ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1555 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31081 - 31100 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31081 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฏร | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๕ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๘ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๕ และครั้งที่ ๒๙ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๕ ๒. สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31082 | ร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันอังคารที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31083 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. .... | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณชุมชน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้มีสภาการสาธารณสุขชุมชนเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการส่งเสริมการศึกษาวิจัยและการประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน การควบคุมกำกับและกำหนดมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน และการควบคุมดูแลความประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน การช่วยเหลือ แนะนำและเผยแพร่ในเรื่องที่เกี่ยวกับสาธารณสุขชุมชน และการให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน รวมทั้งการส่งเสริมและผดุงรักษาไว้ซึ่งความสามัคคี สิทธิ ความเป็นธรรม และสวัสดิการของสมาชิกสภาสาธารณสุขชุมชน รวมทั้งเป็นตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนของประเทศไทย ๑.๒ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิกสภาการสาธารณสุขชุมชน และกำหนดสิทธิและหน้าที่ของสมาชิกสภาการสาธารณสุขชุมชน ได้แก่ ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน แสดงความเห็นเป็นหนังสือเกี่ยวกับกิจการของสภาการสาธารณสุขชุมชนต่อคณะกรรมกรรสภาการสาธารณสุขชุมชน รวมทั้งเลือก รับเลือกตั้ง หรือรับแต่งตั้งเป็นกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชน ๑.๓ กำหนดให้มีคณะกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชน ประกอบด้วย กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและนายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข กรรมการซึ่งมาจากการเลือกกันเองของคณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ หรือหัวหน้าภาควิชาที่ผลิตบัณฑิตด้านการสาธารณสุขในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนจากสถาบันพระบรมราชชนกหนึ่งคน กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนจากแพทยสภา สภาเภสัชกรรม และสภาการพยาบาล กรรมการซึ่งมาจากการเลือกกันเองของผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรรมการซึ่งมาจากการเลือกกันเองขององค์กรเอกชนที่ดำเนินการโดยมิใช่เป็นการหาผลกำไรซึ่งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิกสภาการสาธารณสุข ๑.๔ กำหนดกระบวนการกล่าวหาผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนที่ประพฤติผิดข้อจำกัด เงื่อนไข และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน โดยกำหนดให้ผู้มีสิทธิในการกล่าวหา ได้แก่ บุคคลซึ่งได้รับความเสียหายเพราะการประพฤติผิดของผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน บุคคลอื่น และกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชน และให้บุคคลดังกล่าวยื่นหรือแจ้งเรื่องกล่าวหาต่อสภาการสาธารณสุขชุมชน ๑.๕ กำหนดให้คณะกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชนมีอำนาจหน้าที่บริหารและดำเนินกิจการสภาการสาธารณสุขชุมชน แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ กำหนดแผนการดำเนินงานและงบประมาณของสภาการสาธารณสุขชุมชน และออกข้อบังคับสภาการสาธารณสุขชุมชนในเรื่องต่างๆ ๑.๖ กำหนดโทษอาญาสำหรับกรณีของบุคคลที่ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสภาการสาธารณสุขชุมชน กรณีของผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนที่ทำการประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนในระหว่างถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กรณีบุคคลที่สมาชิกภาพแห่งสภาการสาธารณสุขชุมชนสิ้นสุดลงแต่ไม่ส่งคืนใบอนุญาตต่อเลขาธิการสภาการสาธารณสุขชุมชน กรณีบุคคลที่ไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ และบุคคลที่ไม่มาให้ถ้อยคำหรือไม่ส่งเอกสาร หรือวัตถุใด ๆ ตามที่คณะอนุกรรมการจรรยาบรรณและคณะอนุกรรมการสอบสวนเรียกหรือแจ้งให้ส่ง ๑.