๆ สำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในโครงการ PPD 139/07 Rev.1 (M) การเสริมสร้างระบบข้อมูลด้านป่าไม้ของชาติและโครงการ PD 470/07 Rev.1 (F) การพัฒนาและ การดำเนินงานเรื่องเกณฑ์และตัวชี้วัดสำหรับการจัดการอย่างยั่งยืนของสวนป่าและป่า ให้เป็นไปตามกฎหมาย ภายในของไทย ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยว กับการดำเนินการเพื่อการจัดการอย่างยั่งยืนของสวนป่าและป่าชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
34545 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2553 | กค | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๔๒๙ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๑,๕๕๙ โครงการ วงเงิน ๒๒,๘๙๐.๖๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๐,๘๗๐ โครงการ วงเงิน ๓๒๗,๐๖๙.๘๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๓,๕๐๗ โครงการ วงเงิน ๑๔,๘๘๒.๘๓ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๕๘๓ โครงการ วงเงิน ๖,๐๙๖.๙๖ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๙๒๔ โครงการ วงเงิน ๘,๗๘๖.๑๔ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๗,๓๖๓ โครงการ วงเงิน ๓๑๒,๑๘๖.๙๙ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๗,๓๖๓ โครงการ วงเงิน ๓๐๓,๙๑๐.๘๖ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๖๘๐ โครงการ วงเงิน ๕๙,๒๖๕.๗๓ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๕๑๓ โครงการ วงเงิน ๒๐๓,๒๒๖.๐๓ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๔,๑๗๐ โครงการ วงเงิน ๔๑,๔๑๙.๑๐ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๕,๖๘๓ โครงการ วงเงิน ๒๔๔,๖๔๕.๑๓ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
34546 | การจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเส้นในสต๊อกของรัฐบาลในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) | พณ | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้นำมันสำปะหลังเส้นในสต๊อกของรัฐบาลตามที่ให้จำหน่ายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า แห่งประเทศไทย (AFET) มาจำหน่ายเป็นการทั่วไป เนื่องจากสถานการณ์ตลาดและราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เปลี่ยนแปลงจากปี ๒๕๕๑/๕๒ ประกอบกับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีการเก็บรักษามานานคุณภาพอาจเปลี่ยน แปลงไป รวมทั้งต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ ๒-๓ เดือน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาและค่าใช้จ่ายใน การดำเนินการอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ตามมติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒๑) เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการ นโยบายมันสำปะหลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรดำเนินการให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดและราคาผลิตภัณฑ์มัน สำปะหลังที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งเป็นประโยชน์และลดภาระของภาครัฐมากที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
34547 | การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทยเป็นองค์การมหาชน | สบร | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ดังนี้ ๑.๑ ให้จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทยเป็นองค์การมหาชนในกำกับของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑.๒ กำหนดเงื่อนไขในการจัดตั้งให้มีการประเมินความคุ้มค่าของศูนย์ความเป็นเลิศฯ เมื่อดำเนินการ ครบ ๓ ปี หากพบว่าไม่คุ้มค่าก็ให้ยุบเลิก โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง และ ก.พ.ร. กำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายสำหรับใช้ในการประเมินความคุ้มค่าอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ๑.๓ ให้ศูนย์ความเป็นเลิศฯ เป็นองค์การมหาชนในกลุ่มที่ ๒ ประเภทบริการที่ใช้เทคนิควิชาการเฉพาะ ด้านหรือสหวิทยาการ โดยมีอัตราเงินเดือนผู้อำนวยการอยู่ระหว่างขั้น ๑๐๐,๐๐๐-๒๕๐,๐๐๐ บาท และอัตราเบี้ย ประชุมกรรมการอยู่ระหว่างขั้น ๖,๐๐๐-๑๖,๐๐๐ บาท ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ และวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย และให้ศูนย์ความเป็นเลิศฯ ดำเนินการจัดทำแผนการ ปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจที่ปรับใหม่ และเสนอขอตั้งงบประมาณ รายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
