ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1729 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34561 - 34580 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34561 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชนเป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ จำนวน 8 ฉบับ | คค | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไป ประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๔ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตปทุมวัน เขตบางรัก เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร เขตธนบุรี เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ เขตจอมทอง และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ใน ท้องที่เขตปทุมวัน เขตบางรัก เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร เขตธนบุรี เขตบางกอก ใหญ่ เขตภาษีเจริญ เขตจอมทอง และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตบาง พลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ และเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ใน ท้องที่เขตบางซื่อ เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ และเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ๒. เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๔ ฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมาย หากกระทรวงคมนา คมได้ดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวแล้ว เห็นว่า หากเนิ่นช้าจะเป็นอุปสรรคอย่างมากแก่การพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมหรือประโยชน์อื่นของรัฐ ฯลฯ ตามความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวน คืนอสังหาริมทรัพย์ฯ และตามความในมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์ฯ ให้ กระทรวงคมนาคมเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีจำนวน ๔ ฉบับ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามกระบวน การของกฎหมายต่อไป ประกอบด้วย ๒.๑ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขต ปทุมวัน เขตบางรัก เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร เขตธนบุรี เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษี เจริญ เขตจอมทอง และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๒.๒ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขน ส่งมวลชนในท้องที่เขตปทุมวัน เขตบางรัก เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร เขตธนบุรี เขต บางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ เขตจอมทอง และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่ง ด่วน ๒.๓ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขต บางซื่อ เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ และเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความ จำเป็นโดยเร่งด่วน ๒.๔ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขน ส่งมวลชนในท้องที่เขตบางซื่อ เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ และเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34562 | การจัดซื้อจัดจ้างและราคากลาง | นร | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการกำหนด ราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง ซึ่งจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดราคากลาง โดยสำนักงบประมาณได้ทบทวน รายการตามบัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้างที่ได้กำหนดไว้และใช้อ้างอิงในปัจจุบัน ฉบับเดือนมีนาคม ๒๕๕๓ เพื่อ ยกเลิก หรือเพิ่มเติม ปรับปรุงแก้ไข รวมทั้งกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาบัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้างของ สำนักงบประมาณให้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจ มีวิธีการคำนวณที่โปร่งใสและเป็นธรรม และ เป็นราคามาตรฐานที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ตลอดจนกำหนดแนวทางในการปรับปรุงราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง ให้เชื่อมโยงกับราคาวัสดุของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สามารถปรับราคาได้โดยอัตโนมัติตามราคาปัจจุบัน ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าวสำนักงบประมาณได้กำหนดแผนการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.๑ จัดทำฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย รายการวัสดุมาตรฐาน รายการวัสดุมวลรวม รายการ งานมาตรฐาน หน่วยนับที่ใช้ในบัญชีแสดงปริมาณงานและราคา (BOQ) รวมทั้งกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของแต่ละ รายการให้ชัดเจน และกำหนดรหัสรายการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ๑.๒ สร้างระบบงานการคำนวณเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับพัฒนาบัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้างเป็น โปรแกรมอัตโนมัติ ๑.๓ พัฒนาระบบการเผยแพร่ข้อมูลบัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้างในเครือข่าย Internet ๒. ให้สำนักงบประมาณประสานงานกับกระทรวงการคลังเพื่อทบทวนระยะเวลาในการจัดทำราคากลาง ตามที่ได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง วาระแห่งชาติการส่งเสริมคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและต่อต้านการทุจริตของคนไทย และโครงการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในกระบวนการ จัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ) ให้แล้วเสร็จเร็วกว่าที่กำหนดไว้เดิมในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ โดยให้เชิญผู้แทนจาก สภาหอการค้าและภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34563 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติ (จำนวน 5 คน 1. นายสันทัด สมชีวิตา ฯลฯ) | วท | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติ ตามที่