๗ กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชน คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของนายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุขชุมชน และการประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ๒. ให้แก้ไขร่างมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. .... โดยเพิ่มความวรรคสองเป็น “เงินอุดหนุนตาม (๑) ให้เสนอตั้งไว้ตามความจำเป็นในงบประมาณรายจ่ายของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข” ตามความเห็นของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31084 | มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี วันอังคารที่ 17 เมษายน 2555 | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีภารกิจต้องเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนตั้งแต่วันอังคารที่ ๑๗ ถึงวันศุกร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ นายกรัฐมนตรีจึงได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ซึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๕ แทน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31085 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๖๔ หน่วยงาน เป็นเงิน ๑๑๖,๑๓๙.๓๑๙ ล้านบาท มีการจัดสรรเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายสะสม ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๕๕,๙๖๐.๔๙๕ ล้านบาท เปรียบเทียบกับแผนฯ ณ วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๕๖,๒๖๒.๐๕๗ ล้านบาท ลดลง ๓๐๑.๕๖๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๕๔ เนื่องจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในบางส่วน ๑.๒ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการแล้วมีการเบิกจ่ายสะสม ณ วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๔๒,๗๒๘.๖๕๙ ล้านบาท เปรียบเทียบกับผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๓๙,๖๙๔.๙๐๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๓,๐๓๓.๗๕๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗.๖๔ ๑.๓ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจลงนามในสัญญาแล้ว เป็นเงิน ๖๓,๒๐๖.๔๐๔ ล้านบาท (ร้อยละ ๕๔.๔๒ ของวงเงินจัดสรร) เพิ่มขึ้น ๑๓,๖๙๔.๙๘๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๗.๖๖ และยังไม่ลงนามในสัญญา เป็นเงิน ๕๒,๙๓๒.๙๑๕ ล้านบาท (ร้อยละ ๔๕.๕๘ ของวงเงินจัดสรร) ลดลง ๑๒,๗๐๕.๖๓๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๓๖ เนื่องจากมีการทำสัญญาเพิ่มเติม แต่ส่วนราชการยังไม่มีการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ๒. สถานการณ์เบิกจ่าย จำแนกออกเป็น ๓ กลุ่ม ดังนี้ ๒.๑ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยังไม่เบิกจ่าย ประกอบด้วย (๑) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยังไม่เบิกจ่ายเนื่องจากยังไม่ถึงกำหนดการใช้จ่ายตามแผนฯ จำนวน ๑๑ หน่วยงาน วงเงินจัดสรร ๓,๗๒๖.๖๕๔ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว ๓ หน่วยงาน เป็นเงิน ๒๒๗.๘๐๗ ล้านบาท (๒) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ถึงกำหนดการใช้จ่ายตามแผนฯ แล้ว แต่ยังไม่มีการเบิกจ่าย จำนวน ๘ หน่วยงาน วงเงินจัดสรร ๒,๖๘๖.๘๘๑ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว ๓ หน่วยงาน เป็นเงิน ๑,๓๑๘.๘๗๒ ล้านบาท ๒.๒ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายสะสมต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ เมื่อเปรียบเทียบกับแผนการใช้จ่ายสะสม ประกอบด้วย (๑) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายสะสมต่ำกว่าร้อยละ ๓๐ จำนวน ๑๕ หน่วยงาน วงเงินจัดสรร ๔๓,๖๓๓.๐๘๙ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว ๑๕ หน่วยงาน เป็นเงิน ๑๓,๒๖๔.๐๐๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๐.๔๐ ของวงเงินจัดสรร และมีผลการเบิกจ่ายเป็นเงิน ๒,๓๕๕.๖๑๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๔๓ ของแผนการใช้จ่ายสะสม (๒) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายสะสมระหว่างร้อยละ ๓๐ ถึง ๕๐ จำนวน ๑ หน่วยงาน วงเงินจัดสรร ๕,๔๐๒.๙๘๘ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว ๑ หน่วยงาน เป็นเงิน ๕,๒๐๓.๑๔๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๖.๓๐ ของวงเงินจัดสรร และมีผลการเบิกจ่ายเป็นเงิน ๒,๔๖๔.๐๖๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๘๙ ของแผนการใช้จ่ายสะสม และ (๓) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายสะสมระหว่างร้อยละ ๕๐ ถึง ๘๐ จำนวน ๘ ห่นวยงาน วงเงินจัดสรร ๕,๒๔๔.๓๘๔ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว ๘ หน่วยงาน เป็นเงิน ๒,๘๓๙.๔๔๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๔.๑๔ ของวงเงินจัดสรร และมีผลการเบิกจ่ายเป็นเงิน ๒,๔๖๔.๐๖๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๘๙ ของแผนการใช้จ่ายสะสม ๒.