34548 | องค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 16 | ทส | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๖ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะ ตามข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. เห็นชอบเป็นหลักการว่า ต่อไปในกรณีที่มีการประชุมระหว่างประเทศ ซึ่งมีรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะผู้แทน การกำหนดองค์ประกอบของคณะผู้แทนเพื่อเข้าร่วมประชุม หากไม่มีกฎหมาย ระเบียบใดกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีผู้เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับการบริหารราชการเป็นผู้ที่ให้ความเห็นชอบได้แล้วแต่กรณี
|
||||||||||||||||||||||||
34549 | ขออนุมัติขยายวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการทางพิเศษสายบางพลี - สุขสวัสดิ์ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมถอนเรื่อง ขออนุมัติขยายวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน
โครงการทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย คืนไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะ รัฐมนตรีเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
34550 | แนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกร ปี 2553/54 รอบที่ 1 | กษ | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๓ และคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เกี่ยวกับแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่นอกเหนือจากพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิและตกหล่นการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๒/๕๓ ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการด้านการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ๑.๒ ให้ขยายระยะเวลาดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๓/๕๔ ในส่วนของการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การทำประชาคม และการออกหนังสือรับรองให้เกษตรกรเป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ และขยายระยะเวลาการทำสัญญาประกันรายได้เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ๑.๓ ผ่อนผันหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนเกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๓/๕๔ กรณีที่เกษตรกรประสบภัยธรรมชาติ ให้ผ่อนผันหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนเกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๓/๕๔ กรณีที่เกษตรกรประสบภัยธรรมชาติ โดยให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนการปลูกมันสำปะหลัง (ทพศ.๒) ปี ๒๕๕๓/๕๔ และอยู่ระหว่างการรอการทำประชาคมแต่ประสบภัยธรรมชาติให้คณะกรรมการตรวจสอบระดับตำบลตรวจสอบพื้นที่ปลูกของเกษตรกร หากพบเศษซากต้นมันสำปะหลังในแปลงให้มีการดำเนินการขึ้นทะเบียนการปลูกมันสำปะหลัง (ทพศ.๓) ปี ๒๕๕๓/๕๔ ตามขั้นตอนปกติ และขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๓/๕๔ ในส่วนของการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การประชาคมและการออกหนังสือรับรองให้เกษตรกร เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๑.๔ ให้ขยายระยะเวลาการทำสัญญาจากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และขยายระยะเวลาการใช้สิทธิประกันตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๓/๕๔ จากเดิมที่กำหนดระยะเวลาการใช้สิทธิของเกษตรกรตั้งแต่วันเก็บเกี่ยวที่ระบุในหนังสือรับรองแต่ไม่ก่อนวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ และต้องไม่เกินวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เป็นไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการสุ่มตรวจสอบสิทธิ พื้นที่เพาะปลูก และการขึ้นทะเบียนของเกษตรกรเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องตามความเป็นจริงอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
34551 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด และที่ธรณีสงฆ์ วัดโพธาราม ตำบลคลองตาล อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด และที่ธรณีสงฆ์ วัดโพธาราม
ตำบลคลองตาล อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดโพธาราม ตามโฉนดเลขที่ ๔๒๖๐ เนื้อที่ ๑ งาน ๒๓ ตารางวา และโอนที่ธรณีสงฆ์ วัดโพธาราม ตามโฉนดเลขที่ ๔๒๖๑ เนื้อที่ ๑ ไร่ ๑ งาน ๒๓.๔ ตารางวา ตำบลคลองตาล อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย รวมเนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน ๔๖.๔ ตารางวา ให้แก่กรมทางหลวงเพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๓๑๘ สายแยกทางหลวงแผ่น ดินหมายเลข ๑๐๑ (ศรีสำโรง)-ศรีนคร ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
