ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1296 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 25901 - 25920 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25901 | ขอโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากแผนงานบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) และโครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒,๗๑๕.๓๐๖๒ ล้านบาท เป็น แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (งบเงินอุดหนุน) เงินอุดหนุนการให้บริการสาธารณะ (PSO) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒,๗๑๕.๓๐๖๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทบทวนมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ทั้งในส่วนของการโดยสารรถประจำทางและรถไฟให้เหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายที่มุ่งให้การช่วยเหลือโดยตรงแก่ผู้ใช้บริการที่มีรายได้น้อย และเป็นภาระงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยอาจพิจารณาการให้ความช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การออกบัตรโดยสารให้เฉพาะกลุ่มเป้าหมายเพื่อใช้บริการรถประจำทางและรถไฟโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นต้น และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25902 | ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตำรวจกองประจำการ) | ตช | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตำรวจกองประจำการ) ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฯ มาตรา ๕ (แก้ไขมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗) ที่กำหนดให้พลตำรวจกองประจำการเป็นข้าราชการตำรวจ ในขณะที่ทหารกองประจำการมิได้เป็นข้าราชการทหาร อาจเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล และมาตรา ๔ (เพิ่มมาตรา ๘/๑ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗) ที่กำหนดให้การเรียก การตรวจเลือก การยกเว้นและการปลดตำรวจกองประจำการตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำความตกลงกับกระทรวงกลาโหม นั้น ไม่สมควรกำหนดไว้ นอกจากนี้ การตรวจเลือกทหารกองเกินเป็นตำรวจกองประจำการในจังหวัดที่เรียกคนเป็นทหาร เมื่อกระทำรวมกับการตรวจเลือกคนเป็นทหารกองประจำการ ทำให้การคัดเลือกคนเป็นทหารกองประจำการและตำรวจกองประจำการมีจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้มีภาระด้านงบประมาณเพิ่มขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดอัตรากำลังของตำรวจกองประจำการและการบรรจุตำแหน่งตำรวจกองประจำการในพื้นที่ต่าง ๆ ควรพิจารณาและคำนึงถึงความเหมาะสมของภารกิจภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งความซ้ำซ้อนของอำนาจหน้าที่กับเจ้าหน้าที่ประเภทอื่น เช่น กองอาสารักษาดินแดน ด้วย ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงรับไปพิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับอาวุธประจำกายของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น รับไปพิจารณาเกี่ยวกับการมีอาวุธประจำกายให้เหมาะสมกับสถานะความรับผิดชอบ ภารกิจ และอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่แต่ละประเภทด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
25903 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 2/2557 | นร11 | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ องค์ประกอบผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยผู้แทนสมาชิกเอเปค จาก ๒๑ เขตเศรษฐกิจ โดยคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วยผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒ การประชุมกลุ่มเพื่อนประธาน ประกอบด้วย ๖ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนโยบายการแข่งขันและกฎหมาย กลุ่มนโยบายการแข่งขัน กลุ่มกฎหมายหุ้นส่วนบริษัทและบรรษัทภิบาล กลุ่มความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ กลุ่มธรรมาภิบาลภาครัฐ และกลุ่มการปฏิรูปกฎระเบียบ โดยแต่ละกลุ่มเพื่อนประธานได้มีการหารือถึงโครงการที่จัดในช่วงที่ผ่านมาตลอดจนแผนงานที่จะดำเนินการต่อไป ๑.๓ การจัดทำรายงานเศรษฐกิจเอเปคประจำปี ที่ประชุมฯ ได้กำหนดหัวข้อเรื่องแนวปฏิบัติที่ดีในการกำหนดกฎระเบียบ (Good Regulatory Practice : GRP) เป็นหัวข้อการจัดทำรายงานเศรษฐกิจเอเปคประจำปี ๒๕๕๗ และหัวข้อเรื่องสำหรับรายงานเศรษฐกิจเอเปคประจำปี ๒๕๕๘ คือ หัวข้อเกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้างและนวัตกรรม (Structural Reform and Innovation) ๑.๔ ยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ (APEC New Strategy for Structural Reform : ANSSR) ที่ประชุมฯ เห็นพ้องที่จะให้เสนอยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ให้ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคพิจารณา และเสนอต่อผู้นำเอเปคให้มีการจัดการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านปฏิรูปโครงสร้างครั้งที่สองในปี ๒๕๕๘ เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานในกรอบ ANSSR และกำหนดยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจหลังปี ๒๕๕๘ ๑.