ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 103 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2041 - 2060 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2041 | ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 16 | กห. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ ๑๖ ระหว่างวันที่ ๒๑ -
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นหารือ
๒ ด้านที่สำคัญ ได้แก่ ๑)
ด้านความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน เช่น
การดำเนินการเกี่ยวกับจุดผ่านแดนและการสัญจรข้ามแดน
การป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติด การป้องกันและปราบปรามการก่ออาชญากรรมอื่น ๆ
ในพื้นที่ชายแดน และ ๒) ความร่วมมือด้านอื่น ๆ เช่น ด้านการค้าบริเวณชายแดน
ด้านการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2042 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้าต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้าต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า
เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย
โดยเอกสารที่ใช้อ้างอิงมีการแก้ไขปรับปรุงเป็นฉบับใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีการทำและการใช้งานในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2043 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมลวดชุบแข็งและอบคืนตัวสำหรับคอนกรีตอัดแรงต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมลวดชุบแข็งและอบคืนตัวสำหรับคอนกรีตอัดแรงต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมลวดชุบแข็งและอบคืนตัวสำหรับคอนกรีตอัดแรง
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน โดยเป็นการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบังคับขึ้นใหม่
เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมลวดชุบแข็งและอบคืนตัวสำหรับคอนกรีตอัดแรงอย่างแพร่หลาย
เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีคุณภาพ และเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมประเภทนี้ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2044 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิด
เป็นสินสินค้าที่ต้องขออนุญาต
และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง
ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิด
เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต
และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง
ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกสิ่งประดิษฐ์ของไม้
(ที่ไม่ใช่ไม้พะยูง) ไปนอกราชอาณาจักร
เพื่อลดภาระและอำนวยความสะดวกในการประกอบอาชีพของประชาชน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๖
ซึ่งเป็นการยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกสิ่งประดิษฐ์ของไม้
ทำให้เนื้อหาของร่างประกาศฯ ไม่สอดคล้องกับชื่อร่างประกาศฯ
ที่ยังคงกำหนดให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
ซึ่งจะทำให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง
และควรมีการพิจารณาความจำเป็นในการกำหนดบทนิยามคำว่า “สิ่งประดิษฐ์ของไม้”
รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมการส่งออกสำหรับสินค้าไม้แปรรูปบางกรณีที่อยู่ในความหมายของบทนิยามดังกล่าวด้วย
และการแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๗ โดยเพิ่มเติมคำว่า “ตามบัญชีท้ายประกาศนี้”
ควรพิจารณาให้มาตรการควบคุมการส่งออกไม้พะยูงและสินค้าที่ทำจากไม้พะยูงเป็นไปโดยสอดคล้องกับมติดณะรัฐมนตรีที่ห้ามการส่งออกไม้พะยูงทุกกรณีออกไปนอกราชอาณาจักร
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นควรพิจารณาเรื่องการจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับที่มาของสินค้าจากไม้ที่ขออนุญาตส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
เพื่อสนับสนุนสินค้าที่ปลดจากการตัดไม้ทำลายป่า
โดยสอดดคล้องกับมาตรการของประเทศคู่ค้า เช่น สหภาพยุโรป ภายใต้นโยบาย European Union Deforestation Regulation เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2045 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา 165 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2566 | นร.12 | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา ๑๖๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๖๖ และเห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงาน ก.พ.ร.
ดำเนินการในระยะต่อไปให้แล้วเสร็จ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดดำเนินการปรับโครงสร้างและอัตรากำลังของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งยกร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยุบหรือเปลี่ยนแปลงกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จ
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม
จัดทำแนวปฏิบัติการทำงานสำหรับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานภายใต้กรอบกฎหมายว่าด้วยการประมง
และพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่รับโอนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มเติม
ภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๗ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่
และให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดประชุมร่วมกันระหว่างประธาน ก.พ.ร.
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
เพื่อพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดขั้นตอนการถ่ายโอนภารกิจ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร.
เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2046 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2567 และสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2567 | นร. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันอังคารที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... และสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
๕ สิงหาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน
พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่
๑๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่
๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๘ สิงหาคม
๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2047 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 9 สิงหาคม 2567 | นร.05 | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันศุกร์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2048 | ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายวรภพ วิริยะโรจน์ กับคณะ และนายโกศล ปัทมะ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) รวม 2 ฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2567 และสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2567) | นร. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... (นายวรภพ วิริยะโรจน์ กับคณะ และนายโกศล ปัทมะ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) รวม
๒ ฉบับ ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2049 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง จำนวน 2 คัน และรถส่วนกลาง (รถโดยสาร) จำนวน 1 คัน | พณ. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ - พ.ศ. ๒๕๗๒
เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง และรถส่วนกลาง (รถโดยสาร) รวมจำนวน ๓ รายการ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๘,๑๙๑,๘๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งและค่าเช่ารถส่วนกลางที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๔๐๙,๕๙๐ บาท ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2050 | รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2566 | นร.11 สศช | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำปี ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑. การประมินผลในภาพรวมทั้ง ๖ มิติ โดยภาพรวมปรับตัวดีขึ้น
เช่น ความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
เนื่องจากไทยสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
ได้ดีขึ้น และความเท่าเทียมและความเสมอภาคของสังคมในภาพรวมปรับตัวดีขึ้น โดยความก้าวหน้าทางสังคมในปี
๒๕๖๖ ไทยจัดอยู่ในอันดับที่ ๕๘ จาก ๑๗๐ ประเทศ ดีขึ้นจากอันดับที่ ๗๑
ของปีที่ผ่านมา ๒. การประเมินผลรายยุทธศาสตร์ชาติทั้ง ๖ ด้าน
โดยส่วนใหญ่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น ขีดความสามารถในการแข่งขัน
การพัฒนาเศรษฐกิจและการกระจายรายได้ของไทยมีการพัฒนาที่ดีขึ้น
โดยอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ในอันดับที่ ๓๐ ดีขึ้นจากอันดับที่
๓๓ จากปีที่ผ่านมา และการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
สถานการณ์ด้านความเหลื่อมล้ำของไทยดีขึ้นจากการพัฒนาในระยะที่ผ่านมามีความก้าวหน้าในการลดสัดส่วนความยากจน ๓ ประเด็นท้าทายที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมาย เช่น
หน่วยงานของรัฐอาจยังไม่ได้นำผลการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล อาทิ รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
รายงานผลสัมฤทธิ์ของแผนระดับที่ ๓ ไปใช้ประกอบการปรับปรุงการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน
ทำให้ในกระบวนการจัดสรรงบประมาณ อาจยังไม่สอดคล้องกับช่องว่างในการพัฒนาประเทศ ๔. ข้อเสนอแนะเพื่อการดำเนินการในระยะต่อไป เช่น ทุกหน่วยงานของรัฐต้องให้ความสำคัญในการนำเข้าทุกข้อมูลของแผนระดับที่
๓ ในระบบ eMENSCR ให้ครบถ้วน พร้อมทั้งการรายงานผลสัมฤทธิ์
ผลการดำเนินงานตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้หน่วยงานและภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลที่ครอบคลุมทุกการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติของหน่วยงานของรัฐไปใช้ประกอบการวิเคราะห์การดำเนินงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2051 | ข้อเสนอแผนงาน/โครงการของจังหวัดสืบเนื่องจากการตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี (จังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดราชบุรี) | นร.04 | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการของจังหวัด
จำนวน ๗ โครงการ ภายในกรอบวงเงิน ๑๗๐,๙๒๔,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการของจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๓ โครงการ ภายในวงเงิน
๑๓๕,๐๒๔,๐๐๐ บาท และจังหวัดราชบุรี จำนวน
๔ โครงการ ภายในวงเงิน ๓๕,๙๐๐,๐๐๐ บาท
โดยให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ทั้งนี้ ให้จังหวัดจัดทำโครงการและรายละเอียดต่าง ๆ
เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ
ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งให้จังหวัดนำโครงการบรรจุในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้จังหวัดกาฬสินธุ์
จังหวัดราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวจะสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนให้กับประชาชนซึ่งตรงตามความต้องการและบริบทของพื้นที่
ตลอดจนเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ ทั้งมิติการค้า
การลงทุนและการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศ ทั้งนี้ การดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี ขั้นตอนและแนวทาง การปฏิบัติที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงความถูกต้อง โปร่งใส และประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2052 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... | คค. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายสำหรับการกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทานที่สอดคล้องกับการใช้ความเร็วที่เหมาะสมบนทางหลวงสัมปทานหมายเลข
