ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1691 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33801 - 33820 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33801 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขถ้อยคำในข้อ ๒๕ วรรคสอง จาก “ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องโอนเปลี่ยนแปลงโครงการ หรือใช้เงินเหลือจ่ายจากโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้เสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาอนุมัติ” เป็น “ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องโอนเปลี่ยนแปลงโครงการ หรือใช้เงินเหลือจ่ายจากโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ให้เสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือคณะกรรมการหรือหน่วยงานอื่นใดที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้พิจารณาอนุมัติ” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
33802 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของแม่น้ำน่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของแม่น้ำน่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของแม่น้ำน่าน จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองแขม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๘๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลย่านยาว อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
33803 | การจัดทำคำรับรองและการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเรื่อง การจัดทำคำรับรองและการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ดำเนินการเจรจาความเหมาะสม ตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย และเกณฑ์การให้คะแนนตัวชี้วัดกับคณะกรรมการเจรจาข้อตกลงและประเมินผลที่ ก.พ.ร. มอบหมายแล้ว และมีการลงนามคำรับรองระหว่างปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงการลงนามคำรับรองการปฏิบัติราชการระหว่างรัฐมนตรีใหม่กับปลัดกระทรวงที่ได้ลงนามไว้แล้ว เนื่องจากได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีเจ้าสังกัดระหว่างปี จึงมีปัญหาข้อพิจารณาว่า การจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการฯ ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารยังไม่สมบูรณ์ตามนัยมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๒๖ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการประเมินผลการปฏิบัติราชการและจัดสรรสิ่งจูงใจตามผลการปฏิบัติราชการดังกล่าว ๑.๒ สำนักงาน ก.พ.ร. ได้เสนอแนวทางในการดำเนินงานจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ โดยการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ให้กำหนดเงื่อนไขของการลงนามระดับกระทรวงว่า หากไม่ได้มีการลงนามตามกำหนดเวลา และมิได้มีการโต้แย้งกลับไปยังสำนักงาน ก.พ.ร. จะถือว่ากระทรวงเห็นชอบกับคำรับรองการปฏิบัติราชการนั้น และส่งผลให้คำรับรองดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไป สำหรับกรณีการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองฯ และการจัดสรรสิ่งจูงใจตามผลการปฏิบัติราชการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ นั้น ควรถือเสมือนว่ากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้มีการลงนามตามคำรับรองการปฏิบัติราชการแล้ว เพื่อให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการและจัดสรรสิ่งจูงใจตามผลการปฏิบัติราชการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต่อไปได้ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. เห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. ขอแก้ไขข้อความในหนังสือสำนักงาน ก.พ.ร. ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๒๐๐/๐๐๐๒๙ ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เรื่อง การจัดทำคำรับรองและการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ในหัวข้อเรื่องและในวรรคท้ายจากข้อความว่า “... ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ...” เป็น “... ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ...”
|
|||||||||||||||||||||||||||