๕ การหารือระดับนโยบายเรื่องกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ครั้งที่ ๒ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปครายงานแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกับดักรายได้ปานกลางต่อที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ครั้งที่ ๓ และให้มีการหารือเรื่องกับดักรายได้ปานกลางในการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านปฏิรูปโครงสร้างครั้งที่ ๒ หากมีการจัดขึ้น และการจัดรายงานเศรษฐกิจเอเปคประจำปี ๒๕๕๘ ในประเด็นเกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้างและนวัตกรรม (Structural Reform and Innovation) จะเป็นกุญแจหลักที่จะทำให้ประเทศกำลังพัฒนาก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลังเอเปค (APEC Finance Ministers’ Meeting : APEC FMM) ครั้งที่ ๒๑ เมื่อวันที่ ๒๑-๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานว่า ได้มีการหารือใน ๔ ประเด็นหลัก สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ ภาวะเศรษฐกิจโลกและทิศทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ได้มีการหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมของหลายประเทศ โดยเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกมีแนวโน้มที่ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีความเสี่ยงขาลง (Downside risk) สูง ทำให้สมาชิกเอเปคต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นเพื่อรับมือกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น สำหรับภาคการเงินพบว่าธุรกิจ Non-bank เช่น ธุรกิจบัตรเครดิตมีปริมาณธุรกรรมมากขึ้น ดังนั้น แต่ละประเทศจึงควรกำกับดูแลเรื่องดังกล่าวให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนของประเทศไทยมีกฎหมายเพื่อการกำกับดูแลในเรื่องนี้ยังไม่เพียงพอ ๒.๒ ความร่วมมือด้านการลงทุนและระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แนวโน้มความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีมากขึ้น จึงมีประเด็นเกี่ยวกับการจัดสรรผลประโยชน์จากการลงทุนระหว่างกันให้มีความเหมาะสม และการปรับปรุงกฎหมายในด้านนี้เพิ่มเติมด้วย ๒.๓ การปฏิรูปนโยบายการคลังและภาษี ได้นำเสนอการดำเนินการของไทยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เช่น ภาษีมรดก ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้ขอความร่วมมือให้ไทยออกกฎหมายเกี่ยวกับความตกลงเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการปฏิบัติตาม Foreign Account Tax Compliance Act (ความตกลง FATCA) เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีในการโอนเงินระหว่างประเทศของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสัญชาติอเมริกัน ๒.๔ ธุรกิจ SMEs เป็นประเด็นที่ที่ประชุมฯ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากในบางประเทศมีขนาดของภาคธุรกิจ SMEs ถึงร้อยละ ๕๐ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ดังนั้น จึงต้องมีการสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยพัฒนาการให้บริการด้านการเงินเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
25904 | การแต่งตั้งประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงานและกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กระทรวงพลังงาน) (จำนวน 7 ราย) | พน | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงานและกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๕/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๗ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ประธานกรรมการ ๒. นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการ ๓. นางดวงมณี โกมารทัต กรรมการ ๔. นางปัจฉิมา ธนสันติ กรรมการ ๕. นายวัชระ คุณาวัฒนาวุฒิ กรรมการ ๖. นางสาววิไลพร ลิ่วเกษมศานต์ กรรมการ ๗. นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25905 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายโสภณ ธรรมรักษา) | กษ | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายโสภณ ธรรมรักษา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านควบคุมการก่อสร้าง) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25906 | ขอความเห็นชอบยกเลิกโครงการบ่มเพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจ (กองทุนตั้งตัวได้) วงเงิน 1,300,000,000 บาท และนำงบประมาณดังกล่าวไปดำเนินการตามกรอบแผนปฏิบัติการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2558 - 2559 | อื่นๆ | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการบ่มเพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจ (กองทุนตั้งตัวได้) วงเงิน ๑,๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่อยู่ภายใต้กองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และนำเงินงบประมาณจำนวนดังกล่าวไปดำเนินการตามมาตรการและแนวทางในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามกรอบแผนปฏิบัติการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ต่อไป ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการตรวจสอบภาระหนี้สินที่ผูกพันกองทุนด้วย และหากมีผู้ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกโครงการดังกล่าว ให้กำหนดมาตรการรองรับเพื่อแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเร่งรัดการดำเนินการให้การสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเริ่มต้นธุรกิจและเติบโตตามวงจรธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ทั้งนี้ ให้นำยุทธศาสตร์การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระยะเร่งด่วนปี ๒๕๕๘ ไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งให้เร่งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้แล้วเสร็จ และให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย ๓. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้แล้วเสร็จและสอดคล้องกับประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒๐/๒๕๕๗ เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๖๑/๒๕๕๗ และแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ลงวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25907 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนกันยายน 2557 | อก | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ มีค่า ๑๖๙.๒ เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ (๑๖๕.๐) ร้อยละ ๒.๖ แต่ลดลงจากเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ (๑๗๓.๙) ร้อยละ ๒.๗ โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ ได้แก่ Hard Disk Drive ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เสื้อผ้าสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เป็นต้น และอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องประดับเพชรพลอย น้ำตาล ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น ๑.๒ อัตราการใช้กำลังการผลิต ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ อยู่ที่ระดับร้อยละ ๖๐.๓ เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ (ร้อยละ ๖๐.๑) แต่ลดลงจากเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ (ร้อยละ ๖๓.๕) โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม Hard Disk Drive ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เยื่อกระดาษ กระดาษ และกระดาษแข็ง เม็ดพลาสติก เป็นต้น และอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ ได้แก่ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม อุปกรณ์ทางทัศนศาสตร์ ผลิตภัณฑ์ยาง เส้นใยสิ่งทอ เป็นต้น ๑.๓ เศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร การผลิตและส่งออกคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน เนื่องจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง และค่าเงินบาทที่ทรงตัวในระดับเดียวกันกับเดือนก่อน การจำหน่ายสินค้าในประเทศคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากความเชื่อมั่นเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นและประชาชนกลับมาจับจ่ายเพิ่มขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แนวโน้มการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๖๑ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๓๒ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกลุ่ม IC ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น และ HDD เริ่มกลับมาผลิตในประเทศมากขึ้น อุตสาหกรรมไฟฟ้าคาดว่าจะลดลงร้อยละ ๓.๘๑ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอตัวของการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรป อาเซียน และตะวันออกกลาง ๒. ในการรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมครั้งต่อไป ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาเปรียบเทียบกับภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้เห็นความแตกต่างและใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงภาวะเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๒ ปี ๒๕๕๗ และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗) ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำรายงานภาวะเศรษฐกิจรายเดือนของประเทศในภาพรวมในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย โดยให้ครอบคลุมถึงความเคลื่อนไหวของดัชนีเศรษฐกิจที่สำคัญด้านต่าง ๆ เช่น ภาคการเกษตร การค้า การลงทุน เป็นต้น และนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25908 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | สว | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ในภาพรวม สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้กำหนดแผนการปฏิบัติงาน จำนวน ๓,๓๘๔ เรื่อง ดำเนินการได้ จำนวน ๔,๔๙๓ เรื่อง และกำหนดเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๕๘๘.๔๔๕๓ ล้านบาท ดำเนินการได้ จำนวน ๑,๒๐๕.๐๔๓๖ ล้านบาท แบ่งเป็น ๒ ผลผลิต ได้แก่
