ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1005 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20081 - 20100 จากข้อมูลทั้งหมด 124192 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20081 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดตรัง พ.ศ. .... | มท | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดตรัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผ้งเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20082 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อรองรับระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตามแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรใน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) การยื่นแบบแสดงรายการภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ (๒) การหักภาษีและนำส่งภาษีทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (๓) การจัดทำและนำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีและใบรับอิเล็กทรอนิกส์ และ (๔) การนำส่งข้อมูลธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการกำหนดให้ธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินหรือกฎหมายเฉพาะและผู้ประกอบธุรกิจบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์มีหน้าที่นำส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินหรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับผู้มีหน้าที่เสียภาษี ควรกำหนดขอบเขตประเภทของข้อมูลและกรณีที่ต้องปฏิบัติให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อผู้มีหน้าที่จะได้ปฏิบัติได้ถูกต้องและเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้อง ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เห็นว่า กรมสรรพากรควรมีความชัดเจนในขั้นตอนการปฏิบัติ มีแผนรองรับการดำเนินการในแต่ละเรื่อง ควรสื่อสารให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจ และประชาชนให้มีความรู้ ความเข้าใจในการจัดทำ จัดเก็บ การส่งข้อมูลธุรกรรมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดได้ และควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กำหนด เพื่อให้ผลการดำเนินการใดที่ใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีผลตามกฎหมายและสามารถใช้อ้างอิงเป็นพยานหลักฐานได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20083 | ร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศตามพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 รวม 5 ฉบับ | ตช | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับและออกใบอนุญาต การขอต่อและการอนุญาตการต่ออายุใบอนุญาต การขอใบแทนและการออกใบแทนใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ใบแทนใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาตการประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยและใบอนุญาต ใบแทน การต่ออายุใบอนุญาตการเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับรองสถานฝึกอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัย พ.ศ. .... ๒. รับทราบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นธุรกิจรักษาความปลอดภัยตามพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20084 | ผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีและผลการประชุมสุดยอดอาเซียน - รัสเซีย สมัยพิเศษ | กต | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และการประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องตามนัยสรุปประเด็นสำคัญสำหรับติดตามผลการเยือนฯ และผลการประชุมฯ ดำเนินการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีได้หารือข้อราชการกลุ่มเล็กและหารือข้อราชการแบบเต็มคณะหรือการประชุมคณะรัฐมนตรีย่อยร่วมกับนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย และได้หารือข้อราชการกับประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซียในประเด็นความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคี และในกรอบความร่วมมือพหุภาคีต่าง ๆ ในเวทีระหว่างประเทศอื่น ๆ โดยครอบคลุมการดำเนินการในสาขาต่าง ๆ รวมทั้งได้ลงนามความตกลงรวม ๑๕ ฉบับ โดยเป็นความตกลงภาครัฐ ๖ ฉบับ ครอบคลุมความร่วมมือด้านการทหาร การเกษตร การประมง การส่งเสริมการค้า การแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน และการปกป้องสิ่งแวดล้อม และความตกลงระหว่างภาคเอกชนรวม ๙ ฉบับ ครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น พลังงาน การเงินการธนาคาร วิทยาศาสตร์ การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ๒. การประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือในอนาคตในทุกมิติ และการรับมือกับความมั่นคงรูปแบบใหม่ โดยข้อเสนอที่สำคัญของไทย ได้แก่ (๑) สนับสนุนบทบาทของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนที่ตั้งอยู่ในไทย และส่งเสริมให้อาเซียนและรัสเซียขยายความร่วมมือในการต่อต้านยาเสพติดร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ส. อาเซียน (๒) สนับสนุนการเพิ่มมูลค่าทางการค้าของทั้งสองฝ่ายโดยเน้นการมีบทบาทของภาคเอกชน รวมทั้งสนับสนุนการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะมีข้อตกลงการค้าเสรีอย่างครอบคลุมระหว่างอาเซียนกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union : EAEU) และ (๓) ส่งเสริมให้อาเซียนและรัสเซียขยายความร่วมมือด้านการบินพลเรือน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับรองปฏิญญาโซชิ ซึ่งเป็นเอกสารที่ย้ำหลักการพื้นฐานในการดำเนินความสัมพันธ์อาเซียน-รัสเซียเพื่อมุ่งสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20085 | ผลการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ (Joint Commission - JC) ไทย - สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ 1 | กต | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เชค อับดุลลาห์ บิน ซายิด อัล นะห์ยาน) และเป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ (Joint Commission : JC) ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งได้มีการหารือในประเด็นความร่วมมือที่ดำเนินการอยู่แล้วและริเริ่มความร่วมมือในมิติใหม่ ๆ เช่น การเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน การส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ระหว่างภาคเอกชนผ่านการจัดตั้งสภาธุรกิจร่วมไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางและธนาคารอิสลามของทั้งสองประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความร่วมมือด้านฝนหลวง และความร่วมมือไตรภาคีเพื่อการพัฒนาประเทศที่สาม รวมทั้งการสนับสนุนการเป็นประตูสู่ภูมิภาคระหว่างกัน และการสนับสนุนกันและกันในประเด็นความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน และมอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปในโอกาสแรก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20086 | รายงานงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. งบแสดงฐานะการเงิน สำนักงาน คปภ. มีสินทรัพย์รวม ๔,๙๓๒.๔๙ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๘.๙๒ เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีหนี้สินรวม ๕๐๘.๔๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๙.๙๕ เมื่อเทียบกับปีก่อน ๒. งบรายได้และค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จ สำนักงาน คปภ. มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย ๗๐๐.๔๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๕๕ เมื่อเทียบกับปีก่อน ๓. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้แสดงความเห็นในประเด็นเงินค่าตอบแทนตามต้นทุนการบริการในอดีต เพื่อเป็นบำเหน็จเพิ่มเติมแก่พนักงานที่มาจากกรมการประกันภัยและกระทรวงพาณิชย์ ที่กำหนดวงเงินไว้ประมาณ ๖๗๙.๐๕ ล้านบาท โดยทยอยตั้งในอัตราร้อยละสิบต่อปี เบิกจ่ายจริงในงวดที ๒๕๕๔ จำนวน ๒๓.๓๗ ซึ่งรายจ่ายดังกล่าวมีความไม่แน่นอน โดย ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ มียอดสะสมเงินค่าตอบแทนดังกล่าวจำนวน ๔๐๐.๐๑ ล้านบาท โดยสำนักงาน คปภ. แจ้งว่าปัญหาดังกล่าวมีความซับซ้อน จึงต้องมีการพิจารณาและดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20087 | การขยายระยะเวลากำหนดวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรคงค้างทั้งหมด | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ที่เห็นชอบให้ขยายระยะเวลากำหนดวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรคงค้างทั้งหมดให้อยู่ภายในกรอบวงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยแยกเป็นวงเงินกู้ ๔๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท จากเดิมภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ เป็นภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ เนื่องจากการระบายข้าวจะต้องพิจารณาจากสภาวะตลาดในเวลาที่เหมาะสมและไม่ให้มีผลกระทบต่อราคาข้าวภายในประเทศ ๑.๒ รายงานสถานะหนี้คงค้างจากการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕-ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ ทั้งในส่วนเงินกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน และเงินทุน ธ.