33804 | นโยบายแห่งชาติด้านยาและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ | สธ | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติเสนอ ๑.๑ ร่างนโยบายแห่งชาติด้านยา พ.ศ. .... และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. .... (แผน ๕ ปี) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้รับการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่ได้มาตรฐาน โดยการประกันคุณภาพ ความปลอดภัยและประสิทธิผลของยา การสร้างเสริมระบบการใช้ยาอย่างสมเหตุผล การส่งเสริมการเข้าถึงยาจำเป็นให้เป็นไปอย่างเสมอภาค ยั่งยืน ทันการณ์ การสร้างกลไกการเฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพ และอุตสาหกรรมยามีการพัฒนาจนประเทศสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยในส่วนของแผนยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ด้านที่ ๑ การเข้าถึงยา ยุทธศาสตร์ด้านที่ ๒ การใช้อย่างอย่างสมเหตุผล ยุทธศาสตร์ด้านที่ ๓ การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยา ชีววัตถุ และสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง และยุทธศาสตร์ด้านที่ ๔ การพัฒนาระบบการควบคุมยาเพื่อประกันคุณภาพ ประสิทธิผลและความปลอดภัยของยา ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนโยบายฯ และแผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ๒. ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับประเด็นยุทธศาสตร์ด้านที่ ๒ การใช้ยาอย่างสมเหตุผล ในยุทธศาสตร์ย่อยเกี่ยวกับการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพควรกำหนดประเด็นการปฏิรูปการศึกษาด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้ชัดเจนหรืออาจกำหนดไว้ในรายละเอียดของแผนปฏิบัติการและกิจกรรม สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาควรเน้นที่กลุ่มแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์เป็นหลัก และประเด็นยุทธศาสตร์ด้านที่ ๓ การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยา ชีววัตถุ และสมุนไพร เพื่อการพึ่งพาตนเองควรมีการส่งเสริมและพัฒนาตำรับยาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรในชุมชนและท้องถิ่น นอกจากนี้ ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แต่ละด้านไปสู่การปฏิบัติควรให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงยา การใช้ยาอย่างสมเหตุผล และการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยา รวมทั้งควรศึกษามาตรการและแนวทางการควบคุมราคายาประเภทต่าง ๆ ตลอดจนผลกระทบของแต่ละมาตรการอย่างละเอียด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติเป็นเจ้าภาพหลักในการกำหนดแผนงาน เป้าหมาย ตัวชี้วัด และกลไกติดตามประเมินผล โดยการมีส่วนร่วมของหน่วยงานของรัฐที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ย่อย ๆ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||||||||
33805 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการการจัดการของเสียในฟาร์มปศุสัตว์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออก (Livestock Waste Management in East Asia Project) | กษ | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการการจัดการของเสียในฟาร์มปศุสัตว์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออก (Livestock Waste Management in East Asia Project) จากสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ไปเป็นวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33806 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (จำนวน 7 ราย 1.นายศิริ เกวลินสฤษดิ์ ฯลฯ) | ทส | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิลำดับที่ ๑ - ๖ ให้แต่งตั้งแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ครบวาระให้มีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี ส่วนลำดับที่ ๗ แต่งตั้งแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ถึงแก่อนิจกรรมให้มีวาระการดำรงตำแหน่งถึงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายศิริ เกวลินสฤษดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายที่ดิน ๒. นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดที่ดินตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ๓. นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวางผังเมือง ๔. นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๕. นายพจน์ สุขมหา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายที่ดิน ๖. นายพยุง นพสุวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรป่าไม้และการใช้รูปถ่ายทางอากาศ ๗. นายโชติ ตราชู ผู้ทรงคุณวุฒิด้านน้ำบาดาล (แต่งตั้งแทนนายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช)
|
|||||||||||||||||||||||||||
33807 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อหารือและดูงานด้านอุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา | กษ | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายศุภชัย โพธิ์สุ) และคณะ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๒ มกราคม ๒๕๕๔ เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความร่วมมือ รวมทั้งการดูงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา ณ เมืองตงหยิง ชิงเต่า มณฑลซานตง และเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยมีผลการหารือกับบุคคลสำคัญของสาธารณรัฐประชาชนจีน สรุปได้ ดังนี้
