ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1695 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33881 - 33900 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33881 | การปรับการกำหนดราคาและปริมาณรับประกันของโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2553/54 รอบที่ 2 | กษ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับราคาและปริมาณรับประกันของโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๓/๕๔ รอบที่ ๒ ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ปรับราคารับประกันรายได้เกษตกร เพื่อให้สอดรับกับต้นทุนการผลิตข้าว ณ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยข้าวเปลือกพันธุ์ปทุมธานี ๑ จากเดิมตันละ ๑๑,๐๐๐ บาท เป็นตันละ ๑๑,๕๐๐ บาท ข้าวเปลือกเจ้า จากเดิมตันละ ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นตันละ ๑๑,๐๐๐ บาท และข้าวเปลือกเหนียว จากเดิมตันละ ๙,๕๐๐ บาท เป็นตันละ ๑๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ปรับปริมาณรับประกันข้าว โดยข้าวเปลือกพันธุ์ปทุมธานี ๑ จากเดิมครัวเรือนละ ๒๕ ตัน เป็นครัวเรือนละ ๓๐ ตัน ข้าวเปลือกเจ้า จากเดิมครัวเรือนละ ๒๕ ตัน เป็นครัวเรือนละ ๓๐ ตัน และข้าวเปลือกเหนียว จากเดิมครัวเรือนละ ๒๕ ตัน เป็นครัวเรือนละ ๓๐ ตัน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลและติดตามตรวจสอบการดำเนินการขึ้นทะเบียนนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้รอบคอบถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่อยู่นอกเขตชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
33882 | ขอเพิ่มเติมการรับการสนับสนุนเพื่อดำเนินงานตามโครงการ "บ้านมั่นคงคนไร้บ้าน" | พม | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการดำเนินงานตามโครงการ “บ้านมั่นคงคนไร้บ้าน” เพื่ออุดหนุนค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้าน จำนวน ๒๐๐ หน่วย ภายในกรอบวงเงิน ๘๐,๐๐๐ - ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อหน่วย ส่วนค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เบิกจ่ายตามจริง โดยทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับไปพิจารณาทบทวนปรับเปลี่ยนชื่อโครงการใหม่ เพื่อมิให้เกิดความสับสนกับโครงการบ้านมั่นคง และรับไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดหาที่ดินที่จะใช้ในการดำเนินการโครงการดังกล่าวให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33883 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (นายอำพล วงศ์ศิริ) | ยธ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอำพล วงศ์ศิริ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33884 | สรุปผลการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดิน กรณีปัญหาการอนุญาตให้เอกชนใช้ประโยชน์ที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ | นร | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดิน กรณีปัญหาการอนุญาตให้เอกชนใช้ประโยชน์ที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าว ดังนี้
๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองทัพภาคที่ ๒ และกรมป่าไม้ ดำเนินการประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน โดยการจำลองพื้นที่รองรับว่าพื้นที่บริเวณใดมีความเหมาะสมที่จะสามารถดำเนินการจัดสรรให้แก่ราษฎรได้ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์ (ระหว่างวันที่ ๗ - ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๔) และเมื่อได้ความชัดเจนในเรื่องพื้นที่แล้วให้นำข้อสรุปดังกล่าวเสนอรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เพื่อประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินฯ อีกครั้งในวันที่ ๑๗ หรือ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔ เพื่อพิจารณาในเรื่องการกำหนดคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ในการคัดกรองราษฎรต่อไป ๒. เมื่อได้ความชัดเจนเรื่องพื้นที่แล้ว จะกำหนดกระบวนการหรือกลไกการทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยให้ราษฎรได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย โดยอำนาจในการตัดสินใจยังคงเป็นไปตามบทบาทและอำนาจหน้าที่ซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้ จากนั้นจึงเข้าสู่การคัดกรองราษฎร เพื่อดำเนินการจัดสรรที่ดินตามนโยบายโฉนดชุมชน ๓. กระบวนการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาตามแผนพิทักษ์ป่าดงใหญ่ ยังคงดำเนินการเคลื่อนย้ายราษฎรออกจากพื้นที่ตามแผนและระยะเวลาที่กำหนดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33885 | สรุปผลการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) | นร | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเรียกร้องของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้