ก.ส. ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๔๙๘,๗๖๗.๔๕๕ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่ได้ในแต่ละฤดูกาลด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแผนการระบายข้าวในสต็อกของโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕-ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ และการลดกรอบวงเงินกู้คงค้างที่เหมาะสมในแต่ละปี โดยแผนดังกล่าวต้องแสดงให้เห็นถึงแนวทางการลดภาระหนี้เงินกู้ทั้งในส่วนการระบายข้าวและภาระงบประมาณที่ต้องชดเชยเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้อย่างชัดเจนเป็นรายปี และนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวพิจารณาเพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20088 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 | กค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institution Development Fund : FIDF) เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและการพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เพิ่มเติม จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ หากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่สามารถโอนเงินจำนวนดังกล่าวได้ทันในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ให้นำไปสมทบกับเงินที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจะนำส่งในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20089 | การเสนอแนวทางการปฏิรูปองค์กรตำรวจ (ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การจัดทำแผนปฏิรูปกิจการตำรวจ) | ตช | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาแนวทางการปฏิรูปองค์กรตำรวจ [ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การจัดทำแผนปฏิรูปกิจการตำรวจ] ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปกิจการตำรวจ และนำความเห็นข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย ความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผลการศึกษาของคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาประกอบการพิจารณาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการตำรวจ ระยะ ๒๐ ปี โดยกำหนดประเด็นการปฏิรูปไว้ ๑๐ ประเด็น ได้แก่ (๑) ปรับปรุงการบริหารงานบุคคล และเส้นทางการเจริญเติบโต (๒) การกระจายอำนาจและพัฒนาการบริหารงานตำรวจ (๓) ปฏิรูประบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย (๔) ค่าตอบแทนและสวัสดิการ เพื่อดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี (๕) อุปกรณ์ประจำกาย อุปกรณ์ประจำหน่วย (๖) การป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน (๗) การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและท้องถิ่น (๘) การจัดระบบนิติวิทยาศาสตร์ (๙) การสรรหาและระบบการฝึกอบรม และ (๑๐) การถ่ายโอนภารกิจ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น ควรมีคณะกรรมการพิจารณาการถ่ายโอนภารกิจดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทุกหน่วยงานมีความพร้อมในการรับโอนภารกิจตามแนวทางการปฏิรูปองค์กรตำรวจ ควรกำหนดกลยุทธ์และตัวชี้วัดที่สะท้อนผลผลิตและผลลัพธ์ รวมทั้งความเชื่อมั่นขององค์กรให้เห็นเป็นรูปธรรมแก่ประชาชนอย่างแท้จริง ควรให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่สังคมและประชาชน รวมถึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการพิจารณาดำเนินการให้สัมฤทธิ์ผลและให้รายงานความคืบหน้าพร้อมปัญหาอุปสรรคให้ทราบทุก ๓ เดือน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20090 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือน มิถุนายน 2559 | นร02 | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ทั้ง ๒๐ กระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชาสัมพันธ์ในเดือนที่ผ่านมา (มิถุนายน ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเปิดชมรม PRD TO BE NUMBER ONE ที่กรมประชาสัมพันธ์ การเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี การรณรงค์ออกเสียงประชามติและการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ มาตรการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการใช้รถใช้ถนนช่วงฤดูฝน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและการขับเคลื่อน e-Payment กิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก (๕ มิถุนายน ๒๕๕๙) มาตรการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย (IUU) มาตรการจัดระเบียบสังคมและส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ การคุ้มครองสัตว์ป่าตามอนุสัญญา CITES และการควบคุมการค้างาช้าง การสร้างการรับรู้และความเข้าใจในการดำเนินงานของรัฐบาลผ่านชุดคำพูด (Theme Message) ให้กับประชาชน ความร่วมมือนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) หนึ่งในซุปเปอร์คลัสเตอร์ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ นโยบายการเรียนฟรี ๑๕ ปี ตามนโยบายรัฐบาล และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. การประชาสัมพันธ์ในเดือนต่อไป (สิงหาคม ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา การรณรงค์ออกเสียงประชามติและการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ มาตรการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย (IUU) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน การจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ๒๐๑๖ ณ เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล การสนับสนุนการจ้างงานคนพิการเข้าทำงานทั้งภาครัฐและสถานประกอบการ การฝึกซ้อมและการค้นหาเพื่อช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัย การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ระเบียบและกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสัตว์ป่าตามอนุสัญญา CITES ผลการจัดงาน Thailand Industry Expo 2016 และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20091 | ร่างพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขขอบเขตการใช้บังคับตามพระราชบัญญัตินี้โดยขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมถึงลูกจ้างของส่วนราชการไม่ว่าจะเป็นราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น การเพิ่มเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้าง แก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการกองทุนเงินทดแทน การลดการจ่ายเงินเพิ่มกรณีนายจ้างไม่จ่ายเงินสมทบหรือจ่ายไม่ครบจำนวน การแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการ แก้ไขบทกำหนดโทษให้เหมาะสม รวมทั้งแก้ไขเพื่อให้บทบัญญัติเอื้อประโยชน์ต่อการบริหารจัดการกองทุนที่ดี หรือการลดขั้นตอนการทำงาน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรกำหนดให้มีการจัดทำรายงานการเงินของกองทุนส่งผู้สอบบัญชีภายในหกสิบวันนับแต่วันสิ้นบัญชี การรายงานการสอบบัญชีเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน และการรายงานการสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีต่อกระทรวงการคลัง ควรกำหนดให้มีการวางและรักษาไว้ซึ่งระบบบัญชีที่เหมาะสมแก่กองทุนตามมาตรฐานการบัญชีสากล และควรกำหนดให้มีการจัดระบบการตรวจสอบภายในเพื่อตรวจสอบการดำเนินงานต่าง ๆ ของกองทุน รวมทั้งเห็นควรให้ตัดมาตรา ๔ (๓) ในร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งระบุให้ร่างพระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่องค์การของรัฐบาลหรือองค์การระหว่างประเทศ เนื่องจากโดยปกติองค์การดังกล่าวมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายภายในในเรื่องต่าง ๆ เว้นแต่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันเฉพาะเรื่อง ซึ่งจะระบุไว้ในความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การนั้น ๆ ดังนั้น ลูกจ้างของสถานเอกอัครราชทูตและองค์การระหว่างประเทศจึงควรได้รับการคุ้มครองจากร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย ซึ่งถือเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่สถานเอกอัครราชทูตและองค์การระหว่างประเทศต้องปฏิบัติตาม ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๓. ให้กระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีขอบเขตการใช้บังคับกฎหมายให้รวมถึงกลุ่มลูกจ้างของราชการที่มีการจ้างต่อเนื่อง จะทำให้รัฐในฐานะนายจ้างมีภาระที่จะต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนตามอัตราที่กำหนด กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม และให้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความมั่นคงและความยั่งยืนของกองทุนเงินทดแทนในระยะยาวจากการให้สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20092 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... | นร09 | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20093 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง | กต | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) จำนวน ๑ ฉบับ ได้แก่ ข้อมติ UNSC ที่ ๒๒๖๒ (ค.