ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1697 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33921 - 33940 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33921 | การเกษตรกรรมให้รวมถึงการทำนาเกลือสมุทร | กษ | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การทำนาเกลือในส่วนที่เป็นเกลือสมุทรเป็น “เกษตรกรรม” และผู้ทำนาเกลือเป็น “เกษตรกร” ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ทำนาเกลือ เว้นแต่กรณีที่กฎหมายใดมีบทบัญญัติกำหนดคำนิยามไว้เป็นการเฉพาะหรือมีบทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายนั้น ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33922 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีผลความคืบหน้าการดำเนินการฯ ของกรมชลประทาน สรุปได้ ดังนี้
๑. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้ดำเนินโครงการวิจัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกต่อฝนสูงสุดที่อาจเป็นไปได้ของพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จะดำเนินโครงการวิจัยผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่อปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และโครงการวิจัยการวิเคราะห์ความถี่การเกิดภัยแล้งโดยใช้ดัชนีวัดความแห้งแล้ง ๒. ดำเนินการเฝ้าติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งวางแผนบริหารจัดจราจรน้ำในลุ่มน้ำต่าง ๆ เพื่อให้พื้นที่ที่รับผลกระทบได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด โดยกำหนดเกณฑ์การเก็บกักน้ำในอ่าง (Rule Curve) ในแต่ละช่วงเวลาไม่ให้เกิดภาวะน้ำล้นอ่างเก็บน้ำ และมีการประเมินสภาพน้ำในอ่างโดยใช้โปรแกรม Reservoit Operation Simulation เป็นการจำลองการคาดการณ์ปริมาณน้ำในอ่างล่วงหน้าเพื่อใช้กำหนดแผนการระบายน้ำ ซึ่งจะทำให้ช่วยชะลอและลดความเร็วน้ำหลากไม่ให้หลากลงมาอย่างรวดเร็วเป็นการลดปริมาณน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ ๓. ดำเนินการติดตามประเมินผลโครงการปรับปรุงปากแม่น้ำโกลก ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซียในการปรับปรุงปากแม่น้ำโกลกเพื่อรักษาแนวเขตแดนของไทยและมาเลเซียให้มีเสถียรภาพ และมีแผนการศึกษาร่วมแบบจำลองชลศาสตร์ด้านการประเมินผลโครงการปรับปรุงปากแม่น้ำโกลกต่อพื้นที่บริเวณชายฝั่ง โดยมุ่งเน้นศึกษาทั้งด้านการกัดเซาะชายฝั่งและผลกระทบของการสร้างโครงการปรับปรุงปากแม่น้ำโกลกต่อพื้นที่โดยรอบในปี พ.ศ. ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
33923 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2554 (ครั้งที่ 135) | พน | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๓๕) เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยที่ประชุม กพช. มีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบนโยบายการกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เสนอ และให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบการทบทวนการกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ (NG) และให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และ สนพ. รับไปดำเนินการศึกษาต้นทุนก๊าซมีเทน (C1) ที่ได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ และผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) แล้วนำกลับมาเสนอ กพช. ในการประชุมครั้งต่อไป ๓. สำหรับนโยบายการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ที่ประชุม กพช. มีมติ ดังนี้ ๓.๑ เห็นชอบให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซ LPG และราคาก๊าซ NGV ต่อไปอีก ๔ เดือน (มีนาคม - มิถุนายน ๒๕๕๔) และให้คงอัตราเงินชดเชยก๊าซ NGV จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลงในอัตรา ๒ บาทต่อกิโลกรัม ต่อไปอีก ๔ เดือน (มีนาคม - มิถุนายน ๒๕๕๔) รวมทั้งให้ยกเลิกการกำหนดเพดานราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่ ๑๐.๓๔ บาทต่อกิโลกรัม ๓.๒ ให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมรับไปจัดทำมาตรการและแนวทางช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมแก้ว กระจกและเซรามิค และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในกรณีที่รัฐมีนโยบายให้ทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ในภาคอุตสาหกรรม และให้นำกลับมาเสนอ กพช. ในการประชุมครั้งต่อไป ๓.๓ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปจัดทำโครงสร้างภาษีรถยนต์และแนวทางการจัดเก็บภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ที่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงเพื่อเป็นการชะลอการใช้ก๊าซ LPG ในภาคขนส่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