๑. กรณีชุมชนหมู่บ้านพิมาน เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ดำเนินการเจรจากับเจ้าหนี้ที่รับจำนองที่ดิน เพื่อขอแบ่งซื้อที่ดิน จำนวน ๑๐ ไร่ เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้กับชุมชนหมู่บ้านพิมาน โดยใช้งบประมาณสินเชื่อของโครงการบ้านมั่นคง ๒. กรณีชุมชนทับยาง จังหวัดพังงา ให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพดำเนินการให้ความช่วยเหลือราษฎรด้านทนายความและการดำเนินคดีในศาลปกครอง ๓. กรณีชุมชนหนองกินเพล และชุมชนหาดเว จังหวัดอุบลราชธานี ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) เร่งรัดกรมที่ดินให้ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินตามความเห็นของกรมสอบสวนคดีพิยเศษ ๔. กรณีสุสานชาวเลบ้านสิเหร่ จังหวัดภูเก็ต ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) เร่งรัดกรมที่ดินให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องในการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ๕. กรณีอ่างเก็บน้ำห้วยฝั่งแดง จังหวัดอุบลราชธานี ให้จังหวัดอุบลราชธานีเร่งรัดติดตามให้มีการดำเนินการตามมติคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีราษฎรได้รับผลกระทบจากโครงการชลประทานอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กห้วยฝั่งแดงต่อไป ๖. กรณีโรงไฟฟ้าชีวมวล ๔ พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย อุบลราชธานี ตาก และลำพูน ให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เป็นประธานอนุกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนภาคประชาชน ร่วมเป็นอนุกรรมการ เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการดูแลควบคุมปัญหาความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับบริษัท พลังงานสะอาด ดี ๒ จำกัด ที่บ้านไตรแก้ว ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย และจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป ๗. กรณีการให้สัมปทานเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ เหมืองหินบริเวณเขาคูหา อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา และเหมืองสังกะสี แม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยให้ชะลอการให้สัมปทานเหมืองแร่รายใหม่ และให้มีการตรวจสอบผลกระทบด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหา และให้การช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ที่ดำเนินการอยู่แล้ว รวมทั้งปัญหาด้านสุขภาพอนามัย และปัญหาการถูกข่มขู่คุกคาม ๘. กรณีโครงการนำร่องธนาคารที่ดินภาคเหนือ ๕ หมู่บ้าน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เห็นชอบให้ดำเนินโครงการดังกล่าวในกรอบวงเงิน ๑๖๗ ล้านบาท ให้ดำเนินการตามความเห็นของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์ ที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง [ซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) เป็นประธานอนุกรรมการ] โดยดำเนินการในพื้นที่ ๕ หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านไร่ดง หมู่ ๓ ตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน บ้านแม่อาว หมู่ ๓ ตำบลนครเจดีย์ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน บ้านแพะใต้ หมู่ ๗ ตำบลหนองล่อง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน บ้านท่าอกม่วง ตำบลหนองปลาสะวาย อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน และบ้านโป่ง หมู ๒ ตำบลแม่แฝก อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ ไม่ให้ส่งเสริมการบุกรุกที่ดิน และผู้ที่เคยได้รับความช่วยเหลือแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
33886 | พิจารณาแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (จำนวน 6 คน 1. นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ฯลฯ) | พน | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน จำนวน ๖ คน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ประธานกรรมการ ๒. นายสมบัติ ศานติจารี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายนครินทร์ วีระเมธีกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายเจน นำชัยศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33887 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33888 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา พ.ศ. .... | นร | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33889 | การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันจันทร์ ที่ 14 มีนาคม 2554 | นร | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในระหว่างวันอังคารที่ ๑๕ มีนาคม - วันศุกร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔ เป็นช่วงการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ดังนั้น จึงให้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ดังกล่าวจากวันอังคารที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๔ มาเป็นวันจันทร์ที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||
33890 | ขออนุมัติอัตรากำลังพนักงานราชการ | มท | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แก้ไขข้อความในมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ขออนุมัติอัตรากำลังพนักงานราชการ) กรณีที่เห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณค่าตอบแทนพนักงานราชการไปแล้ว จำนวน ๒๗.๙ ล้านบาท โดยให้แก้ไขข้อความจากคำว่า “จัดสรร” เป็นคำว่า “เสนอขอ” ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33891 | โครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว | นร | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ส่วนราชการใดที่จะเสนอโครงการ โดยแจ้งว่าเป็นโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ให้ส่งโครงการและกิจกรรมดังกล่าวให้คณะกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรม ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นประธานกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
33892 | การปราบปรามการเล่นพนันหวยหุ้น | ตช | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการปราบปรามการเล่นพนันหวยหุ้น โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค ๑ - ๙ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งรับผิดชอบในเขตพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศดำเนินการป้องกันปราบปรามการเล่นการพนันหวยหุ้น ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุทราบว่าการเล่นการพนันหวยหุ้นเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย รวมทั้งกวดขัน ปราบปรามมิให้มีการลักลอบเล่นการพนันหวยหุ้นในเขตพื้นที่รับผิดชอบ หากพบว่ามีการเล่นการพนันดังกล่าวให้ดำเนินการจับกุมดำเนินการคดีตามกฎหมายทันที แล้วรายงานผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบทุกวันที่ ๕ ของเดือน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33893 | รายงานประจำปี 2552 ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | สสป | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ (ตุลาคม ๒๕๕๑ - กันยายน ๒๕๕๒) สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาเศรษฐกิจและสังคม เพื่อนำมาสังเคราะห์และจัดทำเป็นความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งหมดจำนวน ๗๒ เรื่อง จำแนกได้ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๓๑ เรื่อง ๒. ด้านสังคม จำนวน ๑๔ เรื่อง ๓. ด้านการเมือง การปกครองและการบริหาร จำนวน ๑๑ เรื่อง ๔. ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๑ เรื่อง ๕. ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และพลังงาน จำนวน ๕ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
33894 | เสนอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการติดตั้งและใช้โทรศัพท์ประจำบ้านพักของข้าราชการ | ทก | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การติดตั้งและใช้โทรศัพท์ของทางราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการติดตั้งและใช้โทรศัพท์ของทางราชการ และกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่) เฉพาะในส่วนของข้อ ๒.๓ การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโทรศัพท์พื้นฐานประจำบ้านพักของทางราชการและบ้านพักส่วนตัว โดยยกเลิก (๑) และแก้ไข (๒) จาก เดิม (๒) ค่าใช้บริการให้เบิกจ่ายได้เฉพาะค่าใช้โทรศัพท์ภายในท้องถิ่น (ไม่รวมโทรศัพท์ทางไกล) เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินเดือนละ ๑๐๐ ครั้ง รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระพร้อมกัน ส่วนที่เกิน ๑๐๐ ครั้ง หรือค่าใช้บริการเสริมพิเศษอื่น ๆ ที่ผู้ให้บริการเรียกเก็บ เช่น ค่าบริการสายเรียกซ้อน ค่าบริการอินเทอร์เน็ต ค่าบริการโทรทางไกล เป็นต้น ผู้ใช้บริการต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เป็น (๒) ให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์ประจำบ้านพักสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและบริการอื่นที่จะมีในอนาคตได้ โดยกำหนดวงเงินการใช้โทรศัพท์แบบเหมา คือ ค่าเช่าเลขหมายและค่าใช้บริการใด ๆ ไม่เกินคนละ ๔๐๐ บาทต่อเดือน โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดชนิดของการใช้บริการ และให้ผู้ใช้บริการรับผิดชอบค่าบริการส่วนที่เกิน ๔๐๐ บาทเอง ๒. ให้หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ กำกับ ดูแล การอนุมัติติดตั้งโทรศัพท์ประจำบ้านพักของข้าราชการ เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้งานเท่านั้น เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณกรณีดังกล่าวเป็นไปโดยเหมาะสม และหากมีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นให้ใช้จ่ายภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรของแต่ละส่วนราชการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33895 | บริษัท สหศิลาเพิ่มพูล จำกัด ขอเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพระพุทธบาทและป่าพุแค เพื่อขอรับโอนประทานบัตรเหมืองแร่ประทานบัตรที่ 24828/13873 ท้องที่จังหวัดสระบุรี | ทส | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผ่อนผันและขยายระยะเวลาให้บริษัท สหศิลาเพิ่มพูล จำกัด เข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ เอ็ม เป็นการเฉพาะราย จนถึงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดอายุประทานบัตรของผู้ขอรายนี้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้บริษัท สหศิลาเพิ่มพูล จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ของบริษัทฯ ในคราวการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ อย่างเคร่งครัด และให้กำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมในเรื่องการมีส่วนร่วมและการยอมรับของประชาชนและท้องถิ่น รวมทั้งมีมาตรการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ซึ่งเป็นข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
33896 | ขอความเห็นชอบกรอบการจัดทำแผนปฏิบัติการบูรณาการเร่งรัดการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ปีงบประมาณ 2555 และภารกิจการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ของหน่วยงาน | สธ | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของกรอบการจัดทำแผนปฏิบัติการบูรณาการเร่งรัดการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ (ศบ.จอ.) ได้จัดทำกรอบการจัดทำแผนปฏิบัติการบูรณาการเร่งรัดฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยพิจารณาจากแผนปฏิบัติการเร่งรัดฯ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งมีมาตรการเร่งรัดบูรณาการการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเพื่อลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ รวมทั้งภารกิจการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการตามบทบาทและภารกิจของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ควรใช้กลไกในการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการในการติดตามประเมินผล โดยผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการบูรณาการเร่งรัดฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับมาตรการและแนวทางการดำเนินงานในกลุ่มประชากรที่เปราะบางต่อการรับและถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี ควรครอบคลุมกลุ่มแม่บ้านที่ติดเชื้อเอชไอวีจากสามีด้วย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และควรมีมาตรการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยในทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง โดยจัดให้มีงบประมาณและการตลาดเชิงสังคมเพื่อให้มีการใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้น รวมทั้งปรับปรุงระบบการกระจายถุงยางอนามัยเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ ควรสนับสนุนการดำเนินงานด้านการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีควบคู่กับการรักษาพยาบาลและการจัดสวัสดิการให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับไปพิจารณาจัดทำโครงการนำร่องตามข้อเสนอของสำนักงานโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) โดยให้พิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่ที่เหมาะสม ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาว่า การประกาศนโยบายเกี่ยวกับผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีดใช้เข็มและอุปกรณ์การฉีดยาที่สะอาดจะสามารถกระทำได้ตามกฎหมาย หรือไม่ เพียงใด |
|||||||||||||||||||||||||||