๓ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายสะสมสูงกว่าร้อยละ ๘๐ เมื่อเปรียบเทียบกับแผนฯ จำนวน ๒๑ หน่วยงาน วงเงินจัดสรร ๕๕,๔๔๕.๓๒๓ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว ๒๑ หน่วยงาน เป็นเงิน ๔๐.๓๕๓.๑๒๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๒.๗๘ ของวงเงินจัดสรร และมีผลการเบิกจ่ายเป็นเงิน ๓๗,๒๑๓.๙๐๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๐๑.๗๔ ของแผนการใช้จ่ายสะสม เนื่องจากบางหน่วยงานเบิกจ่ายก่อนแผนฯ ที่กำหนดไว้ ๓. ข้อเสนอ ๓.๑ กรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยังมิได้ดำเนินการหรือยังมิได้เบิกจ่ายหรือเบิกจ่ายล่าช้ากว่าแผนฯ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเร่งรัดส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง/ลงนามในสัญญา หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการเยียวยาฯ ได้อย่างเหมาะสม ๓.๒ กรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ลงนามในสัญญาแล้ว และมีวงเงินจัดซื้อจัดจ้างหรือวงเงินดำเนินการเองต่ำกว่าวงเงินที่ได้รับการจัดสรร ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการจัดสรรงบประมาณคืนสำนักงบประมาณโดยด่วนภายใน ๑๕ วันหลังจากทราบผลการจัดซื้อจัดจ้างหรือวงเงินดำเนินการเองตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลางรายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ) ๓.๓ หากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจยังไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในขั้นตอนการประกาศประกวดราคา หรือกรณีดำเนินการเองที่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติงานตามแผนฯ ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ ให้สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการดำเนินการโครงการอีกครั้ง ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลางรายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ) หากเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ของแผนงานตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้แจ้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจให้นำเสนอโครงการต่อคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เพื่อพิจารณาใช้จ่ายจากเงินกู้ดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31086 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย | อก | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ เมษายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31087 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดขอนแก่นและศาลอุทธรณ์ภาค 4 พร้อมอาคารชุดพักอาศัย 2 หลัง บ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดขอนแก่น และศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พร้อมอาคารชุดพักอาศัย ๒ หลัง บ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากวงเงิน ๕๐๙,๗๗๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๕๖๘,๔๑๗,๕๐๐ บาท โดยค่างานส่วนที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๕๘,๖๔๗,๕๐๐ บาท ให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับครุภัณฑ์ประกอบ จำนวน ๑๓,๐๔๗,๕๐๐ บาท ควรดำเนินการภายหลังการก่อสร้างอาคารเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยให้ใช้จ่ายจากค่าธรรมเนียมศาล ๒. เพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดขอนแก่น และศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พร้อมอาคารชุดพักอาศัย ๒ หลัง บ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากเดิม ๘,๘๗๗,๖๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๙,๙๐๓,๖๐๐ บาท โดยค่างานส่วนที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๑,๐๒๖,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๓. ขยายระยะเวลาผูกพันปีงบประมาณการก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างไปถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ในโอกาสต่อไปกรณีการก่อสร้างอาคารขอให้สำนักงานศาลยุติธรรมวางแผนการใช้พื้นที่อาคารในอนาคตให้เสร็จเรียบร้อยและเหมาะสมตามความจำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์ วงเงิน และระยะเวลาที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณก่อนดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31088 | ขออนุมัติการดำเนินงานโครงการเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ | กษ | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการดำเนินงานโครงการเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานเริ่มดำเนินการโครงการเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ระยะเวลาดำเนินการโครงการทั้งสิ้น ๘ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๒) วงเงินโครงการทั้งสิ้น ๑๓,๒๘๐.