ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 21 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 401 - 420 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
401 | วาระแห่งชาติ : สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | ยธ | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและประกาศใช้วาระแห่งชาติ : สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการประกาศวาระแห่งชาติฯ ครั้งนี้ มีเป้าหมายให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เพื่อนำไปสู่สังคมสันติสุข และมีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ ๒ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒) โดยมีกลยุทธ์ที่สำคัญภายใต้รหัสชื่อว่า “๔ สร้าง + ๓ ปรับปรุง + ๒ ขับเคลื่อน + ๑ ลด = Goal สังคม สันติสุข สงบสุข” และให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนำวาระแห่งชาติฯ ไปสู่การปฏิบัติเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งให้รายงานผลการดำเนินงานตามวาระแห่งชาติฯ ภายในเดือนพฤศจิกายนของปี พ.ศ. ๒๕๖๑ และปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่แต่ละหน่วยงานได้รับจัดสรร โดยดำเนินการในภารกิจของหน่วยงาน และนำมิติด้านสิทธิมนุษยชนมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติฯ ในชั้นต้น อาจเน้นเรื่องช่องว่างระหว่างกฎหมายหรือพันธกรณีระหว่างประเทศที่มีกับการปฏิบัติ ส่งเสริมความเข้าใจบุคลากรต่อประเด็นและหลักการสิทธิมนุษยชนและพันธกรณีระหว่างประเทศของไทยในด้านสิทธิมนุษยชน ส่งเสริมศักยภาพของหน่วยงานภาครัฐด้านสถิติและการมีสถิติข้อมูลที่แยกตามเพศ อายุ การศึกษา สถานภาพ รายได้ ภูมิลำเนา ฯลฯ และควรสร้างกลไกและเวทีรับฟังข้อคิดเห็นจากภาคประชาสังคมและชุมชน รวมทั้งควรให้มีการถอดบทเรียนและพัฒนาเครื่องมือในการจัดทำฐานข้อมูลการดำเนินงานและการประเมินถึงความตระหนักของผู้เกี่ยวข้องในแต่ละระยะที่ดำเนินการ และควรมีการจัดทำหลักสูตรสิทธิมนุษยชนเข้าไปในหลักสูตรหรือหัวข้อวิชาต่าง ๆ และมีการสร้างวิทยากรตัวคูณ รวมถึงควรปรับปรุงตัวชี้วัดให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมนำประเด็นที่ยังไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุได้ตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) และข้อเสนอแนะด้านสิทธิมนุษยชนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศมากำหนดเป็นตัวชี้วัดด้วย และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การขับเคลื่อนวาระแห่งชาติฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผลต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
402 | รายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการออกกฎกระทรวงที่ต้องออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ให้แล้วเสร็จภายในเวลาเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับ | ยธ | 14/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการออกกฎกระทรวงที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้แล้วเสร็จภายในเวลาเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับ (ครบกำหนด ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๐) เนื่องจากกระบวนการในการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติฯ มีหลายขั้นตอน อีกทั้งมีรายละเอียดสำคัญจำนวนมากที่ต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ โดยต้องคำนึงถึงสิทธิและผลประโยชน์ของผู้เสียหาย ญาติ ผู้ต้องขัง และสังคมโดยรวม ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้ครอบคลุมทุกประเด็นตามหลักการของพระราชบัญญัติฯ ซึ่งมีความจำเป็นที่กรมราชทัณฑ์จะต้องใช้ระยะเวลานานในการดำเนินการ เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติฯอย่างถูกต้อง เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการออกกฎกระทรวงได้ทันตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒ มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการเสนอกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
403 | ขอเสนออัตราค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการราชทัณฑ์และคณะอนุกรรมการ | ยธ | 14/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุมคณะกรรมการราชทัณฑ์ และคณะอนุกรรมการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้คณะกรรมการราชทัณฑ์ได้รับค่าเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง เฉพาะกรรมการที่มาประชุม ไม่เกิน ๑ ครั้งต่อเดือน ได้แก่ ประธาน ครั้งละ ๗,๕๐๐ บาท กรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งละ ๖,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับประธานกรรมการ ๑.๒ ให้คณะอนุกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการราชทัณฑ์ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้รับค่าเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง เฉพาะอนุกรรมการที่มาประชุม ไม่เกิน ๑ ครั้งต่อเดือน ได้แก่ ประธาน ครั้งละ ๓,๗๕๐ บาท อนุกรรมการ ครั้งละ ๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ในกรณีที่ประธานอนุกรรมการไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับประธานอนุกรรมการ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมราชทัณฑ์ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้กรมราชทัณฑ์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