33897 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวสุมาลี เดชานุรักษ์นุกูล) | นร | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวสุมาลี เดชานุรักษ์นุกูล ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33898 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและอนุมัติตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ รับทราบประเด็นข้อชี้แจงของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) วงเงิน ๑,๓๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ๑.๒ อนุมัติแนวทางการขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาและการเบิกจ่ายเงินของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๓ รับทราบการปรับปรุงแผนการดำเนินงานของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิต การตลาด และการแปรรูปในสหกรณ์โคนม จำนวน ๓ แห่ง วงเงิน ๓๐๐ ล้านบาท ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเป็นการปรับแผนการใช้จ่ายเงินในแต่ละเดือนภายใต้แผนการใช้จ่ายเงินเดิม ๑.๔ อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงิน ๕๓,๘๙๔,๒๖๑ บาท ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนสู่มาตรฐาน วงเงิน ๑,๘๔๕,๗๐๘ บาท โครงการเพิ่มประสิทธิภาพของส่วนราชการ วงเงิน ๓๐,๖๐๕,๔๕๔ บาท และโครงการปัจจัยสนับสนุนด้านการศึกษา วงเงิน ๒๑,๔๔๓,๐๙๙ บาท ๑.๕ อนุมัติการก่อหนี้ผูกพันก่อนได้รับการจัดสรรเงินสำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวปัตตานี ๑.๖ อนุมัติการขอยกเลิกโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราพันธุ์ดีในพื้นที่ว่างเปล่า จำนวน ๕,๐๐๐ ไร่ วงเงิน ๙,๔๗๓,๓๐๐ บาท ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน โดยจังหวัดนราธิวาส เนื่องจากสภาวะราคาพันธุ์ยางพาราในท้องถิ่นได้ขยับตัวสูงขึ้นมากทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ ประกอบกับรัฐบาลได้มีการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายให้กับโครงการส่งเสริมการปลูกยางพารา ของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง วงเงิน ๑๐๗.๓๒ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้ผ่านการทำประชาคมเรียบร้อยแล้ว ๑.๗ อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยให้หน่วนยงานส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน ๑๕ วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ ๑.๘ อนุมัติการขอปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ หลังจากปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๔๑๖๙ ตอนทางรอบเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม วงเงิน ๔๕๐ ล้าบบาท จากเดิมปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยจัดสรรวงเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ สำหรับการลงทุนในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๕ ส่วนวงเงินส่วนที่เหลือให้กรมทางหลวงขอรับการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามทางเลือกที่ ๑ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดขอบเขตระยะเวลาการลงนามสัญญาและการเบิกจ่ายเงินให้ชัดเจน เพื่อให้การดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ บรรลุวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ควรพิจารณาความจำเป็นในการดำเนินโครงการฯ โดยอาจใช้แหล่งเงินลงทุนอื่นในการดำเนินโครงการ รวมทั้งเร่งพิจารณาจัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ให้แก่โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ที่มีศักยภาพและเป็นการวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาวต่อไป ไปพิจารณาต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
33899 | รายงานผลการจัดกิจกรรม "ความร่วมมือทางด้านธุรกิจลาว - ไทย เพื่อก้าวไปเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 1" (The 1st LAOS THAI Business - Cooperation To AEC) | พณ | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการจัดกิจกรรม "ความร่วมมือทางด้านธุรกิจลาว - ไทย เพื่อก้าวไปเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๑" (The 1st LAOS THAI Business - Cooperation To AEC) ระหว่างวันที่ ๒๖ - ๓๐ มกราคม ๒๕๕๔ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว สรุปสาระสำคัญผลการจัดกิจกรรม ได้ดังนี้
๑. งานแสดงสินค้า Lao - Thai Trade Exhibition มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงสินค้ารวม ๒๙๖ คูหา แบ่งเป็นผู้ประกอบการไทยจากส่วนกลาง ๑๗๒ คูหา ผู้ประกอบการจาก ๒๓ จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ๖๔ คูหา และผู้ประกอบการ สปป.ลาว ๕๐ คูหา มีผู้เยี่ยมชมงานรวม ๔๖๙,๘๒๓ คน มียอดสั่งซื้อทันทีทั้งสิ้น ๑๔,๕๐๒,๓๐๐ บาท และมียอดสั่งซื้อภายใน ๑ ปี ๖๐,๐๗๒,๓๐๐ บาท ๒. งานจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) มีผู้ประกอบการไทยทั้งจากส่วนกลางและจังหวัดในเขตตะวันออกเฉียงเหนือเข้าร่วมเจรจาธุรกิจจำนวน ๗๕ ราย โดยสาขาที่มีศักยภาพและมีโอกาสที่จะร่วมมือทางธุรกิจสูง ได้แก่ เครื่องจักรที่ใช้ในโรงสี และสำหรับทำปุ๋ย ในการนี้ผลของการเจรจาจับธุรกิจครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลให้เกิดการทำธุรกิจร่วมกันทั้งรูปแบบของการสั่งซื้อสินค้า ได้แก่ สินค้า OTOP การเกษตร และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ตลอดจนการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ และการบริหารทางด้านโลจิสติกส์ โรงพยาบาล และการท่องเที่ยว ซึ่งโดยรวมแล้วคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางการค้าระหว่างไทย - สปป.