33924 | การกำหนดมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปี 2553/54 และการชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 ช่วงวันที่ 1 - 7 มีนาคม 2553 | พณ | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบ หลักเกณฑ์ และวิธีดำเนินการมาตรการโครงการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปี ๒๕๕๓/๕๔ โดยให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับการดำเนินการในปี ๒๕๕๒/๒๕๕๓ ซึ่งมีโครงการที่เสนอขอความเห็นชอบ ๕ โครงการ ได้แก่ โครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี ๒๕๕๓/๕๔ โครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก โครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว โครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกรเพื่อรอการจำหน่าย ปีการผลิต ๒๕๕๓/๕๔ และโครงการผลักดันการส่งออกข้าว ปี ๒๕๕๔ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นที่จะต้องขอใช้งบประมาณให้ดำเนินการเสนอ กขช. เป็นกรณีไป ๒. อนุมัติการชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ ช่วงวันที่ ๑ - ๗ มีนาคม ๒๕๕๓ โดยให้ปรับเปลี่ยนการคำนวณเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้ฯ จากเดิมที่ใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง ๑๕ วัน เป็นการใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง ๗ วันแทน และให้จ่ายเงินชดเชยเพิ่มเติมให้เกษตรกรที่ใช้สิทธิในช่วงดังกล่าวเฉพาะข้าวเปลือกเจ้า ๕% ปริมาณข้าวเปลือก ๒๓,๐๐๐ ตัน เป็นเงินจำนวน ๒.๗๐ ล้านบาท |
|||||||||||||||||||||||||||
33925 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศลิเบีย | รง | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้จัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลืออพยพแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศลิเบีย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้กระทรวงแรงงานตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเกี่ยวกับแหล่งเงินงบประมาณและรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากไม่สามารถเจียดจ่ายจากแหล่งเงินงบประมาณอื่นได้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
33926 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 | กค | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๘๔๑ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๘๖ โครงการ วงเงิน ๑๑,๓๐๕.๙๐ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๙๕๕ โครงการ วงเงิน ๓๓๘,๖๕๔.๕๔ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๖๕๔ โครงการ วงเงิน ๑๓,๙๕๙.๙๓ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๑๖๔ โครงการ วงเงิน ๔,๙๑๒.๓๖ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๔๙๐ โครงการ วงเงิน ๙,๐๔๗.๕๗ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๓๐๑ โครงการ วงเงิน ๓๒๔,๖๙๔.๖๑ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๓๐๑ โครงการ วงเงิน ๓๑๔,๓๒๔.๒๘ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๖๓๔ โครงการ วงเงิน ๔๘,๘๙๗.๒๓ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๑๒,๒๙๘ โครงการ วงเงิน ๑๒๗,๔๐๖.๑๔ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๓๖๙ โครงการ วงเงิน ๑๓๘,๐๒๐.๙๑ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๗,๖๖๗ โครงการ วงเงิน ๒๖๕,๔๒๗.๐๕ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