๑. การหารือกับผู้ว่าการและรองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำอำเภอกว่างเหยา เมืองตงเหยิง มณฑลซานตง ผลการหารือ ฝ่ายจีนได้เชิญชวนให้มีการร่วมมือกันระหว่างไทย - จีน โดยเฉพาะด้านการเพาะปลูกและการแปรรูปยางพารา เนื่องจากเมืองกว่างเหยา มณฑลซานตงเป็นเมืองยุทธศาสตร์ด้านฐานการผลิตและส่งออกยางล้อรถยนต์ที่สำคัญ และอยู่ในเขตยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสำคัญ ๒ ประการ คือ เขตเศรษฐกิจเชิงนิเวศน์สามเหลี่ยมปากแม่น้ำฮวงโห และเขตเศรษฐกิจคาบสมุทรซานตง ซึ่งเหมาะแก่การลงทุน ในการนี้ ฝ่ายไทยได้เชิญผู้ว่าการอำเภอฯ นำคณะเดินทางไปดูงานด้านการผลิตและการเพาะปลูกยางพาราในประเทศไทย รวมทั้งได้เชิญชวนให้นักลงทุนจีนไปลงทุนจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราในไทย ๒. การหารือกับรองผู้ว่าการเขต Si Fang เมืองชิงเต่า ผลการหารือ ฝ่ายจีนมีความประสงค์ในการทำความร่วมมือกับไทยด้านการผลิตยางล้อรถยนต์ เนื่องจากบริษัทผลิตยางล้อรถยนต์ของจีนมีศักยภาพในการผลิตเครื่องมืออุปกรณ์การผลิตยางล้อรถยนต์ พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยเข้าร่วมการประชุมยางพาราประเทศจีนประจำปี (China Rubber Conference & China Rubber Expo 2011) ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองชิงเต่า รวมทั้งการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างกัน ๓. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายศุกชัยฯ) พร้อมคณะได้ดูงานตลาดซื้อขายยางล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้ และรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ยางพาราในจีนโดยหัวหน้าสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
|
|||||||||||||||||||||||||||
33808 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดสุวรรณประดิษฐ์ ตำบลหางดง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | นร | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดสุวรรณประดิษฐ์ ตำบลหางดง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดสุวรรณประดิษฐ์ ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๑๗๕ ตำบลหางดง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ ๑ งาน ๗ ตารางวา ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๘ สายต่อเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ควบคุม - ต่อเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนควบคุม ตอนต่อเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ควบคุม - อำเภอสันป่าตอง ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
33809 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดบ้านบัวเทิง ตำบลท่าช้าง กิ่งอำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | นร | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดบ้านบัวเทิง ตำบลท่าช้าง กิ่งอำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดบ้านบัวเทิง ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก) เลขที่ ๓๙๔๒ ตำบลท่าช้าง กิ่งอำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อที่ ๑ ไร่ ๙๖ ตารางวา ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๔ สายสีคิ้ว - อุบลราชธานี ตอนเลี่ยงเมืองอุบลราชธานีด้านตะวันออก ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
33810 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดด่านแม่คำมัน ตำบลด่านแม่คำมัน อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดด่านแม่คำมัน ตำบลด่านแม่คำมัน อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดด่านแม่คำมัน ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๕๑๓ ตำบลด่านแม่คำมัน อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื้อที่ ๑ ไร่ ๑ งาน ๗ ตารางวา ให้แก่กรมทางหลวง ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
33811 | รายงานผลการประชุมทวิภาคีไทย - พม่า ครั้งที่ 9 เรื่อง การจ้างแรงงานพม่าในประเทศไทย | รง | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการประชุมทวิภาคีไทย - พม่า ครั้งที่ ๙ เรื่อง การจ้างแรงงานพม่าในประเทศไทย จัดขึ้นระหว่าง ๒๒ - ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ ณ เมือง Pyin Oo Lwin สหภาพพม่า สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้
