ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 1923 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
441 | สรุปผลการปฏิบัติการภายใต้โครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย 2559 และการนำเสนอวีดิทัศน์สรุปผลการปฏิบัติการฯ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | ยธ | 21/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการปฏิบัติการภายใต้โครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติการฯ (๑) ไทยรับเป็นเจ้าภาพศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย (ศปง.มข.) ช่วง ๖ เดือนแรก ของปี ๒๕๕๙ ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน ๒๕๕๙ และจีนรับเป็นเจ้าภาพต่อในช่วง ๖ เดือนหลังของปี ระหว่างเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๕๙ ซึ่งสมาชิกทั้ง ๖ ประเทศ (จีน เมียนมา ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประเทศละ ๒ คน มาร่วมปฏิบัติหน้าที่ประจำ ณ ศปง.มข. จังหวัดเชียงใหม่ และ ศปง.มข. เมืองจิ่งหง สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน โดยเน้นการทำงานร่วมกันในด้านการประสานข้อมูลทางคดีที่มีการจับกุมของแต่ละประเทศ การขยายผลการจับกุมไปยังประเทศสมาชิก การบันทึกข้อมูลลงในระบบฐานข้อมูล การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็นให้กับบางประเทศ การจัดประชุมทางไกลผ่านจอภาพ การตรวจพื้นที่ตามแนวชายแดน และการร่วมประชุมประสานงานด้านการข่าว และ (๒) การจัดประชุมหารือการข่าว (Morning Brief) เพื่อรับทราบสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ของ ศปง.มข. และเจ้าหน้าที่ประสานงาน ๖ ประเทศ โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การสืบสวน การจับกุม และการปฏิบัติภารกิจร่วมกัน รวมทั้งรายงานหน่วยต้นสังกัดของแต่ละประเทศทราบ ๒. ผลการจับกุมยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ สามารถจับกุมคดียาเสพติด ๖,๗๖๕ คดี ผู้ต้องหา ๑๐,๖๑๘ คน ยึดสารตั้งต้นและสารเคมี ๗๘,๐๘๔ กิโลกรัม ของกลางยาบ้ากว่า ๑๐๒ ล้านเม็ด ไอซ์ ๒,๙๕๙ กิโลกรัม และเฮโรอีน ๒,๔๗๘ กิโลกรัม ส่วนการสกัดกั้นเคมีภัณฑ์ สามารถลดปริมาณการผลิตยาเสพติดได้จำนวนมาก โดยสกัดกั้นคาเฟอีน ๑๙,๔๗๕ กิโลกรัม กรดไฮโดรคลอลิก ๓,๑๘๓ ลิตร และกรดซัลฟูลิก ๒๘๐ ลิตร สามารถยับยั้งการผลิตยาบ้าได้ ๖๗๑ ล้านเม็ด และยับยั้งการผลิตไอซ์ได้ ๖,๙๒๖ กิโลกรัม ๓. ประเทศสมาชิกได้ร่วมกันกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ระยะต่อไป โดยกำหนดให้มีการวางระบบการปฏิบัติและการรายงานสำหรับ ๖ ประเทศร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายขอบเขตการดำเนินการของโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย รวมทั้งได้ร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ยาเสพติดภาพรวมทั้ง ๖ ประเทศในบริเวณพื้นที่แม่น้ำโขงจนสามารถกำหนดพื้นที่ปัญหาและแนวทางการดำเนินการสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาการผลิต การค้า และการลำเลียงยาเสพติด รวม ๑๑ พื้นที่ ดังนั้น ประเทศสมาชิกได้ร่วมกันจัดทำ “แผนปฏิบัติการปิดล้อมแหล่งผลิตในสามเหลี่ยมทองคำ” ภายใต้แผนปฏิบัติการฯ เพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินการในปี ๒๕๖๐ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
442 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 07/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มีนาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
443 | ร่างกฎกระทรวงแบบบัตรประจำตัวพนักงานคุมประพฤติ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบบบัตรประจำตัวอาสาสมัครคุมประพฤติ พ.ศ. .... | ยธ | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบบบัตรประจำตัวพนักงานคุมประพฤติ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทวงแบบบัตรประจำตัวอาสาสมัครคุมประพฤติ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานคุมประพฤติและอาสาสมัครคุมประพฤติ เพื่อให้พนักงานคุมประพฤติและอาสาสมัครคุมประพฤติแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
444 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (จำนวน 5 คน 1. พลตรี ธารา พูนประชา ฯลฯ) | ยธ | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา จำนวน ๕ คน ตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลตรี ธารา พูนประชา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ๒. นายชินชัย ชี้เจริญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ ๓. นางสาวศุภมาศ พยัฆวิเชียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ๔. นายพิทยา จินาวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายชนะพล มหาวงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