33927 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2554 (ครั้งที่ 8) | กษ | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๘) เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน และการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ๑๒๐,๐๐๐ ตัน ดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน และการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ๑๒๐,๐๐๐ ตัน ที่ประชุมมีมติ ดังนี้ ๑.๑ ให้คงมติการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไข (Crude Palm Olein) ๑๒๐,๐๐๐ ตัน ตามที่ กนป. ได้มีมติเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ แต่พิจารณานำเข้าเป็นงวด ๆ ตามสถานการณ์ในจำนวนที่ กนป. เห็นสมควร ๑.๒ การนำเข้าน้ำมันปาล์มงวดแรกให้นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไข ๓๐,๐๐๐ ตัน โดยให้โรงกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์เป็นผู้นำเข้า องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้กำกับ ควบคุม ๑.๓ ให้สมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มร่วมมือจัดส่งน้ำมันปาล์มดิบปริมาณ ๑๐,๐๐๐ ตัน ให้โรงกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในราคา ๔๔.๗๕ บาทต่อกิโลกรัม และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลปาล์มน้ำมันในราคาขั้นต่ำกิโลกรัมละ ๗.๐๐ บาท ๑.๔ ให้โรงงานผลิตไบโอดีเซลจัดสรรน้ำมันปาล์มดิบให้โรงกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ยืมเป็นการชั่วคราวปริมาณ ๕,๐๐๐ ตัน แล้วดำเนินการเช่นเดียวกับน้ำมันปาล์ม ๑๐,๐๐๐ ตัน ๑.๕ กำหนดราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ลิตรละ ๔๗.๐๐ บาท ทั้งชนิดบรรจุขวด ปี๊บ และถุง ทั้งนี้ ภาครัฐจะชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนการผลิตและราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ โดยน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มนำเข้าปริมาณ ๓๐,๐๐๐ ตัน ชดเชยลิตรละ ๕.๐๐ บาท ส่วนน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ ๑๕,๐๐๐ ตัน ชดเชยลิตรละ ๙.๕๐ บาท ๒. สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไข (Crude Palm Olein) งวดแรกจำนวน ๓๐,๐๐๐ ตัน ตามมติ กนป. เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ผลการประมูลจัดซื้อเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ปรากฏว่าบริษัท Wilmar Trading Pte.Ltd. เสนอราคาขายต่ำสุดที่ตันละ ๑,๒๕๘ ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน หรือกิโลกรัมละ ๓๘.๖๔ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๓๐.๗๒ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) ดังนั้น การชดเชยจึงปรับลดลงเหลือลิตรละ ๓.๒๐ บาท คิดเป็นวงเงิน ๗๒.๓๒ ล้านบาท (น้ำมันบริสุทธิ์ ๒๒.๖ ล้านลิตร x ๓.๒๐ บาทต่อลิตร)
|
|||||||||||||||||||||||||||
33928 | การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำมันพืชขาดแคลน | พณ | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความคืบหน้าการดำเนินการบริหารการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไข (Crude Palm Olein : CPO) ตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) สรุปได้ ดังนี้
๑. การบริหารการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไข ๓๐,๐๐๐ ตัน ตามมติ กนป. เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๔ ผลการดำเนินการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้จัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบแยกไขจากมาเลเซียในวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๔ ในราคา CIF กก.ละ ๓๙.๕๗ บาท (๑,๒๘๙ USD/ตัน อัตราแลกเปลี่ยน ๓๐.๗๐ บาท/USD) ซึ่งสูงกว่าต้นทุนที่ใช้คำนวณราคาขายปลีก (กก.ละ ๓๖.๕๑ บาท) โดยขอให้ผู้ประกอบการรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กก.ละ ๓ บาท (๓๙.๕๗ - ๓๖.๕๑ บาท) เป็นเงินประมาณ ๙๐ ล้านบาท และจากที่ อคส. ได้จัดสรรน้ำมันปาล์มให้สมาชิกโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม จำนวน ๑๐ ราย ผลิตบรรจุขวดฝาจุกสีฟ้า (กรณีบรรจุถุงให้ขายลิตรละ ๔๕ บาท) และกรมการค้าภายในได้กำหนดช่องทางการจำหน่ายผ่านช่องทางห้างค้าปลีกร้อยละ ๖๕ ผ่านโชวห่วย (ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว) ร้อยละ ๒๐ และผ่านสำนักงานการค้าภายในจังหวัดร้อยละ ๑๕ โดยมีการกระจายจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ นั้น ได้มีการปรับแผนการจำหน่ายน้ำมันปาล์มที่เหลือประมาณ ๙.๖ ล้านลิตร โดยกระจายผ่านห้างค้าปลีกค้าส่งร้อยละ ๔๐ ตลาดสดในความส่งเสริมของกรมกาค้าภายในและแหล่งชุมชนร้อยละ ๒๐ และผ่านสำนักงานการค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศเพื่อจำหน่าย ณ ศาลากลางจังหวัดและแหล่งชุมชน ร้อยละ ๔๐ ๒. การบริหารการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไข ๓๐,๐๐๐ ตัน ตามมติ กนป. เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ผลการดำเนินการ อคส. ได้จัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบแยกไขจากมาเลเซีย ๓๐,๐๐๐ ตัน ในราคา CIF ๑,๒๕๘ USD/ตัน อัตราแลกเปลี่ยน ๓๐.