ศ. ๒๐๑๖) เกี่ยวกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง โดยมีสาระสำคัญเป็นการเห็นชอบการต่ออายุมาตรการคว่ำบาตรทางอาวุธ การห้ามเดินทาง และการอายัดทรัพย์สินต่อสาธารณรัฐแอฟริกากลาง โดยให้มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ ๑.๒ มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทยถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่เห็นว่า สถานการณ์ในสาธารณรัฐแอฟริกากลางเป็นเรื่องการใช้ความรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันเนื่องมาจากความไม่สงบทางการเมืองซึ่งมิใช่ความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจึงไม่สามารถดำเนินการตามข้อมติ UNSC ดังกล่าวได้ ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20094 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง ค่าควบคุมงาน และขอขยายระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดดุสิต 1 หลัง พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ | ศย | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดดุสิต ๑ หลัง พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพื้นที่บางส่วนเป็นที่ทำการศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบและค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงาน โดยเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง จากเดิมวงเงิน ๕๓๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๖๒๙,๖๐๐,๐๐๐ บาท และค่าควบคุมงาน จากเดิมวงเงิน ๙,๒๗๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๑๐,๘๕๕,๕๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันการก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างไปถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่จะใช้จ่ายงบประมาณ สำหรับงบประมาณในส่วนที่เพิ่มขึ้นของวงเงินค่าก่อสร้าง จำนวน ๙๐,๖๐๐,๐๐๐ บาท และค่าควบคุมงาน จำนวน ๑,๕๘๕,๕๐๐ บาท ซึ่งไม่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้ และมีแผนการใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ นั้น ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณหรือขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่เสนอในครั้งนี้ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์สูงุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับความเหมาะสมของปริมาณงานและการกำหนดราคาให้มีความเหมาะสม โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20095 | การเพิ่มวงเงินเกินกว่าวงเงินก่อหนี้ผูกพัน รายการก่อสร้างอาคารสำนักงานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร | กษ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินรายการก่อสร้างอาคารสำนักงานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จากเดิมวงเงิน ๗๙,๘๙๗,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๘๒,๘๙๗,๐๐๐ บาท สำหรับวงเงินค่างานที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาเดิมให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่เหลือจ่าย จำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามขั้นตอน ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อเป็นค่างานดังกล่าวต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20096 | ขออนุมัติการดำเนินงานเพื่อยกระดับความเข้มแข็งด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และการปกป้องชื่อโดเมน | ทก | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ดำเนินการตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อนำข้อเสนอแนะมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ (Website Security Standard) ไปใช้ในการดำเนินงาน โดยจะประกาศรายชื่อหน่วยงานของรัฐเพื่อเข้าร่วมโครงการระบบตรวจจับและวิเคราะห์การโจมตีผ่านเครือข่าย (ThaiCERT Government Monitoring System) เป็นระยะต่อไป ๑.๒ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้ง Sector-based CERT ในหน่วยงานสำคัญต่าง ๆ ต่อไป ๑.๓ เป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมรายชื่อโดเมนที่สำคัญของประเทศไทย พร้อมเตรียมแนวทางในการดำเนินการปกป้องรายชื่อดังกล่าวในกระบวนการพิจารณาของ The Internet Corporation for Assigned Names and Numbers (ICANN) ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการเผยแพร่ข้อเสนอแนะมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ (Website Security Standard) อย่างต่อเนื่องและกว้างขวาง เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถใช้เป็นแนวทางและข้อกำหนดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ต่อไป รวมทั้งเห็นควรยกระดับมาตรฐานการเฝ้าระวัง ติดตาม และดูแลภัยคุกคามไซเบอร์ในภาคสถาบันการเงิน โดยจัดตั้ง Financial Sector CERT เพื่อให้การจัดการกับปัญหาภัยคุกคามไซเบอร์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20097 | ขออนุมัติงบประมาณเงินอุดหนุนศูนย์ซีมีโอ สปาฟา 5 ปี ระยะที่ 7 | ศธ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ศูนย์ซีมีโอ สปาพา) ระยะที่ ๑-๖ (พ.