445 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การวางทรัพย์) | ยธ | 07/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การวางทรัพย์) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเพิ่มวรรคสี่ของมาตรา ๓๓๓ กำหนดให้สำนักงานวางทรัพย์ประจำตำบลให้หมายความรวมถึงสำนักงานบังคับคดี สังกัดกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
446 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การถูกคุมขังเกินกว่าโทษตามคำพิพากษา | ยธ | 31/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การถูกคุมขังเกินกว่าโทษตามคำพิพากษาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยกระทรวงยุติธรรมได้จัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรมคุมประพฤติ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมราชทัณฑ์ สำนักงานกิจการยุติธรรม สำนักงานกองทุนยุติธรรม และสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับข้อเสนอเป็นส่วนใหญ่ โดยข้อเสนอที่เห็นว่าเหมาะสมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแล้ว และบางเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ สำหรับข้อเสนอบางประการอาจกระทบกับหลักการสำคัญของกฎหมาย ควรที่จะมีการศึกษาให้ละเอียดรอบคอบก่อนดำเนินการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
447 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี 2559 | ยธ | 31/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประจำปี ๒๕๕๙ ในอัตราไม่เกิน ๙,๑๙๔ คน โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง และผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ๑.๑ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๐๑,๒๗๖ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๗,๕๓๒ คน ๑.๒ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๐.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๓๓๒,๓๒๘ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๑,๖๖๒ คน ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
448 | กรอบแนวทางในการป้องกันอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพ | ยธ | 24/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบแนวทางในการป้องกันอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพ ทั้ง ๖ ด้าน ประกอบด้วย (๑) การป้องกันอาชญากรรมโดยสภาพแวดล้อม (๒) การป้องกันอาชญากรรมโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน (๓) การป้องกันอาชญากรรมโดยการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ (๔) การป้องกันอาชญากรรมโดยการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสจะกระทำความผิด (๕) การป้องกันอาชญากรรมโดยการลดโอกาสการตกเป็นเหยื่อ (๖) การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรในการป้องกันอาชญากรรม ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ตามที่ประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในการเตรียมความพร้อมทางด้านกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และจัดทำรายละเอียด เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ด้านการปฏิรูปกฎหมายและพัฒนากระบวนการยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับตัวชี้วัดการดำเนินงานทั้งระดับผลผลิตและระดับผลลัพธ์ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินผล รวมทั้งการจัดเก็บข้อมูลและข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Data) ให้ชัดเจนและครอบคลุม และการปรับแก้ไขตัวชี้วัดที่ ๑ จากการวัดสถิติอาชญากรรมพื้นฐานลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐ เป็นตัวชี้วัดการลดความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชน ให้ประชาชนมีความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมต่ำกว่าร้อยละ ๔๐ ตามเกณฑ์มาตรฐานของ ก.พ.ร. แทน ส่วนตัวชี้วัดที่ ๒ สถิติการกระทำผิดซ้ำในกระบวนการยุติธรรมลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ไม่เห็นควรนำมาเป็นตัวชี้วัดการทำงานของตำรวจเพราะจะเป็นการบังคับไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้กระทำผิดที่มีลักษณะการกระทำผิดซ้ำอันจะเกิดความเสียหายต่อการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในส่วนรวม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