34552 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดโพธิ์ศรีบ้านจาน ตำบลเสือเฒ่า อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดโพธิ์ศรีบ้านจาน ตำบลเสือเฒ่า
อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดโพธิ์ ศรีบ้านจาน ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก) เลขที่ ๒๕๗๘ ตำบลเสือเฒ่า อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคา ม เนื้อที่ ๑ งาน ๖ ตารางวา ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๕๒ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๐๙ (เชียงยืน)-ท่าคันโท ตอนอำเภอเชียงยืน-อำเภอกระนวน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
34553 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนางรอง และตำบลถนนหัก อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. .... | คค | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้อง
ที่ตำบลนางรอง และตำบลถนนหัก อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินใน บริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนางรอง และตำบลถนนหัก อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อสร้างและขยาย ทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๐๗๓ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๘ เพื่อ อำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้า ที่ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริม ทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
34554 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามความพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน พ.ศ. 2551 จำนวน 4 ฉบับ | กษ | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดรูปแบบรูปถ่ายที่จะติดบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ใช้รูปถ่ายที่ถ่ายไม่เกินหก เดือนก่อนวันที่ยื่นคำขอ ขนาด ๒.๕ x ๓.๐ เซนติเมตร ครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวกและแว่นตาสีเข้ม แต่งเครื่อง แบบขาว หรือเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งตนสังกัด ๑.๒ กำหนดระยะเวลาการใช้บัตรต้องไม่เกินหกปีนับแต่วันออกบัตร ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข และอัตราค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์ ตรวจสอบตัวอย่างดินเป็นการเฉพาะราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดให้ผู้ประสงค์ให้กรมพัฒนาที่ดินวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดินเป็นการเฉพาะราย ให้ ยื่นคำขอ ณ กรมพัฒนาที่ดิน หรือยื่นต่อสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต หรือสถานีพัฒนาที่ดินท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ ๒.๒ กำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดิน ๒.๓ ยกเว้นอัตราค่าใช้จ่ายในกรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐประสงค์จะให้กรมพัฒนาที่ดิน วิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดินเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ ให้ลดอัตราค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง สำหรับการตรวจสอบ ในโครงการพิเศษตามนโยบายของรัฐบาล หรือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือจัดซื้อสารเคมีฯ ๓. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข และอัตราค่าใช้จ่ายในการบริการ แผนที่ หรือข้อมูลทางแผนที่เป็นการเฉพาะราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๓.๑ กำหนดให้ผู้ประสงค์ให้กรมพัฒนาที่ดินบริการแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่ ให้ยื่นคำขอ ณ กรม พัฒนาที่ดิน หรือสำนักงานพัฒนาที่ดิน หรือสถานีพัฒนาที่ดินท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ ๓.๒ แผนที่ หรือข้อมูลทางแผนที่ที่ให้บริการ กรมพัฒนาที่ดินสงวนไว้มิให้ผู้ขอรับบริการทำการเปลี่ยน แปลง ทำซ้ำ จำหน่าย จ่าย แจก หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของแผนที่ หรือข้อมูลทางแผนที่แก่บุคคล ที่สามโดยเด็ดขาด ๓.๓ ยกเว้นค่าใช้จ่ายในกรณีส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ทำข้อตกลงความร่วมมือกับกรมพัฒนา ที่ดินเพื่อแลกเปลี่ยนแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่ ซึ่งได้ปรับปรุงให้ถูกต้องและชัดเจนแล้วใช้ประโยชน์ทางราชการร่วม กันทั้งสองฝ่าย ๔. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข และอัตราค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง ดินหรือที่ดิน หรือการอนุรักษ์ดินและน้ำเป็นการเฉพาะราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๔.๑ กำหนดให้ผู้ประสงค์ให้กรมพัฒนาที่ดินทำการปรับปรุงดินหรือที่ดิน หรือการอนุรักษ์ดินและน้ำ เป็นการเฉพาะราย ให้ยื่นคำขอ ณ กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต หรือสถานีพัฒนาที่ดินท้องที่ซึ่งที่ดิน นั้นตั้งอยู่ ๔.๒ กำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงดิน หรือที่ดิน หรือการอนุรักษ์ดินและน้ำเป็นการเฉพาะราย