๔๔๕ ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นการดำเนินการสำรวจธรณี ปฐพีวิทยา สภาพภูมิประเทศ รังวัด ปักหลักเขต ซึ่งกรมชลประทานจะเจียดจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีมาใช้เพื่อดำเนินการตามความเหมาะสม ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ๑.๓ ให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมายและระยะเวลาที่กำหนด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนครบถ้วน เช่น แผนปฏิบัติการของโครงการ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่โครงการ การดำเนินการเกี่ยวกับมวลชน และแผนการเงินของโครงการ เป็นต้น แล้วนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) พิจารณาตามขั้นตอนตามนัยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน (กรมพัฒนาที่ดิน) เกี่ยวกับการดำเนินโครงการควรคำนึงถึงสภาพตามธรรมชาติและความเป็นจริงโดยรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจกับประชาชนผู้ที่ได้รับประโยชน์และผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการ การให้ความสำคัญกับการจัดทำและปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด การพิจารณาหาแนวทางให้มีการจ้างงานแรงงานในพื้นที่เพื่อให้แรงงานในพื้นที่มีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้น การจัดหาและบริหารแหล่งน้ำขนาดเล็กในระดับชุมชนภายในพื้นที่รับประโยชน์ของโครงการเพื่อรองรับน้ำหลากและเป็นแหล่งน้ำสำรอง การศึกษาสภาพทางธรณีวิทยาในพื้นที่โครงการโดยเฉพาะในเชิงลักษณะโครงสร้างทางธรณีวิทยาเพื่อเป็นข้อมูลในการออกแบบทางวิศวกรรมโยธา รวมทั้งการวางแผนป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพ คุณภาพชีวิต และทุนทางสังคม การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของโครงการ (Sensitivity Analysis) อันเนื่องมาจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนและผลประโยชน์ของโครงการในระยะยาวเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาความเหมาะสมโครงการ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดเตรียมความพร้อมของโครงการคู่ขนานกันไปได้ เช่น การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการศึกษาสำรวจด้านวิศวกรรม เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||
31089 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เรื่อง "และแล้วความจริงก็ปรากฏ" รายงานฉบับสังเขปผลการดำเนินงานในรอบ 3 ปี (พ.ศ. 2551 - 2553) | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เรื่อง "และแล้วความจริงก็ปรากฏ" รายงานฉบับสังเขปผลการดำเนินงานในรอบ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๓) พร้อมข้อเสนอแนะกับผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยผลการดำเนินการของส่วนราชการ มีดังนี้
๑. การศึกษาและตรวจสอบโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนบ้านกุ่ม กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้จัดทำบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นนโยบายของรัฐบาล โดยได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการเจรจาจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงการเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เพื่อให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของการที่จะพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฝายบ้านกุ่ม โดยได้ขออนุมัติและรายงานการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมาโดยลำดับ รวมทั้งได้เสนอให้มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบการกำกับดูแลการศึกษาด้วยแล้วอย่างน้อย ๓ ครั้ง โดยสาระของบันทึกความเข้าใจฯ เป็นเพียงการสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ของการที่จะพัฒนาโครงการ เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาของรัฐบาล โดยภาครัฐไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษา ทั้งนี้ หากผลการศึกษาปรากฏว่า โครงการไม่มีความเป็นไปได้หรือไม่คุ้มทุน ก็คงไม่มีการดำเนินการใดๆ อีก แต่หากโครงการมีความเป็นไปได้ รัฐบาลทั้งสองประเทศก็ยังต้องพิจารณาว่าจะดำเนินโครงการดังกล่าวหรือไม่ สำหรับประเด็นว่ากระทรวงการต่างประเทศได้เสนอร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยได้ระบุชื่อบริษัทเอกชน นั้น ทางรัฐบาลลาวเป็นผู้เสนอให้มีการกำหนดบริษัทเอกชนผู้ทำการศึกษา โดยพิจารณาว่าเป็นบริษัทที่ได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ ในลาวและมีผลประกอบการน่าเชื่อถือ แต่ในการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ตัดชื่อบริษัทออกจากร่างบันทึกความเข้าใจ สำหรับการเสนอเรื่องต่อคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ในฐานะผู้ให้คำปรึกษา (advisory body) ฝ่ายลาวได้แจ้งคณะกรรมการร่วมของ MRC กับประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ ๑๓ รับทราบเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำบนแม่น้ำโขงที่ลาวมีส่วนเกี่ยวข้อง ๘ แห่ง แล้ว ๒. การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ ๒.๑ การร้องเรียนกรณีการติดตามการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนกับภาคเอกชน เกี่ยวกับการตัดต้นสนในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถบริเวณหาดบ้านไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทั้งนี้ สถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย ได้แจ้งอุทยานแห่งชาติสิรินาถทราบ เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๔ ว่าพนักงานสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา ส่งให้พนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตเพื่อพิจารณาคดี ขณะนี้ยังมิได้รับแจ้งความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด ๒.๒ การร้องเรียนการอนุญาตสร้างท่าเทียบเรือสำราญกีฬาผิดกฎหมายและการดำเนินการก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต โครงการท่าเทียบเรือสำราญ (มารีน่า) และการอนุญาตสร้างท่าเทียบเรือสำราญกีฬาผิดกฎหมายและการดำเนินการก่อสร้างโครงการไม่เป็นไปตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งพบว่าประเด็นปัญหาการร้องเรียนเกี่ยวกับการบุกรุก ทำลาย ทรัพยากรทางทะเล เกิดจากราษฎรที่มีความยากจนไม่มีที่ทำกินเป็นของตนเองมีความต้องการใช้ประโยชน์จากที่ดินชายฝั่ง หรือพื้นที่ป่าชายเลน ประกอบกับนายทุน หรือผู้อิทธิพลทางการเมืองที่ต้องการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งป่าชายเลน มีการอาศัยช่องว่างของกฎหมาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อผลประโยชน์ให้แก่นายทุนหรือผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในการเข้าครอบครอง สำหรับกรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่นั้น ได้ดำเนินการทางวินัยตามระเบียบ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๓. สภาพปัญหาการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ ๓.๑ การร้องเรียนขอรายงานความจริงขอเรียกร้องและสนับสนุนโครงการจัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์ เกาะระ จังหวัดระนอง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยสำนักอุทยานแห่งชาติได้เข้าร่วมประชุมกับคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบการทุจริตในคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้สรุปข้อคิดเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่สมควรประกาศจัดตั้งเป็นสวนพฤกษศาสตร์ ๓.๒ การร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีที่ นายชาติชาย จันทร์ใส ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบข้าราชการบุกรุก ยึดถือครอบครอง และซื้อขายที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ จากการตรวจสอบแผนที่เห็นว่าพื้นที่ที่มีการร้องเรียนอยู่ในท้องที่อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ยังมีปัญหาและยังไม่ได้รับการแก้ไขอันเป็นข้อยุติต่างจากพื้นที่ด้านอื่นของอุทยานฯ ที่พื้นที่ส่วนใหญ่ติดกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไม่อยู่ใกล้ชุมชนหรือที่ทำกินของราษฎร และจากการสอบถามผู้นำชุมชนในพื้นที่ได้รับการยืนยันไม่เคยพบเห็น หรือทราบว่ามีข้าราชการ หรือบุคคลจากต่างพื้นที่เข้าไปบุกรุกยึดครอบครอง หรือซื้อขายที่ดินในเขตอุทยานดังกล่าว ๓.๓ การร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการตัดไม้ทำลายป่า การแผ้วถางป่า การดำเนินการและการเข้าครอบครองการใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณะประโยชน์ ตำบลหนองโน ของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม กรมป่าไม้ได้สั่งการให้ส่วนราชการซึ่งกำกับดูแลพื้นที่ทำการตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบตามข้อร้องเรียน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31090 | ขออนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์โอนเงินชดเชยตามมติคณะรัฐมนตรีให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์โอนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี แผนงบประมาณขจัดความยากจนและพัฒนาชนบท ผลผลิตสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรรับการจดทะเบียนจัดตั้งและส่งเสริม งบรายจ่ายอื่น รายการค่าชดเชยให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่คงเหลืออยู่ ณ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรเกี่ยวกับการซื้อทรัพย์สินจากเจ้าหนี้หรือบุคคลภายนอก เพื่อแก้ไขปัญหาของเกษตรกรที่ถูกขายทอดตลาดทรัพย์สิน บรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) ประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเสนอ ๒. ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่คงเหลืออยู่ดังกล่าว ให้เป็นไปตามระเบียบของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตรวจสอบว่าการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวเป็นกรณีที่ได้รับความเสียหายจริงและไม่ซ้ำซ้อนกับความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น โดยพิจารณาถึงประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ และควรเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้ได้ทันตามเป้าหมายอย่างมีความโปร่งใส เพื่อให้เกษตรกรสามารถกลับมาฟื้นฟูอาชีพและสร้างความมั่นคงด้านรายได้และคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
31091 | โครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 3 (ปี 2556 - 2560) | กษ | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ ๓ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐) เพื่อให้บุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการวิจัยในสาขาวิชาต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อภารกิจขององค์กร และสามารถใช้ทักษะภาษาอังกฤษเชิงวิชาการอย่างมีประสิทธิภาพ จำนวน ๕๐ คน ภายในระยะเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐) แบ่งเป็นระดับปริญญาโท จำนวน ๒๕ คน และระดับปริญญาเอก จำนวน ๒๕ คน สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ได้กำหนดการจัดสรรทุนในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐ จำนวน ๕๐ ทุน แบ่งเป็นทุนระดับปริญญาโท ๒๕ ทุน ๆ ละ ๘๘๔,๐๐๐ บาท รวม ๒๒,๑๐๐,๐๐๐ บาท และทุนระดับปริญญาเอก จำนวน ๒๕ ทุน ๆ ละ ๑,๓๔๔,๐๐๐ บาท รวม ๓๓,๖๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๕๕,๗๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยที่เห็นควรมีการกระจายการผลิตบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการเกษตรในพื้นที่นั้น ๆ โดยอาจให้สถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ดำเนินการร่วมกันในรูปแบบเครือข่าย (Consortium) และการขยายขอบเขตการดำเนินงานให้สถาบันอุดมศึกษาและสถาบันวิจัย เช่น หน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านการวิจัยให้กับบุคลากรผู้รับทุน รวมทั้งควรมีกลไกส่งเสริมให้ผู้สำเร็จการศึกษาได้ทำวิจัยอย่างจริงจังหลังสำเร็จการศึกษา มีการวิเคราะห์ให้เห็นภาพรวมของปริมาณบุคลากรที่มีความขาดแคลนในแต่ละสาขาที่จะศึกษาต่อและปริมาณบุคลากรทั้งหมดที่ต้องการพัฒนาเพื่อทดแทนบุคลากรเดิมที่จะเกษียณอายุราชการ และพิจารณาแนวทางสนับสนุนการศึกษาในสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ในประเทศ ที่มีการจัดการศึกษาในหลักสูตรนานาชาติในสาขาที่มีความต้องการ นอกจากนี้ ควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ การพิจารณาเปิดกว้างไปยังสถาบันการศึกษาอื่น ๆ และมีการบูรณาการในการพัฒนาบุคลากรของภาคราชการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
31092 | ขอความเห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์การซื้อทรัพย์สินของเกษตรกรคืนจากเจ้าหนี้หรือบุคคลภายนอกที่ซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาด (NPA) | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การซื้อทรัพย์สินของเกษตรกรคืนจากเจ้าหนี้หรือบุคคลภายนอกที่ซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาด (Non Performing Asset : NPA) ที่คณะรัฐมนตรีมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) ประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ใช้งบประมาณที่เหลือจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติจัดสรรให้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๒ ไปซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non Performance Loan : NPL) ที่รวมอยู่ในหนี้ NPA ได้ด้วย ๑.๒ เห็นชอบรายชื่อเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่เป็นหนี้ NPA เพิ่มเติมจำนวน ๒,๘๙๔ ราย มูลหนี้จำนวน ๑,๕๕๒,๓๔๘,๕๖๒.๑๕ บาท โดยให้ใช้งบประมาณที่เหลือหรือได้รับจัดสรรประจำปีไปดำเนินการตามหลักเกณฑ์การซื้อทรัพย์สินของเกษตรกรคืนจากเจ้าหนี้หรือบุคคลภายนอกที่ซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดที่ปรับปรุงใหม่ ๑.๓ เห็นชอบให้นำงบประมาณที่เหลือจากข้อ ๑.๑ และงบประมาณที่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรได้รับจัดสรรประจำปีไปซื้อหนี้ NPA ที่ตรวจพบเพิ่มเติมในภายหลังที่ไม่ใช่เกษตรกรในข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงใหม่ โดยให้เสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรก่อนจึงดำเนินการได้ ๑.