ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 107 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2121 - 2140 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2121 | ร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... | พน. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ
เพื่อให้ครอบคลุมถึงการประกอบกิจการทั้งท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกและท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเล
ส่งก๊าซธรรมชาติเหลว และให้สอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการระบบก๊าซธรรมชาติทางท่อในปัจจุบันและเป็นตามมาตรฐานสากล
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรกำหนดให้ครอบคลุมถึงทรัพยากรทางทะเล
รวมทั้งอาจมีการจัดทำแผนเผชิญเหตุในกรณีที่มีการรั่วไหลของก๊าซ และน้ำมันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2122 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2123 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 57 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๗ ฉบับ ได้แก่ ๑) ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๗ ๒) ร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน - สหราชอาณาจักร : การเสริมสร้างความเชื่อมโยงเพื่ออนาคตที่เจริญรุ่งเรืองและยั่งยืน
๓) ร่างแถลงการณ์ร่วมของ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน -
จีนว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ๔)
ร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและรัสเซีย เฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ ๒๐
ปี
ของการภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของรัสเซีย
๕)
ร่างแถลงการณ์ของการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย
- แปซิฟิกว่าด้วยเพิ่มพูนความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านความปลอดภัยของเรือโดยสาร ๖)
ร่างหนังสือให้ความยินยอมต่อการภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย และ ๗)
ร่างหนังสือให้ความยินยอมต่อการภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยราชรัฐลักเซมเบิร์ก โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๕ ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจาในการส่งเสริมความร่วมมือและต่อยอดการดำเนินงานในด้านต่าง
ๆ
โดยมิได้มีการใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
กรณีดังกล่าวจึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามในร่างหนังสือฯ
ทั้ง ๒ ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแสดงความยินยอมฝ่ายเดียวของประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนเกี่ยวกับการภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มิใช่การทำหนังสือสัญญาขึ้นใหม่ประเทศสมาชิกอาเซียน
กรณีจึงดังกล่าวไม่มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2124 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (1. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ฯลฯ จำนวน 3 คน) | กสศ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาควิชาการ ๒. นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคเอกชน ๓. นายสรวิศ ไพบูลย์รัตนากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาสังคม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2125 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูง กระทรวงพาณิชย์
ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า
ตลอดจนการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในตลาดฝรั่งเศส ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น ๑)
การส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจบันเทิงไทยและสร้างเครือข่ายในงาน Cannes Film Festival 2024 โดยการจัดกิจกรรม
Thai Night มีบุคลากรในกลุ่มอุตสาหกรรมภาพยนตร์เข้าร่วมกว่า
๒๕๐ ราย และ ๒) การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า Marche du Film 2024
และพบหารือผู้ประกอบการธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจบันเทิงไทย คาดการณ์มูลค่าการเจรจาการค้าทั้งสิ้น
๑,๔๖๙.๑๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2126 | รายงานผลการดำเนินการสถาบันการเงินประชาชนประจำปี 2566 | กค. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของสถาบันการเงินประชาชนประจำปี
๒๕๖๖ ของคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๙ (๑๓)
แห่ง พระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑)
ในปี ๒๕๖๖ คณะกรรมการฯ ได้ออกประกาศคณะกรรมการฯ เพิ่มเติมจำนวน ๑ ฉบับ (จากเดิม ๑๙
ฉบับ) เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจสอบสถาบันการเงินประชาชน
ส่งผลให้มีประกาศคณะกรรมการ ภายใต้พระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมทั้งสิ้น ๒๐ ฉบับ ๒) ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๖
มีสถาบันการเงินประชาชนที่ได้รับจดทะเบียนจัดตั้ง สะสมรวมทั้งสิ้น ๑๘ แห่ง
มีสมาชิกรวม ๕,๐๗๑ คน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ
๑๑๐.๓๓) ยอดเงินค่าหุ้นรวม ๖๓.๓๖ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๙๖.๒๑)
ยอดเงินรับฝากรวม ๒๒๕.๘๓ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๑๘.๑๔) ยอดเงินกู้รวม
๑๘๓.๒๘ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๖๓.๓๐) และผลกำไรสุทธิรวม ๗.๒๑ ล้านบาท
(เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๒๒.๗๗) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2127 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ | รง. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงแรงงานและการจ้างงานแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
ด้านการจัดส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ และให้รัฐมนตรีว่ากระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อรักษากรอบความร่วมมือที่ชัดเจนระหว่างทั้งสองฝ่าย
และเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในกระบวนการจัดส่งและรับคนงานจากไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี
โดยกำหนดบทบัญญัติสำหรับทั้งสองฝ่ายเพื่อปฏิบัติตามเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานภายใต้ระบบ
EPS ตามกฎหมายการจ้างงานแรงงานต่างชาติ
และอื่น ๆ ในสาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2128 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาและสีประจำสาขาวิชาสำหรับสาขาวิชาเทคโนโลยี
และสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ที่ได้เปิดสอนเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2129 | ขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี Abu Dhabi Dialogue ครั้งที่ 7 (Abu Dhabi Dialogue Seventh Ministerial Declaration) | รง. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี
Abu Dhabi Dialogue ครั้งที่ ๗ โดยมีรองปลัดกระทรวงแรงงาน
(นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์)
ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ADD ครั้งที่ ๗ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ซึ่งการประชุมระดับรัฐมนตรี ADD เป็นการประชุมหารือระหว่างประเทศสมาชิกกระบวนการโคลัมโบ
(ประเทศผู้ส่งแรงงาน) ๑๑ ประเทศ กับกลุ่มประเทศรอบอ่าวอาหรับ (ประเทศผู้รับแรงงาน)
รวม ๗ ประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล พัฒนาขีดความสามารถส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ
รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของแรงงาน ณ ประเทศปลายทาง โดยร่างปฏิญญาร่วมฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือที่ ADD จะให้ความสำคัญต่อไปในอนาคต
ได้แก่ ๑) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับการเคลื่อนย้ายแรงงานในกรอบความร่วมมือเอเชียและกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ
๒) การเคลื่อนย้ายแรงงานและทักษะ เพื่อการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมสู่เศรษฐกิจสีเขียว
๓) การทำความเข้าใจและการจัดการแรงงานต่างชาติชั่วคราวในประเทศสมาชิก ADD โดยการจัดการกับผลกระทบทางกฎหมาย สังคม และอาชีพ และ ๔)
การปลดล็อกบทบาทของทักษะและความหลากหลายเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานในประเทศสมาชิก ADD ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี
Abu Dhabi Dialogue ครั้งที่ ๗ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าหากร่างปฏิญญาร่วมข้างต้นยังไม่ใช่ร่างสุดท้าย (final agreed text) ในกรณีที่มีการปรับแก้
ขอให้กระทรวงแรงงาน ในฐานะส่วนราชการเจ้าของเรื่อง
พิจารณาปรับให้ร่างสุดท้ายของร่างปฏิญญาร่วมฯ เป็นไปตามแนวทางข้างต้นด้วย และร่างปฏิญญาร่วมฯ
มิได้มีถ้อยคำมุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีนี้จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2130 | การจัดทำเอกสาร National Commitment สำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยกีฬาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sport for Sustainable Development Summit: S4SD Summit) ในห้วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส | กต. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำเอกสาร
National Commitment สำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยกีฬาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sport for Sustainable Development Summit : S4SD Summit) ในห้วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน
๒๐๒๔ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีสาระสำคัญ รวม ๓ ประเด็น ได้แก่ ๑)
สุขภาวะสำหรับเยาวชน ๒) เป้าหมายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านการศึกษาสุขภาวะ
และโภชนาการ และ ๓) การใช้กีฬาเป็นเครื่องมือเสริมสร้างสันติภาพฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสาร National Commitment ของประเทศไทยสำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยกีฬาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sport
for Sustainable Development Summit : S4SD Summit) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2131 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรภูฏาน | คค. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกการหารือว่าด้วยการประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรภูฏาน
เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรภูฏาน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรภูฏาน
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
รวมทั้งเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทย และมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศฯ
ดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
โดย ๑) บันทึกการหารือฯ มีสาระสำคัญเป็นเอกสารสรุปผลการหารือร่วมกันเกี่ยวกับบริการเดินอากาศระหว่างสองประเทศ
๒) ร่างความตกลงฯ ฉบับใหม่ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดข้อบทต่าง ๆ เกี่ยวกับสิทธิการบินและการบริการเดินอากาศระหว่างกัน
โดยมีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้แต่ละฝ่ายต้องปฏิบัติ และ ๓) ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูต
มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันผลการหารือเพื่อให้ข้อกำหนดในบันทึกการหารือฯ
มีผลใช้บังคับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าในส่วนของการแก้ไขเรื่อง Traffic Rights ที่ระบุในวรรค
๒ ของบันทึกการหารือฯ นั้น ไม่ต้องมีการยืนยันโดยหนังสือแลกเปลี่ยนฉบับนี้
เนื่องจากวรรค ๔ ของบันทึกหารือฯ ระบุว่า บันทึกหารือฯ มีผลตั้งแต่วันลงนาม
(ยกเว้นในส่วนของวรรค ๑ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการมีผลใช้บังคับของร่างความตกลงฯ
ฉบับใหม่) และกระทรวงการต่างประเทศจะจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตตามข้อ ๓๐
ของร่างความตกลงฯ เมื่อกระทรวงคมนาคมมีหนังสือแจ้งยืนยันว่า
ฝ่ายไทยได้ดำเนินกระบวนการสำหรับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ
เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2132 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม | กษ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ในเขตปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่รวมประมาณ ๑,๕๓๗-๓-๐๔ ไร่ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม เนื้อที่รวมประมาณ ๑,๙๑๗-๓-๗๕ ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้
การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถดำเนินงานโครงการก่อสร้างได้ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะได้พิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเสนอ ให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าควรปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบ
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใส่ในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการในพื้นที่อย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งรัดดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและก่อสร้างโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านต้นทุนและเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการให้อยู่ภายในกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2133 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2134 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2135 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2136 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ | พม. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน
และยานพาหนะ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการโรงงาน
และยานพาหนะ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรกำหนดมาตรการบังคับสำหรับสถานบริการหรือโรงแรมที่ไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว
และมีมาตรการสำหรับหน่วยงานที่กำกับดูแลปราบปรามสถานบริการหรือโรงแรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยงในการค้ามนุษย์ อย่างเข้มงวดและเด็ดขาด และหากกำหนดมาตรการบังคับนี้ให้ครอบคลุมถึงเรือประมงไทยด้วย
จะทำให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรพิจารณาแก้ไขให้สอดคล้องกับบทอาศัยอำนาจตามมาตรา
๑๖/๑ ทำนองเดียวกับที่เคยกำหนดไว้ตามข้อ ๒ แห่งประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ
ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้
การกำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของผู้ครอบครองหรือผู้ดำเนินกิจการฯ
ตามกฎหมายแม่บทนั้น ได้ก่อให้เกิดหน้าที่โดยปริยาย (Implied duty) แก่หน่วยงานของรัฐที่จะต้องตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมิให้มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว
แต่หากประสงค์จะกำหนดหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติก็สมควรแยกออกเป็นอีกข้อหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรมเจ้าท่ามีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานด้านความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ และตรวจสอบความถูกต้องของเรือประมงต่างประเทศที่เข้ามาในน่านน้ำไทยให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2137 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
พ.ศ. ๒๕๖๑ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
กรณีการจัดซื้อจัดจ้างจากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน
โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของหน่วยงานของรัฐในรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่เป็นนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน
จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ ของทุนทั้งหมด เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของทุนทั้งหมด
เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของรัฐวิสาหกิจมีความโปร่งใสมากขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เห็นควรนำนิยาม
“รัฐวิสาหกิจ” ในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
มาปรับใช้กับร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างความชัดเจน
และยากต่อการใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อเอื้อต่อการทุจริต และเห็นควรกำหนดรูปแบบ
หลักเกณฑ์ และกระบวนการต่าง ๆ
เพื่อรับรองสิทธิของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
และตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
และพระราชบัญญัติฯ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สามารถคุ้มครองสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
รวมทั้งยังเป็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐโดยประชาชนด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2138 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายมหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์) | กค. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายมหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์
ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
แทนผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝากเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2139 | โครงการสลากการกุศลเพิ่มเติม | กค. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการฯ
จำนวน ๑๑ โครงการ วงเงินรวม ๘๓๗.๖๕ ล้านบาท ๒.
มอบหมายให้สำนักงานสลากฯ ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ เป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย
และจ่ายเงินรางวัลสลากการกุศล ๒.๒
ประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการสนับสนุน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการออกสลากการกุศล
การขออนุญาตการออกสลากการกุศลโดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และการนำส่งเงินให้หน่วยงานเจ้าของโครงการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโดยให้ผู้รับใบอนุญาตการออกสลากการกุศลเสียภาษีการพนันเหลือร้อยละ
๐.๕ แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายตามข้อ ๑๒ (๔)
ของกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน
พุทธศักราช ๒๔๗๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ๒.๓
จัดทำแผนการออกสลากการกุศลและแผนการใช้เงินของแต่ละโครงการ และรายงานต่อคณะกรรมการฯ
เพื่อประโยชน์ในการกำกับ
ติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๒.๔
บริหารการจ่ายเงินให้หน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนเงินจากโครงการสลากการกุศลตามความเหมาะสมและเร่งด่วนเพื่อให้โครงการสลากการกุศลสามารถเบิกจ่ายเงินได้อย่างรวดเร็ว ๓.
มอบหมายให้คณะกรรมการฯ ดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑
กำหนดระยะเวลาในการผูกพันวงเงินของโครงการที่ได้รับการสนับสนุน
และหากเกิดกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถผูกพันวงเงินได้ตามกำหนด
ให้คณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบการขอขยายระยะเวลาผูกพันวงเงิน หรือหากคณะกรรมการฯ
พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการดังกล่าวไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้
ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกวงเงินสนับสนุนโครงการดังกล่าว ๓.๒
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเงินภายในโครงการที่ได้รับการสนับสนุน โดยจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากโครงการที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรมีการติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการสลากฯ เกิดความคุ้มค่าในการสนับสนุนงบประมาณ สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างแท้จริง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2140 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๙
เมษายน ๒๕๖๗ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจีนในเขตปกครองตนเองชนชาติไตสิบสองปันนา
มณฑลยูนนาน
และเพื่อผลักดันผลประโยชน์ของไทยในการสร้างความร่วมมือและแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้ารวมทั้งส่งเสริมการลงทุนระหว่างสองประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกประสานการทำงานร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาผู้ร่วมทุนไทยให้แก่นักลงทุนจีนตามข้อเสนอของฝ่ายจีนต่อไปด้วย
|