404 | รายงานผลการดำเนินงานและผลการจัดหลักสูตรฝึกร่วมทางยุทธวิธีเผชิญเหตุสำหรับเจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปรามยาเสพติด | ยธ | 07/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานและผลการจัดหลักสูตรการฝึกร่วมทางยุทธวิธีเผชิญเหตุสำหรับเจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปรามยาเสพติด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงจัดทำหลักสูตร จำนวน ๖ หลักสูตร ประกอบด้วย (๑) การฝึกอำนวยการร่วมป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ณ ศูนย์ปฏิบัติการ (CPX : Command Post Exercise) (๒) การฝึกร่วมทางยุทธวิธีการเผชิญเหตุ สำหรับเจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปรามยาเสพติด (๓) การฝึกร่วมทางยุทธวิธีการเผชิญเหตุ สำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจ จุดสกัด และด่านสกัดกั้น (๔) การฝึกร่วมทางยุทธวิธีการเผชิญเหตุ สำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านการจัดระเบียบสังคมและชุมชน (๕) การฝึกการใช้อาวุธโดยเครื่องจำลองสถานการณ์ (Simulator) และ (๖) การฝึกปฏิบัติการร่วม (Combined Training) ของหน่วยปราบปรามยาเสพติด ๒. สำนักงาน ป.ป.ส. เป็นแกนกลางจัดฝึกอบรมหลักสูตร “การฝึกร่วมทางยุทธวิธีการเผชิญเหตุสำหรับเจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปรามยาเสพติด” ภายใต้ชื่อ “T-SAFE” ระหว่างวันที่ ๒๘ สิงหาคม-๖ กันยายน ๒๕๖๐ ผู้เข้ารับการฝึกอบรม จำนวน ๕๐ นาย ๓. สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานให้หน่วยงานที่มีภารกิจด้านการปราบปรามยาเสพติดจัดทำแผนเผชิญเหตุโดยกำหนดเป็นแผนปฏิบัติการประจำปีของหน่วยงาน และจะรวบรวมโครงการเพื่อเสนอของบประมาณจากรัฐบาลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
405 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ซึ่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้เสนอ | ยธ | 07/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาความจำเป็นในการตราร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้เสนอ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วมีความเห็นสอดคล้องกันว่า ไม่เห็นพ้องต่อหลักการของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เนื่องจากมีกฎหมายและข้อบังคับใช้บริหารจัดการคดีสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ประกอบกับมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยแนวทางและความเหมาะสมของกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินคดีสิ่งแวดล้อม ดังนั้น หากจะมีการผลักดันข้อเสนอกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในภายหลังก็ควรได้รอการศึกษาวิจัยให้ครบถ้วนและตกผลึกเสียก่อน ในชั้นนี้จึงเห็นควรที่จะยังไม่รับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
406 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. .... | ยธ | 07/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจทั่วไปของเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อให้การมอบหมายให้บุคคลอื่นปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
407 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกันยายน 2560 | ยธ | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑๒ ฉบับ และกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔ เรื่อง เช่น พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๖ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลาแต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๒๘ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕๕ เรื่อง เช่น ร่างพระราชบัญญัติการทำหนังสือสัญญา พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงาน จำนวน ๑ เรื่อง คือ เรื่อง มาตรการคุ้มครองพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๓๑ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงานในกลุ่มมาตรการปฏิรูประเทศ จำนวน ๗ เรื่อง เช่น เรื่อง สร้างความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย วัฒนธรรมทางการเมือง การเลือกตั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