449 | แนวทางการเผยแพร่กฎหมายเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ | ยธ | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการเผยแพร่กฎหมายเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ แผนปฏิบัติการเผยแพร่กฎหมายเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ และแบบตรวจสอบแนวทางการเผยแพร่กฎหมายเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้หน่วยงานของรัฐที่เป็นผู้เสนอให้มีหรือปรับปรุงกฎหมายจัดส่งแบบตรวจสอบการเผยแพร่กฎหมายเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ ให้สำนักงานกิจการยุติธรรมเมื่อกฎหมายนั้น ๆ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
450 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง [ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (นายสมชาย เสียงหลาย และ นายถาวร พรหมมีชัย)] | ยธ | 10/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ มกราคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชาย เสียงหลาย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ๒. นายถาวร พรหมมีชัย ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
451 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. .... | ยธ | 10/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. .... เกี่ยวกับการกำหนดให้โจทก์ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมสำเนาต่อศาล อาจเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ส่งผลต่อภาระงบประมาณของหน่วยงานที่รับผิดชอบ รัฐควรจัดเตรียมอัตรากำลังบุคลากรเพิ่มเติมและสนับสนุนด้านงบประมาณแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เพียงพอ และการกำหนดให้มีการแต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่มอบหมายตามร่างมาตรา ๒๙ วรรคสอง ต้องเป็นการมอบหมายเพื่อช่วยเหลือศาลในการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ใช่การสืบพยาน การนั่งพิจารณาและการพิพากษาคดี อีกทั้งบทบัญญัติได้กำหนดให้จำเลยที่จะยื่นอุทธรณ์ต้องแสดงตนต่อเจ้าพนักงานศาลในขณะยื่นอุทธรณ์ หากจำเลยไม่สามารถแสดงตนขณะยื่นอุทธรณ์ได้ด้วยเหตุเจ็บป่วยหรือเดินทางไปต่างประเทศ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายระยะเวลาแสดงตนต่อศาลได้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตามข้อสังเกตดังกล่าวแล้วเห็นพ้องด้วยและพร้อมรับและปรับเปลี่ยนการทำงานเพื่อรองรับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และเมื่อร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลใช้บังคับ หน่วยงานที่ไม่ได้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีไว้ ในชั้นต้นให้หน่วยงานนั้น ๆ พิจารณาเกลี่ยกำลังและปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการก่อน และให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมในปีต่อ ๆ ไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
452 | แนวทางการเตรียมบุคลากรก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม | ยธ | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแนวทางการเตรียมบุคลากรก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธาน กพยช. เสนอ โดยกำหนดแนวทางที่เป็นรูปธรรม สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางที่ ๑ การเตรียมบุคลากรก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา การสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมหรือโครงการเสริมสร้างจิตสำนึกรักความยุติธรรม ๑.๒ แนวทางที่ ๒ การพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ การกำหนดให้มี “ค่านิยมร่วมของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม” และการกำหนดแนวทางการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยให้ถือปฏิบัติตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไปให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ กพยช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงาน ก.พ.ร. อาทิ ควรมีการฝึกอบรมในหลักสูตรก่อนการเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ซึ่งรวมถึงการศึกษาดูงาน การสร้างความรู้ความเข้าใจในบทบาท ภารกิจ อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทั้ง ๒๐ หน่วยงาน และเปิดโอกาสให้บุคลากรของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเข้าร่วมฝึกอบรมหรือสังเกตการณ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกิดขึ้นถูกต้องตรงกัน รวมทั้งการกำหนดให้มี “ค่านิยมร่วมของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม” และการกำหนดหน่วยงานกลางในการจัดทำหลักสูตรและดำเนินการจัดฝึกอบรมบุคลากรของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในลักษณะบูรณาการอย่างแท้จริง เพื่อให้มีความครบถ้วนและครอบคลุมในทุกมิติงานที่เกี่ยวข้อง และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการและการจัดสรรงบประมาณในเรื่องดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินโครงการหรือจัดทำหลักสูตรการศึกษาเพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้แก่เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