ศ. ๒๕๓๐-๒๕๖๐) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ ผลการดำเนินงานศูนย์ซีมีโอ สปาฟา ระยะที่ ๑-๖ (พ.ศ. ๒๕๓๐-๒๕๖๐) ได้ดำเนินโครงการตามวัตถุประสงค์ของศูนย์ซีมีโอ สปาฟา รวมทั้งสิ้น ๒๓๑ โครงการ แบ่งออกเป็น ๕ ด้าน ได้แก่ ด้านโบราณคดี ด้านทัศนศิลป์ ด้านศิลปะการแสดง ด้านการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมในเขตร้อนชื้น และโครงการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น และโครงการด้านอื่น ๆ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากประเทศสมาชิก รวมทั้งสิ้น ๓,๑๙๘ คน นอกจากนี้ ศูนย์ซีมีโอ สปาฟา ได้บุกเบิกงานโบราณคดีใต้น้ำ ตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ จนถึงปัจจุบัน และสนับสนุนงบประมาณให้กับนักศึกษาคณะโบราณคดีและมหาวิทยาลัยศิลปากรจัดกิจกรรมฝึกอบรมโบราณคดีใต้น้ำภาคฤดูร้อนของทุกปี โดยในปี ๒๕๕๖ ศูนย์ซีมีโอ สปาฟา สามารถจัดตั้งเวทีการประชุมนานาชาติ เรื่อง โบราณคดีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในภูมิภาคได้เป็นครั้งแรก ๑.๑.๒ จากการประเมินผลการดำเนินงานของศูนย์ซีมีโอ สปาฟา ภายใต้แผน ๕ ปี ระยะที่ ๑-๕ (พ.ศ. ๒๕๓๐-๒๕๕๙) มีข้อเสนอแนะว่า ศูนย์ซีมีโอ สปาฟา ควรนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการประชุมทางไกล (Video Conference) มาใช้ในการดำเนินงานจัดประชุมและฝึกอบรม และควรสมัครขอรับทุนการสนับสนุนด้านงบประมาณจากหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งปรับทิศทางและกลุ่มเป้าหมายของผู้ที่จะได้ประโยชน์จากโครงการของศูนย์ซีมีโอ สปาฟา ให้รวมถึงประชาชนทั่วไป ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ และควรใช้สื่อการประชาสัมพันธ์มาใช้ในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๑.๑.๓ ศูนย์ซีมีโอ สปาฟา เสนอของบประมาณในการดำเนินงาน ๕ ปี ระยะที่ ๗ (ปีงบประมาณศูนย์ซีมีโอ สปาฟา ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ถึง ๒๕๖๔/๒๕๖๕) เป็นจำนวนเงิน ๑๗๑,๓๐๗,๖๒๐ บาท ซึ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายสำหรับงบบุคลากร งบดำเนินงาน และงบลงทุน ๑.๒ อนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อใช้ในการดำเนินงานของศูนย์ซีมีโอ สปาฟา แผนพัฒนา ๕ ปี ระยะที่ ๗ (ปีงบประมาณศูนย์ซีมีโอ สปาฟา ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ถึง ๒๕๖๔/๒๕๖๕) จำนวน ๑๑๑,๒๒๗,๙๐๐ บาท ตามกรอบงบประมาณของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ศูนย์ซีมีโอ สปาฟา พิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะจากรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานของศูนย์ซีมีโอ สปาฟา ภายใต้แผนพัฒนา ๕ ปี ระยะที่ ๑-๖ (๒๕๓๐-๒๕๖๐) ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20098 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางมนัสนันท์ ลิมปวิทยากุล) | สธ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางมนัสนันท์ ลิมปวิทยากุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านวิจัย) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20099 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยได้พิจารณาการดำเนินการตามแผนและการเตรียมความพร้อมในการบังคับใช้กฎหมายใน ๓ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) การจัดทำคู่มือจากกฎหมายฉบับใหม่ (๒) การจัดทำแผนฝึกอบรมบุคลาการและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน และ (๓) การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20100 | ขออนุมัติการดำเนินงานด้านมาตรฐานรหัสสินค้าและบริการ | ทก | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการใช้การพัฒนามาตรฐานและระบบทะเบียนรหัสสินค้าและบริการของประเทศไทยที่จำเป็นสำหรับการซื้อขายทางออนไลน์ เช่น สำนักงานสถิติแห่งชาติ กรมบัญชีกลาง และกรมศุลกากร และสนับสนุนการทำงานร่วมกับภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นต้น เพื่อให้มีการนำมาตรฐานรหัสสินค้าและบริการไปใช้อย่างแพร่หลายอันสอดคล้องกับมาตรฐานสากลต่อไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
.....