๑. ผลผลิตที่ ๑ การให้บริการสนับสนุนเพื่อการดำเนินงานในด้านนิติบัญญัติ กำหนดแผนการปฏิบัติงาน จำนวน ๒,๕๖๐ เรื่อง/ครั้ง ดำเนินการได้ จำนวน ๒,๖๖๖ เรื่อง/ครั้ง และกำหนดเงินงบประมาณ จำนวน ๗๖๖.๙๔๑๐ ล้านบาท ดำเนินการได้ จำนวน ๔๖๔.๑๕๔๐ ล้านบาท ๒. ผลผลิตที่ ๒ การพัฒนาองค์กรเพื่อให้งานด้านนิติบัญญัติเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ กำหนดแผนการปฏิบัติงาน จำนวน ๘๒๔ เรื่อง ดำเนินการได้ จำนวน ๑,๘๒๗ เรื่อง/ครั้ง และกำหนดเงินงบประมาณ จำนวน ๘๒๑.๕๐๔๓ ล้านบาท ดำเนินการได้ จำนวน ๗๔๐.๘๘๙๖ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
25909 | รายงานประจำปี 2555 สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | สสป | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๕ ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ (ตุลาคม ๒๕๕๔-กันยายน ๒๕๕๕) จำนวน ๑๗๔,๒๘๘,๙๐๐ บาท มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปทั้งสิ้น จำนวน ๑๕๓,๑๖๓,๗๙๔.๔๖ บาท เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน ๑๐,๘๐๔,๑๖๐.๐๐ บาท งบประมาณคงเหลือ จำนวน ๑๐,๓๒๐,๙๔๕.๕๔ บาท ๒. การเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรี ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ จำนวนทั้งสิ้น ๔๙ เรื่อง (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๕) จำแนกตามหมวด ๕ หมวด ได้แก่ กลุ่มด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๑๐ เรื่อง กลุ่มด้านสังคม จำนวน ๑๘ เรื่อง กลุ่มด้านการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน ๑๑ เรื่อง กลุ่มด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๓ เรื่อง และกลุ่มด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพลังงาน จำนวน ๗ เรื่อง ทั้งนี้ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับการตอนบสนองจากฝ่ายบริหาร โดยได้มีผลการประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการ ตลอดจนได้มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติคณะรัฐมนตรีแล้ว จำนวน ๓๙ เรื่อง และเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและยังไม่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑๐ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
25910 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | สผ | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ในภาพรวม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้กำหนดแผนการปฏิบัติงาน จำนวน ๗,๗๑๕ ครั้ง/เรื่อง/ราย/ระบบ ดำเนินการได้ จำนวน ๑๙,๙๐๐ ครั้ง/เรื่อง/ราย/ระบบ และกำหนดเงินงบประมาณ จำนวน ๗,๔๒๕.๑๙๓ ล้านบาท ดำเนินการได้ จำนวน ๒,๖๒๐.๑๒๘ ล้านบาท แบ่งเป็น ๔ ผลผลิต ได้แก่
๑. ผลผลิตที่ ๑ การสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจของสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภา ทั้งในประเทศและด้านต่างประเทศ กำหนดแผนการปฏิบัติงาน จำนวน ๔๕๐ ครั้ง/เรื่อง ดำเนินการได้ จำนวน ๔๕๑ ครั้ง/เรื่อง และกำหนดเงินงบประมาณ จำนวน ๓,๕๖๖.๑๑๕ ล้านบาท ดำเนินการได้ จำนวน ๑,๑๐๖.๒๐๓ ล้านบาท ๒. ผลผลิตที่ ๒ การพัฒนาระบบการบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนกระบวนการด้านนิติบัญญัติ กำหนดแผนการปฏิบัติงาน จำนวน ๕,๐๖๑ ราย/ครั้ง/ระบบ ดำเนินการได้ จำนวน ๑๔,๗๙๒ ราย/ครั้ง/ระบบ และกำหนดเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๐๒๘.๘๑๙ ล้านบาท ดำเนินการได้ จำนวน ๑,๓๔๗.๐๖๙ ล้านบาท ๓. ผลผลิตที่ ๓ การส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เพื่อพัฒนาระบอบประชาธิปไตย และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน กำหนดแผนการปฏิบัติงาน จำนวน ๒,๒๐๓ เรื่อง/โครงการ ดำเนินการได้ จำนวน ๔,๖๕๗ เรื่อง/โครงการ และกำหนดเงินงบประมาณ จำนวน ๔๐๘.๖๑๓ ล้านบาท ดำเนินการได้ จำนวน ๑๓๔.๗๕๗ ล้านบาท ๔. ผลผลิตที่ ๔ โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยกำหนดวงเงินงบประมาณตามแผนการปฏิบัติงาน จำนวน ๑,๔๒๑.๖๔๖ ล้านบาท ดำเนินการได้ จำนวน ๓๒.๐๙๙ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
