ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1725 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34481 - 34500 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34481 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | นร | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแก้ไขถ้อยคำตามหนังสือสำนัก นายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๖/๑๙๙๔ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ หน้า ๑ จาก “... รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๑ ...” เป็น “... รัฐบาลได้แถลง นโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ ...” ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินในรูปแบบขององค์การมหาชน เพื่อให้การ ดำเนินตามวัตถุประสงค์ของสถาบันฯ เป็นไปอย่างอิสระ คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับ ความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการปรับปรุงองค์กรและกฎหมายที่ เกี่ยวข้องไปพร้อมกับการจัดตั้งธนาคารที่ดิน เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ การกำหนดวัตถุประสงค์ในการช่วย เหลือผู้จะสูญเสียสิทธิในที่ดินด้วยเหตุที่ดินจะหลุดจำนองหรือเหตุจากการค้ำประกัน การกำหนดมาตรการสนับ สนุน เพื่อให้ผู้ครอบครองที่ดินรายใหญ่ หรือผู้ที่ไม่ใช้ประโยชน์ในที่ดินเท่าที่ควรจำหน่ายที่ดินออกไป รวมทั้ง ประเด็นความเห็นเกี่ยวกับข้อจำกัดในการสนับสนุนทางการเงินของสถาบันฯ ที่จะจัดสรรให้แก่ส่วนราชการ รัฐ วิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามกฎหมายวิธีการงบประมาณและขอบเขตการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ ของสถาบัน ฯ ซึ่งมีความคาบเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการอื่น ๆ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ ๓. สำหรับการดำเนินการจัดตั้งสถาบันฯ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนการจัดตั้งองค์การมหาชน ตาม หนังสือสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ นร ๑๒๐๐/ว ๑๕ ลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๙ |
|||||||||||||||||||||
34482 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้ได้รับเบี้ยหวัดมีสิทธิได้รับ เบี้ยหวัดตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับบำนาญปกติ บำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพล ภาพ บำนาญพิเศษ หรือบำนาญตกทอด ในฐานะทายาทหรือผู้อุปการะหรือผู้อยู่ในอุปการะตามกฎหมายว่า ด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการอยู่แล้ว ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ให้ได้รับ ช.ค.บ. ในอัตราดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ๑. ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญและ ช.ค.บ. อยู่แล้ว ให้ได้รับ ช.ค.บ. เพิ่มขึ้นอีกใน อัตราเดือนละร้อยละห้าของจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญและ ช.ค.บ. ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ ๒. ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเฉพาะเบี้ยหวัดหรือบำนาญ ให้ได้รับ ช.ค.บ. เพิ่มขึ้นอีกในอัตราเดือนละ ร้อยละห้าของจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ ทั้งนี้ การคำนวณ ช.ค.บ. ถ้ามีเศษของบาทให้ปัดทิ้ง
|
|||||||||||||||||||||
34483 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นางสาวพรรณพิไล เสกสิทธิ์) | กษ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวพรรณพิไล เสกสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายสัตวแพทย์ทรงคุณวุฒิ
กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
34484 | รายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาล ของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2010) | นร | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการตรวจราชการ
แบบบูรณาการเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาลของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (AnnualInspection Report : Fiscal Year 2010) โดยผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการ กระทรวง ๑๗ กระทรวง ได้ดำเนินการตรวจติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์สุดท้ายของแผนงาน/โครงการ ที่เป็น การตอบสนองนโยบายรัฐบาลในด้านที่เกี่ยวข้องตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการฯ สรุปได้ ดังนี้ ๑. นโยบายสังคม การดำเนินงานโครงการต่า ง ๆ บรรลุตามนโยบายรัฐบาลที่เน้นการพัฒนาให้ ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งในด้านการศึกษา ด้านการสาธารณสุข ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และด้านสวัสดิการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๒. นโยบายเศรษฐกิจ หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการสามารถประสานบูรณาการกันได้จริงอย่าง เป็นรูปธรรมที่สะท้อนถึงผลสัมฤทธิ์ในเชิงนโยบายเศรษฐกิจภาคเกษตรในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรให้มีความ ปลอดภัยและได้มาตรฐาน ผลสัมฤทธิ์นโยบายด้านพลังงานในการประสานบูรณาการร่วมกันสนับสนุนการ ผลิตและการใช้พลังงานทดแทนอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่า และการตอบสนองนโยบายการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในการสนับสนุน การพัฒนาโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการพัฒนาโลจิสติกส์การค้า เครือข่ายธุรกิจ บริการโลจิสติกส์ และ Logistics Clinic สำหรับผู้ส่งออก ๓. นโยบายที่ดิน การดำเนินโครงการต่าง ๆ ประสบความสำเร็จตามนโยบายรัฐบาลด้านการพัฒนา สิ่งแวดล้อมเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้านการป้องกัน การเตือนภัย และการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ ผู้ประสบภัยธรรมชาติ ด้านการควบคุมและลดปริมาณของเสียที่กลายเป็นมลพิษ โดยส่งเสริมการผลิตและบริโภค ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ๔. นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม ผลการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์สุด ท้ายพบว่าส่งผลสัมฤทธิ์ต่อนโยบายการพัฒนาด้านส่งเสริมและสนับสนุนโครงการวิจัยตามแนวพระราชดำริ การ วิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งงานวิจัยขั้นพื้นฐานและงานวิจัยประยุกต์
|
|||||||||||||||||||||
34485 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 17 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอผลการประชุมคณะมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(AEC Council) ครั้งที่ ๕ และการประชุมทวิภาคีกับประเทศสมาชิกอาเซียน ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๗ ระหว่างวันที่ ๒๖ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๕ ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ ดำเนินการตาม AEC Scorecard ซึ่งเป็นกลไกในการประเมินผลการดำเนินงานของอาเซียนเพื่อให้เป็นไปตาม แผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC Blueprint และได้มีการหารือแลกเปลี่ยนความคิด เห็นเกี่ยวกับการปรับปรุง Scorecard เพื่อให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวัดผลการดำเนินงานของ อาเซียน สำหรับการที่อาเซียนมอบหมายให้ ERIA (Economic Research Institute for ASEAN and East Asia) ทำการศึกษาเพื่อปรับปรุง AEC Scorecard รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทยได้แสดงข้อคิดเห็น ว่าอาจมีข้อจำกัดเนื่องจากมีเรื่องต้องศึกษามาก จึงเสนอให้อาเซียนจัดตั้งสถาบันเพิ่มเติมในแต่ละประเทศโดย อาจจัดตั้ง ASEAN University Network เพื่อช่วยศึกษาด้วย ซึ่งที่ประชุมมีมติให้อาเซียนพิจารณาการจัดสรรเงิน ทุนให้ ERIA เพื่อให้สามารถดำเนินงานเพื่อรองรับความต้องการของอาเซียนได้มากขึ้น นอกจากนี้ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทยเสนอ เกี่ยวกับความล่าช้าของการดำเนินการสำหรับการเปิดเสรีการค้าภาค บริการ เนื่องจากเป็นสาขาที่มีความอ่อนไหวสำหรับอาเซียนทุกประเทศ จึงจำเป็นต้องทำให้ทุกภาคส่วนที่ เกี่ยวข้องเข้าใจโดยประชาสัมพันธ์ทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค เช่น การจัดทำ Workshop เพื่อให้ผู้มีส่วน ได้เสีย (stakeholder) เห็นประโยชน์ของการเปิดเสรีการค้าภาคบริการในอาเซียน สำหรับประเด็นอื่น ๆ ของการประชุม ได้แก่ การให้ประธานการประชุมอธิบดีศุลกากรรายงานต่อที่ประชุม AEC Council เกี่ยวกับ ความคืบหน้าการดำเนินงานด้านศุลกากรอย่างต่อเนื่องทุกปี และรับทราบตาราง Matrix เกี่ยวกับปัญหาที่ เอกชน (เช่นจาก ASEAN Business Advisory Council, US Business Council) ร้องเรียนมา ทั้งนี้ ในช่วงการ ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๑๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย ได้ลงนามในเอกสารด้านเศรษฐกิจ ๓ ฉบับ ได้แก่ พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ ๘ ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการค้าบริการ (The 8th ASEAN Framework Agreement on Services Protocol) พิธีสารแก้ไขพิธีสารเรื่องข้าวและน้ำตาล (Protocol to Amend the Protocol to Provide Special Consideration for Rice and Sugar) และพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าภายใต้กรอบความ ตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับที่ ๒ (Protocol to Amend the 2nd Package of Specific Commitments under the Agreement on Trade in Goods of the Framework Agreement on Comprehensive Economic Co-operation between ASEAN and China) ๒. การหารือทวิภาคีกับประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทยได้พบหา รือทวิภาคีกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจของประเทศอาเซียน ๔ ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา พม่า ลาว และเวียดนาม ใน ระหว่างการประชุมฯ โดยมีประเด็นข้อหารือเกี่ยวกับการเปิดเสรีการค้าภาคบริการ ผลการดำเนินงานตาม AEC Scorecard และความสัมพันธ์ทวิภาคีกับประเทศสมาชิกอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||
34486 | รายงานการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม | ยธ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้
เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ดังนี้ ๑. ขั้นตอนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ๑.๑ กรณีที่ผู้เอาประกันภัยเรียกร้องให้บริษัทผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหม แต่บริษัทฯ ยังไม่ สามารถจ่ายให้ได้เนื่องจากมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทฯ ตกลงจะจ่าย เงินช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย โดยไม่เป็นการตัดสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ ประกันภัย และในการรับเงินช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยสามารถใช้แบบบันทึกข้อตกลงที่กรมคุ้มครองสิทธิและ เสรีภาพ และสมาคมประกันวินาศภัย ตกลงร่วมกัน (แบบ กคส-ปภ.๑) ๑.๒ กรณีที่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับเงินช่วยเหลือแล้ว หากยังไม่สามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับสิทธิ เรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัยกับผู้รับประกันภัยได้ สามารถขอให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดการ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้เอาประกันภัยและบริษัทผู้รับประกันภัยได้ ๑.๓ หากผลการไกล่เกลี่ยคู่กรณียังไม่สามารถตกลงกันได้ ผู้เอาประกันภัยอาจขอการสนับสนุน เงินกองทุนยุติธรรม เพื่อนำกรณีพิพาทเสนอต่ออนุญาโตตุลาการเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด หรือฟ้องคดีต่อศาลโดย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์และวิธี การที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยกองทุนยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ดำเนินการให้ช่วยเหลือตามแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ทรัพย์สินเสียหายใน ช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ จำนวน ๔๑ ราย ความเสียหายตามคำร้องทุกข์รวมทั้งสิ้น ประมาณ ๖๑๖,๐๑๐,๙๗๘ บาท (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๓) โดยได้แจ้งสิทธิตามขั้นตอนการดำเนิน การให้ความช่วยเหลือแล้วทั้ง ๔๑ ราย ทั้งนี้ ผู้เอาประกันติดต่อเจรากับบริษัทผู้รับประกันภัย และได้รับเงิน ช่วยเหลือโดยพอใจขอยุติเรื่อง จำนวน ๓ ราย ไม่พอใจและประสงค์ให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดการ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จำนวน ๓ ราย และอยู่ระหว่างการติดต่อเจรจา จำนวน ๑๓ ราย
|
|||||||||||||||||||||
34487 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเขาบางทราย ตำบลโคกเพลาะ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเขาบางทราย
ตำบลโคกเพลาะ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรม สิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ตามโฉนดเลขที่ ๙๑๗๒ ตำบลโคกเพลาะ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ ๔ ไร่ ๘๐ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
34488 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุน ตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 (นายบุญนริศร์ สุวรรณพูล และนายนันทวัฒน์ สังข์หล่อ) | อก | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายบุญนริศร์ สุวรรณพูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทน
กระทรวงพาณิชย์ และนายนันทวัฒน์ สังข์หล่อ ผู้บริหารส่วน ส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจด้านอุปทาน ฝ่ายเศรษฐกิจ ฃในประเทศ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติ อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
34489 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา พ.ศ. .... (ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา พ.ศ. ....) | ศธ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ
หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจาก ตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
34490 | รัฐบาลรัฐกาตาร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายญะบัร อะลี เอช. เอ. อัดเดาซะรีย์ (Mr. Jabor Ali H. A. Al-Dosari)] | กต | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายญะบัร อะลี เอช. เอ อัดเดาซะรีย์ (Mr. Jabor Ali H. A. Al - Dosari)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐกาตาร์ประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทน นาย อับดุลเลาะห์ อิบราฮิม อับดุลเราะห์มาน อัลฮัมมาร์ (Mr. Abdalla Ibrahim Abdulrahman Al - Hamar) โดยมี ถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
34491 | รายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถานว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น | ยธ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่าง
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถานว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น โดยเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ฝ่ายไทย กับ Mr. Rakhmatulla Mukhamedov, Director of the National the Republic of Uzbekistan ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามฝ่ายสาธารณ รัฐอุซเบกิสถาน โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ จะมีความร่วมมือกันภายใต้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ของแต่ละประเทศในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ มาตรการเพื่อการป้องกันการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด มาตรการเพื่อบังคับ การให้เป็นไปตามกฎหมาย มาตรการเพื่อการควบคุมพืชเสพติด มาตรการเพื่อการควบคุมวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและ ประสาท เคมีภัณฑ์ ที่เป็นสารตั้งต้น มาตรการเพื่อการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ รวมทั้งการปฏิบัติให้เป็น ไปตามโครงการความช่วยเหลือร่วมทางวิชาการ และการแลกเปลี่ยนข้อสนเทศทางวิชาการและทั่วไป
|
|||||||||||||||||||||