ลาว ในระยะ ๕ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐ ต่อปี ๓. การประชุมระหว่างภาคเอกชนไทยกับภาคเอกชน สปป.ลาว เพื่อปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทบทวนความสัมพันธ์ ตลอดจนร่วมกันเสนอโครงการความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ๖ กลุ่ม ได้แก่ การค้า การลงทุน การเกษตร โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ระหว่างไทยกับ สปป.ลาว รวมทั้งการติดตามผลการดำเนินงานของโครงการความร่วมมือทางด้านธุรกิจลาว - ไทย เพื่อก้าวไปเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๑ และการจัดตั้งคณะทำงานโครงการความร่วมมือทางด้านธุรกิจลาว - ไทย เพื่อก้าวไปเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๖ สาขา เพื่อติดตามผลความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33900 | รายงานผลการเดินทางโลจิสติกส์การค้าสัญจร ครั้งที่ 1/2554 เยือนจังหวัดระนอง และประจวบคีรีขันธ์ | พณ | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการเดินทางสำรวจเส้นทางโลจิสติกส์ตามโครงการโลจิสติกส์การค้าสัญจร ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ ณ จังหวัดระนอง และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของคณะกรรมการโลจิสติกส์การค้า ระหว่างวันที่ ๗ - ๘ มกราคม ๒๕๕๔ โดยคณะกรรมการฯ และผู้แทนระดับสูงจากกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ รวมทั้งผู้แทนหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) ได้มอบนโยบายการพัฒนาโลจิสติกส์ของไทยจะต้องพัฒนาในลักษณะการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) โดยใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้า (FTA) ต่าง ๆ และจะพยายามดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมประเทศในเอเชียใต้ กับกลุ่มประเทศ BIMSTEC และ IMT - GT โดยการผลักดันการสร้างเส้นทางเชื่อมโยง (Land Bridge) เชื่อมฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ระหว่างจังหวัดระนอง - ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ และเป็นการเชื่อมโยงการขนส่งและการขนถ่ายสินค้าระหว่างประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) สู่กลุ่มประเทศ IMT - GT, BIMSTEC, ยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมทั้งผลักดันการใช้ท่าเรือคู่แผด ท่าเรือระนอง - ท่าเรือประจวบ เพื่อเชื่อมฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน และการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดระนองในลักษณะเดียวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อส่งเสริมการลงทุนให้กับผู้ประกอบการใช้เป็นฐานการผลิตที่สำคัญในภูมิภาค ๒. การพัฒนาท่าเรือและผลักดันให้มีเรือรับขนส่งสินค้าที่จะให้บริการขนส่งสินค้าทั้งในอ่าวไทยและในอ่าวเบงกอล กระทรวงพาณิชย์จะได้หารือกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ผู้บริหารท่าเรือเอกชน และบริษัทเรือทั้งของไทยและในภูมิภาค โดยมอบหมายให้รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นายราเชนทร์ พจนสุนทร) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโดยจะหารือกับฝ่ายไทยก่อนที่จะเดินทางหารือกับผู้บริหารท่าเรือในภูมิภาค เช่น จิตตะกอง ย่างกุ้ง ปีนัง และเชนไน เป็นต้น ๓. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้เสนอยกระดับด่านสิงขรเป็นด่านถาวรผ่านกระทรวงมหาดไทยไปยังสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งชาติได้เห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และได้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศประสานการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - พม่า (JBC) เพื่อการจัดทำการสำรวจเขตแดนร่วมกันโดยเร่งประสานกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า โดยได้ตั้งเป้าหมายให้สามารถเปิดด่านสิงขรเป็นด่านถาวรได้ภายในปีนี้ ซึ่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้เตรียมความพร้อมวางแผนพัฒนาบริเวณด่านสิงขรเพื่อรองรับการพัฒนาการค้าชายแดนที่จะเกิดขึ้นโดยมีแผนงานพัฒนาพื้นที่เฉพาะด่านสิงขร นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) ได้กำหนดเส้นทางการค้าสำหรับประตูตะวันตก ๖ ประตู ได้แก่ แม่ฮ่องสอน - เนปิดอร์ (พม่า), เชียงราย - ยูนนาน (จีน), ตาก (แม่สอด) - เมียวดี - ทามู (พม่า) - มอเร่ (รัฐมณีปุระ อินเดีย), กาญจนบุรี (พุน้ำร้อน) - ทวาย, ประจวบคีรีขันธ์ (สิงขร) - มูด่อง (พม่า) - มะริด และ ระนอง - เกาะสอง - ย่างกุ้ง (พม่า) -BIMSTEC
|
.....