25911 | แผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทง 2557 ของกระทรวงคมนาคม และ เรื่อง มาตรการเตรียมความพร้อม และรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง 2557 ของกระทรวงมหาดไทย | มท | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทง ๒๕๕๗ ประกอบด้วย แผนการให้บริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ได้แก่ บริการการขนส่งสาธารณะโดยการจัดรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) การจัดเที่ยวรถขาไป-ขากลับของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) การจัดขบวนรถและเพิ่มตู้โดยสารของการรถไฟแห่งประเทศไทย และการจัดเที่ยวบินภายในประเทศในเส้นทางหลักให้เพียงพอกับความต้องการของผู้โดยสารของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การอำนวยความสะดวกด้านโครงข่ายถนนและด้านข้อมูลการจราจร รวมทั้งแผนงานบริหารด้านความปลอดภัยใน ๔ มาตรการ คือ มาตรการยานพาหนะและสถานีขนส่ง/ท่ารถประจำทาง ขสมก./สถานีรถไฟ/สถานีรถไฟฟ้า มาตรการถนน/ทางพิเศษ/สะพาน มาตรการท่าอากาศยาน/สนามบินและเครื่องบิน มาตรการการขนส่งและการจราจรทางน้ำ ตลอดจนมาตรการด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยและโคมควัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. เห็นชอบมาตรการเตรียมความพร้อม และรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ๒๕๕๗ ได้แก่ การเข้มงวด กวดขัน การพิจารณาออกใบอนุญาตหรือต่ออายุใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้าดอกไม้เพลิง รวมทั้งตรวจสอบสถานที่เก็บ ทำ หรือค้าดอกไม้เพลิง การตรวจตราอาคารสถานที่ โป๊ะ ท่าเทียบเรือโดยสารที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที การป้องกันและระมัดระวังเพื่อมิให้เกิดอุบัติเหตุจากการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง หรือการปล่อยโคมลอย การจัดให้มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางน้ำ การเข้มงวด กวดขันปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน การจัดชุดเจ้าหน้าที่ สมาชิกอาสารักษาดินแดน (อส.) และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ การประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการธุรกิจร้านค้าดอกไม้เพลิงปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ รวมทั้งเข้มงวด กวดขันให้พื้นที่จัดงานเทศกาลวันลอยกระทงเป็นสถานที่ซึ่งห้ามจำหน่ายสุรา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเจ้าพนักงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการจัดงานและกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก โดยให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการที่จะจัดงานต่าง ๆ ให้มีการเตรียมการรักษาความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ อันอาจจะเกิดขึ้นให้รอบคอบรัดกุม รวมทั้งให้ทราบถึงความผิดและบทลงโทษตามกฎหมายในกรณีที่ปล่อยปละละเลยให้มีกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วย ทั้งนี้ ในการดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงดังกล่าว ให้ประสานงานกับกระทรวงกลาโหมเพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมาร่วมดำเนินการด้วยตามความจำเป็นและเหมาะสม ๔. ให้ทุกหน่วยงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้ใส่ชุดผ้าไทยในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงเพื่อแสดงออกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
25912 | ขอความเห็นชอบพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 7 และชุดที่ 8 ของการเปิดตลาดการค้าบริการสาขาการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการให้สัตยาบันพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๗ การเปิดตลาดการค้าบริการ สาขาการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน และให้นำพิธีสารดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบเพื่อการมีผลใช้บังคับของพิธีสารต่อไป และเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบแล้ว มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันสารของพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๗ ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบันพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๗ ๒. เห็นชอบและอนุมัติการลงนามพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๘ การเปิดตลาดการค้าบริการ สาขาการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ลงนาม ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ลงนามพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๘ ทั้งนี้ เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงนามในพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๘ แล้ว ให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนการให้สัตยาบันต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25913 | ข้อเสนอให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยประสานงานหลักของไทยกับองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก | พณ | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยประสานงานหลักของไทยกับองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization : WIPO) แทนกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒ ให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ประจำอยู่ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ทำหน้าที่ประสานงานกับ WIPO แทนคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา และแต่งตั้งให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำ WTO เป็นผู้แทนไทยใน WIPO แทนเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ซึ่งจะช่วยให้การมีส่วนร่วมและแสดงบทบาทเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาของไทยในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ มีความสอดคล้อง และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ อาทิความคิดเห็นในประเด็นด้านกฎหมายเกี่ยวกับข้อเสนอที่จะให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ประสานงานหลักกับ WIPO โดยดำเนินงานผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก ณ นครเจนีวา แทนกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งดำเนินงานผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เป็นกรณีการโอนภารกิจระหว่างหน่วยงาน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงงานและบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานตามนโยบายและความเหมาะสม ไม่ใช่เป็นกรณีการยุบรวมหรือยกเลิกหน่วยงานที่จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของหน่วยงานในต่างประเทศ จึงเป็นประเด็นด้านนโยบายที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมายภายในหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25914 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี 2557 (ช่วงประสบภัยเดือนกรกฎาคม 2556 ถึงเดือนสิงหาคม 2557) | กษ | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๗ จำนวน ๒๖ จังหวัด รวม ๑๐ ภัย ได้แก่ อุทกภัย ภัยแล้ง วาตภัย อัคคีภัย ภัยอากาศแปรปรวน ศัตรูพืชระบาด ภัยหนาว ภัยฝนทิ้งช่วง ภัยพายุและคลื่นลมแรง และปริมาณออกซิเจนในน้ำต่ำ เกษตรกรจำนวน ๑๒,๘๖๐ ราย ประกอบด้วย ด้านพืช เกษตรกรจำนวน ๑๒,๗๙๔ ราย และด้านประมง เกษตรกรจำนวน ๖๖ ราย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๑๕๔,๘๒๓,๗๔๑ บาท โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมประมง ตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณาให้ครบถ้วน สมบูรณ์ ถูกต้องตามข้อเท็จจริงก่อน แล้วจึงขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง และให้ถือว่าคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมประมงเป็นคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมประมงดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งพัฒนาระบบประกันภัยทางการเกษตรให้มีความคุ้มครองครอบคลุมภัยพิบัติด้านการเกษตรและเกษตรกรทุกกลุ่ม และการจ่ายเงินให้เกษตรกร การจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกร จะต้องมีการจัดทำทะเบียนอย่างถูกต้อง ไม่รั่วไหล รวมทั้งมีการควบคุมให้โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ในการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้กระทรวงมหาดไทยสำรวจพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติให้ถูกต้อง รอบคอบ และประกาศให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เกิดความเสียหายจริงเท่านั้น ๓. กรณีเกิดภัยพิบัติในครั้งต่อไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดสำรวจความเสียหายและดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยพิบัติให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย) โดยให้ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องก่อนเป็นลำดับแรก และหากไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณกรณีดังกล่าว จึงขอรับการจัดสรรเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยพิบัติเพิ่มเติมต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๗) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25915 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติการลงนามร่างพิธีสาร 2 ว่าด้วยสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ 5 แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามร่างพิธีสาร ๒ ว่าด้วยสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ลงนาม ๑.๒ นำร่างพิธีสาร ๒ ว่าด้วยสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบให้ประเทศไทยให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าว โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อประเทศไทยมอบสัตยาบันสารของพิธีสารดังกล่าวให้แก่เลขาธิการอาเซียน ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ลงนามร่างพิธีสาร ๒ ว่าด้วยสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบให้ประเทศไทยให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าวแล้ว ๑.