453 | กรอบการวิจัยด้านการพัฒนากระบวนการยุติธรรม | ยธ | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการวิจัยด้านการพัฒนากระบวนการยุติธรรม เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติและสำนักงบประมาณใช้เป็นแนวทางการจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมต่อไป ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ โดยกรอบการวิจัยแบ่งออกเป็น ๖ ด้าน ประกอบด้วย ๑.๑ การวิจัยสำรวจความจำเป็นและความต้องการนวัตกรรมทางกฎหมายให้สอดคล้องและเหมาะสมกับพลวัตทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ๑.๒ การวิจัยประสิทธิภาพของขั้นตอนและการบังคับใช้กฎหมาย โดยศึกษาด้านการนำกฎหมายมาใช้ในทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ๑.๓ การวิจัยพัฒนา ปรับปรุงโครงสร้าง ระบบงาน และบุคลากรขององค์กรในกระบวนการยุติธรรม ๑.๔ การวิจัยนวัตกรรมและนิติวิทยาศาสตร์ การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรม และการคลี่คลายคดี ๑.๕ การวิจัยพัฒนาและส่งเสริมมาตรการกระบวนการยุติธรรมทางเลือก และการมีส่วนร่วมในงานยุติธรรม ๑.๖ การวิจัยสร้างมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพในด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมสู่การรองรับการเป็นสมาชิกสมาคมประชาคมอาเซียน ๒. ให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางหรือรูปแบบที่จะนำผลที่ได้จากการศึกษาวิจัยตามกรอบดังกล่าวบูรณาการการดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม รวมทั้งรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรเพิ่มเติมเรื่องของกฎหมายที่มีความซ้ำซ้อนเป็นภาระ ล้าสมัย และมีปัญหาในการบังคับใช้ เพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมายในภาพรวมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และควรกำหนดกรอบวิจัยฯ เพิ่มเติม เช่น การศึกษาและพัฒนาศาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-court) ประสิทธิภาพการใช้กฎหมายของผู้มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมาย สภาพปัญหา ความต้องการ และความสะดวกของประชาชนในการใช้บริการของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม แนวทางและความเป็นไปได้ในการใช้ทรัพยากรร่วมกันของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม การพัฒนาปรับปรุงมาตรฐานระบบการบังคับคดีทั้งคดีแพ่งและพาณิชย์ โครงสร้างของระบบการสอนกฎหมาย รวมทั้งการศึกษาและพัฒนาศาลอิเล็กทรอนิกส์ไม่ควรให้ความสำคัญเฉพาะการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ควรมีการพัฒนาเพื่อเป็นทางเลือกในการให้บริการกับประชาชนภายในประเทศด้วย ตลอดจนควรศึกษาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง ควรมีการทบทวนเรื่องผลการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์กับกระบวนการยุติธรรมอย่างรอบคอบกว่าในปัจจุบัน และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณาคดีอาญาที่มีความสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
454 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... | ยธ | 27/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย อันเป็นกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามพันธกรณีที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีหรือร่วมลงนาม และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
455 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... | ยธ | 27/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ชะลอร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ไว้ก่อน ตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