408 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... | ยธ | 17/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติเกี่ยวกับการขายทอดตลาดที่มีการแก้ไขในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเพื่อให้การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีความรวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เช่น (๑) ข้อ ๕ การตัดข้อความเรื่องคำสั่งอนุญาตขายออก เป็นการลดขั้นตอนการขายทอดตลาด โดยเปิดโอกาสให้เจ้าพนักงานบังคับคดีสามารถทำการขายทอดตลาดทรัพย์ได้เองโดยไม่ต้องขออนุญาตจากศาล อาจทำให้ไม่มีการตรวจสอบหรือกลั่นกรองเรื่องสิทธิหรือตัวทรัพย์ เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีศาลเป็นผู้กลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง (๒) ข้อ ๒๐ วรรคสอง แก้ไขให้ผู้เสนอราคาสูงสุดเดิมชำระเงินส่วนต่างที่ขาดโดยให้นำเงินมัดจำที่วางไว้มาหักออกจากส่วนที่ต่างด้วย และ (๓) องค์ประกอบของคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาเริ่มต้นและราคาที่สมควรขายในการขายทอดตลาด ตามข้อ ๗ และองค์ประกอบของคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานคร ตามข้อ ๑๐ (๑) มาจากหน่วยงานหรือองค์กรเดียวกันเกือบทั้งหมด อาจเกิดปัญหาในเรื่องของการถ่วงดุลอำนาจตามหลักความได้สัดส่วน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
409 | รายงานการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการบังคับคดีแพ่ง | ยธ | 17/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการบังคับคดีแพ่งในหัวข้อ “การแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อนำไปสู่แนวปฏิบัติที่ดีเลิศ” (International Conference on Enforcement of Civil Judgment : Sharing Experiences towards Best Practices) ระหว่างวันที่ ๗-๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร อันเป็นกิจกรรมในโครงการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการบังคับคดีแพ่งที่สะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับการจัดอันดับความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business : EoDB) ของธนาคารโลก (World Bank) โดยจากผลประชุมดังกล่าวกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดนโยบายการดำเนินงานด้านการบังคับคดีแพ่ง ได้แก่ (๑) การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางกฎหมายแพ่งที่สำคัญเพื่อเป็นการศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ การจัดการประชุมเสวนาในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเชื่อมโยงข้อมูลทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาปรับปรุงเพื่อนำไปสู่แนวปฏิบัติที่ดีต่อไป (๒) การประสานความร่วมมือในการพัฒนางานด้านบังคับคดีแพ่งระหว่างหน่วยงานผู้ปฏิบัติในประเทศสมาชิกอาเซียนและการผลักดันให้ความร่วมมือมีผลในกรอบอาเซียน และ (๓) การพัฒนาประสิทธิภาพของการบังคับคดีแพ่ง และปรับปรุงอันดับของประเทศไทยภายใต้ Ease of Doing Business ในด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง (Enforcing Contracts) ให้ดีขึ้น รวมทั้งกระทรวงยุติธรรมจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคองเกรสนานาชาติของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ [International Union of Judicial Officers (UIHJ)] ครั้งที่ ๒๓ ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๑-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
410 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนสิงหาคม 2560 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑๔ ฉบับ และกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๖ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลาแต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๒๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕๖ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติระบบการแพทย์ปฐมภูมิ พ.ศ. .... ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงาน จำนวน ๑ เรื่อง คือ เรื่อง มาตรการคุ้มครองพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงานในกลุ่มมาตรการปฏิรูประเทศ จำนวน ๙ เรื่อง เช่น เรื่อง สร้างความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย วัฒนธรรมทางการเมือง การเลือกตั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