๗๒ บาท/USD ส่งมอบวันที่ ๓ และ ๗ มีนาคม ๒๕๕๔ ซึ่งจากการที่ราคานำเข้าลดลง ทำให้จำนวนเงินชดเชยลดลงเหลือประมาณลิตรละ ๓ บาท จากจำนวนการนำเข้าดังกล่าวจะผลิตน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์เพื่อบริโภคประมาณ ๒๒.๖๐ ล้านลิตร ซึ่งเมื่อนำเข้าแล้วจะเร่งให้เข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์เพื่อบริโภคโดยเร็วต่อไป สำหรับการผลิตและการจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มงวดที่ ๒ กรมการค้าภายในได้หารือกับสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจ่ายเงินชดเชยน้ำมันพืชปาล์ม และการกระจายจำหน่าย โดยเห็นควรให้ผลิตน้ำมันพืชทั้งชนิดขวด ถุง ปี๊บ ที่ภาชนะบรรจุมีสัญลักษณ์สีชมพู โดยให้โรงกลั่นน้ำมันปาล์มที่ผลิตน้ำมันพืชปาล์ม (สีฟ้า) เสร็จสิ้นแล้ว ให้เริ่มผลิตน้ำมันพืชปาล์ม (สีชมพู) ต่อไปได้ทันที โดยให้นำน้ำมันปาล์มดิบในสต็อกมาผลิตก่อน เพื่อจะออกสู่ตลาดได้ครั้งแรกในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ส่วนภาคอุตสาหกรรมให้จำหน่ายไปตามช่องทางการค้าปกติที่ปฏิบัติอยู่
|
|||||||||||||||||||||||||||
33929 | การแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน | พน | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานว่า ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๘) เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ที่ให้โรงงานผลิตไบโอดีเซลนำน้ำมันปาล์มดิบแยกไข (Crude Palm Olein : CPO) ในสต็อคส่งให้โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์เป็นการขอยืมเพื่อใช้ผลิตเป็นน้ำมันพืชปาล์มก่อนเป็นการชั่วคราวปริมาณ ๕,๐๐๐ ตัน และได้กล่าวอ้างว่า โรงงานผลิตไบโอดีเซลมีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบไม่เพียงพอที่จะให้สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มยืมตามจำนวนดังกล่าว นั้น เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงและไม่ถูกต้อง ผู้ผลิตไบโอดีเซลมีปริมาณน้ำมันปาล์มเพียงพอที่จะให้ยืมได้ตามจำนวน ๕,๐๐๐ ตัน ตามที่ได้แจ้งต่อที่ประชุม กนป. แต่จากการพิจารณาร่วมกับบริษัทผู้ผลิตไบโอดีเซลและผู้ค้านำมัน ตามมาตรา ๗ ในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ได้ข้อสรุปว่า วิธีการให้ยืมปริมาณน้ำมันปาล์มโดยตรงจะส่งผลกระทบให้เกิดผลต่างด้านราคาของราคา CPO ในระหว่างวันที่ที่ให้ยืมกับช่วงที่จะส่งคืน จึงได้ปรับปรุงวิธีการเป็นการหยุดรับซื้อ CPO ในระหว่างวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ - ๗ มีนาคม ๒๕๕๔ เป็นการชั่วคราว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีผลให้ปริมาณ CPO สามารถเข้าสู่ตลาดบริโภครวมประมาณ ๑๕,๐๐๐ ตัน และสามารถแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่า
|
|||||||||||||||||||||||||||
33930 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว (จำนวน 4 ท่าน 1. นายสืบยศ ใบแย้ม ฯลฯ) | รง | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน ๔ คน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ๒. นายสมชัย ตัณมานะศิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านการอุตสาหกรรม ๓. นายสืบยศ ใบแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการอุตสาหกรรม ๔. นายสุภัท กุขุน ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
33931 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 9 ราย 1. นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ฯลฯ) | ทส | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ชุดใหม่ จำนวน ๙ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานกรรมการ ๒. นายสมชัย อภิวัฒนพร กรรมการ ๓. นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา กรรมการ ๔. นายบุญนำ นิกรเทศ กรรมการ ๕. นายสุวิทย์ วิชชาวุธ กรรมการ ๖. นายวรสิทธิ์ เติมจิตรอารีย์ กรรมการ ๗. นายอำนาจ เดชะ กรรมการ ๘. ร้อยตรี กฤษฎา การุญ กรรมการ ๙. นางอุไร ร่มโพธิหยก กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
33932 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๓ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๑๑ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๑๒ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอบัญญัติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกเสนอญัตติอภิปรายพร้อมชี้แจงในสัปดาห์หน้า