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายสันทัด สมชีวิตา ๒. นายพีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ ๓. นายทวี บุตรสุนทร ๔. นายกอปร กฤตยากีรณ ๕. นายประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34564 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 17 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | นร | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๑๗ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน- เกาหลีใต้ และอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๓ การประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ ๘ การประชุมสุดยอดเอเชียตะวัน ออก (East Asia Summit-EAS) ครั้งที่ ๕ การประชุมอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ ๓ รวมทั้งการประชุมสุดยอด สมัยพิเศษ ได้แก่ การประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย อาเซียน-ออสเตรเลีย และอาเซียน-นิวซีแลนด์ ระหว่างวัน ที่ ๒๘-๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการ ประชุม สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ ๑. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนและการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎบัตรอา เซียน โดยแสดงความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎบัตรอาเซียนใน ๓ เสาหลัก โดยเห็น ควรพิจารณาปรับรูปแบบการทำงานของอาเซียน โดยแยกงานด้านยุทธศาสตร์ออกจากงานภาคปฏิบัติ และย้ำ ความสำคัญของการเสริมสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการสร้างประชาคมอา เซียน ในการนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ร่วมรับรองเอกสารที่เกี่ยวเนื่องกับกฎบัตรอา เซียน ได้แก่ กฎระเบียบว่าด้วยการมอบอำนาจในการทำนิติกรรมตามกฎหมายภายใน และร่วมลงนามในตรา สารว่าด้วยการผนวกกฎระเบียบว่าด้วยการเสนอข้อพิพาทที่มิอาจระงับได้ให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนพิจารณาเข้า เป็นส่วนหนึ่งของพิธีสารของกฎบัตรอาเซียนว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาท ๒. ที่ประชุมได้รับรองแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน พร้อมทั้งเน้นความสำคัญ ของการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ และขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอาเซียน ๓. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยย้ำความจำเป็น ในการเสริมสร้างความร่วมมือ และประสานนโยบายเพื่อรับวิกฤตค่าเงินในภูมิภาค โดยที่ประชุมสุดยอดอาเซียน+ ๓ ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+๓ พิจารณาหาแนวทางระดับภูมิภาคที่เหมาะสม ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นควรให้ประสานท่าทีของอาเซียนสำหรับการประชุม G20 ที่กรุงโซล และย้ำความสำคัญการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และกระชับความร่วมมือด้านการศึกษา ๔. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมการจัดการภัยพิบัติ โดยนายกรัฐมนตรีไทยได้เสนอให้พัฒนา พื้นที่สนามบินอู่ตะภาเป็นศูนย์จัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและศูนย์ฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมของ บุคลากรโดยเชื่อมโยงกับศูนย์ประสานงานอาเซียนว่าด้วยความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่กรุงจาการ์ตา ๕. ที่ประชุมเห็นชอบอย่างเป็นทางการให้ขยายสมาชิกภาพของ EAS ให้ครอบคลุมรัสเซีย และสหรัฐฯ ในปี ๒๕๕๔ และย้ำความสำคัญของการรักษาบทบาทนำของอาเซียนในการดำเนินความสัมพันธ์ในภูมิภาค ใน การนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านวัฒน ธรรมอาเซียน-รัสเซีย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34565 | ผลการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 2 | นร | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับ
ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๑๗ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งนายกรัฐมนตรีเวียดนามเป็นประธาน และมีนายกรัฐมนตรี ประเทศสมาชิก ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว พม่า ไทย และญี่ปุ่น เข้าร่วมประชุม สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ ๑. การประชุมในหัวข้อ “ความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุม” นายก รัฐมนตรีไทยได้แจ้งความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน และเห็นควรให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นแก่ การเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟและถนนสายรองภายในอนุภูมิภาค พร้อมแจ้งว่าไทยพร้อมจะนำร่องโครงการเปิดด่าน ศุลกากร ๒๔ ชั่วโมง และจัดช่องทางเร่งด่วน (fast lane) ที่ด่านชายแดน และเสนอให้ญี่ปุ่นพิจารณาความร่วมมือ กับสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนาในไทย และประกาศให้ทุนฝึกอบรมเพิ่มอีก ๑๐๐ ทุน แก่ ประเทศในลุ่มน้ำโขง โดยเชิญชวนญี่ปุ่นให้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมมาฝึกอบรมให้กับประชาชนลุ่ม น้ำโขงโดยใช้สถาบันหรือศูนย์สิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นที่จัดตั้งในไทย ๒. การประชุมในหัวข้อ “ประเด็นระดับภูมิภาคและระดับโลก” ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับประเด็นสถาน การณ์ในคาบสมุทรเกาหลี สถานการณ์ในพม่า ประเด็นทางทะเล การเชื่อมโยงทางคมนาคมในอาเซียน และการ ปฏิรูปสหประชาชาติ รวมถึงการยืนยันการสนับสนุนญี่ปุ่นในการเข้าเป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีแห่งความมั่นคง สหประชาชาติ ๓. ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๒ โดยแถลง การณ์ดังกล่าวได้ระบุถึงความเห็นชอบของผู้นำในแผนปฏิบัติการ ๒ ฉบับ ได้แก่ แผนปฏิบัติการ MJ-CI ซึ่งเน้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกทางการค้า และโลจิสติกส์ การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม อุตสาหกรรมสนับสนุน ภาคบริการและอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และแผนปฏิบัติการข้อริเริ่ม “หนึ่ง ทศวรรษสู่แม่โขงเขียวจขี”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34566 | รายงานผลการดำเนินงานโฉนดชุมชน | นร | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รายงานผลการ ดำเนินงานโฉนดชุมชน สรุปได้ดังนี้ คณะทำงานสำรวจและตรวจสอบพื้นที่ในการจัดให้มีโฉนดชุมชน ประกอบ ด้วย คณะทำงานฯ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง ได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่เพื่อ ดำเนินงานโฉนดชุมชนในพื้นที่นำร่อง จำนวน ๕๘ ชุมชน จากจำนวนชุมชนที่เครือข่ายภาคประชาชนเสนอขอ ให้จัดโฉนดชุมชน จำนวน ๘๘ ชุมชน ซึ่งคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมช น นการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ ได้พิจารณาผลการสำรวจและตรวจสอบพื้นที่ชุมชน จำนวน ๕๘ ชุมชน ของคณะทำงานฯ ทั้ง ๔ ภาค แล้วมีมติเห็นชอบให้ชุมชน รวม ๓๕ ชุมชน ดำเนินงานตามขั้นตอนเพื่อจัดให้มี โฉนดชุมชนต่อไปได้ ทั้งนี้ ชุมชนที่ได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินงานโฉนดชุมชนดังกล่าวนั้น อยู่ในพื้นที่ความ รับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลที่ดินดังกล่าว จำนวน ๖ หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๗ ชุมชน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๙ ชุมชน กระทรวงคมนาคม จำนวน ๑ ชุมชน กระทรวงการคลัง จำนวน ๓ ชุมชน กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๔ ชุมชน และกรุงเทพมหานคร จำนวน ๔ ชุมชน โดยประธานกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนได้มีหนังสือ แจ้งมติคณะกรรมการฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อพิจารณาอนุญาตให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของ รัฐตามกฎหมายต่อไปแล้ว ๒. ให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบดูแลที่ดินที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง การคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพ มหานคร เร่งรัดดำเนินงานตามขั้นตอนเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34567 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2553) ธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34568 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 316/2553) | นร | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๖/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทน นายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ยกเลิกความในส่วนที่ ๒ ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๐๘/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกา ยน ๒๕๕๓ และให้ใช้ความตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๓๑๖/๒๕๕๓ แทน ตามที่สำนักเลขาธิการนายก รัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34569 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | พณ | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมการถ่ายข้อมูลที่ได้จัดทำจากระบบคอมพิวเตอร์และกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการถ่ายโอนข้อมูลทางทะเบียนนิติบุคคลจากเครื่องคอมพิวเตอร์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ขอ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการถ่ายข้อมูลที่ได้จัดทำจากระบบคอมพิวเตอร์และการถ่ายโอนข้อมูลทางทะเบียนนิติบุคคลจากเครื่องคอมพิวเตอร์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ขอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34570 | การช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและวาตภัย | นร | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อการช่วยเหลือแก่เกษตรกรและชาวประมงผู้ประสบอุทก ภัยและวาตภัย ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.) เพื่อให้ ธ.ก.ส. สามารถเบิกจ่ายงบประมาณให้แก่เกษตรกรและชาวประมงผู้ประสบอุทกภัยและวาตภัยได้โดยตรงต่อไป ๒. กรณีที่เกษตรกร หรือผู้ประกอบอาชีพทางประมงหรือปศุสัตว์ที่ประสบอุทกภัยและวาตภัย และยัง ไม่เคยขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ แล้วแต่กรณีมา ก่อน ให้ทำการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องก่อนรับเงินช่วยเหลือต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบสิทธิของเกษตรกรและ ชาวประมงที่ขอรับความช่วยเหลือให้ถูกต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดก่อนดำเนิน การจ่ายเงินด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34571 | การทบทวนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการติดตามและการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องสำคัญ (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2550) | นร | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๐ เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการติดตามและการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องสำคัญ ๒. เห็นชอบให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการติดตามและรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและแบบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34572 | การพิจารณาการสลับหรือเลื่อนวันหยุดราชการประจำปี พ.ศ. 2554 (กำหนดให้วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2554 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ) | นร | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. กำหนดให้วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมกิจกรรมวันสำคัญ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสถาบันครอบครัว ๒. ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน รับไปพิจารณาความเหมาะสมให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายต่อไป ๓. ในกรณีหน่วยงานใดที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวโดยกำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว หากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและประชาชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34573 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 132) | พน | 30/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๑๓๒) เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้แก้ไขสัญญาจัดสร้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียมตามหลักการและตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปเจรจากับบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟนนิ่ง จำกัด (SPRC) เพื่อกำหนดระยะเวลาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เหมาะสม และดำเนินการแก้ไขสัญญาจัดสร้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียมต่อไป รวมทั้งเห็นชอบให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทในสัญญาระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัทเชฟรอน ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าไฟฟ้าให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย และมอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ไปดำเนินการ โดยให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้กำกับดูแลให้เป็นไปตามนโยบาย ๑.๓ เห็นชอบให้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSSP) และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) สำหรับอำเภอจะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี ในจังหวัดสงขลาเพิ่มจากเดิม โดยกำหนดส่วนเพิ่มสำหรับโครงการที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีก ๑.๕๐ บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง และพลังงานหมุนเวียนเชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวมวล พลังน้ำขนาดเล็ก และขยะ เพิ่มขึ้น ๑.๐๐ บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ๑.๔ เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่าน ๑.๕ เห็นชอบโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กระบบ Cogeneration และพลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งให้ กฟผ. รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติต่อไป และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อให้ กฟผ.ดำเนินโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จตามกำหนดเวลาในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๖ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ลาว เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำฝายบ้านกุ่ม เพื่อให้ได้ข้อยุติต่อไป ๑.๗ เห็นชอบนโยบายและแนวทางการคำนวณราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และอัตราค่าบริการสถานี LNG (LNG Receiving Terminak Tariff) และรับทราบกรอบหลักเกณฑ์การคำนวณอัตราค่าบริการสถานี LNG โดยมอบหมายให้ กกพ. กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณตามมาตรา ๖๕ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ต่อไป ๑.๘ เห็นชอบตามแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน และให้ขยายการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กด้วยระบบผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วม (Cogeneration) เพิ่มเติมอีกประมาณ ๑,๕๐๐ เมกะวัตต์ โดยพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจากบัญชีรายชื่อเสนอขายไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กประเภทสัญญา Firm ระบบ Cogeneration ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ กกพ. ดำเนินการอยู่ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๒ ทั้งนี้ มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. ไปดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศต่อไป ๒. เห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอเพิ่มเติมว่าเห็นควรแก้ไขมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๑๓๒) เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ในส่วนของข้อ ๒.๔ โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กระบบ Cogeneration และพลังงานหมุนเวียน ให้ถูกต้องเป็นดังนี้ “๒.๔.๑ เห็นชอบในหลักการของโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก Cogeneration และพลังงานหมุนเวียน และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34574 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันอังคารที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑๐ วันพุธที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และครั้งที่ ๑๑ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34575 | การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 | นร | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ตามที่คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติแห่งการบรมราชาภิเษกปีที่ ๖๐ และการเฉลิมพระชนมพรรษา สรุปได้ดังนี้ ๑. ในส่วนกลาง รัฐบาลและภาคเอกชนได้กำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ โดยใช้ชื่องานว่า “แผ่นดินของเรา” ที่บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต ระหว่างวันที่ ๑-๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงนิทรรศการของกระทรวง ๒๐ กระทรวง การแสดงนิทรรศการของภาครัฐวิสาหกิจและเอกชน กลุ่มจังหวัด ๑๘ จังหวัด พิธีถวายพานพุ่มเครื่องราชสักการะ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากนักแสดงพื้นบ้านและนักแสดงที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ จะมีการจัดขบวนเรือประดับไฟเฉลิมพระเกียรติในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะมีขบวนเรือประดับไฟประมาณ ๓๒ ลำ และมีขบวนเรือจากจังหวัดต่าง ๆ ประมาณ ๖๐๐ ลำ โดยขบวนเรือจะตั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลศิริราช และร่วมพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล รวมทั้งมีการฉายภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติ “หนึ่งในน้ำพระราชหฤทัย” รวม ๗ เรื่อง ผ่านจอม่านน้ำบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และมีการแจกซีดีภาพยนตร์ จำนวน ๕ ล้านชุด ให้ประชาชนทั่วประเทศ ๒. ในส่วนภูมิภาค ทุกจังหวัดได้จัดพิธีและกิจกรรมในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ พร้อมกันทั่วประเทศ ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ พิธีลงนามถวายพระพร กิจกรรมบำเพ็ญพระราชกุศล กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ พิธีถวายเครื่องราชสักการะ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เป็นต้น ๓. กิจกรรมของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ได้แก่ โครงการพาพ่อเที่ยวไหว้พระทางเรือ ของกรมเจ้าท่า โครงการพาพ่อล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาชมแสงสีของสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ของกรมทางหลวง โครงการพาพ่อเที่ยวนั่งรถไฟฟ้าหัวจักรไอน้ำ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการพาพ่อโดยสารรถไฟฟ้า ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โครงการจำหน่ายบัตรโดยสารเครื่องบินในราคาพิเศษเส้นทางภายในประเทศระหว่างวันที่ ๑-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โครงการครอบครัวสุขสันต์ไหว้พระ ๙ วัด ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และโครงการธันวาพาพ่อเที่ยวไทยไปกับ บขส. ของบริษัท ขนส่ง จำกัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34576 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางเพ็ญศรี รอดมา และนางอาภาศรี ลุสวัสดิ์) | สธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางเพ็ญศรี รอดมา ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (ชีววิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ๒. นางอาภาศรี ลุสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารประสาทวิทยา) กลุ่มงานกุมารประสาทวิทยา กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34577 | การจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีในรอบปีที่สอง | นร | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ทุกกระทรวงเร่งรัดจัดทำข้อมูลสรุปผลการ
ดำเนินการของกระทรวงที่สำคัญและโดดเด่น โดยจำแนกออกเป็นผลการดำเนินการที่เป็นราชการประจำและ ผลงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น และงานสำคัญที่จะดำเนินการในปีต่อไป โดย จัดทำข้อมูลให้กระชับ ชัดเจน และไม่ยาวเกินควร แล้วให้จัดส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน เพื่อ รวบรวมนำเสนอคณะกรรมการติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายก รัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เป็นประธานกรรมการ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปในแนวทางเดียว กับการจัดทำรายงานฯ ในรอบปีที่ผ่านมา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34578 | ร่างพระราชบัญญัติขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา พ.ศ. .... | นร | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์
ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งให้ส่งร่างพระราชบัญญัติขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา พ.ศ. .... คืนคณะ รัฐมนตรี เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญฯ แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๙๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34579 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับว่า เหตุผลของร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับได้กำหนดให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ แต่มาตรา ๗ วรรคหนึ่งของร่างพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. .... ได้กำหนดให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหน่วยธุรการขององค์กรอัยการ ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงต้องปรับปรุงแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับ เป็นดังนี้ “โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้องค์กรอัยการเป็นองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ และมาตรา ๒๕๕ วรรคห้า บัญญัติให้องค์กรอัยการมีหน่วยธุรการที่เป็นอิสระในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการดำเนินการอื่น โดยมีอัยการสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้” และแจ้งให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป ๒. ให้นำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมการวิสามัญฯ แก้ไข เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34580 | ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านกีฬาระหว่างไทย - อาร์เจนตินา | กก | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. การลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านกีฬาระหว่างไทย-อาร์เจนตินา ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามอบหมาย เป็นผู้ลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านกีฬาระหว่างไทย-อาร์เจนตินา ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขความตกลงดังกล่าวที่มิใช่สาระสำคัญ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามอบหมายเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามอบหมายลงนามในความตกลงดังกล่าว |