ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1003 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20041 - 20060 จากข้อมูลทั้งหมด 124192 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20041 | การแข่งขันกีฬาบุคลากรระหว่างส่วนราชการต่าง ๆ ในรัฐบาล (GOVERNMENT GAMES 2016) | นร | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานว่า ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการแข่งขันกีฬานำร่องระหว่างหน่วยงานของรัฐในฝ่ายบริหาร โดยแบ่งเป็น ๖ ทีม ตามการกำกับการบริหารราชการของรองนายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับความสัมพันธ์และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาด้านการกีฬาอย่างต่อเนื่อง โดยให้เร่งดำเนินการภายใน ๓ เดือน นั้น ได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการจัดการแข่งขันดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และได้จัดทำเค้าโครงภาพรวมการแข่งขัน “กีฬาบุคลากรรัฐ GOVERNMENT GAMES 2016” เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเบื้องต้น โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขัน ระเบียบกติกา ชนิดกีฬา คุณสมบัติของนักกีฬา ระยะเวลาจัดการแข่งขัน ผู้ประสานงานและหน่วยงานเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา รางวัลและงบประมาณ เป็นต้น ๑.๒ ในส่วนของการจัดงานเลี้ยงต้อนรับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ ๓๑ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอื่น ๆ เห็นควรให้มีการจัดงานดังกล่าวในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งจะมีการมอบรางวัลให้แก่นักกีฬาที่มีผลงานดีเด่นและได้รับรางวัลจากการแข่งขันด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่นักกีฬาที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๓๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20042 | ขออนุมัติลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมแห่งสาธารณรัฐเกาหลีสำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวง ตอนล่าง จังหวัดอุดรธานี และหนองคาย | กษ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี สำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดอุดรธานี และหนองคาย ที่จะมีการลงนามในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๗-๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดยร่างบันทึกแสดงเจตจำนงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตจำนงของทั้งสองฝ่ายในการดำเนินความร่วมมือทางด้านเทคนิค โดยการปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อกำหนดกรอบและขอบเขตการดำเนินงานสำหรับโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดอุดรธานี และหนองคาย ซึ่งคู่ภาคีจะแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้น ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อหารือการดำเนินงานด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องในระยะที่ ๑ ของโครงการ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมาย เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกแสดงเจตจำนงฯ ๒. การดำเนินการตามบันทึกแสดงเจตจำนงฯ จะต้องเป็นความร่วมมือในทางวิชาการเท่านั้น โดยต้องไม่มีข้อผูกพันใด ๆ เกี่ยวกับการดำเนินการลงทุนโครงการดังกล่าวหรือการทำสัญญาว่าจ้างดำเนินโครงการในอนาคต ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20043 | ขออนุมัติดำเนินโครงการ/งานในลักษณะงบลงทุนของกองบัญชาการกองทัพไทย | กห | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ และงานจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พร้อมติดตั้งซอฟแวร์ โดยให้สามารถลงนามจัดซื้อจัดจ้างได้ภายหลังวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ การดำเนินโครงการก่อสร้างและการจัดหาครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ดังกล่าว ขอให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ....) ๓. ให้กระทรวงกลาโหมเร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันและดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20044 | การขยายระยะเวลาลงนามสัญญารายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณกรณีไม่สามารถลงนามสัญญาได้ภายในเดือนพฤษภาคม | วธ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณายกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม ขยายระยะเวลาลงนามในสัญญารายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๒ รายการ ดังนี้
๑. อาคารเก็บรักษาสิ่งเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ๑ แห่ง งบประมาณทั้งสิ้น ๕๘,๖๖๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๑,๗๙๖,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ จำนวน ๔๖,๘๖๔,๐๐๐ บาท ซึ่งรายการดังกล่าวมีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี จึงเห็นควรให้หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ปฏิบัติตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗(๒) โดยนำเรื่องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมตามขั้นตอน เพื่อขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาต่อไป ๒. ค่าตกแต่งและครุภัณฑ์ประกอบอาคารศูนย์อนุรักษ์และบริการโสตทัศน์แห่งชาติ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ๑ แห่ง งบประมาณทั้งสิ้น ๘๓,๕๔๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๖,๗๑๑,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๖๖,๘๒๙,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การดำเนินรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าว ให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามงวดงานและงวดเงินที่จะจ่ายจริงตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20045 | ขออนุมัติจัดตั้งสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม และขออนุมัติงบประมาณอุดหนุนการดำเนินงาน | พณ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ เรื่อง การจัดตั้งสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรมในรูปแบบมูลนิธิ ซึ่งที่ประชุม นบข. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการตามผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการศึกษาการจัดตั้งสถาบันการพาณิชย์ข้าวที่เสนอให้มีการจัดตั้งสถาบันการพาณิชย์ข้าวขึ้นโดยเร็ว โดยให้จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ มีภารกิจผลักดันงานวิจัยไปสู่การผลิตสินค้านวัตกรรมขั้นสูงออกสู่ตลาด เป็นที่ปรึกษาอำนวยความสะดวกผู้ที่สนใจลงทุน เชื่อมโยงนักวิจัย ผู้ประกอบการ และเกษตรกร ส่งเสริมและสร้างตลาดด้วยการสร้างความตระหนักในคุณค่าข้าวที่เป็นมากกว่าข้าวบริโภค (table rice) รวมทั้งเห็นควรขยายขอบเขตไปยังพืชเกษตรอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น มันสำปะหลัง ปาล์ม ฯลฯ โดยให้จัดตั้งเป็น "มูลนิธิสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม" ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ เริ่มต้นดำเนินการจากสินค้าข้าวก่อนเป็นลำดับแรก ก่อนที่จะขยายสู่สินค้าเกษตรอื่น ๆ โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ประสานสำนักงบประมาณจัดทำข้อเสนอขออนุมัติงบประมาณอุดหนุนการดำเนินงานของมูลนิธิสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม วงเงิน ๗๕๐ ล้านบาท ระยะเวลา ๕ ปี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้การดำเนินการเกิดความซ้ำซ้อนกันด้วย ส่วนเรื่องงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อการจัดตั้งและดำเนินงานตามภารกิจของสถาบันฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์เสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพิ่มเติมตามขั้นตอนหรือปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ในการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ให้สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรมตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้มีการติดตามประเมินผลในระยะที่ ๑ (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒) หากผลการดำเนินงานไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ให้มีการทบทวนภารกิจของสถาบันฯ ต่อไป และในการดำเนินการของสถาบันฯ ควรให้มีความเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการสร้างนวัตกรรมของสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อสร้างจุดแข็งและความโดดเด่น ก่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าเกษตรนวัตกรรมอย่างยั่งยืน และคำนึงถึงวัตถุประสงค์ที่คล้ายคลึงกับหน่วยงานที่ดำเนินการอยู่ รวมทั้งควรวางกลไกในการสรรหาผู้อำนวยการสถาบันฯ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อมาทำหน้าที่ผลักดันการดำเนินงานของสถาบันฯ ให้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง นอกจากนี้ ควรสร้างความร่วมมือในการทำงานและการรับรู้ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างกว้างขวาง เพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงการทำงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและการเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการ SME อย่างทั่วถึง เพื่อกระจายโอกาสและผลักดัน SME ให้สามารถเข้าถึงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการได้ในอีกทางหนึ่ง ตลอดจนควรมีกลไกการติดตามผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่วางไว้ทุกปี และรายงานต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว เพื่อรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด รวมถึงเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายสำคัญด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20046 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 45/2559 เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรเพื่อความเป็นธรรมแก่นักลงทุนและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 46/2559 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 | สลธ.คสช. | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๕/๒๕๕๙ เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรเพื่อความเป็นธรรมแก่นักลงทุน สั่ง ณ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๙ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๒/๒๕๕๘ สั่ง ณ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20047 | มาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย | อก | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เร่งดำเนินการเพื่อให้การใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เช่น การนำรถโดยสารไฟฟ้ามาใช้งานในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน ๒๐๐ คัน การนำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในส่วนราชการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นในการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยที่มุ่งเน้นเพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมการรองรับการพัฒนาด้านเทคโนโลยียานยนต์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่มีผลกระทบต่อมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO-Car) ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและกำลังคนที่เกี่ยวข้องเพื่อดึงดูดบริษัทที่ต้องการมาลงทุนในการผลิตหรือทำวิจัยและพัฒนาด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนบริษัทของไทยให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านยานยนต์ไฟฟ้าและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับอนาคต การพิจารณาสนับสนุนให้นำตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ารวมเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย การกำหนดมาตรการรองรับด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับส่วนประกอบยานยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มของเสียอันตราย การกำหนดให้มีการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันเพื่อวางแผนรองรับการดำเนินมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุน การสร้างแรงจูงใจ และความมั่นใจแก่นักลงทุนควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้แก่ประชาชนและผู้บริโภคในคราวเดียวกัน ตลอดจนวางแนวทางการบริหารจัดการเพื่อลดข้อจำกัดที่อาจเกิดในอนาคต อาทิ การนำแบตเตอรี่มาใช้ใหม่ การกำจัดซากแบตเตอรี่ เป็นต้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ต่อเนื่องและยั่งยืน การกำหนดโควตาหรือระยะเวลาสิ้นสุดของการยกเว้นภาษีอากรนำเข้ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศ และการยกเว้นอากรนำเข้าชิ้นส่วนหลักหรือส่วนประกอบและอุปกรณ์ของรถยนต์นั่งไฟฟ้าที่ชัดเจน นอกจากนี้ ควรมีการพิจารณาความเหมาะสมและปลอดภัยของพื้นที่การใช้งาน รวมถึงการทดสอบสมรรถนะของรถยนต์และการขับบนพื้นผิวจราจรในประเทศไทยที่มีสภาพที่หลากหลาย นอกจากนี้ควรมอบหมายให้กรมบัญชีกลางมีส่วนร่วมในการพิจารณามาตรการการจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานในหน่วยราชการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20048 | ผลการประชุม เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และ ศอ.บต. เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2559 | นร11 | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมเรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามผลการประชุมฯ ดังกล่าว และรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" (จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ศอ.บต. หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่จัดทำรายละเอียดโครงการฯ โดยพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ รวมทั้งผลกระทบให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง และเสนอให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงร่วมกับฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณากลั่นกรองและนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ โครงการพัฒนาด้านศุลกากรบูเก๊ะตา ตำบลโล๊ะจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร รับไปดำเนินการเร่งรัดการก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ ๓ ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ การปรับปรุงเพิ่มเติมงานก่อสร้างด่าน ระยะที่ ๒ และการจัดสรรอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อรองรับการเปิดด่านได้ก่อนภายในปี ๒๕๖๐ รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงและขยายด่านศุลกากรบูเก๊ะตา (ระยะที่ ๔) เพื่อเปิดด่านอย่างเต็มรูปแบบให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ ศอ.บต. ที่เห็นควรให้มีการบูรณาการการทำงานจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติสนับสนุนการทำงานให้เกิดเมืองต้นแบบที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทุกด้านภายใต้กรอบแนวทางการทำงานร่วมกัน ให้เกิดการเชื่อมโยงทุกมิติการพัฒนาทุกด้านและให้มีการกำกับ ติดตามและรายงานให้ผู้บริหารระดับนโยบายทราบและพิจารณาเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีที่ให้มีการจัดหาที่ดินเพิ่มเติมเพื่อการดำเนินโครงการพัฒนาด่านศุลกากรบูเก๊ะตา และพื้นที่เศรษฐกิจจังหวัดนราธิวาสด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20049 | ผลการเยือนสิงคโปร์ของนายกรัฐมนตรีเพื่อกล่าวปาฐกถาในการประชุม IISS Shangri - La Dialogue 15th Asia Security Summit | นร04 | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสิงคโปร์ของนายกรัฐมนตรีเพื่อกล่าวปาฐกถาในการประชุม IISS Shangri-La Dialogue 15th Asia Security Summit และได้มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๓-๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยการประชุมฯ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า ๖๐๐ คน จาก ๕๑ ประเทศ เพื่อหารือเกี่ยวกับกับความมั่นคงในภูมิภาค และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามตารางสรุปผลการเยือนที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และเพื่อเข้าร่วมการประชุม Leaders’ Retreat ๒. การเชิญนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือในเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ๓. การเรียนรู้จากประสบการณ์ด้านการตรวจคนเข้าเมืองโดยอาศัยระบบ Biometric border pass system และระบบการตรวจม่านตา |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20050 | แถลงการณ์ร่วมของประเทศสมาชิกอาเซียน - ซีฟเดค ด้านความร่วมมือในภูมิภาค เพื่อการต่อต้านการประมงผิดกฎหมาย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสัตว์น้ำและสินค้าประมงอาเซียน | กษ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของประเทศสมาชิกอาเซียน-ซีฟเดค ด้านความร่วมมือในภูมิภาค เพื่อการต่อต้านการประมงผิดกฎหมายและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสัตว์น้ำและสินค้าประมงของอาเซียน (Joint ASEAN-SEAFDEC Declaration on Regional