456 | ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 27/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขหลักการของกระบวนการฟื้นฟูกิจการให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับหลักการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติกฎหมายล้มละลายให้เชื่อมโยงและรองรับกับพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติมบทบัญญัติกฎหมายให้รองรับการล้มละลายระหว่างประเทศตามกรอบของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (UNCITRAL) ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกทำให้การค้าและการลงทุนมีความรวดเร็วและข้ามพรมแดนมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับการฝึกอบรมก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยกรมบังคับคดี ควรนำข้อเสนอเรื่อง แนวทางการเตรียมบุคลากรก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ สำนักงานกิจการยุติธรรม ซึ่งอยู่ระหว่างนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีมาพิจารณาประกอบการแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และการกำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ผ่านการฝึกอบรมดังกล่าวได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ โดยการกำหนดให้ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมที่กำหนดมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มโดยถือเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ควรดำเนินการตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อความเป็นธรรมเมื่อเทียบเคียงลักษณะงานที่ปฏิบัติกับส่วนราชการอื่น เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๓. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานศาลยุติธรรมที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๙๐/๙๒ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยแก้ไขการกำหนดจำนวนหนี้ที่อาจขอให้ฟื้นฟูกิจการ จากไม่น้อยกว่าสิบล้านบาท เป็นยี่สิบล้านบาท เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
457 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (นายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ และนายวสันต์ สิงคเสลิต) | ยธ | 27/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายวสันต์ สิงคเสลิต ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
458 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ | ยธ | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานกรรมการอำนวยการศูนย์ประสานกำกับติดตามผลการดำเนินงานตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๒/๒๕๕๘ เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ และปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ๑.๒ อนุมัติให้ไม่ต้องกำหนดรูปแผนที่สำหรับสถานศึกษาในระดับอนุบาล เนื่องจากเด็กในวัยนี้มีอายุน้อยและไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงศึกษาธิการรวบรวมรายชื่อโรงเรียนกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับการจำแนกแล้วพบว่ามีความสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นแกนนำต่อการทะเลาะวิวาทในทุกภาคการศึกษาของแต่ละปี ส่งให้คณะกรรมการอำนวยการศูนย์ฯ ภายในระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ โดยให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกรมกิจการเด็กและเยาวชน ร่วมกันดำเนินการสนับสนุนและจัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพเชิงบวกด้านจิต-สังคมบำบัด สำหรับนักเรียนนักศึกษาในกลุ่มนี้ โดยให้ประมวลผลและรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้แก่คณะกรรมการอำนวยศูนย์ฯ ทราบ ทุกรอบ ๖ เดือน ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข สถาบันการศึกษาภาครัฐและภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ และวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ในการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมนักเรียนนักศึกษาที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทใช้ความรุนแรง ให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน โดยให้กำหนดมาตรการและแนวทางในการลงโทษผู้กระทำความผิดในกรณีดังกล่าวให้เกิดความเหมาะสมและคำนึงถึงการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวดและจริงจัง รวมทั้งการสร้างจิตสำนึกให้นักเรียนนักศึกษารู้จักหน้าที่ของตนเองในการศึกษาหาความรู้และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