๑. ไทยและพม่าได้เห็นชอบให้เร่งดำเนินการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดยให้มีการพิจารณาจัดส่งเจ้าหน้าที่พม่าเข้ามาดำเนินการและเปิดศูนย์พิสูจน์สัญชาติเพิ่มเติมในประเทศไทยอีกจำนวน ๒ แห่งหรือมากกว่า รวมทั้งรับข้อเสนอของฝ่ายไทยในการเปิดด่านสิงขร - มุด่อง ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเปิดศูนย์พิสูจน์สัญชาติ ณ ด่านสิงขร ซึ่งฝ่ายพม่าเห็นด้วยกับการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการดำเนินการ โดยจะนำระบบดังกล่าวมาใช้เพื่อให้การดำเนินการรวดเร็วขึ้นตั้งแต่การดำเนินการในขั้นแรกจนถึงขั้นสุดท้าย รวมทั้งในการออกเอกสารที่เกี่ยวข้องให้เป็นสากลมากขึ้นเพื่อป้องกันการปลอมแปลง และสามารถตรวจสอบความถูกต้อง และเห็นว่าการเปิดให้มีบริษัทเอกชนที่ช่วยดำเนินการพิสูจน์สัญชาติในประเทศไทยมากขึ้นจะช่วยทำให้การดำเนินการพิสูจน์สัญชาติรวดเร็วขึ้น โดยเก็บค่าบริการ (Service Fee) รายละ ๑,๐๐๐ - ๑,๕๐๐ บาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในการดำเนินการ ๒. ฝ่ายไทยได้แจ้งให้ฝ่ายพม่าทราบว่ามีการจดทะเบียนผู้ติดตามแรงงานพม่าจำนวนประมาณ ๙,๐๐๐ คน และผู้ติดตามเหล่านั้นยังไม่มีเอกสารแสดงตัวบุคคล (Certificate of Identity : C.I.) เหมือนกับผู้ที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งฝ่ายพม่าอยู่ระหว่างจัดทำเอกสารแสดงตัวบุคคล (C.I.) รองรับซึ่งเป็นแบบสากลสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบได้เช่นเดียวกันเพื่อในอนาคตเมื่อกลุ่มผู้ติดตามเดินทางกลับประเทศจะมีเอกสารแสดงให้ทราบว่าเป็นคนสัญชาติใด ๓. ฝ่ายพม่าได้ร้องขอให้ฝ่ายไทยช่วยพิจารณากลุ่มแรงงานพม่าที่ปัจจุบันไม่ได้ขึ้นทะเบียนให้มีโอกาสขึ้นทะเบียนกับรัฐบาลไทยเพื่อจะนำไปสู่การพิสูจน์สัญชาติต่อไป ๔. ฝ่ายไทยได้แจ้งว่าตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๒ - ธันวาคม ๒๕๕๓ ได้แจ้งกระทรวงแรงงานพม่าว่ามีความต้องแรงงานพม่า ๖๘,๐๐๐ คน โดยมีแรงงานพม่าเข้ามาทำงานในประเทศไทยแล้วจำนวน ๑,๑๕๑ คน เนื่องจากการนำเข้าแรงงานพม่าแบบรัฐต่อรัฐมีขั้นตอนในการดำเนินการมาก เจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายพม่ามีไม่เพียงพอและไม่มีความเชี่ยวชาญในการจัดหาและคัดเลือกคนงานทำให้ไม่ทันต่อความต้องการของนายจ้าง โดยเห็นควรให้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวผ่านบริษัทจัดหางานเอกชนของพม่าควบคู่กันไป เพื่อให้ขั้นตอนการดำเนินการรวดเร็วขึ้น รวมทั้งควรเตรียมการสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับการดำเนินการดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
33812 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชาครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี พ.ศ. .... | ศธ | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และคณะนิเทศศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||
33813 | ความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์ดาราศาสตร์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสพระชนมายุ 84 พรรษา | ศธ | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์ดาราศาสตร์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสพระชนมายุ ๘๔ พรรษา สรุปได้ ดังนี้
๑. การเตรียมการด้านสถานที่ ได้กำหนดสถานที่ตั้งศูนย์ดาราศาสตร์ฯ ในพื้นที่ป่าสงวนที่เป็นพื้นที่เสื่อมโทรม จำนวนประมาณ ๘๐ - ๑๐๐ ไร่ ที่หมู่ที่ ๙ ตำบลหนองหงส์ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตใช้พื้นที่จากหน่วยงานที่รับผิดชอบ และได้ประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวมทั้งได้จัดทำร่างข้อกำหนดและเงื่อนไขประกอบ (TOR) การจัดจ้างการออกแบบอาคารศูนย์ดาราศาสตร์ฯ ซึ่งคณะกรรมการที่ได้รับมอบหมายได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบและจัดจ้างตามระเบียบทางราชการต่อไป ๒. การดำเนินการด้านงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.) ได้บริหารงบประมาณที่ได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าจ้างออกแบบอาคารศูนย์ดาราศาสตร์ฯ จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และค่าก่อสร้างอาคารศูนย์ดาราศาสตร์ฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน ๕๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำนักงาน กศน. จะดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ดาราศาสตร์ฯ ใน ๓ ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือที่จังหวัดลำปาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดนครราชสีมา และภาคกลางที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างศูนย์ดาราศาสตร์ฯ แห่งละ ๕๔,๖๐๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๓ ภูมิภาค รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๖๓,๘๐๐,๐๐๐ บาท และค่าเครื่องฉายดาวพร้อมอุปกรณ์ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน ๑ ชุด ราคา ๑๕๔,๖๑๕,๐๐๐ บาท |
|||||||||||||||||||||||||||