๔ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันของพิธีสาร ๒ ดังกล่าว ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบันพิธีสาร ๒ ว่าด้วยสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนามร่างพิธีสารดังกล่าวแล้ว ๒. เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงนามในร่างพิธีสาร ๒ ว่าด้วยสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว ให้นำพิธีสารดังกล่าวเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนการให้สัตยาบันต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิดเส้นทางการบินอินเดีย-มัณฑะเลย์-กรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเป็นศูนย์กลางการบินของไทยและเพิ่มโอกาสให้สายการบินสามารถสร้างเสริมเครือข่ายการบินเชื่อมโยงจุดต่าง ๆ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับแผนการบินและพัฒนาการด้านบริการเดินอากาศ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ และความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
25916 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | วท | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านต่างประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
25917 | (ร่าง) บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยการขจัดการค้าเด็กและหญิงและการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ | พม | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยการขจัดการค้าเด็กและหญิงและการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ มีสาระสำคัญเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไทยกับกัมพูชาในด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ในภาพรวม ประกอบด้วย ความร่วมมือด้านการป้องกัน การคุ้มครองเหยื่อการค้ามนุษย์ การปราบปรามการค้ามนุษย์ การส่งกลับประเทศ และการคืนสู่สังคม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในนามรัฐบาลไทย และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนามที่อ้างถึงในการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ เห็นชอบให้สามารถปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำใน (ร่าง) บันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญได้ก่อนการลงนามโดยหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ ๒. เมื่อทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยการขจัดการค้าเด็กและหญิงและการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์แล้ว ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งดำเนินการจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
25918 | การดำเนินการตรวจสัญชาติแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา | รง | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการตรวจสัญชาติแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับอนุญาตทำงานชั่วคราวจากศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานในกิจการประมง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา) และให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับและกำกับดูแลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้อง โปร่งใส และไม่แสวงประโยชน์ใด ๆ และหากมีกรณีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ เช่น การเรียกเก็บเงินจากแรงงานต่างด้าวที่ผ่านเข้าออกด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น ให้ดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายและดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในการจ้างแรงงานต่างด้าวอย่างเคร่งครัด เช่น กรณีที่สถานประกอบการลักลอบหรือมีส่วนรู้เห็นในการจ้างแรงงานต่างด้าวอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ควรพิจารณาใช้มาตรการปิดสถานประกอบการเป็นการชั่วคราวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
25919 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารการทูต ระดับสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายปสันน์ เทพรักษ์) | นร04 | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายปสันน์ เทพรักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน (นักบริหารการทูต ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารการทูต ระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป โดยให้กำหนดชื่อในสายงานตามตัวบุคคลผู้ได้รับการแต่งตั้ง โดยยังคงตำแหน่งในสายงานเดิม และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์อื่นที่ได้รับอยู่เดิม ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25920 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) (นายสุพศิน สุเมธิวิทย์) | นร05 | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุพศิน สุเมธิวิทย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
.....