411 | สรุปผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน (มกราคม - มิถุนายน 2560) ตามปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ ภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย 6 ประเทศ ระยะเวลา 3 ปี (2559 - 2561) | ยธ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานรอบ ๖ เดือน (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๐) ตามปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ ภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย ๖ ประเทศ ระยะ ๓ ปี (๒๕๕๙-๒๕๖๑) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย (ศปง.มข.) ประเทศไทย ได้ผลักดันให้ประเทศสมาชิกทั้ง ๖ ประเทศ (จีน ลาว เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม และไทย) จัดตั้งกลไกประสานงานและกำกับติดตาม ภายใต้ชื่อศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย (Safe Mekong Coordination Centre : SMCC) พร้อมสร้างกลไกการรับผิดชอบในทุกระดับ ทั้งในระดับหน่วยงาน ระดับนโยบาย ระดับบริหาร และระดับปฏิบัติการ เป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งประสานให้ทุกประเทศจัดวางสรรพกำลังด้านยาเสพติด และกำลังปฏิบัติการอื่น ๆ ที่แต่ละประเทศมีอยู่ให้การสนับสนุนการปฏิบัติการซึ่งกันและกัน โดยมุ่งเน้นปฏิบัติการพื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหวด้านยาเสพติดสูง ซึ่งทุกประเทศได้จัดวางกำลังตามด่าน/จุดตรวจ รวมทั้งสิ้นกว่า ๒๐๐ แห่ง ใน ๑๑ พื้นที่เป้าหมาย ๒. ผลการจับกุมในรอบ ๖ เดือน (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๐) ทั้ง ๖ ประเทศ มีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น ๓๒๕ คดี ผู้ต้องหา ๕๓๔ คน ของกลางยาบ้า ๙๔ ล้านเม็ด ไอซ์ ๑.๔ ตัน เฮโรอีน ๑ ตัน กัญชา ๖.๗ ตัน และสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ๑๒๐ ตัน เปรียบเทียบกับรอบ ๖ เดือนก่อนของปี ๒๕๕๙ (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๕๙) มีจำนวนคดีเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๙.๙ ของกลางโดยรวมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ ๗๙.๓ และสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๔๐.๖ ตลอดจนยังคงมีแนวโน้มการจับกุมในปริมาณที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ๓. เมียนมารับเป็นเจ้าภาพตั้ง ศปง.มข. จังหวัดเชียงตุง ระยะเวลา ๓ เดือน (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๐)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
412 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกับประเทศกัมพูชา | ยธ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกับประเทศกัมพูชา โดยสนับสนุนงบประมาณให้แก่หน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของกัมพูชา (National Authority for Combating Drugs-NACD) จำนวน ๓๘,๐๑๑,๔๐๐ บาท สำหรับการก่อสร้างศูนย์บำบัดและฝึกอาชีพสำหรับผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติ ณ อำเภอสตึงฮาว จังหวัดพระสีหนุ รวมถึงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานด้านการบำบัดรักษาให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา ๑.๒ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่ NACD จำนวน ๓๘,๐๑๑,๔๐๐ บาท สำหรับดำเนินโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกับประเทศกัมพูชาให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ๑.๓ ให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติจ่ายเงินงบประมาณของโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกับประเทศกัมพูชา เพื่อนำไปสนับสนุน NACD ดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ๒. ในขั้นตอนการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
413 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) | ยธ | 19/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง และทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ๒. นายประสาร มหาลี้ตระกูล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุมประพฤติ ๓. นายเรืองศักดิ์ สุวารี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
414 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (จำนวน 3 คน 1. รองศาสตราจารย์สุริยเดว ทรีปาตี ฯลฯ) | ยธ | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๓ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ กันยายน ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์สุริยเดว ทรีปาตี ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อภินันท์ อร่ามรัตน์ ๓. นายพิทยา จินาวัฒน์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
415 | ร่างพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญัญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2560)] | ยธ | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