|
|||||||||||||||||||||||||||
33933 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การพ้นจากราชการของทหารผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนในพระองค์ สมุหราชองครักษ์ และรองสมุหราชองครักษ์ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33934 | ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล | นร | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกเสนอญัตติอภิปรายพร้อมชี้แจงในสัปดาห์หน้า
|
|||||||||||||||||||||||||||
33935 | ขออนุมัติหลักการแผนปฏิบัติการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพของประเทศ | กก | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพของประเทศ โดยสาระสำคัญของแผนปฏิบัติการฯ เป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีศักยภาพครอบคลุมพื้นที่ ๘ กลุ่มท่องเที่ยวทั่วประเทศ จำนวน ๓๘๕ โครงการ ในระยะเวลา ๓ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗) และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยการพัฒนา/ปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงภูมิทัศน์และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการ การพัฒนาบุคลากรในแหล่งท่องเที่ยว การดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานเจ้าของแหล่งท่องเที่ยวและชุมชน ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการพัฒนาและอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและประเพณีให้คงความยั่งยืน และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กรมการท่องเที่ยว) เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินงานตามแผนโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติมักจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองด้วยระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากจะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พัฒนาการท่องเที่ยวให้สัมฤทธิ์ผลจำเป็นต้องมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม และการนำเรื่องการลดมลภาวะโลกร้อนมาจัดทำแผนการพัฒนาท่องเที่ยวโลกสีเขียว โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ รวมทั้งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ โดยสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เกษียณอายุทั้งในประเทศและนอกประเทศให้มาเข้าร่วมกิจกรรมโดยมีการเดินทางพร้อมอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อเพิ่มฐานตลาดกลุ่มเป้าหมายจากต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น และการจัดลำดับความสำคัญก่อน - หลังของประเด็นยุทธศาสตร์พัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อกระจายการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด พร้อมกับระบุบทบาทหน่วยงาน องค์กรผู้รับผิดชอบ และผู้ให้การสนับสนุนทั้งในส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ตลอดจนกรอบวงเงินลงทุนในแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ตามความจำเป็นเร่งด่วนในระยะสั้น และวางรากฐานการพัฒนาในระยะยาวบนพื้นฐานความเป็นไปได้ นอกจากนี้ เห็นควรปรับปรุงแผนปฏิบัติการฯ โดยเพิ่มเติมรายละเอียดของโครงการ พื้นที่ดำเนินการ งบประมาณ หน่วยงานรับผิดชอบ และตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ ให้มีความชัดเจนเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป และให้เสนอแผนปฏิบัติการฯ ให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา และให้หน่วยงานเร่งจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เสนอสำนักงบประมาณพิจารณาให้แล้วเสร็จทันตามปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินงานตามแผนฯ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและวิธีการดำเนินงานตามแนวทางในแต่ละโครงการเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