๓๑ สายทางยกระดับดินแดง - อนุสรณ์สถาน (ทางยกระดับดอนเมือง) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2053 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงหัวลำโพง-บางแค ในท้องที่เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติกำหนดภาระในอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงหัวลำโพง-บางแค ในท้องที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร เขตธนบุรี และเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ในท้องที่เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย และเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกำหนดภาระในอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ในท้องที่เขตบางพลัด และเขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ | คค. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานคร
สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงหัวลำโพง - บางแค ในท้องที่เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ
และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงหัวลำโพง -
บางแค ในท้องที่เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร
โดยให้ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชบัญญัตินี้
และให้เจ้าหน้าที่เวนคืนเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนภายในระยะเวลา ๔ ปี ๑.๒
ร่างพระราชบัญญัติกำหนดภาระในอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชนโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงหัวลำโพง - บางแค
ในท้องที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร เขตธนบุรี
และเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดภาระในอสังหาริมทรัพย์
เพื่อกิจการขนส่งมวลชนโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงหัวลำโพง - บางแค
ในท้องที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร เขตธนบุรี
และเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
เพื่อให้ภาระในอสังหาริมทรัพย์มีการแสดงสิทธิในที่ดินให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายต้องยอมรับภาระว่าไม่สามารถใช้สอยอสังหาริมทรัพย์นั้นได้ตามปกติแต่ไม่ได้สร้างภาระจนถึงขนาดที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจะต้องดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานคร
สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงบางซื่อ - ท่าพระ ในท้องที่เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย
และเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานคร
สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงบางชื่อ - ท่าพระ ในท้องที่เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย และเขตบางกอกใหญ่
กรุงเทพมหานคร โดยให้ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชบัญญัตินี้
และให้เจ้าหน้าที่เวนคืนเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนภายในระยะเวลา ๔ ปี ๑.๔
ร่างพระราชบัญญัติกำหนดภาระในอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน โครงการรถไฟฟ้ามหานคร
สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงบางซื่อ - ท่าพระ ในท้องที่เขตบางพลัด และเขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นกำหนดภาระในอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน
โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงบางชื่อ – ท่าพระ ในท้องที่เขตบางพลัด
และเขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร
เพื่อให้ภาระในอสังหาริมทรัพย์มีการแสดงสิทธิในที่ดินให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายต้องยอมรับภาระว่าไม่สามารถใช้สอยอสังหาริมทรัพย์นั้นได้ตามปกติแต่ไม่ได้สร้างภาระจนถึงขนาดที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจะต้องดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น รวม
๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2054 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | ยธ. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ในอัตรา ไม่เกิน ๑๓,๐๔๗ อัตรา
โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ดังนี้ ๑)
บำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๒.๕
ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๗๒,๖๕๘ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๙,๓๑๖ อัตรา และ ๒)
บำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๑.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด
จำนวน ๒๔๘,๗๑๕ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๗๓๑ อัตรา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้พิจารณากำหนดกรอบอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษฯ
อย่างเคร่งครัด
โดยการทบทวนปรับลดการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประเภทเกื้อกูลเท่าที่จำเป็น
รวมทั้งควรมีการพิจารณาคัดเลือกและจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว
ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน
หากไม่เพียงพอให้เบิกจ่ายจากงบกลาง
รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2055 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 | กค. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
(กองทุนฯ)
เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
(บัญชีสะสมฯ) ในปีงบประมาณ ๒๕๖๗ เพิ่มเติมจำนวน ๗,๒๔๒ ล้านบาท ซึ่งจะมีผลให้มีเงินนำส่งจากกองทุนฯ
เข้าบัญชีสะสมฯ เพื่อชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 ในปีงบประมาณ ๒๕๖๗ รวมจำนวนทั้งสิ้น ๙,๒๔๒ ล้านบาท