416 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกรกฎาคม 2560 | ยธ | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมด ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายจำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำจำนวน ๑๔ ฉบับ และกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้วจำนวน ๒ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายจำนวน ๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๖ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๓๗ ฉบับ ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๓๖ เรื่อง เป็นกฎหมายจำนวน ๘๒ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้วจำนวน ๒๘ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำจำนวน ๕๔ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๒๙ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีทั้งหมดจำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๒๙ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
417 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2557 - 2561) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 รอบ 6 เดือน (เมษายน - กันยายน 2559) และปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 รอบ 6 เดือน (ตุลาคม 2559 - มีนาคม 2560) | ยธ | 15/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รอบ ๖ เดือน (เมษายน-กันยายน ๒๕๕๙) และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รอบ ๖ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๙-มีนาคม ๒๕๖๐) ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาอาชีพและการตลาด ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และการพัฒนาสังคม ยุทธศาสตร์การพัฒนากระบวนการชุมชนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ยุทธศาสตร์การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ และกำกับดูแลแผนแม่บท โดยมีกิจกรรมและงบประมาณจากการบูรณาการแผนปฏิบัติการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๘๑,๖๒๘,๓๑๐ บาท และ ๑๑๓,๘๕๑,๒๘๘ บาท ตามลำดับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
418 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมิถุนายน 2560 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ ต่อคณะรัฐมนตรี มีหน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานผลผ่านเว็บไซต์ http://const.oja.go.th จำนวน ๔๖ หน่วยงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๑๗ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๑๗ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๖ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๑ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๒๘ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕๓ ฉบับ โดยยังไม่ได้รับการรายงานผลในกลุ่มกฎหมาย จำนวน ๑ เรื่อง คือ กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีทั้งหมดจำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง โดยยังไม่ได้รับการรายงานผลในกลุ่มการดำเนินการโดยวิธีการอื่นฯ จำนวน ๑ เรื่อง คือ เรื่อง มาตรการคุ้มครองพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีทั้งหมดจำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๒๘ เรื่อง โดยยังไม่ได้รับการรายงานผลในกลุ่มมาตรการปฏิรูปประเทศ จำนวน ๑๐ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
419 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับอายุความในคดีทุจริต | ยธ | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการนับอายุความของคดีทุจริตตั้งแต่เมื่อปรากฏหลักฐานการทุจริตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาศึกษากรณีการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับอายุความร่วมกับศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมบัญชีกลางแล้วมีความเห็นร่วมกันว่า จากการศึกษาหลักกฎหมายไทยและกฎหมายต่างประเทศเกี่ยวกับอายุความในคดีทุจริต ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส ประเทศเยอรมนี และประเทศเนเธอร์แลนด์ ทุกประเทศได้กำหนดให้เริ่มนับอายุความนับแต่วันกระทำความผิดตามหลักความชัดเจนแน่นอนในการนับอายุความในคดีอาญา ข้อเสนอให้แก้ไขกฎหมายเพื่อเริ่มนับอายุความนับแต่วันปรากฏหลักฐานการทุจริตจึงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากกระทบต่อสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาเกินสมควร และขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญาอยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการขยายกำหนดอายุความในการฟ้องร้องความผิดฐานกระทำทุจริตบางฐานความผิดเป็น ๓๐ ปี ดังนั้น จึงเห็นควรยุติการศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับอายุความคดีทุจริตตั้งแต่เมื่อปรากฏหลักฐานการทุจริต และส่งผลการศึกษาให้คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญารับไปประกอบการพิจารณาต่อไป ตามที่ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
420 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อกำหนดหมวกประกอบเครื่องแบบพิเศษของเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เหมาะสมกับลักษณะของการปฏิบัติงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....