33814 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) ครั้งที่ 13 | กต | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi - Sectoral Technical and Economic Cooperation - BIMSTEC) ครั้งที่ ๑๓ ณ นครเนปิดอว์ ประเทศพม่า เมื่อวันที่ ๒๐ - ๒๒ มกราคม ๒๕๕๔ และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สำหรับผลการประชุมครั้งนี้ ได้มีการทบทวนความคืบหน้าในสาขาความร่วมมือทั้ง ๑๔ สาขาของ BIMSTEC ได้แก่ การค้าการลงทุน เทคโนโลยี คมนาคมและการสื่อสาร พลังงาน ท่องเที่ยว ประมง สาธารณสุข การจัดการสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ การต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรม การลดความยากจน วัฒนธรรม ปฏิสัมพันธ์ในระดับประชาชน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยที่ประชุมได้มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้จัดตั้งสำนักเลขาธิการถาวร BIMSTEC ที่บังกลาเทศ และให้ศรีลังกาได้รับสิทธิเสนอชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ BIMSTEC คนแรก ๑.๒ รับทราบข้อเสนอของไทยในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา อาทิ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) และคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) ใน BIMSTEC ๑.๓ ผลักดันให้หาข้อสรุปในการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าสินค้าภายใต้ BIMSTEC FTA โดยเร็ว และรับทราบข้อเสนอของไทยที่จะจัดการประชุม Trade Negotiating Committee ครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งจะเป็นเวทีเจรจา BIMSTEC FTA รวมถึงการประชุม BIMSTEC Business Forum และ BIMSTEC Economic Forum ครั้งที่ ๖ ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๑.๔ เร่งรัดให้มีการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมทั้ง ๕ สาขา ในโอกาสแรก เพื่อจัดทำแผนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะในรายงานการศึกษาของ ADB ในหัวข้อโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ใน BIMSTEC ๑.๕. เร่งรัดให้ประเทศสมาชิกดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้สามารถลงนามความตกลงเพื่อจัดตั้งศูนย์อากาศและภูมิอากาศ BIMSTEC และศูนย์ปฏิบัติการอุตสาหกรรมวัฒนธรรม BIMSTEC และเพื่อให้สามารถให้สัตยาบันในอนุสัญญา BIMSTEC Convention on Cooperation in Combating International Terrorism, Transnational Organized Crime and IIIicit Drug Trafficking ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งผลักดันการสร้างความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียน (renewable energy) กับประเทศอินเดียซึ่งมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยที่เป็นประเทศเกษตรกรรม อาทิ พลังงานจากชีวมวล (biomass) ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ และสร้างความร่วมมือทางวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ในด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับบังกลาเทศ เพื่อประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมเพื่อการปรับตัวของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและการกัดเซาะชายฝั่ง สำหรับกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นหน่วยงานเจ้าภาพในการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของไทยในสาขาความร่วมมือสาขาต่าง ๆ ภายใต้กรอบ BIMSTEC ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่สามารถเชื่อมโยงกับแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity) ในลำดับต้น รวมทั้งสนับสนุนให้อินเดียซึ่งมีความก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจที่โดดเด่นเข้ามามีบทบาทนำร่วมกับไทยในการพัฒนาในกรอบ BIMSTEC เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
33815 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | วท | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทยขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมสาระสำคัญบางประการ โดยมาตรา ๓ คำว่า “ชีววิทยาศาสตร์” ควรขยายความให้ชัดเจน ส่วนคำว่า “โครงการด้านชีววิทยาศาสตร์” หมายความว่า โครงการที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีววิทยาศาสตร์ ตลอดห่วงโซ่คุณค่า ให้ขยายความหมาย “ห่วงโซ่คุณค่า” ให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่าย และมาตรา ๖ ให้ศูนย์ความเป็นเลิศมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง ให้ตัดมาตรานี้ออก เนื่องจากทำให้มีข้อจำกัดในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศในอนาคต สำหรับมาตรา ๘ วรรคสอง กำหนดให้การกู้ยืมเงินตาม (๖) และการเข้าร่วมทุนตาม (๗) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด นั้น ควรให้การดำเนินการดังกล่าวผ่านการกลั่นกรองและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี และควรแก้ไขความมาตรา ๙ (๓) โดยใช้ถ้อยคำว่า “(๓) เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสมและจำเป็น” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่สอดคล้องกับมาตรา ๑๒(๓) ของพระราชบัญญัติองค์การมหาชนฯ รวมทั้งเพิ่มเติมสาระสำคัญในมาตรา ๓๘ วรรค ๑ โดยกำหนดเงื่อนไขในการจัดตั้งให้มีการประเมินความคุ้มค่าของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย เมื่อดำเนินการครบ ๓ ปี หากพบว่าไม่คุ้มค่าก็ให้ยุบเลิก เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