33936 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอและการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลหรือผู้ประกอบกิจการอู่เรือ พ.ศ. .... และ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดกิจการอย่างอื่นที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงหรือเป็นส่วนประกอบกับการพาณิชยนาวี พ.ศ. .... | คค | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอและการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลหรือผู้ประกอบกิจการอู่เรือ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจการขนส่งทางทะเล และผู้ประกอบกิจการอู่เรือที่ให้บริการต่อ ซ่อม หรือซ่อมบำรุงเรือที่มีขนาดตั้งแต่หกสิบตันกรอสขึ้นไป ยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลหรือผู้ประกอบกิจการอู่เรือ ตามแบบ พว. ๖ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ กรมเจ้าท่า หรือ ณ สถานที่อื่นที่อธิบดีกรมเจ้าท่าประกาศกำหนด ๑.๒ กำหนดเอกสารและหลักฐานในการยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการขนส่งทางทะเล ๑.๓ กำหนดเอกสารและหลักฐานในการยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการอู่เรือ ๑.๔ กำหนดให้เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำขอและเห็นว่ารายการที่แสดงในคำขอ เอกสารและหลักฐานประกอบคำขอถูกต้องครบถ้วนให้รับจดทะเบียนและออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่ผู้ขอจดทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลตามแบบ พว. ๗ และหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการอู่เรือตามแบบ พว. ๘ ๑.๕ กำหนดให้กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการซึ่งได้ยื่นตามคำขอจดทะเบียนไว้แล้ว ได้แก่ ชื่อที่ใช้ในการประกอบกิจการ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ที่ตั้งสำนักงานสาขา หรือที่ตั้งสถานประกอบกิจการ ให้ผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลหรือผู้ประกอบกิจการอู่เรือยื่นคำขอเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบ พว. ๙ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดกิจการอย่างอื่นที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงหรือเป็นส่วนประกอบกับการพาณิชยนาวี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดกิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงหรือที่เป็นส่วนประกอบกับการขนส่งทางทะเล ๒.๒ กำหนดประเภทกิจการที่เป็นส่วนประกอบกับการประกันภัยทางทะเล การเดินเรือ กิจการอู่เรือ และกิจการท่าเรือ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33937 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร (จำนวน 5 คน 1. นายเสริมเกียรติ วรดิษฐ์ ฯลฯ) | รง | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร จำนวน ๕ คน แทนกรรมการที่ลาออก ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้การแต่งตั้งมีผลไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มีนาคม ๒๕๕๔) ดังนี้
๑. นายเสริมเกียรติ วรดิษฐ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ๒. นายไกรจักร แก้วนิล ผู้เชียวชาญด้านแรงงาน ๓. นายสมเกียรติ กอไพศาล ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงาน ๔. พลตำรวจตรี รอย อิงคไพโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ๕. นายชูเกียรติ์ จันทร์ทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
33938 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) (นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์) | ทส | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33939 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินงานตามโครงการนำร่องแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรรายย่อยไทยเข้มแข็ง ภายใต้นโยบายกองทุนธนาคารที่ดิน | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้มีการดำเนินงานโครงการนำร่องแก้ไขปัญหาที่ดินของเกษตรกรรายย่อยไทยเข้มแข็ง ภายใต้นโยบายกองทุนธนาคารที่ดิน สำหรับใช้ในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนองค์กรชุมชนที่มีปัญหาเร่งด่วน ๕ พื้นที่ โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามโครงการฯ วงเงิน ๑๖๗,๙๖๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้คณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยดำเนินการจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งหลักเกณฑ์ในการจัดซื้อที่ดินและหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามโครงการฯ ส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้มีการจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
33940 | การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งรับไปประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาดำเนินการโดยด่วนต่อไป
|
.....