34492 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมาย และมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนกัน และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ | นร | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๓/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน และที่ ๓๑๔/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกา ยน ๒๕๕๓ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติ หน้าที่ประธานกรรมการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี |
|||||||||||||||||||||
34493 | การโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และ 2553 ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย | นร | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและรับทราบการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ กรณีการขอโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ของกรมทรัพยา กรน้ำเห็นชอบให้โอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่กันไว้เบิก เหลื่อมปี จำนวน ๒๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปดำเนินการป้องกันอุทกภัยในระยะยาว ส่วนภาระผูกพันงบ ประมาณในปีต่อ ๆ ไปให้พิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์คลังของประเทศต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลังพิจารณากำหนดมาตรการที่จะใช้จ่ายงบประมาณ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีเพื่อแก้ไขฟื้นฟูภายหลังอุทกภัย ๓. ให้ส่วนราชการเร่งจัดทำรายละเอียดข้อเสนอในการแก้ไขฟื้นฟูภายหลังอุทกภัยที่เกี่ยวข้องและ เสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งมีรัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เป็นประธานกรรมการ โดยด่วน เพื่อพิจารณาและนำเสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไปภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ |
|||||||||||||||||||||
34494 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ เพิ่มเติม [รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ)] | นร | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เป็น
ประธานกรรมการ/อนุกรรมการ ในคณะกรรมการ/อนุกรรมการต่าง ๆ รวม ๙ คณะ ตามที่สำนักเลขาธิ การนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ในกรณีที่คณะกรรมการเดิมให้มอบอำนาจนายกรัฐมนตรีพิจารณาแจ้งคณะรัฐมนตรี ทราบ และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ๑.๒ คณะกรรมการบูรณาการและปฏิรูประบบการทะเบียนแห่งชาติ ๑.๓ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ สนามบินสุวรรณภูมิ ๑.๔ คณะกรรมการผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ๑.๕ คณะกรรมการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-จีน ๑.๖ คณะกรรมการจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ๑.๗ คณะกรรมการนโยบายรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ๑.๘ คณะกรรมการบริหารโครงการห้วยโสมงฯ ๑.๙ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่ ๕ จชต. (อชต.)
|
|||||||||||||||||||||
34495 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 เรื่อง การทำสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชน | นร | 07/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และนักวิชาการ เกี่ยวกับการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชน) โดยสรุปคือ ให้จำกัดประเภทของข้อพิพาทที่ควรหรือไม่ควรใช้วิธีอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาท เช่น ข้อพิพาททางปกครอง ขนาดของโครงการ แหล่งเงินของโครงการ เป็นต้น ซึ่งอาจเกิดปัญหาในการตีความในทางปฏิบัติตามมาได้ และเปิดกว้างให้สัญญาระหว่างรัฐและเอกชนสามารถใช้วิธีอนุญาโตตุลาการได้ แต่หากสัญญาทางปกครองหรือสัญญาสัมปทานใดที่รัฐเห็นว่าจะกระทบต่อผลประโยชน์สาธารณะหรือความมั่นคงของประเทศแล้ว อาจพิจารณาสงวนสิทธิ์ในการไม่ใช้วิธีอนุญาโตตุลาการในสัญญาโดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็นกรณีไป ซึ่งจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ของประเทศและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก โดยร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรด้านกฎหมายของหน่วยงานต่าง ๆ และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการสัญญาที่มีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ในส่วนของการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ที่ให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาหาแนวทางการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการและมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการทำสัญญา การบริหารสัญญาและการตั้งอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทของสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๒ เดือน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