๔ เมื่อกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ใช้งบประมาณที่ได้รับจัดสรรดังกล่าวและงบประมาณที่ได้รับจัดสรรประจำปีไปดำเนินการตามข้อ ๑.๑ ข้อ ๑.๒ และข้อ ๑.๓ แล้ว หากงบประมาณไม่เพียงพอ ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีมาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรแล้ว ให้สอดคล้องเหมาะสมกับวิถีชีวิตของเกษตรกรและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นควบคู่ไปกับการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลการแก้ไขปัญหาหนี้สินและการรักษาที่ดินเพื่อการเกษตรให้สามารถเป็นฐานสำหรับการพัฒนาอาชีพเกษตรกรได้อย่างมั่นคงต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
31093 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร (นักบริหารระดับสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31094 | การเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย | ยธ | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย จำนวน ๖ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์พิเศษชัยเกษม นิติสิริ ประธานกรรมการ ๒. คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายรอยล จิตรดอน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. คุณหญิงลักษณาจันทร เลาหพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายวิทยา สุริยะวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. ศาสตราจารย์สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31095 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.) | มท | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.) จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ เมษายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นางเลื่อมใส ใจแจ้ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานท้องถิ่น ๒. นายปรีชา วัชราภัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานบุคคล ๓. นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านระบบราชการ ๔. นายไพฑูรย์ บุญวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารและการจัดการ ๕. นายวิจิตร วิชัยสาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31096 | การปรับปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ในขั้นตอนลำดับที่ ๖ - ขั้นตอนลำดับที่ ๑๐ คือ การนำเสนอรายละเอียดงบประมาณ และการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณ เพื่อปรับระยะเวลาการปฏิบัติงานของผู้ที่เกี่ยวข้องให้มีการดำเนินงานที่เหมาะสมยิ่งขึ้น สำหรับขั้นตอนลำดับที่ ๑๑ - ขั้นตอนลำดับที่ ๑๗ คือ การพิจารณาให้ความเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณ การนำเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และการพิจารณาอนุมัติงบประมาณของฝ่ายนิติบัญญัติ ยังคงเป็นไปตามกำหนดระยะเวลาเช่นเดียวกับปฏิทินงบประมาณเดิม ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31097 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปทุมธานี เขตเลือกตั้งที่ 5 แทนตำแหน่งที่ว่าง | ลต | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณกรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานี เขตเลือกตั้งที่ ๕ แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาใช่จายจากเงินรายได้ โดยการปรับแผนการมใช้จ่ายเงินอุดหนุนที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐ และหากพิจารณาตรวจสอบแล้วมีไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31098 | การบริจาคเงินสมทบกองทุนสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา | ยธ | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบกลางเพื่อการจ่ายเงินสมทบแก่กองทุนด้านอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (United Nations Crime Prevention and Criminal Justice Fund CPCJ Fund) ทั้งนี้ เพื่อให้ทันกับกำหนดการจัดประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยปัจจุบันระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๗ เมษายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ประกอบด้วย ๑.