|
||||||||||||||||||||||||
34555 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายธวัชชัย วิวัฒน์วรพันธ์) | สธ | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธวัชชัย วิวัฒน์วรพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ ๑๐ วช. (ด้าน
เวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวัน ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
34556 | ขออนุมัติค่าเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการกระทรวงแรงงานและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | รง | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานดำเนินการเช่ารถยนต์
ประจำตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน จำนวน ๑ คัน ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ (รวมระยะเวลา ๓ ปี) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๐๒๖,๔๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับจัดสรร แล้ว จำนวน ๕๙๖,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ อีกจำนวน ๑,๔๓๐,๔๐๐ บาท ตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
34557 | ขอความเห็นชอบชดเชยการขาดทุนจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมี โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ | กษ | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
๑. รับทราบการตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่าง
ประเทศ และการกำหนดระดับราคาปุ๋ยเคมีของโครงการฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินการโครงการฯ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ การนำเข้าปุ๋ยยูเรีย ครั้งที่ ๑ (ลงนามสัญญาเมื่อ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑) คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาปุ๋ยราคาแพงได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๑ เมื่อ วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๑ เห็นชอบให้โครงการฯ นำเข้าปุ๋ยยูเรีย ครั้งที่ ๑ ราคา ๑๔,๐๐๐ บาท/ตัน (CIF 400 USD/ตัน) และการนำเข้าปุ๋ยยูเรีย ครั้งที่ ๒ (ลงนามสัญญาเมื่อ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๑) คณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๑ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ เห็นชอบให้โครงการฯ นำเข้าปุ๋ยยูเรีย ครั้งที่ ๒ ในราคา ๑๒,๖๐๐ บาท/ตัน (CIF 360 USD/ตัน) ๑.๒. การกำหนดระดับราคา หลักเกณฑ์และวิธีการจำหน่ายปุ๋ยคงเหลือของโครงการฯ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งมีจำนวนปุ๋ยคงเหลือ ๑๑,๑๘๕.๗๕ ตัน ระยะเวลาจำหน่ายตั้งแต่พฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๕๓ โดย จำหน่ายปุ๋ยให้เกษตรกร ผ่านสถาบันเกษตรกร เช่น สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร ฯลฯ ราคาจำหน่ายต่ำ กว่าราคาท้องตลาด ตันละ ๑,๐๐๐ บาท โดยกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดราคาจำหน่ายปุ๋ย ณ ราคาหน้าโรงงาน เท่ากับ ๑๑,๐๐๐ บาท/ตัน ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป มีผลให้รัฐบาลจะต้องชดเชยการขาดทุนประมาณ ๕๕,๒๘๒,๙๙๖.๖๖ บาท เมื่อโครงการจำหน่ายปุ๋ยในราคา ๑๐,๐๐๐ บาท/ตัน ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ เพิ่มเติมให้ชัดเจนว่า ราคาจำหน่ายปุ๋ยแก่เกษตรกรในแต่ละครั้งแตกต่างจากราคานำเข้าเท่าใดรวมทั้งจำนวนเงินที่ขาดทุนทั้งหมดแล้ว ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
34558 | สถานการณ์เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2553 และคาดการณ์แนวโน้ม ปี 2553 - 2554 | นร | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย
งานสถานการณ์เศรษฐกิจไทยไตรมาส ๓/๒๕๕๓ และคาดการณ์แนวโน้มปี พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ ดังนี้ ๑. เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๓/๒๕๕๓ ขยายตัวร้อยละ ๖.๗ โดยมีแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจโลกและความมั่นใจของนักลงทุน ส่งผลให้ทั้งการส่งออก การลงทุน และการบริโภคของภาคเอกชนยัง คงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หากปรับปัจจัยฤดูกาลแล้ว เศรษฐกิจไทยหดตัวจากไตรมาสสองของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ร้อยละ ๐.๒ (% QoQ SA) เป็นการหดตัวเป็นสองไตรมาสติดต่อกัน และรวม ๙ เดือนแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ เศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงถึงร้อยละ ๙.๓ ๒. แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ ร้อยละ ๗.๙ อัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ ๓.๒ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๔.๓ ของ GDP สำหรับแนว โน้มภาวะเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๕-๔.๕ ชะลอตัวจากร้อยละ ๗.๙ ใน ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ อัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ ๒.๕-๓.๕ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๓.๓ ของ G DP ทั้งนี้ แนวทางการบริหารเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้แก่ การเร่งฟื้นฟูผลกระทบจากอุทกภัยในปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ทั้งด้านการชดเชยรายได้เกษตรกร และระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน การบริหารจัดการด้านราคาสินค้าที่มี แนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากความเสียหายจากอุทกภัย และต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น การส่งเสริม และจูงใจให้ภาคธุรกิจส่งออกใช้เครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ การเร่ง แก้ปัญหาและบริหารจัดการแรงงานทั้งในส่วนที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม และแรงงานที่ขาดแคลนในภาค อุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการเร่งรัดดำเนินการตามแผนการปรองดองอย่างเป็นรูปธรรม การรักษาภาพ ลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวต่างชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
34559 | รายงานผลการดำเนินโครงการบ้านดินสิ่งมหัศจรรย์ของจังหวัดชัยภูมิประจำเดือนกันยายน 2553 | มท | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินโครงการบ้านดินสิ่งมหัศ
จรรย์ของจังหวัดชัยภูมิ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๒ โดยขณะนี้การดำเนินโครงการบ้านดินฯ แล้วเสร็จทุกกิจกรรมตามแผน งานที่กำหนด ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้าพักระหว่างเดือนเมษายน-สิงหาคม ๒๕๕๓ จำนวน ๗๗๓ คน มีรายได้ เพิ่มขึ้นจำนวน ๒๖๒,๓๐๐ บาท การดำเนินโครงการสิ้นสุดระยะเวลาโครงการในเดือนกันยายน ๒๕๕๓ โดยมี เงินเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการ จำนวน ๕๘,๓๖๐ บาท และเงินค่าปรับ จำนวน ๒๑๔,๘๖๐ บาท รวมเป็น เงิน ๒๗๓,๒๒๐ บาท ซึ่งจังหวัดชัยภูมิได้นำส่งเงินเหลือจ่ายและเงินค่าปรับดังกล่าวเป็นรายได้แผ่นดินแล้ว ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์) ได้เดินทางไปตรวจติดตามความก้าวหน้า โครงการพร้อมมอบนโยบาย ข้อเสนอแนะและแนวทางดำเนินงานในระยะยาว เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
34560 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนตุลาคม 2553 | อก | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ ดังนี้ ๑. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตและการส่งออก คาดว่าอาจชะลอตัวลงจากเหตุการณ์ น้ำท่วม ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น รวมถึงปัญหาราคาฝ้ายที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ประกอบ การควรผลิตสินค้าที่มีรูปแบบสอดคล้องกับความต้องการในช่วงต่าง ๆ ของตลาดต่างประเทศเป็นหลัก เพื่อเพิ่ม มูลค่าสินค้าและหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับประเทศที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่า สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศ คาด ว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ๒. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ แนวโน้มการผลิตและจำหน่ายในประเทศ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากใน ไตรมาสที่ ๔ เป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลก่อสร้าง รวมทั้งการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่เสียหายจากปัญหาน้ำท่วม สำหรับการส่งออกยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาดส่งออก หลักของไทยโดยเฉพาะพม่า ยังมีความจำเป็นต้องใช้ปูนซีเมนต์ในกิจกรรมการก่อสร้าง เพื่อรองรับการขยายตัว ทางเศรษฐกิจของประเทศ
|
.....