34496 | ขออนุมัติหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะกลุ่มเป้าหมายตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล | นร | 07/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักเกณฑ์ในการกำหนดสถานะบุคคลต่อกลุ่มเป้าหมาย ๔ ประเภท ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ได้แก่ ๑.๑ ประเภทที่อพยพเข้ามา และอาศัยอยู่มานาน เพื่อใช้ทดแทนหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะบุคคลเป็นรายกลุ่ม จำนวน ๑๓ กลุ่ม ตามมติคณะรัฐมนตรีเดิม และใช้สำหรับกลุ่มที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ชั่วคราว จำนวน ๕ กลุ่ม ยกเว้นชาวมอร์แกนที่ประสบภัยสึนามิที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๐ เรื่อง แนวทางและหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะให้ชาวมอร์แกน ซึ่งยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิมเนื่องจากเป็นการช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ๑.๒ ประเภทกลุ่มเด็กและบุคคลที่กำลังเรียนอยู่ในสถานศึกษาและจบการศึกษาแล้วแต่ไม่มีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย ๑.๓ ประเภทคนไร้รากเหง้า ๑.๔ ประเภทบุคคลที่มีคุณประโยชน์แก่ประเทศ ๒. อนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดสถานะให้กับชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ รวม ๑๓ กลุ่ม จำนวน ๑๗ มติ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๓. มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับไปจัดทำข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะได้รับ เช่น ที่ทำกิน การศึกษา การรักษาพยาบาล เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น รวมทั้งผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||
34497 | ขอความเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย | ปง | 07/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยุทธศาสตร์ชาติด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางสำหรับแผนปฏิบัติการปรับปรุงพัฒนาระบบการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของประเทศไทยในระยะ ๕ ปีข้างหน้า ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย โดยมีแนวทางการวัดประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติอย่างชัดเจน ซึ่งประกอบด้วยวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ๘ ด้าน เพื่อยกระดับการดำเนินการด้าน AML/CFT ของประเทศไทย และให้หน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติฯ รับผิดชอบดำเนินกิจกรรมตามอำนาจหน้าที่และภารกิจตามกฎหมายของแต่ละหน่วยต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ข้อที่ ๔ ที่กำหนดให้ “นายหน้าซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า” เป็นสถาบันการเงินประเภทหนึ่งซึ่งต้องปฏิบัติตามร่างยุทธศาสตร์ชาติฯ นั้น เห็นควรพิจารณาปรับถ้อยคำเป็น “ผู้ประกอบธุรกิจการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า” เพื่อให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเห็นควรให้สำนักงาน ปปง. เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการเพิ่มขีดความสามารถทางเทคนิคด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแก่หน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีองค์ความรู้และชำนาญการในเรื่องนี้มากที่สุด นอกจากนี้ เห็นควรมีการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ระหว่างกั้น รวมทั้งจัดทำเป็นข้อมูลเผยแพร่ให้แก่ประชาชนได้รับทราบ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
34498 | โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและวาตภัย ปี 2553 | กค | 07/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและวาตภัย ปี ๒๕๕๓ ของธนาคารออมสิน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยให้มีแหล่งเงินทุนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นและเกิดการประกอบอาชีพสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีวงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ตามความจำเป็นและความสามารถในการผ่อนชำระ ประเภทสินเชื่อ เป็นเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term Loan) ระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน ๕ ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๐.๕ ต่อเดือน ตลอดอายุสัญญากู้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปพิจารณาด้วยว่า โครงการฯ ไม่ได้กำหนดให้ผู้กู้เงินต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงอาจเป็นภาระงบประมาณในกรณีที่ธนาคารออมสินจะขอรับการชดเชยความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากรัฐบาล |
|||||||||||||||||||||
34499 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งเลือกตั้ง ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 2 ส.ส. จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 2 ส.ส. จังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6 ส.ส. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขตเลือกตั้งที่ 1 และ ส.ส. จังหวัดสุรินทร์ เขตเลือกตั้งที่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง | ลต | 07/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗๕,๗๔๕,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ ๒ ส.ส. จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ ๒ ส.ส. จังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ ๖ ส.ส. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขตเลือกตั้งที่ ๑ และ ส.ส. จังหวัดสุรินทร์ เขตเลือกตั้งที่ ๓ แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
34500 | ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยกับมองโกเลีย | กต | 07/12/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบกับร่างความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งมองโกเลีย ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ ที่มิใช่สาระสำคัญให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
.....