๑ เงินบริจาคซึ่งระบุวัตถุประสงค์เป็นการเฉพาะ (Specific Purpose Fund) เพื่อสนับสนุนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ (Technical Assistance) เพื่อส่งเสริมการอนุวัติข้อกำหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) ในกลุ่มประเทศอาเซียน จำนวน ๖,๓๖๐,๐๐๐ บาท หรือประมาณ ๒๐๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒ เงินซึ่งระบุวัตถุประสงค์เป็นการเฉพาะ เพื่อสนับสนุนการเผยแพร่และประยุกต์ใช้ “แม่แบบฉบับปรับปรุงว่าด้วยกลยุทธ์และมาตรการเชิงปฏิบัติในการขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงในงานด้านการป้องกันอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา (Updated Model Strategies and Practical Measures on the Elimination of Violence Against Women in the Field of Crime Prevention and Criminal Justice) จำนวน ๓,๑๘๐,๐๐๐ บาท หรือประมาณ ๑๐๒,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๓ เงินสนับสนุนทั่วไป (General - purpose funds) ซึ่งเป็นงบประมาณส่วนสำคัญที่สำนักงาน UNODC ใช้ในการบริหารจัดการการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ จำนวน ๓,๑๐๐,๐๐๐ บาท หรือประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๒,๖๔๐,๐๐๐ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31099 | ขออนุมัติการสำรองเงินงบประมาณ | นร | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๕ ที่ให้กระทรวงการคลังสำรองเงินงบประมาณ จำนวน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อใช้ในโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วนที่พร้อมจะดำเนินการแต่ยังขาดงบประมาณ ไปพลางก่อน ในช่วงที่โครงการเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ และรับทราบผลการลงพื้นที่และคำแนะนำในการติดตามความก้าวหน้าโครงการป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วนในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา (คลองพระพิมล คลองพระยาบรรลือ และคลองมหาชัย) เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๕ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยพร้อมคณะ ๒. ในส่วนของกรอบงบประมาณการดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วน ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๒๔๖ โครงการ งบประมาณ ๒๔,๘๒๘,๘๒๐,๕๐๐ บาท ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง อนุมัติกรอบงบประมาณแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน) อนุมัติไว้แล้ว นั้น ให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) โดยให้หน่วยงานขอรับจัดสรรเงินกู้จากสำนักงบประมาณ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการและใช้จ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป ๓. เห็นชอบให้เพิ่มผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง เป็นกรรมการใน กบอ. ด้วย ๔. การเสนอแผนงาน/โครงการเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยไปเพื่อ กบอ. พิจารณาในครั้งต่อ ๆ ไป ให้หน่วยงานเจ้าของแผนงาน/โครงการจัดส่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาให้ครบถ้วนชัดเจน และหาก กบอ. พิจารณาแล้วเห็นความจำเป็นที่จะต้องขอใช้จ่ายงบประมาณจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) ให้ กบอ. ระบุให้ชัดเจนไว้ในข้อเสนอเพื่อขอความเห็นชอบหรืออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การพิจารณาจัดสรรและการเบิกจ่ายเงินกู้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วต่อไป ๕. ให้สำนักงบประมาณจัดทำรายละเอียดขั้นตอนในการดำเนินการเสนอแผนงาน/โครงการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย รวมทั้งการขอจัดสรรและเบิกจ่ายเงินกู้ให้ชัดเจนและแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
31100 | การลงนามในความตกลงย่อย ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างทบวงกิจการทางมหาสมุทร (State Oceanic Administration) สาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าด้วยความร่วมมือทางด้านทะเล | ทส | 10/04/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงนามข้อตกลงย่อย Arrangement on Establishment of Thailand - China Joint Laboratory for Climate and Marine Ecosystem โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการลงนามของหน่วยงาน สถาบัน องค์กร ตามข้อ ๖ ความตกลงย่อย ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเทศไทย และทบวงกิจการทางมหาสมุทร (State Oceanic Administration) สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความตกลงย่อย ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างทบวงกิจการทางมหาสมุทร (State Oceanic Administration) สาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าด้วยความร่วมมือทางด้านทะเล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การเสนอเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ทั้งนี้ การลงนามในข้อตกลงย่อยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การทำความตกลงกับต่างประเทศ การทำอนุสัญญา และสนธิสัญญาต่าง ๆ) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป |
.....