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2056 | การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของเมืองน่าเที่ยว | นร. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน
ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอว่า ที่ผ่านมามีการใช้คำว่า “เมืองรอง”
เพื่อใช้เรียกจังหวัดที่ไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักมาโดยตลอด อย่างไรก็ดี
เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND ของรัฐบาลที่มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Tourism Hub ของโลกด้วยกลยุทธ์ “เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว”
จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ใช้คำว่า “เมืองน่าเที่ยว” แทนคำว่า “เมืองรอง”
ซึ่งจะทำให้การเรียกจังหวัดต่าง ๆ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับแนวนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2057 | การจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน AHA Centre | มท. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน AHA Centre ในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๖๘
เป็นจำนวน ๙๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ ๓.๓ ล้านบาท) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่า สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อสมทบเข้ากองทุน AHA Centre ในปึงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ เห็นควรให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่ได้รับจัดสรรแล้ว สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2058 | ยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขในภาพรวมทั้งระบบ ระยะ 10 ปี | สธ. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขในภาพรวมทั้งระบบ
ระยะ ๑๐ ปี ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ ๑
เร่งผลิตและพัฒนากำลังคนให้เพียงพอต่อการให้บริการด้านสาธารณสุข
โดยเฉพาะโรคสำคัญจำเป็นเร่งด่วนต่อภาระทางสุขภาพและทิศทางของประเทศ ยุทธศาสตร์ที่
๒ พัฒนาระบบบริการสาธารณสุขเชิงพื้นที่เป็นหนึ่งเดียว ยุทธศาสตร์ที่ ๓
สนับสนุนส่งเสริมบริการสุขภาพที่มีศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และยุทธศาสตร์ที่
๔ สร้างเสริมระบบและกลไกการอภิบาลกำลังคนด้านสุขภาพให้เข้มแข็ง และแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาวิกฤติเร่งด่วนของการขาดแคลนกำลังคนทางการพยาบาล
ประกอบด้วย ๓ แนวทาง ดังนี้ ๑) เพิ่มกำลังการผลิตกำลังคนทางการพยาบาล
โดยเพิ่มการผลิตบุคลากรสาขาพยาบาลศาสตร์ กำลังการผลิตผู้ช่วยพยาบาล และการจ้างผู้เกษียณเข้าทำงานในระบบ
๒) เพิ่มการคงอยู่ของบุคลากรพยาบาลในระบบ โดยเพิ่มตำแหน่งข้าราชการอัตราตั้งใหม่
เพิ่มค่าตอบแทน สนับสนุนทุนการพัฒนาศักยภาพการพยาบาลเฉพาะทาง
สนับสนุนทุนการศึกษาพยาบาล เพิ่มความก้าวหน้าให้พยาบาลวิชาชีพ และ
เพิ่มกรอบตำแหน่งผู้ช่วยพยาบาล และ ๓) เพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงาน ก.พ. เห็นควรเร่งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลกลางกำลังคนด้านสุขภาพของประเทศให้มีข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน
รวมถึงควรจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผลิตและการบริหารอัตรากำลังในสายงานอื่นที่จำเป็นต่อการให้บริการทางการแพทย์ด้วย
เช่น นักจิตวิทยาคลินิก นักกิจกรรมบำบัด หรือนักกายอุปกรณ์ เป็นต้น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นควรมีจุดเน้นของแผนในแต่ละยุทธศาสตร์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวว่า
จะดำเนินการไปในทิศทางใด เช่น การผลิตกำลังคนเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ
การผลิตกำลังคนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
การผลิตกำลังคนเพื่อรองรับกับโรคอุบัติใหม่
หรือการผลิตกำลังคนเพื่อตอบโจทย์การเป็น Excellent
Center เป็นต้น และควรมีการประเมินและติดตามผลการดำเนินมาตรการและตัวชี้วัดทั้งในเชิงผลผลิตและผลลัพธ์เป็นประจำทุกปี
เพื่อให้สามารถปรับแผนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมยิ่งขึ้น
และรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2059 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5/2567 | นร.04 | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ ณ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน
(จังหวัดชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี และอ่างทอง)
ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2060 | มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน (Quick Win) | กก. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน
(Quick Win) และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวมทั้งสิ้น จำนวน ๔๓๓,๑๙๙,๓๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินโครงการการทำตลาดการท่องเที่ยวแพลตฟอร์มออนไลน์ และโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดด้วยการจัดกิจกรรมบนอัตลักษณ์ถิ่น
“มหกรรมเสน่ห์ไทย” ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) เร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน
(Quick Win) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Low Season) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงวัฒนธรรม เห็นควรเน้นการทำงานแบบบูรณาการ สร้างการมีส่วนร่วม
สร้างการรับรู้ความเข้าใจในทุกภาคส่วน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามมาตรการ
บรรลุเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และมีประสิทธิภาพต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเร่งยกระดับคุณภาพมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้น
โดยเฉพาะสวัสดิภาพความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย
ที่จะส่งผลให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นการท่องเที่ยวสูงสุด
|