Cooperation for Combating IUU Fishing and Enhancing the Competitiveness of ASEAN Fish and Fisheries Products) มีสาระสำคัญเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน-ซีฟเดค เพื่อป้องกันการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมงอาเซียน ซึ่งจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าวในการประชุมหารือระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของหน่วยงานที่ดูแลด้านการประมงของประเทศสมาชิกอาเซียน-ซีฟเดค ในวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับกลไกในการติดตามและประสานให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินการตามร่างแถลงการณ์ฯ ในหมู่ประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียนและซีฟเดคอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งติดตามดูแลให้การกำหนดกฎระเบียบและเงื่อนไขการปฏิบัติของแต่ละประเทศมีความสอดคล้องและอยู่ภายใต้กรอบข้อตกลงร่วมกัน เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพของกระบวนการในการต่อต้านการประมงผิดกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้พิจารณาหาแนวทางในการสร้างการมีส่วนร่วมของประเทศสมาชิกอาเซียน-ซีฟเดค โดยเน้นการดำเนินการใน ๓ ด้าน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาร่วมกัน การเพิ่มกำหนดรูปแบบ/กิจกรรมใหม่ และการสร้างเครือข่ายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั้งประเทศต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ๕. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20051 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และร่างบันทึกความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น | คค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติมว่า ขอแก้ไขข้อความในข้อ ๑ (๑) (๒) (๓) และข้อ ๒ (๑) ของร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น เป็นดังนี้ ๑.๑ ทั้งสองฝ่ายยืนยันการดำเนินการร่วมกันในโครงการต่าง ๆ ดังนี้ (๑) การพัฒนา BCHSR จะใช้ระบบรถไฟความเร็วสูง/ชินคันเซ็นของญี่ปุ่น รวมถึงการใช้รางเฉพาะตลอดเส้นทาง การใช้ระบบอาณัติสัญญาณและขบวนรถไฟเป็นระบบย่อยหลัก (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ระบบรถไฟความเร็วสูง/ชินคันเซ็น”) (๒) รูปแบบการลงทุนและการเงินสำหรับการพัฒนาและการดำเนินการ BCHSR ทั้งสองฝ่ายจะเร่งรัดผลการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นของโครงการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ และจะร่วมกันพิจารณาเสนอแนะรูปแบบการลงทุนและการเงินที่เหมาะสมต่อไป (๓) เพื่อให้การดำเนินการ BCHSR เป็นไปอย่างราบรื่น จะแบ่งการดำเนินโครงการเป็น ๒ ระยะ คือ ช่วงกรุงเทพมหานคร- พิษณุโลก และช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ โดยจะเริ่มดำเนินการช่วงกรุงเทพมหานคร-พิษณุโลกก่อน ๑.๒ จากการพิจารณาร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นควรที่จะพัฒนา BCHSR ดังต่อไปนี้ (๑) เมื่อฝ่ายไทยตัดสินใจใช้ระบบรถไฟความเร็วสูง/ชินคันเซ็นของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว ฝ่ายญี่ปุ่นจะดำเนินการโครงการศึกษาของ JICA สำหรับ BCHSR ต่อ และจะจัดทำรายงานขั้นสุดท้าย ซึ่งประกอบด้วย รายละเอียดเส้นทาง ที่ตั้งสถานี และต้นทุนโครงการเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน ๒. เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการให้มีความร่วมมือด้านระบบรางระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น ในระดับกระทรวงให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และร่างบันทึกความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย โดยให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทยต้องศึกษาความเหมาะสมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเงินอย่างละเอียดและรอบคอบ และให้ความสำคัญกับการกำหนดโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสมในระดับนโยบายที่ทำหน้าที่กำกับดูแลมาตรฐานการให้บริการ ความปลอดภัย และอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม และไม่เป็นภาระทางการเงินแก่ภาครัฐในระยะยาว พร้อมทั้งพิจารณามอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบที่ชัดเจนเพื่อรองรับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ควรพิจารณาแนวทางการบูรณาการการทำงานด้านความปลอดภัยทางถนนร่วมกันกับคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติที่มีกระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงรับผิดชอบหลัก เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากกรอบความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนนภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น ได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าว ๔. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20052 | ขออนุมัติตัดโอนอัตราเงินเดือนของข้าราชการตำรวจและขอปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | ตช | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตัดโอนอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจ ในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน ๗๒๔ อัตรา จำนวนเงิน ๒๒๓,๙๔๐,๓๐๐ บาท ไปให้กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ โดยดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในขั้นตอนของการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20053 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓๗๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ได้แก่ (๑) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จำนวน ๒๙๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๒) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๗๖,๙๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20054 | การลงนามในสัญญาการเข้าร่วมงานนิทรรศการโลก Astana Expo 2017 ณ กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน | พน | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งปลัดกระทรวงพลังงานเป็น Commissioner General of Section ของประเทศไทย ในการเข้าร่วมงานนิทรรศการโลก Astana Expo 2017 ระหว่างวันที่ ๑๐ มิถุนายน-๑๐ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20055 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้เป็นทุนประเดิมสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย | คค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๑๕,๔๗๘,๒๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม โดยเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อใช้เป็นทุนประเดิมของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย ๑.๑ ค่าใช้จ่ายบุคลากร จำนวน ๒๗,๐๙๒,๘๐๐ บาท ๑.๒ ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน จำนวน ๗๓,๓๓๓,๐๐๐ บาท ๑.๓ ค่าครุภัณฑ์ จำนวน ๑๐๒,๗๒๗,๑๐๐ บาท ๑.๔ เงินอุดหนุนค่าสมาชิกองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จำนวน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๕ เงินอุดหนุนโครงการร่วมมือด้านการรักษาความปลอดภัยการบิน [Cooperative Aviation Security Programme, Asia/Pacific Region (CASP) Phase III] ระหว่างประเทศไนกับองค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๖ เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว จำนวน ๑๐,๑๒๕,๓๐๐ บาท ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20056 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นักบริหารระดับสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายชูเกียรติ มาลินีรัตน์) | นร06 | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชูเกียรติ มาลินีรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20057 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (รองเลขาธิการ) (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) (ร้อยตำรวจเอกหญิง สุวนีย์ แสวงผล และพันตำรวจโทหญิง เอมอร ไชยบัวแดง) | ปง | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เนื่องจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ปรับปรุงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจากนักบริหารระดับต้น เป็นนักบริหารระดับสูง ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ ดังนี้
๑. ร้อยตำรวจเอกหญิง สุวนีย์ แสวงผล ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (นักบริหารระดับสูง) ๒. พันตำรวจโทหญิง เอมอร ไชยบัวแดง ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (นักบริหารระดับสูง) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20058 | การแต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษในคณะที่ปรึกษาพิเศษของคณะกรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (จำนวน 6 คน 1. นายศรีภูมิ ศุขเนตร ฯลฯ) | พณ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษในคณะที่ปรึกษาพิเศษของคณะกรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ จำนวน ๖ คน เนื่องจากที่ปรึกษาพิเศษชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ สิงหาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายศรีภูมิ ศุขเนตร ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด การบริหาร และศิลปกรรม ๒. นางสาวอรจิต สิงคาลวณิช ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด การบริหาร และศิลปกรรม ๓. นางอรนุช โอสถานนท์ ผู้แทนศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ๔. นางสาวกฤษณา รวยอาจิณ ผู้แทนศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ๕. นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ๖. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20059 | แต่งตั้งคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ | ศธ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (ที่กำกับดูแลงานคุณวุฒิการศึกษา/งานคุณวุฒิวิชาชีพ) เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธานกรรมการ มีกรรมการอีกจำนวน ๓๑ คน โดยมีเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและกลยุทธ์การขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติเพื่อผลักดันให้องค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการศึกษาและฝึกอบรมที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ มาตรฐานฝีมือแรงงาน จัดให้มีฐานข้อมูลหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติเพื่อการประชาสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับนานาชาติ กำหนดมาตรการเชื่อมโยงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติกับกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียนและระดับสากล เป็นต้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20060 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (นายชัยยงค์ พัวพงศกร) | มท | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายชัยยงค์ พัวพงศกร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง ตามมติคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง ครั้งที่ ๖๖๕ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๖๖๖ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ โดยให้นายชัยยงค์ พัวพงศกร ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
.....