33816 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง (นายสุรชัย ขันอาสา) | มท | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุรชัย ขันอาสา อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง แทนนายบุญมี จันทรวงศ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33817 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (จำนวน 3 ราย 1.นายวิเชียร ชวลิต ฯลฯ) | มท | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน ๓ คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายวิเชียร ชวลิต เป็นประธานกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทน นายวิชัยศรีขวัญ ที่ลาออก ๒. นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนพลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ที่ลาออก ๓. นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนนายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ ที่ลาออก
|
|||||||||||||||||||||||||||
33818 | การใช้เงินค่าธรรมเนียมตรวจคนเข้าเมืองจัดหาที่พักอาศัยโครงการบ้านเอื้ออาทรวัดศรีวารีน้อย | ตช | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดหาโครงการบ้านเอื้ออาทรวัดศรีวารีน้อย จำนวน ๑,๓๙๕ หน่วย ให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย โดยจ่ายจากเงินค่าธรรมเนียมตรวจคนเข้าเมืองด้วยวิธีการผ่อนชำระเป็นเวลา ๒๔ เดือน ๆ ละ ๒๓,๔๔๔,๒๓๖ บาท ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ซึ่งกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33819 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค (นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล และนายวิบูลย์ สงวนพงศ์) | มท | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค แทนผู้ที่ลาออกและสิ้นสุดสภาพการเป็นกรรมการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค แทนนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย (ซึ่งลาออกจากการเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔) ๒. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค แทนนางลีนา เจริญศรี (ซึ่งสิ้นสุดสภาพการเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค เนื่องจากมีอายุครบ ๖๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๓)
|
|||||||||||||||||||||||||||
33820 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานตามแผนปฏิรูปประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย | นร | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กระดับตำบลแห่งละ ๒ ล้านบาท จำนวน ๙๙ แห่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๙๘ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ รายการงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน ๑.๒ อนุมัติหลักการในการใช้สถานที่โรงเรียนขนาดเล็กมาดำเนินการเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในระดับตำบล โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทยภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กระดับตำบล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเสนอขอตั้งค่าใช้จ่ายไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป ส่วนการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กระดับตำบลที่ยังไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนในครั้งนี้ จำนวน ๓๐๘ แห่ง ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งสำรวจความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละแห่ง โดยอาจขอความร่วมมือการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจากภาคเอกชนในพื้นที่หรือประสานกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อใช้สถานที่โรงเรียนขนาดเล็กที่ไปหลอมรวมเป็นโรงเรียนดีประจำตำบลมาดำเนินการเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในระดับตำบลในสังกัดของ อปท. ต่อไป และหากไม่ได้รับการสนับสนุนในการดำเนินการดังกล่าว ก็ให้เสนอขอตั้งค่าใช้จ่ายไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ กรณีโรงเรียนดีประจำตำบลแห่งใดที่มีความพร้อมและได้รับการสนับสนุนจาก อปท. ก็ให้พิจารณาจัดตั้งเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กระดับตำบลด้วย
|
.....