459 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 5 และการเสนอวีดิทัศน์สรุปผลการประชุมฯ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | ยธ | 15/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด (ASEAN Ministerial Meeting on Drug Matters-AMMD) ครั้งที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้พลเอก นิวัตร มีนะโยธิ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ส. เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและกฎหมายแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ประธานการประชุมได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมทั้งได้กล่าวถึงกลไกความร่วมมือด้านยาเสพติดที่สำคัญของอาเซียน เช่น โครงการสกัดกั้นยาเสพติด ณ ท่าอากาศยานสากลในอาเซียน โครงการสำนักงาน ป.ป.ส. อาเซียน เป็นต้น ๒. ที่ประชุมฯ ได้มีมติร่วมกัน ได้แก่ (๑) การรับรองแผนปฏิบัติการอาเซียนเพื่อสร้างความมั่นคงให้อาเซียนปลอดภัยจากยาเสพติด ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ (๒) โครงการความร่วมมืออาเซียนแก้ปัญหาการผลิต และการลักลอบค้ายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ (๓) การรับรองบทบาทและอำนาจหน้าที่ (Term of Reference-ToR) ของการประชุม AMMD (๔) การรับทราบความคืบหน้าการพิจารณาบทบาทและอำนาจหน้าที่ (ToR) ของโครงการความร่วมมืออาเซียน-จีน (ASEAN-China Cooperative Operations in Response to Dangerous Drugs-ACCORD) (๕) การเห็นชอบในการยืนยันจุดยืนของอาเซียน (๖) การเตรียมการสำหรับการรายงานผลการปฏิบัติตามแผนแก้ไขปัญหายาเสพติดของสหประชาชาติ ระยะ ๑๐ ปี พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๖๒ (๗) การรับรองถ้อยแถลงของประธานการประชุม AMMD ครั้งที่ ๕ และ (๘) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามรับที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม AMMD ครั้งที่ ๖ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓. กิจกรรมอื่น ๆ ระหว่างการประชุมฯ เช่น การหารือนอกรอบร่วมกับรัฐมนตรี ๔ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประเทศมาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยเรียกร้องให้ประเทศมาเลเซียและสาธารณรัฐสิงคโปร์ให้ความช่วยเหลือการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ๔. การศึกษาดูงาน ได้แก่ (๑) ศูนย์บำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด สังกัดกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นศูนย์บำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดแบบครบวงจร และ (๒) ด่านชายแดนวูดแลนด์ (Woodlands Checkpoint) ซึ่งเป็นด่านชายแดนระหว่างสาธารณรัฐสิงคโปร์และประเทศมาเลเซีย โดยเป็นการบรรยายเกี่ยวกับการดำเนินงานของศุลกากรด่านวูดแลนด์ โดยเฉพาะกรณีการตรวจสกัดการลักลอบขนยาเสพติดโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
460 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยเครื่องพันธนาการและวิธีการใช้เครื่องพันธนาการสำหรับผู้ต้องกักขัง พ.ศ. .... | ยธ | 15/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยเครื่องพันธนาการและวิธีการใช้เครื่องพันธนาการสำหรับผู้ต้องกักขัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประจำสถานที่กักขังสามารถใช้เครื่องพันธนาการกับผู้ต้องกักขังได้ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันการหลบหนีหรือการทำอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายของผู้ต้องกักขังหรือผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรกำหนดเงื่อนไขการใช้เครื่องพันธนาการเพิ่มขึ้นจากกรณีปกติที่ต้องใช้กุญแจมือกับผู้ต้องกักขังควรใช้ในกรณีที่เห็นว่าไม่มีทางอื่นที่จะป้องกันได้ดีกว่า ควรกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ดุลพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสั่งให้ใช้หรือเพิกถอนการใช้เครื่องพันธนาการสำหรับผู้ต้องกักขังเพื่อให้การใช้ดุลพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในกรณีดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ ควรมีการกำหนดระยะเวลาในการใช้เครื่องพันธนาการสำหรับผู้ต้องกักขังให้มีความชัดเจน และคำนึงถึงผู้ต้องกักขังที่ต้องใช้เครื่องพันธนาการดังกล่าวเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งการใช้เครื่องพันธนาการสำหรับผู้ต้องกักขัง ควรนำเทคโนโลยีมาใช้เช่นเดียวกับการให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์อื่นใดที่สามารถตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของผู้ถูกปล่อยชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สำหรับการกำหนดให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องกักขังหญิงที่เป็นคนดุร้าย หรือมีพฤติกรรมหรืออาการส่อว่าเป็นบุคคลวิกลจริต ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต้องป้องกันมิให้ก่อภยันตรายแม้หญิงนั้นอยู่ในภาวะเจ็บท้องก่อนคลอดบุตร ขณะคลอดบุตร หรือภายหลังการคลอดบุตร อาจไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อนักโทษ และข้อกำหนดสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อนักโทษหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำความผิดหญิง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....